ซุนเหยาไม่รู้ว่าเธอนอนไปนานเพียงใด ในตอนนี้เธอกำลังมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย ตอนที่เธอหมดสติไปภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไหลเข้าสมองราวกับภาพฝัน
แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเป็นความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เธอข้ามมิติมาอย่างที่เคยอ่านพบในนิยาย
จ้าวซุนเหยา บุตรสาวของเสนาบดีจ้าว บิดาของนางทำงานให้กรมการคลัง มารดาของนาง เกาจิงถิง เป็นสหายสนิทกับหลีซื่อแม่สามีของนาง จึงทำให้นางแต่งเข้าตระกูลซู
เพราะร่างกายของจ้าวซุนเหยานางอ่อนแอ จึงทำให้นางสิ้นใจตอนที่เกี้ยวไปรับเจ้าสาวเดินทางออกจากจวนตระกูลจ้าวได้เพียงหนึ่งเค่อ (15นาที) เท่านั้น
“สวรรค์ ท่านกลั่นแกล้งฉันเกินไปแล้ว ชีวิตฉันกำลังไปได้ดี ทำไมเรื่องบ้าๆ ถึงได้เกิดกับฉัน” ซุนเหยานางพึมพำต่อว่าสวรรค์อยู่บนที่นอน
โดยไม่รู้เลยว่าซูเซวียนได้ยินว่านางหมดสติจึงคิดจะเข้ามาดูนาง จึงได้ยินสิ่งที่นางพูด
“หึ ท่านแม่คงเข้าใจผิดที่คิดว่าเจ้าพึงพอใจต่อข้ามาตั้งแต่เยาว์ การที่เจ้าต้องแต่งเข้าจวนตระกูลซูเป็นความผิดที่สวรรค์กลั่นแกล้งเจ้า เช่นนั้นข้าช่วยให้เจ้าได้สมหวัง”
ซุนเหยาลุกขึ้นนั่ง เมื่อได้ยินเสียงของคนที่เป็นสามีของเธอ ยืนพูดอยู่หน้าประตู
เธอคิดว่าเขาจะเดินเข้ามาด้านในแต่ไม่ใช่ เขาไม่ได้เข้ามาอย่างที่เธอคิด เธอจนล้มตัวลงนอนต่อ เพราะความทรงจำที่ไหลเข้าสมองของเธอ ยังทำให้สมองของเธอมึนงงไม่หาย
ซูเซวียนใบหน้าเคร่งเครียด เป็นเขาในตอนแรกที่พูดไม่ดีกับนาง จึงคิดว่าตนเองมีส่วนทำให้นางเป็นลมหมดสติไป แต่พอได้ยินคำตัดพ้อของนางเขาก็เกิดโทสะขึ้นมา
ถึงแม้จะรู้ว่าเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องที่บิดามารดาต้องจัดการให้ แต่บุรุษเช่นเขาที่เลือกทางเดินด้วยตนเองมาตั้งแต่เล็ก ย่อมไม่พอใจที่ต้องแต่งให้จ้าวซุนเหยา
ซูเซวียนเดินเข้าไปในห้องตำรา เขาเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้จ้าวซุนเหยา พร้อมทั้งฝากพ่อบ้านไปให้นาง หลังจากที่เขาเดินทางไปชายแดนเหนือแล้ว
คืนนั้นซูเซวียนไม่ได้กลับมาที่ห้องหอ ซุนเหยานางก็ไม่คิดที่จะอยู่รอ เมื่อทานอาหารเสร็จนางก็ดับเทียนเข้านอนทันที
หลีซื่อเมื่อรู้ว่าบุตรชายเดินทางออกไปที่ชายแดนเหนือแล้ว ก็ถึงกลับเป็นลมหมดสติไป รุ่งเช้านางจึงรีบมาพบซุนเหยานางที่เรือนเพื่อจะปลอบใจนาง
“เหยาเออร์” นางเอ่ยเรียกลูกสะใภ้ เมื่อเข้าประตูเรือนมา
ซุนเหยานางหันไปมองก็เห็นเป็นสตรีวัยกลางคน รูปร่างอวบอิ่มในหน้าดูกังวล เมื่อเดินเข้ามาหานาง
“เจ้าคะ” นางคิดตกแล้ว เรื่องที่หลุดเข้ามาในมิติโบราณ จากความทรงจำเดิมของเจ้าของร่าง ช่วยนางได้มากทีเดียว ทั้งภาษา ตัวอักษรหรือศาสตร์ศิลป์ที่จ้าวซุนเหยาร่ำเรียนมาทั้งหมด
“ตระกูลซูทำให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมแล้ว” หลีซื่อดึงมือของซุนเหยามาบีบไว้
