ตอนนี้ปวีณากำลังศึกษาอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการประชาสัมพันธ์ในชั้นปีที่สี่ อีกแค่เพียงปีเดียวเท่านั้น สาวน้อยก็จะเรียนจบในระดับชั้นปริญญาตรี และเตรียมพร้อมสู่การเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา
ภาคภูมิและปิยะวรรณตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการยอมเปิดทางให้เจนรบและปวีณาได้คบหากัน พอได้รับไฟเขียวจากเพื่อนรักและอดีตแฟนเก่าเช่นนั้น เจนรบก็รับปากว่าจะขอดูแลลูกปลาเป็นอย่างดี และจะรอคอยจนกว่าเธอจะเรียนจบปริญญาโท เมื่อถึงตอนนั้น คู่สามีภรรยาทั้งสองถึงจะยินยอมให้เจนรบและปวีณาได้ครองคู่กัน
ฟังดูความรักระหว่างเจนรบและปวีณากำลังไปได้สวย แต่ว่าด้วยระยะทางและภาระหน้าที่ของแต่ละคน เจนรบวุ่นวายกับการเดินทางไปถ่ายทำรายการกฎหมายน่ารู้ทางโทรทัศน์ และล่าสุดเจนรบได้เปิดช่องยูทูบเพื่อทำเรื่องราวเกี่ยวกับกฎหมายเพื่อให้ความรู้ผู้คนทั่วไปเพื่อหารายได้เสริม ส่วนหนังสือกฎหมายที่เพิ่งตีพิมพ์ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนอ่าน ด้วยภาษาเขียนที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ก็เลยทำให้หนังสือกฎหมายของเจนรบได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่สองและสามตามลำดับ
ฝ่ายเจนรบเอง ก็ครุ่นคิดว่าช่วงนี้แทบไม่ได้เจอปลาเลย งานของเขาก็ยุ่ง ส่วนปลาก็ทั้งเรียนทั้งเตรียมฝึกงาน ได้แต่คุยไลน์กับโทรศัพท์หากัน... มันทรมานใจคนแก่อย่างเขาเหมือนกันนะ ความคิดถึงมันกัดกินหัวใจทุกวัน
“ลุงจอมคะ ช่วงนี้ปลาคิดถึงลุงจังเลย” ปวีณาพิมพ์ไลน์บอกความในใจให้เจนรบได้รับรู้ “ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเลยนะคะ กว่าจะหาเวลาว่างตรงกันได้ยากจัง”
“นั่นนะซิ แย่จังเลยนะ” สุภาพบุรุษทนายความก็คิดเหมือนกัน “ลุงเองก็คิดถึงปลาเหมือนกัน คิดถึงมากด้วย”
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งของปวีณา ก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการเรียนในชั้นปีที่สี่ และในเทอมสุดท้ายก่อนเรียนจบ เธอต้องไปฝึกงานที่สถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศไทย
ปวีณาโทรมาบอกข่าวกับเจนรบ ว่าเธอได้ฝึกงานกับสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่รายหนึ่งของประเทศไทยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เจนรบแสดงความยินดีกับความสำเร็จในเบื้องต้นของเด็กสาว และให้กำลังใจว่าอีกไม่นานปวีณาจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตวัยเรียน
“แล้วนี่ถ้าจบปริญญาตรี หนูปลาจะไปเรียนต่อที่อเมริกาเลยไหม?”
“ก็อาจจะทำงานสักพักค่ะลุงจอม รอจนกว่าจะรับปริญญาเสร็จ ปลาถึงจะเดินทางไปเรียนต่อ”
“งั้นเราก็มีเวลาเจอกันอีกสักพักเลยซิเนี่ย” เจนรบยิ้มหวาน “ลุงคิดถึงปลาจังเลย”
“ปลาก็คิดถึงลุงค่ะ” ปวีณาตอบ
แน่นอนว่าลุงหลานคู่นี้พยายามบริหารเวลาให้ลงตัวที่สุด ต่างฝ่ายต่างเอาใจใส่กันและกัน เจนรบรู้ดีว่าตอนนี้ปวีณาไม่ใช่เด็กสาวเหมือนก่อนแล้ว เธอเติบโตเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก มีผู้ชายและสาวหล่อมากมายมาขายขนมจีบเธอ แต่ปวีณาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าเธออยากจะใช้ชีวิตกับลุงจอม พระเอกรุ่นใหญ่ที่เธอตกหลุมรักมาตั้งแต่ยังเด็ก
เจนรบและปวีณามักนัดเจอกันตามสถานที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพ คู่รักต่างวัยใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นกินบุฟเฟ่ต์ ช็อปปิ้ง และบางครั้งเจนรบก็พาปวีณากลับไปที่บ้าน ภาพของสาวน้อยที่กำลังง่วนอยู่กับการทำครัว มันทำให้เจนรบยิ้มอย่างมีความสุข หนุ่มใหญ่ขอบคุณสวรรค์เบื้องบนที่ยังเมตตาส่งนางฟ้าผู้แสนดีอย่างปวีณา
“เสร็จแล้วค่า!!” ปวีณาเดินถือสปาเกตตีผัดซอสไก่มาเสิร์ฟเจนรบถึงโต๊ะ “กินเยอะๆ นะคะลุง!!”
“โห!!! น่ากินจัง!!” เจนรบยิ้มให้ปวีณา “ยิ่งนานวัน ลุงว่าฝีมือทำกับข้าวของหนูเนี่ยยิ่งเก่งจนหาตัวจับยากแล้วนะ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” สาวน้อยยิ้มหวาน ก่อนถอดผ้ากันเปื้อนแขวนบนราวตากผ้า “ลองกินดูซิคะว่าอร่อยไหม?”
“อืม!!! อร่อยมาก!!” เจนรบตักสปาเกตตีผัดซอสไก่ใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย “สงสัยลุงต้องให้หนูมาทำกับข้าวให้ลุงกินทุกวันแล้ว”
“ไม่ไหวหรอกค่ะลุง” ปวีณาตอบ ขณะกำลังตักอาหารใส่จานของตัวเองบ้าง “หนูบอกแล้วไง ถ้าให้หนูทำกับข้าวทุกวันคงทำไม่ไหวหรอก มันเหนื่อยนะคะลุง”
เจนรบยิ้มหวานให้สาวน้อย ที่เดินถือจานมานั่งบนโต๊ะกินข้าว หนุ่มใหญ่เอาใจเด็กสาวด้วยการรินน้ำเย็นใส่แก้วแล้วเสิร์ฟให้เป็นการตอบแทนสำหรับมื้อที่แสนอร่อย
“ขอบคุณค่ะลุงจอม” ปวีณายิ้มหวาน ขณะกำลังเริ่มกินมื้อเย็น “อือ!! ยังอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
หลังจากกินมื้อเย็นที่แสนอร่อยเสร็จแล้ว ลุงจอมและน้องปลาก็ช่วยทำความสะอาดจานชามจนสะอาด พอเสร็จแล้ว ปวีณาก็มานั่งดูโทรทัศน์ไปตามเรื่อง ในขณะที่เจนรบกำลังง่วนอยู่กับการคุยธุระด้านนอก
“ไงคนสวย” เจนรบที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว เดินกลับเข้ามาภายในบ้านแล้วปิดประตู โดยมีน้องปลาหันไปมองหน้าทักทาย
“คุยธุระเสร็จแล้วเหรอคะ?” ปวีณายิ้มหวาน ขณะที่เจนรบกำลังเดินเข้ามาแล้วทิ้งตัวนั่งบนโซฟาข้างเด็กสาว
“ใช่แล้ว” เจนรบยิ้มตอบ พลางเอื้อมแขนบีบมือของปวีณาด้วยความรัก “ลุงกำลังเก็บเงินไว้สู่ขอหนูกับไอ้ภาคและเปิ้ลอยู่น่ะ”
“เอ๋…หนูจำว่าหนูยังไม่ได้ตอบตกลงสักหน่อยว่าหนูจะยอมแต่งงานกับลุงเลยนะ” ยังไม่ทันพูดจบ เจนรบก็ฉวยโอกาสคลุกวงในหวังปล้ำลูกปลาตัวน้อยให้หายหมั่นเขี้ยว “ลุงจอม!!! เดี๋ยวเถอะ คึกใหญ่แล้วนะ!!”
