Home / โรแมนติก / ปวีญา...ฉันรักเธอ / ตอนที่ 8 : เงื่อนไขของพ่อกับแม่

Share

ตอนที่ 8 : เงื่อนไขของพ่อกับแม่

Author: NATO87
last update Last Updated: 2025-05-30 23:36:40

หลังจากสอบเสร็จปลายภาคในช่วงชั้นปีที่สาม เจนรบตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่รอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป หนุ่มใหญ่ตัดสินใจเดินทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งตรงสู่เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับเพื่อนรักทั้งสองอย่างตรงไปตรงมาเสียที

“ลุงจอม? ไหนลุงว่าจะรอให้หนูเรียนจบปริญญาตรีก่อนไง?” ปวีณาที่กลับเชียงใหม่ไปก่อนแล้วถึงกับตกใจ เมื่อทราบข่าวว่าลุงจอมตัดสินใจจะเดินทางตามมาด้วยเพื่อพูดคุยกับภาคภูมิและปิยะวรรณถึงเรื่องขอหมั้นหมายกับเธอก่อน “ถ้าพ่อกับแม่หนูรู้ หนูตายแน่!!”

“ไม่ต้องกลัวหรอก ลุงคิดว่าไอ้ภาคกับเปิ้ลน่าจะมีเหตุผลพอ” เจนรบตอบ ขณะกำลังเตรียมขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง “แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวลุงต้องขึ้นเครื่องก่อน แล้วเจอกันที่เชียงใหม่นะคนดีของลุง”

สุดท้ายปวีณาก็ไม่อาจทัดทานความต้องการของเจนรบได้ สาวน้อยเลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับปิยะวรรณผู้เป็นแม่ ที่รับรู้ทุกอย่างและมีเหตุผลมากพอที่จะรับฟังเธอ

“มีอะไรเหรอจ๊ะปลา?” ปิยะวรรณที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารในห้องทำงานของตัวเองเอ่ยปากถามลูกสาว

“เอ่อ…หนูมีเรื่องสำคัญจะมาบอกแม่ค่ะ” ปวีณาเดินเข้ามาด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของแม่ “คือจำเรื่องที่หนูเคยคุยกับแม่ได้ไหมคะ เรื่องลุงจอม…”

“ทำไมเหรอ?” ปิยะวรรณวางปากกาลงบนโต๊ะ แล้วหันไปมองหน้าลูกสาวด้วยความสงสัย “ลุงจอมทำไมเหรอ?”

“คือลุงจอมจะขึ้นมาที่เชียงใหม่วันนี้ค่ะแม่” ปวีณาตอบไปตามตรง “คือลุงจอม…เอ่อ…จะมาคุยกับคุณพ่อคุณแม่เรื่องสู่ขอหนูค่ะ…แต่ลุงจอมเขายังไม่ได้ต้องการแต่งงานกับหนูตอนนี้นะคะ แต่ต้องการหมั้นไว้ก่อน”

“อะไรนะ? จอมเนี่ยนะจะขึ้นมาที่เชียงใหม่เพื่อขอหมั้นกับลูก!!??” ปิยะวรรณเบิกตาโพล่งหลังจากได้ยินสิ่งที่ปวีณาบอก

“พูดเบาๆ หน่อยซิคะแม่ก็!!” ปวีณาอายหน้าแดงก่ำ “ถ้าพ่อรู้ หนูตายแน่ แม่ต้องช่วยหนูนะคะ”

“แล้วตอนนี้ลุงจอมอยู่ไหน?” ปิยะวรรณถาม “แม่ต้องโทรไปคุยกับจอมแล้ว ขืนปล่อยแบบนี้ ถ้าภาครู้ ภาคเอาตายแน่!!!”

“ขึ้นมาเชียงใหม่แล้วค่ะ” สาวน้อยตอบ

“ตาย!! ตายแน่ๆ เฮ้อ!!” อดีตดาวคณะอักษรศาสตร์ส่ายหน้า “จอมนะจอม ผู้หญิงมีเยอะแยะทำไมไม่ไปรัก ทำไมต้องเป็นลูกของแม่ด้วย แล้วนี่ถ้าภาครู้ มีหวัง….”