นางจึงได้รู้ว่าแม่สามีของนาง รักนางจากใจจริง ซุนเหยาจึงยิ้มออกมาเพื่อให้นางคลายความกังวลลง
ดีเสียอีกที่เมื่อคืนนางไม่ต้องเข้าห้องหอ สามีของนางเป็นคนเช่นไรนางก็ไม่รู้ จากน้ำเสียงดูท่าจะไม่ค่อยพอใจกับการแต่งงานครั้งนี้เสียเท่าไหร่
หลีซื่อพูดคุยกับซุนเหยาอยู่นาน เมื่อเห็นว่าซุนเหยานางไม่ได้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ จึงวางใจกลับเรือนของตนไป
ไม่นาน พ่อบ้านซูก็เดินเข้ามาพบซุนเหยา สายตาของเขาอดที่จะมองนางอย่างเห็นใจไม่ได้
“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพซูฝากจดหมายไว้ให้ท่านขอรับ”
ซุนเหยาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ นางยิ้มให้พ่อบ้านซูก่อนจะรับจดหมายมาถือไว้ในมือ
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“มิได้ขอรับ เป็นหน้าที่ของข้าน้อย” พ่อบ้านซูสะดุ้งตกใจ ที่ได้ยินคำขอบคุณของซุนเหยา
เมื่อพ่อบ้านซูออกไปจากห้องแล้ว ซุนเหยาก็เปิดจดหมายออกดู นางขมวดคิ้วคิดอย่างไม่เข้าใจ
เพราะสิ่งที่พ่อบ้านส่งมาให้นางมีเพียงหนังสือหย่าที่ซูเซวียนทิ้งไว้ให้นาง
เมื่อนางอ่านจบก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว นอกจากสินเดิมที่นางนำติดตัวมาแล้ว ซูเซวียนยังยกทรัพย์สินในส่วนของเขาให้นางอีกครึ่งหนึ่งด้วย
ซุนเหยาจึงได้เร่งฝีเท้าออกจากเรือน เพื่อตามพ่อบ้านซูไป นางจะให้เขาส่งทรัพย์สินส่วนที่นางต้องได้มาให้ที่เรือน จะได้ขนออกไปทีเดียวเมื่อต้องออกจากจวนตระกูลซู
พ่อบ้านซูเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของซุนเหยาก็หยุดฝีเท้าลง
“ฮูหยินมีเรื่องอันใดให้ข้าน้อยรับใช้ขอรับ”
ซุนเหยานางเกาแก้มอย่างเขินอาย แม้ภพก่อนของนางจะมีสาวใช้อยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้ต้องก้มหัว พูดจานอบน้อมเช่นนี้กับนาง นางจึงทำตัวไม่ถูก
นางจึงยื่นหนังสือหย่าของนางให้พ่อบ้านซู เพื่อให้เขาได้อ่านสิ่งที่เขียนไว้
“ฮูหยิน ท่านอย่าเพิ่งเสียใจขอรับ ประเดี๋ยวข้าน้อยจะไปพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าเสียก่อนขอรับ”
ซุนเหยาเอ่ยรั้งพ่อบ้านซูไว้ไม่ทัน เมื่อเขาเหมือนจะรีบวิ่งไปที่เรือนของหลีซื่อ นางจำต้องเดินตามไป เพราะกลัวว่านางจะอดได้สมบัติของซูเซวียน
หลีซื่อเมื่อเห็นหนังสือหย่าในมือของพ่อบ้าน นางก็เกือบจะหงายหลังล้มไปกองกับพื้น ยังดีที่ซุนเหยานางมือไว คว้าตัวหลีซื่อไว้ได้ทัน
“ท่านแม่” นางเอ่ยเรียกเพื่อให้หลีซื่อมีสติ
“โอ๊ยข้าทำเวรทำกรรมอันใดไว้ อาเซวียนจึงได้ทำเช่นนี้” หลีซื่อทุบอกตนเองอย่างปวดใจ
“ท่านแม่ ท่านอย่าได้ทำให้ตนเองเจ็บตัวเจ้าค่ะ ไว้เมื่อบุตรชายของท่านกลับมาท่านค่อยทุบตีเขาก็ยังไม่สาย” ซุนเหยานางกระซิบบอก
คนที่สมควรต้องเจ็บตัว ไม่ใช่แม่สามีนางเสียหน่อย จะตีก็ต้องตีบุตรชายตนเองอย่างที่นางบอกต่างหาก