“ก็ลุงรักของลุงนี่จ๊ะ!!” เจนรบรุกเร้าเด็กสาวด้วยการหอมแก้มฟอดใหญ่ จนปวีณาหลุดขำออกมาด้วยความจั๊กจี้
“อือ!! พอแล้วลุงจอม หนูอึดอัด!!” ปวีณาพยายามขัดขืนสกิลปลาหมึกของลุงจอม แต่ยิ่งฝืน เธอก็ยิ่งอ่อนแรง “ลุงจอม…”
“ขึ้นไปชั้นสองกับลุงนะ” เจนรบกระซิบบอกเด็กสาว ก่อนขบติ่งหูลูกปลาตัวน้อยให้สยิวเล่น
ปวีณายิ้มเขินหน้าแดงก่ำ แต่ไม่วายยินยอมพร้อมใจเดินตามหนุ่มใหญ่ไป ร่างบางไม่ลืมกดรีโมตปิดโทรทัศน์ก่อนขึ้นไปชั้นสอง ที่เธอรู้ดีว่ามีกิจกรรมอะไรที่มันสนุกกว่าให้ทำกับลุงจอม
“ลุงจอม!! พอพ่อกับแม่หนูยอมเปิดทางให้ ก็เอาใหญ่เลยนะคะ!?” ปวีณารู้ดีว่าถ้าเธอขึ้นมาแล้วจะต้องเจอกับอะไร แต่ยังไม่วายเดินตามจิ้งจอกเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์ขึ้นมาโรงเชือดจนได้ เจนรบปลดเปลื้องเสื้อผ้าของสาวน้อยจนเหลือเพียงแค่ชุดวันเกิด ก่อนจัดแจงเปลื้องผ้าตัวเองจนเหลือร่างกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน
“รู้ใช่ไหม ว่าลุงรักปลาขนาดไหน”
“รู้คะลุงจอม”
“ลุงรักปลามาก รักจนหมดหัวใจเลยนะ”
ปวีณาเอนตัวลงนอนบนที่นอน สาวน้อยปล่อยตัวปล่อยใจให้เจนรบได้เสพกายสาวของเธอ หนุ่มใหญ่ซุกไซ้ซอกคอ ระดมจูบกรามสวยได้รูปของเด็กสาว ฝ่ามืออันหยาบกร้านของทนายความบีบคลึงหน้าอกหน้าใจของลูกปลาตัวน้อย พอหยอกล้อกับปทุมถันของปวีณาเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่เจนรบต้องดื่มนมจากเต้าของลูกปลาตัวน้อยที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้าสามที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
“ลุงจอม…” ปวีณาครางเสียงหวาน ขณะกำลังถูกเจนรบหยอกเย้ากับปทุมถันของเธอ
“ดูซิ…แข็งปั๋งเลย” เจนรบคายปทุมถันของปวีณาออกมา ก่อนใช้นิ้วมือบีบเม็ดบัวสีน้ำตาลอ่อนจนเด็กสาวร้องครางด้วยความเจ็บ
“ลุงจอม!!! จะแกล้งหนูไปถึงไหน!?” ปวีณาค้อนใส่เจนรบ ที่กำลังเล่นซนตรงยอดปทุมถันของเธอ “อือ….”
สาวน้อยหมดเรี่ยวแรงต้านทานความต้องการของหนุ่มใหญ่ สุภาพบุรุษทนายความละเลียดปทุมถันของปวีณาอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนเลื่อนต่ำลงจนร่างบางต้องเม้มปากด้วยความสยิวเกินห้ามใจ หน้าท้องของปวีณาเนียนนุ่ม หนุ่มใหญ่ละเลียดร่างกายส่วนนี้ของสาวน้อยด้วยความทะนุถนอมทั้งจูบและหอม เพราะเนื้อปลามีกรดไขมันโอเมก้าสามที่มันดีต่อใจ ดังนั้นเจนรบจึงอยากละเลียดเนื้อปลาชิ้นนี้ให้นานเท่านาน
หนุ่มใหญ่ใช้มือแหวกขาอ่อนของเด็กสาวที่ตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ขัดขืน ก่อนใช้มือลูบไล้เนินสาวที่โหนกนูน นิ้วชี้ของเจนรบหยอกล้อกับแก่นกลางของเด็กสาว ก่อนล้วงลึกเข้าไปสำรวจภายในถ้ำปลาตัวน้อยที่แสนหวาน
“ลุงจอม…” ปวีณาหน้าแดงก่ำ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านจากลีลารักของสุภาพบุรุษเจนรบที่กำลังปรนเปรอรสรักให้เด็กสาวได้สุขสม หนุ่มใหญ่พรมจูบหน้าท้องของเด็กสาว ก่อนโน้มตัวลงต่ำไปอีก เพื่อลองลิ้มชิมรสชาติความหวานจากแก่นกายสาวของปวีณา “อ๊า!!”
ร่างกายของปวีณากระตุกเป็นระยะ จากลีลารักของเจนรบ หนุ่มใหญ่ละเลียดชิมรสชาติของความเป็นหญิงของปวีณาอย่างเอร็ดอร่อย เพราะกลัวว่าปวีณาจะไม่อิ่มหนำในรสรัก เจนรบผู้ช่ำชองในเกมรักเลยใช้นิ้วแหวกกลีบเกสรดอกไม้ จนเผยให้เห็นเนื้ออ่อนสีสันสดใสที่กำลังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน
“ขอลุงชิมหน่อยนะ” เจนรบเอื้อนเอ่ยวาจา ก่อนโน้มตัวลิ้มรสชาติความเป็นหญิงของปวีณา
“อ๊า!!” ปวีณาแอ่นสะโพกขึ้นมา ขณะกำลังถูกเจนรบดุนดันลิ้นเข้าไปชิมรสชาติของความเป็นหญิง สาวน้อยลืมตามองหน้าเจนรบตรงหว่างขา ก็พบว่าหนุ่มใหญ่กำลังเพลิดเพลินไปกับของหวานตรงหน้า
เจนรบแหวกเกล็ดปลาตัวน้อย ก่อนดุดันนิ้วเข้าไปสำรวจภายใน ปลายนิ้วของเจนรบสัมผัสได้ถึงความคับแน่นและร้อนฉ่า หนุ่มใหญ่สร้างความหรรษาด้วยนิ้วกลาง และเพิ่มดีกรีความร้อนของเกมรักด้วยริมฝีปากที่ครอบลงบนติ่งเนื้ออ่อนที่อยู่ด้านบน ปวีณาตอบแทนความรักที่เจนรบมอบให้ด้วยเสียงครวญคราง ยิ่งเจนรบละเลียดชิมรสชาติความเป็นหญิงที่แก่นกลางมากเท่าไร ร่างกายของเธอก็ยิ่งตอบสนองมากขึ้น จนในที่สุด ปวีณาก็ไม่อาจฝืนต่อความรู้สึกที่มันถาโถมเข้ามาได้อีกต่อไป
“อ๊า!!!!!” ลูกปลาตัวน้อยแอ่นสะโพกสูง หน้าท้องของเธอแขม่วเกร็งพร้อมกับเสียงครวญคราง สุภาพบุรุษนักรักอย่างเจนรบใช้มือช่วยรองสะโพกของสาวน้อยที่ลอยสูงขึ้นด้วยความรักที่มีอยู่เต็มหัวใจ
“เป็นไงบ้าง?” เจนรบโน้มตัวขึ้นมาถามไถ่อาการของปวีณาที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงนอนแสนนุ่ม มือของหนุ่มใหญ่ลูบไล้หน้าท้องที่เคลื่อนไหวเป็นลอนคลื่นจากจังหวะหายใจ
“ลุงจอมทำให้หนูมีความสุขเสมอเลยนะคะ” ปวีณายิ้มหวานให้เจนรบ สาวน้อยสังเกตว่าริมฝีปากของหนุ่มใหญ่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานจากถ้ำสาวของเธอ “หนูรักลุงจอมนะคะ”
“ลุงก็รักหนู” เจนรบจูบปากเด็กสาว ร่างบางไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรั้งท้ายทอยของหนุ่มใหญ่แน่น ทั้งคู่ต่างดื่มด่ำกับรสชาติอันแสนซาบซ่านจากปลายลิ้นของกันและกัน
หลังจากนั้นเกมรักในยกสองก็เริ่มขึ้น คราวนี้เป็นฝ่ายลูกปลาตัวน้อย ที่อยากจะขอลิ้มรสชาติของแก่นแท้แห่งความเป็นชายของเจนรบบ้าง หนุ่มใหญ่ยินยอมให้เด็กสาวทำในสิ่งที่ต้องการโดยไม่ขัดขืนใด
ปวีณานั่งคุกเข่าตรงระหว่างขาของเจนรบ สาวน้อยโน้มตัวลงหยอกเย้ากับท่อนเนื้อของสุภาพบุรุษนักกฎหมายที่เธอรักและเทิดทูนด้วยความรัก ในขณะที่เจนรบหลับตาพริ้มด้วยความเพลิดเพลิน
“หนูปลาจ๋า…ลุงมีความสุขที่สุดเลย” เจนรบอ้าปากหวอ ขณะกำลังถูกปวีณาหยอกล้อแก่นแท้แห่งความเป็นบุรุษด้วยปลายลิ้นที่แสนอ่อนนุ่ม เรียกได้ว่าไม่มีพื้นที่ตรงไหนของแท่งทองของเจนรบที่ไม่ถูกชโลมด้วยปลายลิ้นของเด็กสาว
“พอก่อนนะน้องปลา” เจนรบแตะที่บ่าของเด็กสาว ปวีณาเงยหน้าขึ้น ใช้มือทัดปอยผมไว้ตรงซอกหู หนุ่มใหญ่สังเกตว่ามีสารคัดหลั่งเลอะที่มุมปากของเด็กสาว “เดี๋ยวอดสนุกกันพอดี”
ปวีณายิ้มเขิน ก่อนถูกเจนรบจัดแจงให้นอนหงายบนเตียงนอน หนุ่มใหญ่แทรกเข้าไปตรงกลางหว่างขาของปวีณา ก่อนเริ่มทำการดุนดันแท่งทองเข้าไปสำรวจภายในถ้ำสาวของลูกปลาตัวน้อยที่แสนหวาน
“ลุงจอม….” ปวีณาร่นคิ้วด้วยความเจ็บ “เบาๆ หน่อยซิคะ หนูเจ็บ!!”
“ลุงขอโทษจ๊ะ” เจนรบที่อยู่ด้านบนโน้มตัวลงมาจูบที่หน้าผากของปวีณาเพื่อขอโทษ ในจังหวะที่เขาเผลอรุนแรงกับลูกปลาตัวน้อยมากเกินไปในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม ทั้งคู่ต่างช่วยกันปรุงแต่งรสชาติของเกมให้กลมกล่อม หวานกำลังดี มีความจัดจ้านในปริมาณที่พอเหมาะ คู่รักต่างวัยต่างหยอกเย้าเอาใจกันและกันไปจนในที่สุดต่างฝ่ายต่างก็เผลอหลับในอ้อมกอดของกันและกัน
เจนรบประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นอย่างดี หนังสือกฎหมายที่เขาเขียนขึ้นมาติดอันดับขายดีและได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่ห้า ส่วนช่องยูทูบของเขาก็มีผู้ติดตามหลายหมื่นคน นี่ยังไม่รวมถึงรายการโทรทัศน์ที่มักเชิญตัวเขาไปเป็นแขกรับเชิญอยู่เสมอ จนเรียกได้ว่าตอนนี้ เจนรบกลายเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเป็นที่เรียบร้อย
ด้วยใบหน้าที่ยังดูหล่อเหลา แม้จะมีอายุอานามล่วงเลยมาถึงวัยหลักห้ามาได้สักพักใหญ่ เลยทำให้มีชาวโซเชียลไม่น้อยสนใจเรื่องส่วนตัวของเจนรบว่าเขามีครอบครัวหรือยัง ซึ่งเจนรบเคยตอบข้อสงสัยนี้ในรายการโทรทัศน์มาแล้ว
“ผมยังไม่มีครอบครัวครับ ยังโสด” เจนรบตอบพิธีกรชื่อดังที่ทำการสัมภาษณ์เขาอย่างเป็นกันเอง
“มันน่าแปลกใจนะครับ ที่คุณเจนรบที่มีหน้าที่การงานมั่นคงขนาดนี้ ยังไม่มีสาวคู่กายสักคนเลยนะครับเนี่ย”
“ผมทำแต่งานครับ” หนุ่มใหญ่ตอบไปตามตรง “เห็นแบบนี้ แต่ผมเข้าหาผู้หญิงไม่ค่อยเก่งสักเท่าไร มันน่าอายจริงๆ ที่ผมต้องบอกความจริงว่าผมถนัดเรื่องว่าความช่วยเหลือผู้คนที่ด้อยโอกาสมากกว่าจีบสาวซะอีก”
คำตอบของเจนรบทำเอาคนในห้องส่งอดขำไม่ได้ ก่อนที่พิธีกรจะเปลี่ยนประเด็นไปที่เรื่องอื่นแทน ส่วนเจนรบก็ทำหน้าที่เป็นแขกรับเชิญตอบคำถามได้อย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนทุกประเด็น
แน่นอนว่าคู่สามีภรรยาอย่างภาคภูมิและปิยะวรรณเองก็รับชมรายการนั้นอยู่พอดี ต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากัน แต่เป็นฝ่ายภาคภูมิ ที่เอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
“ไอ้จอมกลายเป็นคนดังระดับประเทศไปแล้ว” ภาคภูมิยิ้มอ่อนให้กับความสำเร็จของเพื่อนรักตรงหน้า
“ถามจริงเถอะภาค ตกลงคุณกำลังยินดีหรืออิจฉาจอมอยู่กันแน่?” ปิยะวรรณหยั่งเชิงถามคนเป็นสามี
“ก็ต้องยินดี คนอย่างมันควรได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนบ้าง” ภาคภูมิหันไปพูดกับภรรยา “ทำไมผมต้องอิจฉาไอ้จอมด้วย?”
