[คิมหันต์]
“เมื่อกี้…คุณว่าไงนะค้าาา?” ใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาในเวลาสั้นๆ ดวงตาที่เลื่อนลอย ร่ายกายที่เริ่มเซเล็กน้อย อีกทั้งน้ำเสียงที่ผิดโทนไปหมด บ่งบอกว่าตอนนี้…คนตรงหน้าผมกำลังเมาแล้วแน่ๆ “เฮ้อออ! โง่จริงๆเลย!” ยัยนี่เอาเหล้าที่ผมแช่ไว้ในตู้เย็นมากินจนหมดเหยือกขนาดนี้ได้ยังไง? คิดว่ามันคือน้ำเปล่ารึไง? ดื่มไปขนาดนี้ถ้าไม่เมาก็คงแปลกแล้วล่ะ ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงชอบสร้างความวุ่นวายอยู่เรื่อยเลยเนี่ย? เกวลิน! หมับ!! ผมรีบเข้าไปคว้าตัวคนตรงหน้าที่เริ่มเซยืนไม่อยู่ จนเกือบจะล้มลงไปซะแล้ว “อืื้อ! ปล่อยน้า!! คุณคิมหันต์! ช้านม่ายด้ายโง่ซะหน่อย~ ทามมายถึงชอบว่าช้านโง่อยู่เรื่อยเลยฮ่ะ!” เกวลินเริ่มดิ้นขึ้นมา ทั้งยังขมวดคิ้วทำเสียงดุใส่ผมอีก “คนฉลาดเขาไม่กินเหล้าหมดเหยือก ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองคออ่อนแบบนี้หรอก!” “ฮึ่ย! แล้วใครจาปายรู้อ่ะ ว่ามันคือเหล้า คนปกติที่ไหนเขาเอาเหล้ามาส่ายว้ายนายตู้เย็นฮ้าาา!” “เมาแล้วเรื้อนใหญ่เลยนะ ไปซะ! กลับห้องเธอไปได้ล่ะ?!” ผมปล่อยร่างของเกวลินออกจากตัว ก่อนจะเดินหันหลังกลับไป แล้วปล่อยให้คนเมาจัดการตัวเองไปซะ หมับ!! แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวออกไปไหนเลยสักก้าว ก็กลับต้องชะงักขึ้นมาเพราะโดนเกวลินคว้าแขนเอาไว้ก่อน “อื้อ! อย่าเพิ่งปายค่ะ คุณต้องกินข้าวที่ป้ากานเตรียมว้ายห้ายก่อนสิค้า รู้ม้าย…ว่าป้ากานเขาตั้งจายเตรียมห้ายคุณนานมากเลยน้าาา~” ภายในเวลาแค่ชั่วพริบตา ท่าทีเมาเรื้อนก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากสายตาที่มองค้อนผมอย่างกับผมเป็นยักษ์ ตอนนี้คนตรงหน้ากลับส่งสายตาออดอ้อนมาให้ผมขั้นสุดเลย ทั้งน้ำเสียง ทั้งสายตา หึ! เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยนะ ยัยขี้เมา ชักจะอยากรู้แล้วสิว่าท่าทีตอนเมาของเธอมันจะไปสุดสักแค่ไหนกันเชียว ฟึ่บ!! ผมเดินเข้าไปใกล้คนเมาตรงหน้าเรื่อยๆ จนตัวเธอเดินถอยหลังไปชนกับเคาน์เตอร์ครัว ก่อนที่ผมจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปเท้าโต๊ะกั้นตัวเธอไว้ “หึ! แต่เธอก็กินอาหารของฉันไปหมดแล้วนี่” “โอ๊ะ! จริงด้วยอ่าาา ฮ่าๆๆ! ถ้าง้านนน…เกวต้มมาม่าห้ายกินเอาม้าาา?” สรรพนามเรียกตัวเองตอนเมาก็เปลี่ยนไปด้วยแฮ่ะ หึ! ต้มมาม่างั้นเหรอ แค่ยืนนิ่งๆยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ยังจะมาต้มมาม่าให้คนอื่นกินอีก “ฉันไม่อยากกินมาม่า!” “อืม…แล้วคุณอยากกินอารายเหรอคะ?” ท่าทีตอนเงยหน้าเอียงคอขึ้นมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนแบบนี้ มันน่าพอใจจนผมอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมา ผมเพิ่งจะมาสังเกตเห็นสภาพคนเมาตรงหน้าชัดๆเอาตอนนี้แหละ เพราะตอนนี้ระยะห่างของผมกับเกวลินมันห่างกับเพียงไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ ใบหน้าเล็กของ คนตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำลามไปถึงคอลงไป ริมฝีปากบางของเธอก็ด้วย มันแดงก่ำราวกับลูกเชอร์รี่สุกงั้นแหละ แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องแอบลอบกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่อยู่ ก็คงไม่พ้น…สิ่งที่มันล้นออกมาจากเสื้อกล้ามของคนใต้ร่างผมนี่แหละ แม้จะไม่ได้ตั้งใจมองแต่มันก็เด่นจนดึงดูดสายตามากเกินไป จนอดมองไม่ได้เลย เฮ้อออ…ยัยเด็กนี่ อันตรายชะมัด! ฟึ่บ!! ผมรีบผละตัวออกมาจากคนเมาตรงหน้าอย่างไว ถ้าอยู่แบบนั้นต่อไปผมคงฝืนขีดจำกัดของตัวเองไม่ได้แน่ๆ “เดี๋ยวก่อนสิคะ คุณยางม่ายด้ายบอกเกวเลย ว่าคุณอยากกินอาราย~” แม้จะพยายามถอนตัวออกมาแล้ว แต่ก็โดนคนตรงหน้ายื้อเอาไว้อีกแล้ว แถมคนเมาตรงหน้ายังคงส่งสายตาออดอ้อนมาให้ไม่เลิกเลยด้วย “อย่าทำหน้าแบบนั้นนะเกวลิน!” “เกว…ทำหน้าแบบไหนเหรอค้าา?” แบบนี้ไง! สีหน้าและสายตาออดอ้อนเหมือนลูกหมาแบบนี้ไง “ก็ทำหน้าเหมือนหมาแบบที่ทำอยู่ตอนนี้ไง!” “เอาอีกแล้ว…คุณว่าเกวเป็นหมาอีกแล้ว!! หึ! ทั้งที่เกวเป็นคนเข้าปายในเรือนกระจกแท้ๆ แต่คุณกลับบอกป้ากานว่าเกวเป็นหมาเนี่ยนะ? ทามมายต้องว่า เกวเป็นหมาด้วย?” เกวลินทำหน้ามุ่ย ขมวดคิ้วจ้องมาทางผม นี่ไปรู้เรื่องนี้มาจากไหนเนี่ย? หูไวแบบน้ีไงถึงได้บอกว่าเหมือนหมา! “หึ! ก็เธอชอบลักลอบทำนู้นทำนี่ในบ้านคนอื่นอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่หมาแล้วจะเป็นอะไร?” ตุบ!! เกวลินออกแรงผลักผมให้ออกจากตัว เฮอะ! นี่ขนาดเมาอยู่แต่ก็ยังแรงเยอะขนาดนี้เลย “คนใจร้าย! เกวไม่ได้ตั้งจายจาทำดอกกุหลาบของคุณเสียหายสักหน่อย ถ้าเกวรู้ว่าเรือนกระจกนั่นมันสำคัญกับคุณขนาดน้าน เกวก็คงม่ายเข้าปายตั้งแต่แรกหรอก~” หึ! เรื่องนี้ก็รู้แล้วด้วยเหรอ? เธอมันหูตาไวเหมือนหมาจริงๆ เกวลิน “หึ! ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าเธอทำอะไรผิด? เกวลิน” ผมก้มลงไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูของ คนเมาที่กำลังก้มหน้าสำนึกผิดอยู่ตรงหน้า ฟึ่บ!! ผมรู้สึกได้ถึงแรงดึงที่ชายเสื้อของตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่ฝีมือของใครที่ไหนไกล แต่เป็นฝีมือของคนเมาตรงหน้าผมเนี่ยแหละ ขวับ!! เกวลินกระตุกชายเสื้อผมเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาออดอ้อนที่อันตรายแบบเดิมอีกแล้ว ถ้าเธอยังมองฉันแบบนั้นต่อไป ฉันจะไม่ทนแล้วนะเกวลิน “คุณคิมหันต์…เกวขอโทษน้าาา~” “เอื้อก!!” ผมลอบกลืนน้ำลายให้กับท่าทีของคนตรงหน้า อ่า ให้ตายสิ! ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ทำหน้าแบบนั้น เธอ…เป็นคนทำให้ความอดทนของฉันหมดไปเองนะ เกวลิน “หึ! ทำผิดก็ต้องโดนลงโทษนะ เกวลิน” ผมก้มลงไปกระซิบข้างหูคนตัวเล็กตรงหน้าอีกครั้ง “ลงโทษเหรอคะ?” “เธออยากให้ฉันให้อภัยเธอมั้ยล่ะ?” “…อยากค่ะ” คนตรงหน้าพยักหน้าตอบกลับอย่างไร้เดียงสา ทำผมถึงกับยกยิ้มมุมปากขึ้นมาด้วยความพอใจ หึ! เธอไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าท่าทีของตัวเองตอนนี้มันอันตรายขนาดไหนน่ะ เกวลิน ในเมื่อเป็นคนตอบตกลงเอง งั้นฉันก็คงต้องลงโทษเธอให้สาสมกับที่เธอทำดอกกุหลาบฉันเสียหายไปแล้วล่ะ[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