“มีหวังอะไรเหรอเปิ้ล?” ภาคภูมิที่แอบฟังอยู่หน้าห้องตั้งนานเปิดประตูเข้ามา “สองแม่ลูกเดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้วนะ ปิดบังความจริงกับพ่อ แบบนี้เราคงต้องคุยกันหน่อยละ”

“คุณคะ!?/คุณพ่อ!?” ปิยะวรรณและปวีณาอุทานพร้อมกัน เพราะไม่คิดว่าภาคภูมิจะรับรู้ทุกอย่าง

“ไม่ต้องอธิบายแล้ว พ่อไม่อยากฟังคำแก้ตัว อุตส่าห์ส่งนักสืบไปสืบเรื่องของลูกกับลุงจอมมานานแล้ว พ่อสั่งห้ามไอ้จอม ไม่ให้มันไปยุ่งกับลูกอีก แต่มันก็ยังกล้าทำ เอาเถอะ ในเมื่อมันกล้าขึ้นมาหาพ่อที่เชียงใหม่แบบนี้ พ่อจะคุยกับมันก็ได้…”

“พ่อคะ…หนูขอโทษ” ปวีณาลุกขึ้นมากราบตรงหน้าอกของภาคภูมิ ที่เหมือนกำลังผิดหวังในตัวลูกสาว หนุ่มใหญ่วาดฝันไปไกลว่าปวีณาจะต้องมีอนาคตที่ดี เธอจะได้ไปเรียนต่อเมืองนอกและกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว และได้พบกับผู้ชายที่เพียบพร้อมและแต่งงานกัน แต่ความฝันของภาคภูมิกลับพังทลายลงโดยน้ำมือของเพื่อนรักอย่างเจนรบ

บางทีคงเป็นเวรกรรมที่เขาและปิยะวรรณเคยทำกับเจนรบเมื่อสามสิบปีก่อน ทั้งคู่แอบคบหากันโดยที่เจนรบไม่รู้ตัว และเจนรบก็ยังอุตส่าห์แสดงสปิริตด้วยการเสียสละครั้งใหญ่ โดยยอมหลีกทางให้ภาคภูมิและปิยะวรรณได้ครองรักกัน

“พ่อก็อยากจะโกรธลูกนะ…แต่” ภาคภูมิลูบหลังลูกสาวทั้งน้ำตา “มันคงเป็นเวรกรรมของพ่อกับแม่ที่เคยทำกับไอ้จอม แต่พ่อไม่คิดว่ากรรมมันจะตกมาถึงลูกแบบนี้”

“คุณ…” ปิยะวรรณเข้าไปกอดสามีและลูกสาว “อย่าพูดแบบนั้นซิคะ อย่าพูด”

“มันไม่ใช่กรรมหรอกค่ะพ่อ” ปวีณาตอบ “หนูคิดว่าหนูรักลุงจอม และลุงจอมก็รักหนู หนูอยากให้พ่อกับแม่ลองเปิดใจฟังเจนรบดูนะคะ หนูขอร้องละ”

“เด็กโง่เอ๊ย…” ภาคภูมิยิ้มน้ำตาคลอ “ไม่ซิ…ลูกไม่เด็กแล้ว ไม่คิดว่าในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เพียงแต่มันมาเร็วเกินไป และมันดันเกิดกับคนที่พ่อคิดไม่ถึงมาก่อน พ่อไม่รู้จะทำยังไงแล้วปลา”

“พ่อคะ หนูขอโทษ” ปวีณาโอบกอดภาคภูมิด้วยความเสียใจ สาวน้อยรู้ดีว่าเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของเธอต้องใจสลาย

สุดท้ายสามพ่อแม่ลูก ก็โอบกอดกันเพื่อปรับความเข้าใจ จนกระทั่งเจนรบโทรติดต่อเข้ามา ภาคภูมิและปิยะวรรณสั่งให้ลูกสาวทำตัวไม่รู้ไม่เห็น ขณะที่พ่อกับแม่กำลังคุยกับเจนรบ

“ไอ้ภาค กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง เป็นเรื่องสำคัญ” เจนรบโทรเข้ามาที่เบอร์ของภาคภูมิ “กูอยากคุยกับมึงเรื่องน้องปลา”