“ชั้นก็แค่ถามดู คุณก็ไม่น่าจะตีตนไปก่อนไข้เลย” ปิยะวรรณยิ้ม แม้ริ้วรอยจะปรากฏขึ้นตามวัย แต่เธอยังดูสวยไม่ต่างจากวันวาน หรือบางทีเธออาจจะสวยขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“เปิ้ล ผมมีอะไรจะถามคุณ” ภาคภูมิทำหน้าจริงจัง
“คะ? มีอะไรจะถามชั้นเหรอคะภาค?” ปิยะวรรณยิ้ม
“คุณยังคิดจะให้ลูกสาวเรากับไอ้จอมมันลงเอยจริงๆ อยู่หรือเปล่า?” หนุ่มใหญ่นักธุรกิจถามไปตามตรง “ผมอยากฟังความเห็นของคุณ”
“ถ้าเขาสองคนรักกัน เราจะไปห้ามอะไรได้ล่ะภาค” สาวใหญ่ตอบ
“แต่นั่นมันเพื่อนเรากับลูกสาวเรานะเปิ้ล” ภาคภูมิเอ่ยปาก “ผมรับไม่ได้ ที่จะมีเพื่อนเป็นลูกเขย”
“ภาค ชั้นคิดว่าอะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด” ปิยะวรรณตอบ “ชั้นเคยบอกแล้วไง ชั้นเห็นด้วยกับคุณนะ ที่คุณเห็นแก่อนาคตลูกของเรา แต่ลูกของเราไม่ใช่เด็กอีกแล้วนะ เธอควรมีโอกาสได้ตัดสินใจเอง”
“นี่คุณจะยอมให้ไอ้จอมกับลูกสาวเรารักกันจริงๆ เหรอ?” ภาคภูมิขมวดคิ้วใส่ปิยะวรรณ
“ภาค คุณยังมองไม่ออกเหรอ?” สาวใหญ่ถามกลับไป “ที่ชั้นบอกว่า ให้เรายอมให้จอมกับปลาได้คบหากันเพราะอะไร เพราะชั้นไว้ใจผู้ชายแบบจอมไง คนอย่างจอมจะไม่มีวันทำร้ายลูกสาวเรา เขาจะต้องช่วยดูแลลูกสาวเราได้ แต่ว่า ถ้าวันหนึ่งลูกสาวเราไปเรียนเมืองนอก แล้วถ้าเกิดไปเจอสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และก็ด้วยระยะทางที่ห่างกัน ชั้นคิดว่าบางไม่แน่บางที ลูกปลาของเราอาจจะคิดอะไรได้มากขึ้น”
“รักแท้แพ้ระยะทางซินะ” ภาคภูมิเริ่มยิ้มที่มุมปาก หนุ่มใหญ่คาดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะมีความคิดที่ลุ่มลึกขนาดนี้
“ยังไงซะ ชั้นกับลูกก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน” ปิยะวรรณตอบ “ตอนที่ชั้นคบกับจอม ชั้นยังปันใจมาหาคุณได้เลย นับประสาอะไรกับปลา ถ้าอยู่ห่างจากจอมคนละทวีปแบบนั้น ความรู้สึกมันต้องมีเปลี่ยนไปบ้างล่ะ”
“คุณพูดเหมือนผมเป็นคนผิด ที่ไปแย่งคุณจากไอ้จอมเลยนะ?”
“ชั้นไม่ได้ว่าคุณซะหน่อยภาค!!” ปิยะวรรณตอบ “ชั้นแค่เปรียบเทียบให้ดู คุณเป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตชั้น ก็เคยบอกไปแล้วไง ชั้นมีลูกสาวให้คุณสองคน คุณยังสงสัยในตัวชั้นอีกเหรอภาค?”
“ผมขอโทษ” ภาคภูมิโอบกอดภรรยา “คุณคือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตผม ปิยะวรรณ ผมดีใจที่ได้คุณมาเป็นคู่ชีวิตของผม”
“ชั้นก็ดีใจ ที่เลือกผู้ชายไม่ผิด” ปิยะวรรณตอบ “ชั้นรักคุณตลอดมา และจะรักคุณตลอดไปค่ะ ภาค”
ภาคภูมิและปิยะวรรณต่างมองหน้าด้วยสายตาหวานเยิ้ม แม้วันเวลาจะพรากวัยเยาว์จากคนทั้งสองไป แต่ทั้งคู่ยังมีความปรารถนาต่อกันเหมือนวันวาน สุดท้าย ในค่ำคืนนั้น คู่สามีภรรยาเลยพากันทบทวนบทรักที่แสนหวาน เหมือนที่เคยทำสมัยยังเป็นวัยหนุ่มสาว จนก่อให้เกิดพยานรักขึ้นมาเป็นลูกสาวคนสวยสองคน โดยหนึ่งในนั้นก็คือปวีณา
“ภาค…เบาหน่อยซิ!!” ปิยะวรรณร้องครวญครางเพราะความเจ็บ ด้วยอายุที่มากขึ้น เลยทำให้ร่างกายอาจไม่ได้เปล่งปลั่งเหมือนวันวาน แถมถ้ำสาวของปิยะวรรณก็ยังแห้งเหือดไม่ชุ่มฉ่ำเหมือนก่อน
ภาคภูมิยิ้มหวาน หอมแก้มภรรยาปลอบใจ ก่อนไปหยิบขวดเจลหล่อลื่นมาเป็นตัวช่วยปรุงรสเกมรักระหว่างคู่สามีภรรยาให้ซาบซ่านมากขึ้น สำหรับภาคภูมิแล้ว ปิยะวรรณคือผู้หญิงที่สวยที่สุด และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป
“อือ…ภาคขา” ปิยะวรรณดูผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากภาคภูมิใช้อุปกรณ์เสริม
“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหมจ๊ะเปิ้ล” ภาคภูมิยิ้ม “คุณดูสวยที่สุดก็ตอนเวลาแบบนี้แหละ”
“นั่นใช้ปากพูดเหรอคะภาค!!??” ปิยะวรรณค้อนใส่ภาคภูมิ แม้วัยจะล่วงเลยมาถึงหลักห้าแล้ว แต่สำหรับภาคภูมิ ปิยะวรรณยังคงเป็นสาวสวยเหมือนเมื่อวันวานไม่มีผิด เขาไม่เคยเบื่อในการหลับนอนกับภรรยาที่แสนดีคนนี้เลยแม้แต่น้อย
ปวีณาในชุดกระโปรงสูทสีดำแบบนักประชาสัมพันธ์กำลังอยู่ในช่วงของการฝึกงานในสถานีโทรทัศน์ชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศไทย หลังจากเข้ามาฝึกงานที่นี่ได้ไม่นาน ลูกปลาก็กลายเป็นขวัญใจของรุ่นพี่สต๊าฟที่ทำงาน โดยเฉพาะพวกหนุ่มๆ ที่แย่งกันขายขนมจีบลูกสาวนักธุรกิจใหญ่จากภาคเหนือ
“ปลาครับ ขนมครับ” เสียงนุ่มน่าฟังของพี่เชน ที่เป็นสต๊าฟของสถานีโทรทัศน์ดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบยื่นไมตรีด้วยขนมคุกกี้กล่องที่ดูน่ารักให้สาวน้อยที่เป็นนักศึกษาฝึกงาน
“ขอบคุณค่ะพี่เชน” ปวีณายิ้มรับ “แต่ปลาคงรับไม่ได้หรอกค่ะ เกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับน้องปลา” พี่เชนตอบ “รับไปเถอะ พี่อยากให้ปลา ขนมคุกกี้เจ้านี้อร่อยนะ”
สุดท้ายพอทนคำรบเร้าของรุ่นพี่สต๊าฟไม่ไหว ปวีณาก็เลยต้องรับขนมคุกกี้กล่องนั้น จนเพื่อนที่มาฝึกงานด้วยกันออกปากแซวว่าพี่เชนกำลังขายขนมจีบเธออยู่
“ชั้นว่าพี่เชนกำลังขายขนมจีบแกอยู่นะปลา”
“ชั้นว่าพี่เชนก็ดูหล่อดีนะ แกน่าจะลองเปิดใจบ้าง”
“ปลา แกโสดมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนจะจบปริญญาตรี มีผู้ชายมาชอบแกตั้งหลายคน แต่แกไม่เอา บางทีชั้นก็สงสัยรสนิยมทางเพศของแกนะเว้ย”
“ปลา ถามจริง แกเป็น…เป็นเลสเบี้ยน หรือเปล่าวะ?”
