“นี่เธอ…ไม่ได้ฉีดน้ำหอมที่ฉันให้เหรอ?” 00! เพิ่งจะพักหายใจได้ไม่นาน ใจฉันก็กลับต้องมาหายวาบไปอีกครั้ง
จริงด้วยสินะ! ฉัน…เกือบลืมหน้าที่อีกอย่างหนึ่งของฉันเลย นอกจากเป็นของเล่นของเขา เป็นลูกไก่ในกำมือ ฉัน…ยังต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเกวลิน ผู้หญิงที่เขาชอบมากที่สุดอีกด้วย เขามักจะให้ฉันทำตัวตามเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ฉันอยู่ใกล้กับเขา ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แม้กระทั่งน้ำหอม ทุกอย่างจะต้องเหมือนกับเกวลิน เขาสั่งให้ฉันทำตัวให้เหมือนกับเกวลินทุกอย่าง โดยเฉพาะเวลาที่เขากำลังอารมณ์เสียอย่างตอนนี้ เมื่อไรก็ตามที่เขาอารมณ์เสียแล้วมาเจอฉันที่อยู่ในสภาพที่เป็นตัวของตัวเอง ในสภาพที่ไม่เหมือนกับเกวลิน มันจะยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสียหนักเข้าไปอีก และเมื่อไรก็ตามที่เป็นแบบนั้น มันคือ…หายนะที่สุดในชีวิตของฉัน! ซึ่งช่วงเวลาที่ว่านั่น…ก็คือตอนนี้ไงล่ะ! “อะ…เอยเพิ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ ก็เลยลืม…” ฉันเอ่ยออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือเพราะความกลัวที่มันก่อเกิดขึ้นมาในใจ อีกทั้งฉันยังรู้สึกหนักหัวขึ้นมาดื้อๆ เช่นเดียวกันกับสติของฉันตอนนี้ที่มันเริ่มเลือนลางลงอย่างห้ามไม่อยู่จริงๆ หมับ!! สีหน้าแววตาของทิวเขาเห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธฉันมากเลยล่ะ คิ้วที่ขมวดกันเป็นปม ดวงตากลมที่จ้องเขม็งมาที่ฉันราวกับกำลังคาดโทษ ไหนจะความเจ็บปวดรวดร้าวที่ก่อเกิดขึ้นมาไปทั่วทั้งแขน เพราะแรงบีบมหาศาลจากเขา มันทำให้ฉันรับรู้ขึ้นมาได้ว่า…ฉันคงไม่รอดแล้วแน่ๆ “ฉันบอกแล้วใช่มั้ย? ว่าเวลาอยู่กับฉันให้ฉีดน้ำหอมนั่นอยู่ตลอด แล้วไอ้เสื้อยืดนี่มันอะไรฮ่ะ?! ทำไมไม่ใส่เสื้อที่ฉันซื้อให้!!” “โอ้ย! ฮึก! ทิว อะ…เอยขอโทษ คราวหลังเอยจะไม่ลืมอีกแล้ว ทิว…ปล่อยเอยก่อนได้มั้ย? ฮึก!” ฉันอ้อนวอนออกมาพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความกลัว และความเจ็บจากแรงบีบที่แขนปะปนกันไป ทำยังไงดี? เขาโกรธฉันแล้ว ฉันจะทำยังไงดี?!! “หึ! ตั้งใจทำแบบนี้ เพราะอยากโดนฉันลงโทษสินะ เจ้าเอย!!” อะไรนะ? ลงโทษเหรอ? อย่าบอกนะ…ว่าเขาจะพาฉันไปที่ห้องนั่นอีกอ่ะ?! “00!! ฮึก! ไม่นะ เอยขอโทษทิว! เอยขอโทษ!! ฮึก! เอยสัญญาว่าคราวหลังเอยจะไม่ทำอีกนะ ฮึก! อย่าทำอะไรเอยเลยนะ ฮือออ เอยขอร้องล่ะ!!” ฉันทั้งร้องอ้อนวอน ทั้งพยายามรั้งมือที่ฉุดกระชากลากฉันเดินตามเขาไปให้หยุดซะที ฉันกลัวจริงๆนะ ฉันไม่อยากเข้าห้องนั้นอีกแล้ว ฉันกลัว!! กริ๊ก!! เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องเบิกตาโพลงขึ้นมาพร้อมกับใจที่มันหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อทิวเขาเอื้อมอีกข้างของตัวเองลงไปปลดเข็มขัดกางเกงของเขาออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร เข็มขัดหนังเส้นหนาแบบนั้น ถ้าเอามามัดไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้าง…มันต้องเจ็บกว่าครั้งก่อนแน่ๆ หมับ!! เป็นอย่างที่ฉันคิดไม่มีผิด เขาเอาเข็มขัดที่ปลดออกมามัดเอาไว้ที่ข้อมือของฉันไว้แน่น และมันก็…เจ็บจริงๆด้วย เจ็บกว่าที่ฉันคาดเดาไว้ตั้งเยอะ “อะฮึก! ทิว…เอยขอร้องนะ เอยกลัว~ ฮึกๆ เอยไม่อยากเข้าห้องนั้นอีกแล้วอ่ะ จะให้เอยทำอะไรเอยก็ยอมหมดเลยนะ ฮึก! แต่อย่าพาเอยเข้าไปห้องนั้นเลยนะทิว เอยขอร้องล่ะ!” “แน่ใจเหรอ? ว่าจะทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง” “อื้อ! ฮึก ทุกอย่างเลย! อะไรก็ได็ ขอแค่ทิวไม่พาเอยเข้าไปในห้องนั้น เอยยอมทุกอย่าง ฮึก” “หึ! ถ้าฉันบอกว่าฉัน…อยากมีอะไรกับเธอล่ะ? เธอจะยอมฉันรึเปล่าเอย?” สิ้นคำพูดของเขาใจฉันก็หล่นวูบลงไปเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ นี่มัน…มากเกินไป ก่อนหน้านี้ถึงเขาจะล่วงเกิน หรือทำร้ายฉันมากขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยเลยเถิดถึงขั้นมีอะไรกันหรอกนะ แม้จะมีหลายครั้งที่ฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่เกือบเอาตัวไม่รอด แต่ก็รอดผ่านมาได้ทุกครั้ง แต่วันนี้…ฉันจะหนีรอดไปอีกได้มั้ยนะ? ฉันจะทำยังไงดี? นี่มัน…มากเกินไปจริงๆ “ฮือออ ทิว! อย่าทำแบบนี้เลยนะ เอยขอร้อง อย่าทำอะไรเอยเลยนะทิว ฮึกๆ” “ถ้าไม่ยอม…ก็ต้องโดนขังอยู่ในห้องนั้นแทนแล้วล่ะ!” ภาพความทรงจำเมื่อครั้งก่อนตอนที่ฉันโดนขังอยู่ในห้องนั้นมันย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน ฉันต้องอยู่ในห้องนั่นทั้งวันทั้งคืน มันทั้งมืด ทั้งแคบ ทั้งอึดอัดจนฉันหายใจไม่ออกเลย มัน…น่ากลัวเกินไป ฉันไม่อยากกลับไปที่ห้องนั้นอีกแล้วจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น…ตัวเลือกอีกข้อมันก็น่ากลัวไม่ต่างกันเลยสักนิด! ต่อให้ฉันเลือกแบบไหน มันก็ไม่มีตัวเลือกไหนที่ดีกับตัวฉันเลยสักนิด แล้วแบบนี้…ฉันจะทำยังไงดีนะ? ถ้าต้องเลือกสิ่งที่น่ากลัวแบบนี้ สู้ฆ่าฉันให้ตายไปเลยดีกว่า แต่ถ้าฉันตาย…แล้วแม่ล่ะ? แม่ฉันจะอยู่ยังไงต่อไป? นี่มัน…ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ให้ฉันแล้วจริงๆเหรอ? “อะฮึก! ถ้าเอยยอมมีอะไรกับทิว ฮึก! ทิวจะไม่ขังเอยไว้ในห้องนั้นอีกแล้วจริงๆใช่มั้ย?” ฟึ่บ!! ทิวเขายกยิ้มมุมปากขึ้นมาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ฉัน แล้วยกมือขึ้นมาลูบลงบนหัวฉันอย่างเยือกเย็น “หึ! ก็แล้วแต่ว่าเธอ จะทำให้ฉันหายโกรธได้รึเปล่านั่นแหละ เจ้าเอย~” แปลว่าต่อให้ฉันยอมมีอะไรกับเขา ก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าเขาจะไม่ขังฉันไว้ในห้องนั้นอีกสินะ ถ้าเป็นแบบนั้น…ฉันจะยอมไปทำไมล่ะ? “ฮึก! ถ้างั้น…ขังเอยเถอะ” “อะไรนะ?” “ขังเอยไว้ในห้องนั้น อย่างที่ทิวตั้งใจไว้ตามเดิมเถอะ ฮึก!” ถึงห้องนั้นมันจะน่ากลัวมากแค่ไหนก็ตาม