“งั้นเหรอไอ้จอม” ภาคภูมิตอบ “มึงกล้ามากนะ กล้ามากที่ขึ้นมาหากูที่เชียงใหม่เพื่อลูกสาวกู เอาเถอะ มึงอยากมาตอนไหนก็มา กูจะรอ”

ภาคภูมิยืนถอนหายใจยาว ขณะที่ปิยะวรรณกับปวีณามองหน้าด้วยความคาดหวัง หนุ่มใหญ่เลยหันไปเอ็ดด้วยความไม่พอใจ

“นี่!!! จะมาแอบฟังพ่อแบบนี้ไม่ได้นะ แม่ลูกคู่นี้ยังไงกัน!!” ภาคภูมิขมวดคิ้ว “มีอะไรก็ไปทำสิ!!”

เจนรบเดินทางมาที่บ้านของภาคภูมิในวันรุ่งขึ้น หนุ่มใหญ่ดูภูมิฐานด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงสแล็คสีดำและรองเท้าหนังสีน้ำตาล เจนรบไว้ผมรองทรงสวมแว่นดูภูมิฐาน ส่วนภาคภูมิอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ด้านหลังมีสกรีนชื่อรีสอร์ตหรูของตัวเอง ส่วนปิยะวรรณอยู่ในชุดเดรสแขนกุดสีคราม ทั้งคู่นั่งในห้องรับแขก โดยสั่งให้ลูกปลาหลบอยู่บนห้องและห้ามออกมาโดยเด็ดขาด

“เดินทางมาไกลถึงเชียงใหม่ มีธุระอะไรจะคุยเหรอจ๊ะจอม?” ปิยะวรรณเปิดคำถามก่อน สาวใหญ่รู้ดีว่าเจนรบเดินทางมาถึงเชียงใหม่เพราะอะไร แต่เธอแค่แกล้งถามไปตามมารยาท ก็เท่านั้นเอง

“ก็…ถึงเวลาต้องพูดแล้วซินะ” เจนรบวางแก้วกาแฟลง มองหน้าเพื่อนทั้งสองด้วยแววตาจริงจังและหนักแน่น เขาหายใจเข้าออก เพื่อรวบรวมความกล้า “ที่จอมมาที่นี่...เพราะมีเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต...และเป็นเรื่องที่ยากที่สุดที่จะพูดกับภาคและเปิ้ล”

“มีอะไรก็ว่ามาไอ้จอม อย่าลีลา” ภาคภูมิกอดอก มองเพื่อนด้วยสายตาคาดคั้น เขาสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในน้ำเสียงของเจนรบ

“คือ...คือเรื่องน้องปลา” เจนรบเอ่ยชื่อออกมาในที่สุด “จอม...จอมรักน้องปลา เรารักกัน และจอมอยากจะมาขอ...ขอรับผิดชอบและดูแลน้องปลาอย่างจริงจัง จอมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่พวกคุณจะยอมรับ แต่ความรู้สึกของจอมมันจริงจังเกินกว่าจะเก็บไว้ได้อีกแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้จะเตรียมเอกสารหลักฐานทางการเงินมาเผื่อ เขาวางมือบนกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างตัว แต่ยังไม่ได้เปิดมันออก เพราะรู้ว่าเรื่องนี้ต้องเริ่มต้นด้วยหัวใจ ไม่ใช่ทรัพย์สิน

“เฮ้อ!!! บ้าเอ้ย!!!” ภาคภูมิถึงกับส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำนั้น “มึงไม่ฟังสิ่งที่กูขอมึงเลยไอ้จอม!!”