ปวีณาถอนหายใจเบาๆ กับคำแซวของเพื่อนๆ พวกนี้ไม่เข้าใจหรอกว่าหัวใจของเธอมีเจ้าของแล้ว... ถึงแม้เจ้าของหัวใจคนนั้นจะแก่กว่าพ่อเธอเสียอีกก็ตาม... เธอไม่อยากจะเปิดใจให้ใครอีกแล้ว นอกจากลุงจอมคนเดียว
“บ้า!!! ชั้นไม่ได้คิดอะไรกับพี่เชน แล้วชั้นก็ไม่ได้เป็นเลสเบี้ยนด้วย!!” ปวีณาปฏิเสธเสียงแข็ง “ฝึกงานอีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว ชั้นไม่อยากมาคิดเรื่องแฟนตอนนี้!!”
ปวีณาแสดงท่าทีชัดเจนว่าเธอไม่ต้องการมีแฟน เพื่อนในกลุ่มของเธอก็ไม่รู้จะว่ายังไง แต่บางคนก็เริ่มระแคะระคายมาบ้างเหมือนกันว่า ปวีณาแอบคบหากับหนุ่มใหญ่รุ่นลายครามอย่างเจนรบ ทนายความคนดังที่เคยมาเป็นวิทยากรพิเศษในมหาวิทยาลัยเมื่อสองปีก่อน
หลังจากฝึกงานเสร็จ ปวีณาก็เดินทางกลับด้วยรถไฟใต้ดิน แล้วต่อด้วยรถไฟฟ้า เธอทำแบบนี้ทุกวันจนเป็นกิจวัตร และบางครั้ง เจนรบที่เคลียร์ธุระเสร็จแล้วก็มักขับรถพาเธอไปส่งที่หอพักแถวอารีย์ และบางทีก็พาไปเดตกันตามห้างสรรพสินค้าชื่อดังทั่วกรุงเทพ
เพราะได้รับอนุญาตจากภาคภูมิและปิยะวรรณแล้ว ก็เลยทำให้เจนรบและปวีณาสามารถคบหากันได้ เพียงแต่คู่รักต่างวัยต้องระมัดระวังและเว้นช่องว่างให้กัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต
“เอาไว้ถ้าปลาเรียนจบ ป.โท ถึงตอนนั้นเราคงจะเปิดตัวได้สักที” เจนรบยิ้มขณะกำลังขับรถบนท้องถนนในกรุงเทพยามค่ำคืน
“กว่าหนูจะเรียนจบ หนูว่าลุงคงมีผู้หญิงคนใหม่ไปเรียบร้อยแล้วล่ะ” ลูกปลาตัดพ้อ
“พูดอะไรแบบนั้น” เจนรบหันไปยิ้ม “ลุงไม่มีวันเปลี่ยนใจจากปลาไปหาคนอื่นได้หรอก ยังไม่เชื่อใจลุงอีกเหรอจ๊ะ”
ลูกปลายิ้มที่มุมปากให้หนุ่มใหญ่ แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมานานหลายปี แต่เจนรบยังคงดูดีไม่เปลี่ยน เขาเป็นช่างเป็นคนแก่วัยห้าสิบที่ดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ในความคิดของปวีณาเธอบอกเช่นนั้น
“ลุงว่า คนที่พูดแบบนี้ควรเป็นลุงมากกว่า” เจนรบหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายหลังจากไฟจราจรตรงสี่แยกเป็นสีเขียว “มาฝึกงานแบบนี้ ลุงว่าต้องมีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบแฟนเด็กของลุงแน่ๆ เลย”
“ก็มีค่ะ” ปวีณาตอบไปตามตรง “เขาชื่อพี่เชน”
“แล้วหนูชอบพี่เชนไหมล่ะ?” เจนรบถามหยั่งเชิง
“พี่เชนก็ดูนิสัยดีนะ แต่หนูเฉยๆ อ่ะ” ปวีณาตอบ “เพราะเดี๋ยวหนูก็ต้องไปเรียนต่อปริญญาโท ลุงก็รู้ไม่ใช่เหรอคะ?”