หลีซื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย นางมองลูกสะใภ้อย่างเห็นใจ หากเรื่องนี้หลุดออกจากตระกูลซูไป ไม่รู้ว่าตระกูลจ้าวจะมีโทสะมากเพียงใด
หลีซื่อมองหน้าพ่อบ้านซู เขาก็รู้ทันทีว่าต้องจัดการเรื่องนี้เช่นไร พ่อบ้านซูหมุนตัวออกจากห้องโถง ซุนเหยานางรีบร้องเรียกไว้ก่อน
“ท่านพ่อบ้าน ประเดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ”
“ฮูหยินมีเรื่องใดจะสั่งข้าน้อยขอรับ”
“ตามที่จดหมายหย่าระบุไว้ ข้าต้องได้สมบัติส่วนตัวของท่านแม่ทัพ รบกวนท่านนำไปให้ข้าที่เรือนได้หรือไม่เจ้าคะ”
“อาเหยา/ฮูหยิน” หลีซื่อกับพ่อบ้านร้องออกมาอย่างตกใจ
เมื่อกลับมาถึงจวน พ่อบ้านซูก็เร่งให้ซุนเหยานางเข้าไปด้านในห้องโถง ซุนเหยานางจึงได้รู้ว่าทำไมแต่ละคนถึงได้กังวลเช่นนั้นเสียงของบิดากับพี่ชายของนางดังออกมาจากห้องโถงเสียขนาดนั้น ซุนเหยานางจึงรีบเข้าไปด้านในทันที“ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ” “หึ หากอาเฮ่อไม่ไปพบเจ้าลูกเต่า พาอนุไปเหลาอาหารเหม่ยสือ จะรู้เรื่องที่เขากลับมาจากชายแดนได้อย่างไร”“เสี่ยวกุ้ยไปเก็บของ ของอาเหยาประเดี๋ยวนี้ ข้าจะพาน้องสาวข้ากลับตระกูลจ้าว” หลิงเฮ่อตวาดออกมาเสียงดังครั้งนี้เขาไม่อาจทนให้น้องสาวได้รับความชอกช้ำใจได้อีกแล้ว“ประเดี๋ยวก่อน อาถิงเจ้าพูดอันใดเสียหน่อยเถิด ข้ามิยอมให้พวกเขาหย่าขาดกันอย่างแน่นอน” หลีซื่อดึงมือสหายของนางมาอ้อนวอนอย่างเต็มที่“หึ บุตรชายของเจ้าทำเช่นนี้กับบุตรีของข้า เจ้าจะให้ข้าพูดอันใด ในตอนแรกข้าก็เข้าข้างเจ้าอยู่หรอก แต่ยามนี้เห็นทีจะไม่ได้” ซูเซวียนจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเย็นชา ยิ่งเห็นดวงตาคู่งามของซุนเหยานางเปล่งประกายอย่างยินดี ที่จะได้หย่ากับเขา ซูเซวียนก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม“ฟู่หงอี้ นางไม่ใช่อนุของข้า แต่นางเป็นรองแม่ทัพขอรับ” ทุกคนในห้องโถงหันไปมองที่ซ
ดวงตาของซูเซวียนดำมืดทันทีที่ได้ยินคำพูดของซุนเหยา เขาไม่เคยพบสตรีที่เจ้าเล่ห์มากเพียงนี้มาก่อน“หึหึ หรือต้องให้ข้าไปอุ้มเจ้าขึ้นมา” ซุนเหยาจำต้องเดินขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อนางขึ้นมาอยู่ด้านข้างกลิ่นกายของนางก็ทำให้ซูเซวียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้เป็นเขาที่อยากจะเอาชนะนางโดยการให้นางยอมนอนร่วมเตียง แต่ในตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะคิดมาตลอดว่าความสามารถเรื่องความควบคุมตนเองจากสตรีเก่งกาจเหนือผู้อื่นแต่ในยามนี้ภายในอกกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จนต้องโยนตำราในมือทิ้ง แล้วหันหน้าเข้ามากำแพงด้านใน เพื่อไม่ให้นางจับผิดสังเกตได้ซุนเหยาเห็นว่าเขาล้มตัวลงนอนไปแล้วนางจึงล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าออกไปอีกทางในโกดังของซุนเหยานอกจากจะมีวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารแล้ว นางยังมีของใช้อีกมากมายที่เตรียมไว้ให้คนงานที่พักอยู่ที่ร้านยาสระผมหรือสบู่เหลวอาบน้ำนางก็นำออกมาใช้ทั้งสิ้น เพียงเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ เพื่อไม่ให้สาวใช้ที่เข้ามาช่วยนางอาบน้ำสงสัยเท่านั้นเสียงลมหายใจของซุนเหยานางสม่ำเสมอแล้ว ซูเซวียนจึงพลิกตัวกลับมา แล้วจับซุนเหยานางพลิกมาทางเขาเพื่อมองสำรวจนาง เรื่องความงามของนางเข