“คุณคะ ใจเย็นก่อนซิ!!” ปิยะวรรณออกโรงปรามสามีที่เหมือนกำลังไม่พอใจอยู่ เธอรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ภาคภูมิเลยยังทำใจไม่ได้ที่จะยอมยกลูกสาวให้เพื่อนรัก “ฟังที่จอมพูดก่อนซิคะ”

“กูขอโทษว่ะไอ้ภาค” เจนรบสารภาพตามตรง “ที่มึงนัดกูมาคุยเรื่องนี้ที่กรุงเทพเมื่อปีก่อน กูเข้าใจมึงนะ และกูพยายามแล้วที่จะตัดใจจากลูกสาวมึง จนกูถูกยิง กูได้ลูกสาวมึงมาช่วยดูแลตอนกูพักฟื้นที่โรงพยาบาล กูเลยมั่นใจว่ากูไม่อยากจะพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไปอีกแล้ว กูเลยอยากจะขอแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยทรัพย์สินเงินทองทุกอย่างที่กูมีให้มึง”

“กูไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน!!” ภาคภูมิตอบอย่างไม่ไยดี “มึงก็เห็นแล้วว่าบ้านกูหลังใหญ่แค่ไหน นี่ไม่รวมถึงรีสอร์ตของกูอีก ทำไมกูต้องมาอยากได้ทรัพย์สินเงินทองของมึงด้วยไอ้จอม กูไม่ใช่คนประเภทที่ขายลูกสาวกินนะโว้ย!!”

เจนรบรู้สึกเหมือนกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ เขารู้ดีว่าเงินซื้อใจภาคภูมิไม่ได้ แต่เขาก็ไม่รู้จะแสดงความจริงใจและความพร้อมที่จะดูแลปลาได้อย่างไรอีกแล้ว... มันยากเย็นขนาดนี้เลยสินะ การจะรักลูกสาวเพื่อน...

“ภาค!! ใจเย็นก่อนซิคะคุณ!!” ปิยะวรรณพยายามห้ามปราบภาคภูมิที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไรนัก โดยมีปวีณา ที่แอบฟังอยู่ตรงชั้นสองกำลังลุ้นว่าผลการเจรจาครั้งนี้จะจบลงเช่นไร

“กูรู้ มึงมันรวยล้นฟ้าไอ้ภาค” เจนรบตอบ “แต่ที่กูเอาโฉนดที่ดิน เอาบัญชีเงินฝากมาให้มึงดูเนี่ย สำหรับกูแล้ว นี่คือทุกสิ่งทุกอย่างที่กูมี กูสร้างสิ่งเหล่านี้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของกูมาตลอด 30 ปี แล้วกูก็อยากให้มันเป็นหลักประกันว่ากูจะสามารถดูแลลูกสาวมึงได้”

“กูเคยพูดกับมึงแล้วไม่ใช่เหรอวะไอ้จอม” ภาคภูมิย้อนอดีต “กูเคยบอกกับมึงแล้วไง ว่ามึงกับลูกสาวกูอายุต่างกันมาก มึงกับกูมีแต่จะแก่ลงทุกปี แต่ลูกสาวกูจะมีแต่เติบโตเป็นสาวขึ้นทุกวัน มึงไม่คิดว่ามันจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอวะ ที่ลูกสาวกูต้องมาดูแลคนแก่อย่างมึง”

“กูรู้ แต่กูรักลูกสาวมึงจริงๆ ว่ะ” เจนรบสารภาพ “เนี่ย ทุกอย่างที่กูมี ถ้าวันหนึ่งกูตายไป สิ่งพวกนี้กูก็อยากมอบให้ปลา มึงไม่ต้องกลัวหรอกว่าปลาจะลำบากถ้าอยู่กับกู”

“กูถามมึงตรงๆ นะไอ้จอม ที่มึงทำแบบนี้ มึงต้องการล้างแค้นที่กูไปแย่งเปิ้ลมาจากมึงใช่ไหม?”

“ภาค? พูดอะไรของคุณน่ะ!!” ปิยะวรรณเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ

“กูยอมรับว่ากูผิดที่ไปแย่งเปิ้ลจากมึง แต่มันไม่ได้หมายความว่ากูจะต้องยอมยกลูกสาวให้มึงเพื่อเป็นการไถ่โทษสักหน่อย” ภาคภูมิจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างเอาเรื่อง

“กูไม่ได้คิดเอาคืนมึงไอ้ภาค” เจนรบตอบ “กูกับน้องปลาเรารักกัน กูพยายามหักห้ามใจแล้ว แต่กูทำไม่ได้ว่ะเพื่อน จะให้กูกราบเท้าเพื่อขอโทษมึง เพื่อขอให้กูได้รักกับลูกสาวมึง กูก็ยอมทำให้ได้นะไอ้ภาค”