“อืม” หนุ่มใหญ่พยักหน้า “ดีแล้วที่หนูคิดแบบนั้น”
“นี่ลุงกำลังจะบอกว่าที่ผ่านมาหนูไม่มีสมองงั้นเหรอ?” ลูกปลาเริ่มชวนทะเลาะ
“ลุงไม่ได้หมายความแบบนั้น!!” เจนรบปฏิเสธ “ลุงแค่บอกว่ามันดีแล้ว ที่หนูคิดแบบนี้ เพราะมันจะดีกับหนูเองนะ”
“ดีกับหนูคนเดียวจริงอ่ะ?” ปวีณาหรี่ตามองเจนรบ
“ก็จริงซิจ๊ะ” หนุ่มใหญ่ตอบ “ไม่เอาละ คุยกันไปเดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ ลุงว่าเราไปหาอะไรกินเถอะ ลุงหิวแล้ว”
เจนรบขับรถยนต์จอดที่ชั้นบนของโรงจอดรถ ก่อนเดินพาสาวน้อยในชุดสูทสีดำเดินเข้าไปในห้างเพื่อหาอะไรอร่อยๆ กิน ไปตามเรื่อง ตอนแรกเจนรบเสนอบุฟเฟ่ต์หมูย่างเกาหลี แต่โดนปวีณาปฏิเสธทันควัน
“อย่างอื่นบ้างเถอะลุง” ปวีณาทำหน้ามุ่ยใส่เจนรบ
สุดท้ายเจนรบเลยพาปวีณาไปจัดมื้อเย็นในร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน สาวน้อยดูตื่นตาตื่นใจกับเมนูและราคาของอาหารไม่น้อย แต่ว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเธอมากับป๋าบุญทุ่มอย่างเจนรบที่พร้อมเพย์เสมอเพื่อเด็กสาวที่ตัวเองรัก
“อยากได้อะไรบอกลุงมาซิ เดี๋ยวลุงซื้อให้” เจนรบพาสาวน้อยเดินเที่ยวในห้างสรรพสินค้าดัง หลังจากกินอาหารมื้อหรูเสร็จเพื่อย่อยอาหาร ปวีณาดูตื่นตาตื่นใจกับกระเป๋าแบรนด์เนมหรูจากต่างประเทศ ซึ่งราคามันก็แพงกว่าค่าเทอมของเธอเสียอีก ลำพังแค่ค่าขนมที่พ่อกับแม่ส่งมาให้ คงไม่มากพอจะซื้อกระเป๋าพวกนี้
“มันแพงนะคะลุง” ปวีณามองกระเป๋าแบรนด์หน้ากระจก ก่อนหันไปมองหน้าเจนรบ
“ไม่เป็นไร อะไรที่เป็นความสุขของปลา ลุงยินดีทำให้” เจนรบยิ้มหวาน ถ้าหวานใจรุ่นลูกคนนี้ต้องการอะไร เขาพร้อมที่จะเปย์ให้โดยไม่ลังเล
ไม่ใช่แค่ความเกรงใจ แต่เธอกลัว... กลัวสายตาคนอื่นที่จะมองว่าเธอคบกับลุงจอมเพราะเงิน กลัวคำครหาว่าจะมาเกาะคนแก่กิน... ความรักของเธอที่มีให้เขามันบริสุทธิ์เกินกว่าจะยอมให้ใครมาดูถูกได้ เธออยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น (รวมถึงพ่อแม่ของเธอด้วย) ว่าเธอรักลุงจอมที่ตัวตนของเขาจริงๆ ไม่ใช่เพราะทรัพย์สินเงินทอง
“หนูว่า หนูไม่เอาดีกว่า” แม้เจนรบจะโชว์ความสปอร์ตแค่ไหน แต่ด้วยสามัญสำนึกที่ดีของปวีณา ที่ได้รับการปลูกฝังมาอย่างดีจากภาคภูมิและปิยะวรรณ เลยทำให้เธอตัดสินใจไม่รบกวนเจนรบไปมากกว่านี้ “กระเป๋าใบเก่าก็ยังดูดีอยู่เลย หนูว่าหนูไม่เอาดีกว่า เกรงใจลุงค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก” เจนรบยิ้มหวาน ส่วนลูกปลาก็ออดอ้อนหนุ่มใหญ่ด้วยการคล้องแขนแล้วหนุนที่บ่าอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ล่ะ หนูไม่อยากให้ลุงจอมรู้สึกว่าหนูคบกับลุงเพื่อเงิน” ปวีณายิ้มหวาน รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจของหนุ่มใหญ่กระชุ่มกระชวยเหลือเกิน
“หนูเป็นคนดีจริงๆ ยิ่งนานวัน ลุงก็ยิ่งรักยิ่งหลงหนูมากขึ้น” เจนรบกุมมือของเด็กสาว “หนูคือหัวใจของลุงนะจ๊ะ น้องปลา”
แล้วเจนรบก็ขับรถพาปวีณาไปส่งที่บ้าน บ้านของเขาเองที่บางกะปิ และเจนรบพบว่าปวีณาคือส่วนเติมเต็มที่ขาดไปของบ้านที่แสนอ้างว้างและเดียวดาย
ปวีณาเป็นสาวน้อยที่มีความสามารถ ทั้งเรื่องเรียน และเรื่องงานบ้านงานเรือน เรียกได้ว่าต้องยกเครดิตให้ครอบครัวของปวีณาที่ช่วยอบรมดูแล จนปวีณากลายเป็นสาวน้อยที่พร้อมจะทำหน้าที่เป็นศรีภรรยาที่ดีในอนาคต และคนอย่างเจนรบ ก็พร้อมทุ่มหมดหน้าตักเพื่อคว้าตัวและหัวใจของปวีณามาครอบครอง
“อืม ดูสะอาดขึ้น กดไลค์ให้เลย!!” ปวีณายิ้มอย่างมีความสุข เมื่อเห็นบ้านของลุงจอมสะอาดสะอ้านมากขึ้น เพราะพักหลังที่เจนรบพาปวีณามาค้างคืนที่บ้าน มักโดนลูกปลาตัวน้อยบ่นถึงความสะอาด ก็เลยทำให้เจนรบต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติบ้านของตัวเองครั้งใหญ่ด้วยการทำความสะอาด ของอะไรที่ไม่จำเป็นก็เอาไปทิ้ง เลยทำให้บ้านช่องดูสะอาดขึ้นกว่าแต่ก่อน
เจนรบอมยิ้มด้วยความสุข หนุ่มใหญ่วาดฝันไปไกลเหลือเกิน อยากให้สาวน้อยคนนี้มาเป็นแม่ศรีเรือนของบ้าน เขาไม่อยากเสียเด็กสาวคนนี้ไปให้ใคร ชีวิตของเขาล่วงเลยมาถึงวัย 53 ปีแล้ว เขาจมปลักกับความทุกข์มานานหลายสิบปี จนกระทั่งได้เห็นรุ่งอรุณของวันใหม่ที่มีความสุขและสดใสรออยู่
“ปลา…” เจนรบเอ่ยชื่อสาวน้อยตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
“คะ?” ปวีณาหันไปมองเจนรบด้วยสีหน้างุนงง “ลุงเรียกชื่อหนูเหรอ?”
“จะโกรธลุงไหม ถ้าลุงอยากจะขอร้องอะไรสักเรื่อง” เจนรบกลืนน้ำลาย เพื่อตั้งสติก่อนพูดเรื่องสำคัญออกมา
เจนรบสูดหายใจลึก พยายามรวบรวมคำพูด เขารู้ว่าสิ่งที่กำลังจะพูดออกไปมันเห็นแก่ตัวและอาจทำลายความไว้ใจที่พ่อแม่ปลามอบให้ แต่ความกลัวมันกัดกินหัวใจเขาทุกวัน... กลัวว่าระยะทางและเวลาหลายปีในอเมริกาจะพรากปลาไปจากเขา เหมือนที่เขาเคยสูญเสียปิยะวรรณไปเพราะความห่างเหิน... เขาไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว
“ปลา...” เจนรบเรียกชื่อเธอ น้ำเสียงจริงจังขึ้นกว่าปกติ หลังจากฟังเรื่องแผนการเรียนต่อของเธอ “เรื่องไปอเมริกา...ยิ่งฟังลุงก็ยิ่งใจหาย...หนูตัดสินใจแล้วใช่ไหม?”
“ก็...ก็ต้องไปสิคะลุง พ่อกับแม่ก็วางแผนไว้แล้ว แล้วหนูก็อยาก...” ปวีณามองหน้าเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก “ทำไมเหรอคะ? ลุงมีอะไรรึเปล่า?”