เมื่อมื้ออาหารเย็นสิ้นสุดลง หลีซื่อก็บังคับบุตรชายให้กลับเรือนไปพร้อมกับซุนเหยา เพียงแค่ห่างออกจากเรือนหลักมา ซุนเหยานางก็เอ่ยไล่เขาทันที“ท่านไปดูแลแม่นางฟู่เถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าไม่บอกท่านแม่แน่” ซุนเหยานางไม่ได้อยู่รอฟังว่าเขาจะพูดเช่นไร นางเดินกลับเรือนไปพร้อมกับเสี่ยวกุ้ยทันที"ท่านทำเช่นนั้น จะดีหรือเจ้าคะฮูหยิน” เสี่ยวกุ้ยนางคิดว่าซุนเหยานางมีโอกาสแล้ว เหตุใดถึงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพหลงใหลในตัวนางแทน“ดีสิ ข้าไม่อยากได้บุรุษที่ไม่ได้มีข้าเพียงผู้เดียว ทั้งท่านแม่ทัพยังมีสตรีในดวงใจของเขาอยู่แล้ว ข้าจะไปขัดขวางเพื่ออันใด”ทั้งสองนายบ่าวไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกนางพูดคุยกัน ซูเซวียนจะได้ยินทุกคำ แทนที่เขาจะเดินไปที่เรือนหงอี้อย่างที่ซุนเหยานางคิด เขากลับเดินมาที่เรือนของนางแทน“เหตุใดท่านจึงเข้ามาที่เรือนนี้เล่า” นางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“แล้วเหตุใดข้าถึงจะเข้าเรือนของข้าไม่ได้ ในเมื่อข้ารับปากท่านแม่ไว้แล้ว ตลอดหนึ่งเดือนข้าจะนอนที่นี่”ซูเซวียนสั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำ โดยไม่ได้มองสีหน้าที่แข็งค้างของซุนเหยานางเลยเสี่ยวกุ้ยก็รีบไปเตรียมน้ำให้อย่างรวดเร็ว ซุนเหยานางพ่นลมหายใจอย่างแรง เ
ซุนเหยานางช่วยประคองหลีซื่อไปที่ห้องโถง เพื่อรับอาหารมื้อเย็น ทั้งยังบอกให้คนไปตามซูเซวียนกับหงอี้มารับอาหารด้วยกันอีกด้วย“เจ้าจะให้บ่าวไปตามนางมาด้วยเรื่องอันใด”“ท่านแม่ หงอี้ นางอาจจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของข้าก็ได้เจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นจะไม่เท่ากับว่านางน่าสงสารหรือเจ้าคะ อีกอย่างข้าไม่อยากให้ผู้ใดว่าข้าใจแคบ แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ให้นางกินด้วย”“เหอะ ผู้ใดจะกล้าว่าเจ้า” หลีซื่อเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์สาวใช้เมื่อเห็นว่าหลีซื่อไม่ได้ห้ามเรื่องให้ไปตามซูเซวียน นางจึงรีบเดินออกไปตามทันทีหงอี้ เมื่อไม่มีผู้ใดติดตามมาด้วยแล้ว นางก็เริ่มต่อว่าซูเซวียนที่ทำให้นางต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้“ท่านแม่ทัพ ท่านกำลังทำให้ข้าเป็นนางมารต่อหน้ามารดากับฮูหยินของท่าน”“ข้าไม่คิดว่าท่านแม่จะพูดยากถึงเพียงนี้” ซูเซวียนคิดว่า เพียงแค่เขาเดินทางกลับมาเมืองหลวงเพื่อจัดการเรื่องหย่า ก็คงเป็นตามที่มารดาพูดไว้ หากเขากลับมาเมื่อใดก็หย่าได้ทันทีเจ้าทนอีกเพียงหนึ่งเดือน เมื่อกลับชายแดน ข้าจะให้เจ้าหยุดฝึกสามเดือนดีหรือไม่”“ท่านพูดแล้วนะเจ้าคะ”ทั้งคู่กำลังนั่งพูดคุยอยู่ภายในเรือนท้ายจวนก็มีสาวใช้เข้ามาขอพบ“คุณชายเจ้า