ว่าแล้วเจนรบก็คุกเข่าเพื่อเตรียมกราบเท้าขอโทษเพื่อนรัก จนปิยะวรรณอดีตคนรักเก่าต้องรีบลุกไปห้ามไม่ให้เขาทำอะไรแบบนี้

“พอแล้วจอม!!! พอแล้ว!!!” ปิยะวรรณร้องห้ามเจนรบ

ศักดิ์ศรีที่เคยยึดถือมันไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ ถ้าการคุกเข่าขอโทษเพื่อน จะทำให้เขาได้ปลามาครอบครอง เขาก็ยอม... เพื่อปลา เขายอมได้ทุกอย่าง

“ให้จอมได้กราบไอ้ภาคเถอะเปิ้ล” เจนรบตอบ “จอมผิดเอง จอมเป็นคนผิดทุกอย่าง”

ภาคภูมิชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าคนหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างไอ้จอมจะยอมทำถึงขนาดนี้... ส่วนหนึ่งรู้สึกสะใจ แต่อีกส่วนกลับรู้สึก... สมเพชเพื่อนระคนรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ... แต่นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้มันมายุ่งกับลูกสาวกู!

“มึงมันบ้าไปแล้วไอ้จอม!!! มึงคิดว่ากูจะยอมยกลูกสาวกูให้มึงง่ายๆ เหรอวะ? ไม่มีทาง!!!” ภาคภูมิลุกขึ้นชี้หน้าด่าเจนรบ “กูไม่ยอมยกลูกสาวของกูให้มึงหรอก ฝันไปเถอะ!!!”

สุดท้ายภาคภูมิก็ลุกขึ้นแล้วเดินหนีออกไป แล้วการเจรจาระหว่างคนทั้งสามก็จบลงเพียงเท่านี้ ปิยะวรรณขอร้องให้เจนรบกลับไปก่อน เธอจะลองคุยกับภาคภูมิดู เผื่อว่าเขาจะใจอ่อนลงบ้าง เจนรบตอบตกลง ก่อนเก็บกระเป๋าเดินทางกลับโรงแรมใจกลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพในวันถัดไป

ส่วนปวีณาก็ทำหน้าเสีย อย่างที่เธอคิดไว้แต่แรกว่าพ่อของเธอคงไม่ยอมให้เธอและเจนรบได้สมหวัง สาวน้อยเลยเดินหน้าจ๋อยกลับเข้าห้องไปด้วยความผิดหวัง

ปิยะวรรณเดินเข้ามาในห้องทำงานของภาคภูมิที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจสอบกองเอกสารแสดงรายรับรายจ่ายของรีสอร์ต

“มีอะไรเหรอเปิ้ล?” ภาคภูมิเอ่ยปากถามภรรยาขณะกำลังเซ็นเอกสารรับรอง “ถ้าจะคุยเรื่องไอ้จอม ผมไม่คุยด้วยนะ”

“นั่นแหละเรื่องที่ชั้นอยากจะคุยกับคุณ” ปิยะวรรณตอบ “เรื่องของจอมกับลูกสาวเรา”

“ผมจะไม่ยกลูกสาวให้ไอ้จอมโดยเด็ดขาด” ภาคภูมิวางปากกาลง หนุ่มใหญ่หันไปมองภรรยาด้วยสายตาแข็งกร้าว “ไม่ใช่เพราะไอ้จอมมันเป็นเพื่อนของผม ไม่ใช่เพราะไอ้จอมมันเป็นคนไม่ดี แต่ผมทำทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของลูกสาวเรา”

“แล้วถ้าอนาคตของลูกสาวเราคือเจนรบล่ะ?” ปิยะวรรณถาม “คุณไม่คิดว่ามันจะเห็นแก่ตัวไปเหรอ? ที่เราจะมาบงการชีวิตของลูกสาวเรา?”