“คือ...ลุง...” เจนรบถอนหายใจ พยายามเรียบเรียงความคิดที่อัดอั้นอยู่ข้างใน “ยิ่งใกล้เวลาที่หนูจะไป ลุงก็ยิ่งรู้สึก...ทนไม่ได้ ลุงไม่อยากให้หนูไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้วปลา” เขาสารภาพออกมาในที่สุด “ลุงรู้ว่ามันอาจจะเห็นแก่ตัว ลุงรู้ว่าเราตกลงกับพ่อแม่หนูไว้แล้ว แต่พอมาคิดดู การต้องรอคอยอีกหลายปี ลุงกลัวเหลือเกิน กลัวว่าอะไรๆ มันจะไม่เหมือนเดิม ลุงคิดว่าลุงคงทนรอไม่ไหว ที่ต้องอยู่ห่างจากหนูปลาหลายปี ลำพังแค่ทุกวันนี้ที่เราเจอกันได้ไม่บ่อย ลุงก็ทรมานพอแล้ว”
ที่ผ่านมาเจนรบอุทิศชีวิตเพื่อวิชาชีพทนายความ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและสังคม ตอนนี้เขาแค่อยากทำในสิ่งที่ใจปรารถนาบ้าง เขาขาดสาวน้อยคนนี้ไม่ได้ นักกฎหมายผู้ขาดรักเดินเข้าไปกอดปวีณา และเปิดเผยความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจออกมาจนหมดเปลือก
“อย่าไปอเมริกาเลยนะปลา อยู่กับลุงนะ...”
“ลุงจอม…” ปวีณาซบหน้ากับอกเขา รู้สึกทั้งดีใจที่เขารักและกลัวสูญเสียเธอมากขนาดนี้ แต่ก็หนักใจกับปัญหาที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “แล้วเรื่องที่สัญญากับคุณพ่อคุณแม่ล่ะคะ? ถ้าเราทำแบบนี้ ท่านจะว่ายังไง? เราจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับท่านนะคะ ท่านเพิ่งจะยอมรับเรานะคะลุง” เธอกล่าวด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ลุงรู้ว่าเราตกลงกันแล้ว... แต่พอยิ่งใกล้วันที่หนูจะไป ลุงก็ยิ่ง...กลัว กลัวว่าอะไรๆ มันจะไม่เหมือนเดิม ลุงผ่านความสูญเสียมามากพอแล้ว ลุงไม่อยากเสียหนูไปอีกคนนะปลา... การรอคอยหลายปีมันนานเกินไปสำหรับคนแก่อย่างลุงจริงๆ ถ้ามันจำเป็น ลุงจะบินขึ้นไปเชียงใหม่ ไปพูดกับไอ้ภาคและเปิ้ลเอง”
ปวีณามองแววตาที่แน่วแน่และปนเปด้วยความกลัวในใจลึกๆ ของเจนรบ เธอเองก็ไม่อยากห่างเขาไปไกลถึงเพียงนั้น แต่ก็อดหวั่นใจกับปฏิกิริยาของพ่อแม่ไม่ได้
“หนู...หนูก็ไม่อยากห่างลุงค่ะ แต่หนูกลัวเหลือเกินว่ามันจะยิ่งทำให้เรื่องยุ่งยากไปกันใหญ่...ลุงแน่ใจแล้วเหรอคะว่าจะทำแบบนี้?” เธอถามย้ำเพื่อความมั่นใจ แม้ในใจจะเอนเอียงไปกับการตัดสินใจของเขาแล้วก็ตาม
เวลาผ่านไปอีกราวสองปี น้องอุ้มบุญ กันยกร ในวัยสามขวบ กำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้และพลังงานอันล้นเหลือ บ้านหลังใหญ่ของเจนรบและปวีณาที่เคยมีแต่ความสงบ (หรือความหวานชื่นของคู่รัก) บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ เสียงเรียก “พ่อจ๋า” “แม่จ๋า” และเสียงวิ่งตึงตังของเจ้าตัวเล็กที่พร้อมจะสำรวจโลกกว้างตลอดเวลาเช้าวันเสาร์ เจนรบในวัยใกล้จะเกษียณอายุราชการ ถ้าหากเขารับราชการ แต่ในความเป็นจริงคือทนายความอาวุโสชื่อดังวัย 56 ปี ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเล็กๆ ที่ดังอยู่ข้างเตียง“พ่อจ๋า...ตื่น...เล่น...” น้องอุ้มบุญในชุดนอนลายการ์ตูน กำลังใช้มือป้อมๆ เขย่าแขนพ่อปลุก ดวงตากลมใสแป๋วแหววไร้เดียงสา“อุ้มบุญเหรอลูก?” เจนรบลืมตาขึ้น ปากก็ยิ้มรับลูกสาว แต่ร่างกายกลับประท้วงเบาๆ ด้วยความปวดเมื่อยหลังจากโหมงานเอกสารและเตรียมตัวสำหรับรายการทีวีมาทั้งสัปดาห์ “จ๊ะลูก...พ่อตื่นแล้ว...แต่อุ้มบุญให้พ่อพักอีกแป๊บได้ไหมจ๊ะ?”“ม่ายอาววว...เล่นเยย...” เด็กน้อยไม่ยอมง่ายๆ เริ่มปีนขึ้นมาบนเตียง ทิ้งตัวลงบนอกพ่ออย่างแรง“โอ๊ย!! จุกนะลูก!!” เจนรบร้องเบาๆ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ คว้าตัวลูกสาวมากอดฟัด จั๊กจี้จนเสียงห
เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอเพียงชั่วพริบตาเดียว นางฟ้าตัวน้อยของบ้านทนายเจนรบและปวีณา—เด็กหญิงกันยกร หรือน้องอุ้มบุญ—ก็อายุครบหนึ่งขวบพอดิบพอดี จากทารกน้อยที่นอนร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมแขน วันนี้กลายเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เริ่มตั้งไข่ หัดเดินเตาะแตะ และส่งเสียงอ้อแอ้เรียก “ป้อ” “แม่” ได้เป็นคำๆ สร้างความสุขและความมีชีวิตชีวาให้กับบ้านหลังใหญ่ที่เคยเงียบเหงาได้อย่างน่าอัศจรรย์“ป้อ!! ป้อ!! แม่!!”“น่ารักน่าชังจริง ๆ ลูกพ่อ!!”“หนึ่งขวบแล้วน๊า น้องอุ้มบุญ!!”เช้าวันเกิดขวบปีแรกของน้องอุ้มบุญอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของแพนเค้กฟักทองเนื้อนุ่มที่ปวีณาตั้งใจทำให้ลูกสาวเป็นมื้อพิเศษ เจนรบนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สายตาจับจ้องมองสองแม่ลูกด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข หนึ่งปีที่ผ่านมา เขาแทบไม่เชื่อว่าชีวิตของตัวเองจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ จากทนายความผู้เคยใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว มีแต่งานเป็นเพื่อน ตอนนี้เขากลายเป็น “พ่อ” เต็มตัว เป็นสามีของหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจ และเป็นโลกทั้งใบของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังใช้มือเล็กๆ พยายามหยิบแพนเค้กเข้าปากอย่างเงอะงะ“ค่อย ๆ ซิจ๊ะลูกแม่ เลอะหมดแล้วเห็นไหม” ปวี