หลีซื่อสะบัดมือของจากมือของบุตรชาย ก่อนจะมองหาซุนเหยาอีกครั้ง“เหอะ อาเหยาอยู่ที่ไหน ไปตามมาพบข้าแล้วหรือยัง” “แล้วเจ้า เข้ามาอยู่ในห้องข้าได้อย่างไร” นางชี้มือไปที่หงอี้“เอ่อ ข้า ข้ามาดูท่านแม่เจ้าค่ะ”“ผู้ใดแม่เจ้า ข้าบอกแล้วหรือว่าจะรับเจ้าเป็นอนุของบุตรชายข้า”“ท่านแม่ โปรดคลายโทสะ ถึงอย่างไร ข้าก็ต้องรับอี้เออร์เข้าจวนขอรับ”หงอี้ขนแขนลุกชัน นางเบิกตากว้างจ้องมองซูเซวียนอย่างตื่นตกใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ท่านยังไม่หยุดแสดงงิ้วอีกหรือนางอยากจะร้องถามใจแทบขาด และอยากจะแก้ตัวว่าไม่ใช่อย่างที่ทุกคนกำลังเข้าใจ แต่สายตาคาดโทษของซูเซวียนที่มองมา หากนางพูดออกไป กลับค่ายไม่แคล้วนางคงโดนเล่นงานเป็นแน่“ดี ดียิ่ง เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว” หลีซื่อลุกขึ้น เพื่อจะวิ่งเอาหัวไปโขกที่เสา แต่ก็ถูกซูเซวียนจับตัวไว้ได้ท่าน“ท่านแม่ ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้ขอรับ”แม่นมที่กลับมาจากไปตามตัวซุนเหยาก็รีบเข้ามาขัดขวางหลีซื่อที่ยังโวยวายไม่เลิก“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ฮูหยินน้อยนางไปทำน้ำแกงโสมมาให้ท่าน ตอนนี้นางกำลังไปล้างตัว ท่านรีบกินตอนที่ยังร้อนอยู่เถิดเจ้าค่ะ”“อาเหยาที่น่าสงสารของข้า เห็นห
ทั้งหมดในห้องโถงยังไม่ได้รับรู้ของผู้มาเยือนที่ยืนมองอยู่ที่หน้าประตูจวน เพราะมัวแต่เถียงกันเรื่องเงิน มีเพียงพ่อบ้านซูที่ยืนมองอย่างร้อนรน“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าไม่เล่นด้วยแล้วค่ะ” ซุนเหยายื่นปากอย่างไม่พอใจ“ได้ ได้ แม่ยอมแล้ว เอาไป” หลีซื่อได้ยินว่าซุนเหยานางจะไม่ยอมเล่นด้วยอีกก็รีบยัดถุงเงินใส่มือของนางอย่างไวซูเซวียนใบหน้าเขียวคล้ำ เมื่อเขามาถึงแล้วคนด้านในยังไม่สนใจเขา หงอี้อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง นางคิดว่าฮูหยินที่ท่านแม่ทัพซูอยากจะหย่าคงมีใบหน้าอัปลักษณ์ ทั้งยังนิสัยร้ายกาจแต่ที่นางเห็น หากบอกว่าซุนเหยานางอัปลักษณ์เช่นนั้นก็ไม่มีสตรีใดที่งดงามอีกแล้ว ทั้งยังไพ่บนโต๊ะที่แปลกตา หงอี้นึกอย่างจะกระโดดเข้าไปร่วมวงด้วยใจแทบขาด“ท่านแม่ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว”สิ้นเสียงของซูเซวียนทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ แล้วหันมามองทางเขา หลีซื่อใบหน้าซีดขาว เมื่อเห็นว่าบุตรชายพาสตรีกลับมาด้วยซุนเหยาเห็นเช่นนั้นก็ดึงสายตากลับ ทั้งนางยังเก็บเงินที่ได้มาลงหีบของนางอย่างไม่ใส่ใจ เพราะรู้ว่าเมื่อเขากลับมา ต่อให้มาเพียงลำพังก็คงต้องมาด้วยเรื่องหย่ากับนางเป็นแน่“นางเป็นผู้ใดกัน” หลีซื่อชี้นิ้วที่สั่นเ