แต่อย่างน้อย…แค่ทนหลับตาเดี๋ยวตื่นมาอีกเช้าก็จะได้ออกมาแล้วล่ะ แต่ถ้าฉันเลือกมีอะไรกับเขา…โดยที่ตัวฉันไม่ได้เต็มใจ นั่นมันน่ากลัวกว่าอีก น่ากลัวจนฉันคิดว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ฉันคงจะไม่มีวันลืมมันไปได้ตลอดชีวิตแน่ๆ “โธ่เว้ย!! ทำไมเธอโง่อย่างนี้ฮ่ะเจ้าเอย!? เกวเขาไม่ได้โง่แบบเธอซะหน่อย!!” ทิวเขาพูดออกมาด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว พลางคว้าแขนฉันเขย่าไปมาอย่างแรงจนฉันเจ็บไปหมดทั้งตัว “ก็เอยไม่ใช่เกวนี่! ฮึก! เอยโง่ของเอยแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว! ฮึก! จะให้เอยฉลาดเหมือนเกวได้ยังไง!? ทิวจะให้เอยเป็นเหมือนเกวได้ยังไง? ฮึกๆ!!” ฉันพรั่งพรูคำพูดพร้อมกับน้ำตาออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ สามปี…สามปีที่ฉันต้องทนอยู่เป็นเหมือนตัวแทนของเกวลิน เพราะคำสั่งที่เลี่ยงไม่ได้ของเขา ความจริง…แค่การแต่งตัวแต่งหน้าตามใครสักคนมันคงไม่ใช่เรื่องยากหรอก แต่การทำแบบนั้นมันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าฉันไม่ต้องมาเจ็บปวดเพราะความรู้สึกที่เผลอใจไปให้เขา ฉันเจ็บปวดใจทุกครั้งที่เขามองฉันเป็นแค่ตัวแทนของเกวลิน ฉันเองก็ไม่ได้อยากเผลอใจไปให้เขาหรอก แต่ฉันก็ทำไปแล้ว ฉันชอบเขาไปแล้ว มันคงจะดีกว่านี้…ถ้าฉันไม่ชอบเขา ฉันคงจะทำตามคำสั่งของเขาได้ง่ายกว่านี้ ถ้าฉันไม่เผลอใจไปชอบเขา และมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าเขา…มองฉันเป็นเจ้าเอย ไม่ใช่เกวลิน! “หึ! ได้!” หมับ!! ทิวเขาลากฉันให้เดินตามเขาไป ฝ่ามือหนาของเขาที่บีบแขนฉันเอาไว้แน่นจนปวดร้าวไปหมดทั้งแขน สีหน้าของเขาก่อนหน้านี้ที่แสดงออกว่าโกรธเอามากๆ และห้องที่เขากำลังจะพาฉันไปขังไว้ ทุกอย่างมันคือบทลงโทษ! กึก! ถึงแล้วสินะ! ห้องที่เขาใช้ลงโทษฉัน ข้างในห้องนั้น…มองอะไรไม่เห็นเลยสักนิด มันมืดไปหมดเลย ทั้งมืด ทั้งน่ากลัว มัน…น่ากลัวจริงๆนะ “เธอเป็นคนเลือกเองนะเอย” “ฮึกๆ! เอยอยากรู้…ฮึก! เอยทำอะไรผิดนักหนาเหรอทิว? ฮึกๆ ทำไมทิวต้องทำกับเอยขนาดนี้ด้วย!?” พลั่ก!! ทิวเขาจ้องเขม็งมาที่ฉัน เขาไม่ได้ให้คำตอบฉัน แต่กลับผลักร่างของฉันให้เข้ามาในห้องที่น่ากลัวนี่ซะก่อน “เพราะเธอ…ไม่เชื่อฟังคำสั่งฉันยังไงล่ะ เจ้าเอย!” “เอย…เอยกลัว ทิว! ฮือออ” “อยู่ในนั้นไปจนกว่าฉันจะหายโกรธล่ะกัน” ปัง!!! เสียงประตูถูกปิดลงจากนอกห้อง ความมืดมิดคลืบคลานเข้ามาอีกครั้ง ในนี้ไม่มีแสงใดๆเล็ดลอดเข้ามาแม้แต่นิดเดียว มันมืด…มืดจนมองอะไรไม่เห็นเลย ทั้งแคบ ทั้งเหม็น ทั้งอึดอัดไปหมด “ฮึกๆฮืออออ!!” ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งพิงผนังกอดเข่าตัวเองไว้แน่น ทำไมคราวนี้มันถึงได้น่ากลัวกว่าครั้งก่อนเยอะเลย ฉันต้องทำยังไง…ถึงจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดจากเขาได้สักที…“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า