พาดหัวข่าวตัวไม้บนหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงหลายฉบับ และฟีดข่าวที่ร้อนแรงในโลกโซเชียลมีเดีย ต่างประโคมข่าว ‘วิวาห์หวานชื่น…ทนายดังต่างวัยคว้าลูกสาวเพื่อนสนิทเข้าประตูวิวาห์’ ภาพของเจนรบ ทนายความชื่อดังขวัญใจคนยากจน วัย 54 ปี ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ยืนเคียงข้าง ปวีณา เจ้าสาวแสนสวยวัย 22 ปี ทายาทคนเล็กของนักธุรกิจรีสอร์ตหรูแห่งเชียงเหนือ ในชุดไทยล้านนาประยุกต์อันงดงาม กลายเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เพียงชั่วข้ามคืนคอมเมนต์หลั่งไหลเข้ามามากมายราวกับสายน้ำหลาก บ้างแสดงความยินดี บ้างตั้งคำถามถึงความเหมาะสม บ้างก็อดอิจฉาเจ้าบ่าวสูงวัยที่ได้ภรรยาสาวสวยราวกับนางฟ้ามาครองไม่ได้“อิจฉาคนแก่ว่ะ! มีดีอะไร สาวสวยถึงได้ยอมแต่งด้วย?”“สายเปย์รึเปล่า? แต่บ้านฝ่ายหญิงก็รวยนะ”“ไม่แน่...ฝ่ายชายอาจจะเกาะฝ่ายหญิงก็ได้ ใครจะรู้”“หรือว่าเขารักกันจริงๆ ความรักมันไม่เกี่ยวกับอายุหรอกน่า อย่าคิดอกุศลเลย”เจนรบและปวีณาเตรียมใจรับมือกับกระแสสังคมเหล่านี้ไว้แล้ว ทั้งคู่เลือกให้สัมภาษณ์กับสื่อเพียงไม่กี่แห่งเท่าที่จำเป็น โดยเน้นย้ำถึงความรักความเข้าใจที่ทั้งสองมีให้กัน และการยอมรับจากครอบครัวทั้งสองฝ่าย พวกเขาไม่ได
“ทำไมหนูไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะว่าจะทำงานอยู่กรุงเทพ?” เจนรบเอ่ยปากถามปวีณา“หนูบอกแล้ว แต่พ่อกับแม่ไม่ยอม” ปวีณาตอบ “ลุงจะให้หนูทำยังไงละคะ?”ปวีณาบอกกับเจนรบว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ภาคภูมิและปิยะวรรณเรียกเธอกลับไป ช่วยงานธุรกิจรีสอร์ตทางบ้านที่เชียงใหม่ระหว่างรอรับปริญญาตรีและไปเรียนต่อปริญญาโทที่ อเมริกา เจนรบเริ่มรู้สึกว่ามันคือแผนการที่เพื่อนรักทั้งสองคิดเอาไว้ คือไม่ปฏิเสธ การคบหากันของเจนรบและปวีณา แต่จะใช้วิธีแยกให้คนทั้งคู่ห่างกันไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเจนรบและปวีณาก็ห่างจนต่อกันไม่ติดในวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง ภาคภูมิส่งคนมาช่วยขนของกลับบ้านที่เชียงใหม่ และไม่เปิดโอกาสให้ปวีณาได้ร่ำลาเจนรบ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ช่วงเวลาที่แสนหวานของเจนรบและปวีณากำลังจะจบลง แต่โชคยังดีที่มีสื่อโซเชียล เลยทำให้เจนรบและปวีณาได้พูดคุยกันผ่านทางไลน์ เด็กสาวบอกกับเจนรบว่าพ่อกับแม่ต้องการให้เธอไปช่วยงานธุรกิจที่บ้านระหว่างรอรับปริญญา“ลุงจอม…” ปวีณาไลน์คุยกับเจนรบ “หนูว่าพ่อกับแม่กำลังพยายามกีดกันหนูจากลุง”“ไม่ต้องกลัวนะปลา” เจนรบไลน์ตอบ “ลุงจะขึ้นไปเชียงใหม่อีกครั้ง ไปคุยกับไอ้ภาคและเปิ้ล ลุง
ตอนนี้ปวีณากำลังศึกษาอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการประชาสัมพันธ์ในชั้นปีที่สี่ อีกแค่เพียงปีเดียวเท่านั้น สาวน้อยก็จะเรียนจบในระดับชั้นปริญญาตรี และเตรียมพร้อมสู่การเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาภาคภูมิและปิยะวรรณตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการยอมเปิดทางให้เจนรบและปวีณาได้คบหากัน พอได้รับไฟเขียวจากเพื่อนรักและอดีตแฟนเก่าเช่นนั้น เจนรบก็รับปากว่าจะขอดูแลลูกปลาเป็นอย่างดี และจะรอคอยจนกว่าเธอจะเรียนจบปริญญาโท เมื่อถึงตอนนั้น คู่สามีภรรยาทั้งสองถึงจะยินยอมให้เจนรบและปวีณาได้ครองคู่กันฟังดูความรักระหว่างเจนรบและปวีณากำลังไปได้สวย แต่ว่าด้วยระยะทางและภาระหน้าที่ของแต่ละคน เจนรบวุ่นวายกับการเดินทางไปถ่ายทำรายการกฎหมายน่ารู้ทางโทรทัศน์ และล่าสุดเจนรบได้เปิดช่องยูทูบเพื่อทำเรื่องราวเกี่ยวกับกฎหมายเพื่อให้ความรู้ผู้คนทั่วไปเพื่อหารายได้เสริม ส่วนหนังสือกฎหมายที่เพิ่งตีพิมพ์ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนอ่าน ด้วยภาษาเขียนที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ก็เลยทำให้หนังสือกฎหมายของเจนรบได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่สองและสามตามลำดับฝ่ายเจนรบเอง ก็ครุ่นคิดว่าช่วงนี้แทบไม่ได้เจอปลาเลย งานของเขาก็ยุ่ง ส
หลังจากสอบเสร็จปลายภาคในช่วงชั้นปีที่สาม เจนรบตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่รอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป หนุ่มใหญ่ตัดสินใจเดินทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งตรงสู่เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับเพื่อนรักทั้งสองอย่างตรงไปตรงมาเสียที“ลุงจอม? ไหนลุงว่าจะรอให้หนูเรียนจบปริญญาตรีก่อนไง?” ปวีณาที่กลับเชียงใหม่ไปก่อนแล้วถึงกับตกใจ เมื่อทราบข่าวว่าลุงจอมตัดสินใจจะเดินทางตามมาด้วยเพื่อพูดคุยกับภาคภูมิและปิยะวรรณถึงเรื่องขอหมั้นหมายกับเธอก่อน “ถ้าพ่อกับแม่หนูรู้ หนูตายแน่!!”“ไม่ต้องกลัวหรอก ลุงคิดว่าไอ้ภาคกับเปิ้ลน่าจะมีเหตุผลพอ” เจนรบตอบ ขณะกำลังเตรียมขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง “แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวลุงต้องขึ้นเครื่องก่อน แล้วเจอกันที่เชียงใหม่นะคนดีของลุง”สุดท้ายปวีณาก็ไม่อาจทัดทานความต้องการของเจนรบได้ สาวน้อยเลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับปิยะวรรณผู้เป็นแม่ ที่รับรู้ทุกอย่างและมีเหตุผลมากพอที่จะรับฟังเธอ“มีอะไรเหรอจ๊ะปลา?” ปิยะวรรณที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารในห้องทำงานของตัวเองเอ่ยปากถามลูกสาว“เอ่อ…หนูมีเรื่องสำคัญจะมาบอกแม่ค่ะ” ปวีณาเดินเข้ามาด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