“ผมทำเพราะหวังดีกับลูก!!” ภาคภูมิตอบ “ไหนคุณลองให้เหตุผลผมมาซิเปิ้ล ว่าผมมีเหตุผลอะไรที่ต้องยอมยกลูกสาวของเราให้ไอ้จอม”

“พูดตามความจริงนะภาค ความจริงชั้นก็เห็นด้วยกับคุณ ในแง่ของคนเป็นพ่อกับแม่” ปิยะวรรณตอบ “แต่ในแง่ของความรู้สึก ชั้นคิดว่าเราจะไปห้ามใจคนสองคนไม่ให้รักกันคงไม่ได้หรอก ชั้นคิดว่าลูกสาวเราโตพอจะตัดสินใจด้วยตัวเองได้แล้วนะ”

“แต่ไม่ใช่กับเรื่องไอ้จอมแน่เปิ้ล คุณเองก็รู้ ไม่ว่าเมื่อไร ลูกปลายังเป็นเด็กในสายตาของคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างพวกเราสองคนอยู่ดี แล้วอีกอย่าง ไอ้จอมมันเป็นผู้ใหญ่กว่า มันเพื่อนผม!! มันไม่ควรทำแบบนี้กับผมและคุณ!!!” ภาคภูมิขมวดคิ้วด้วยความโกรธ “ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย!!”

“ชั้นกำลังคิดถึงเมื่อ 30 กว่าปีก่อน” ปิยะวรรณทบทวนอดีตให้ภาคภูมิ “คุณยังจำเรื่องวันนั้นได้ไหม? วันที่ชั้นกับคุณ….”

พอพูดถึงเรื่องนั้น ก็เลยทำให้ภาคภูมิดูอ่อนลง หนุ่มใหญ่รู้ดีว่าภรรยากำลังหมายถึงเรื่องอะไร แล้วภาพแห่งอดีตก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เจนรบและปิยะวรรณมีปากเสียงกันหลังกลับมาจากทริปที่นครปฐม เพราะปิยะวรรณไม่ยอมตกเป็นของเจนรบ เลยทำให้สถานะภาพของทั้งคู่เริ่มสั่นคลอนหลังจากเหตุการณ์นั้น

“ทำไมพักหลังเปิ้ลถึงชอบเดินไปไหนมาไหนคนเดียวนะ? แล้วไอ้จอมล่ะ?” ภาคภูมิอดสงสัยไม่ได้ ที่พักหลังปิยะวรรณมักเดินคนเดียวโดยไม่มีเจนรบ เลยทำให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปทักทายหญิงสาวเสียหน่อย

“สวัสดีเปิ้ล” ภาคภูมิทักทายหญิงสาว

“ไงภาค” ปิยะวรรณยิ้มหวาน “จะไปไหนเหรอ?”

“ก็ว่าจะไปเข้าเรียนน่ะ” ภาคภูมิหยิบหนังสือเรียนขึ้นมา “แล้วเปิ้ลล่ะ?”

“เหมือนกัน” หญิงสาวยิ้มตอบ

“พักนี้ไม่เห็นเปิ้ลกับไอ้จอมเดินไปไหนมาไหนด้วยกันเลย” ภาคภูมิเริ่มเปิดประเด็น “มีอะไรหรือเปล่าเปิ้ล?”

“ไม่มีอะไรหรอก” พอพูดถึงเจนรบ ปิยะวรรณเริ่มทำหน้าเศร้า “เราขอตัวไปเรียนก่อนนะ”

ด้วยความสงสัย เวลาภาคภูมิเจอเจนรบเดินมาคนเดียว ชายหนุ่มก็เลยถือวิสาสะเข้าไปถามความจริงจากเจนรบ ก็เลยได้ทราบความจริงว่าทั้งคู่มีปัญหากันนิดหน่อย แต่เจนรบไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเป็นเรื่องอะไร

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ภาคภูมิก็รู้สึกว่าปิยะวรรณเริ่มมีไมตรีกับเขามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตอนแข่งขันฟุตบอล ตอนเล่นดนตรี บางครั้งปิยะวรรณก็มักเข้ามาหาเรื่องคุยกับภาคภูมิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬาหรือเรื่องดนตรี

“ภาคเป็นคนเก่งนะ เปิ้ลอยากให้จอมเก่งแบบภาคจังเลย” ปิยะวรรณยิ้ม “เปิ้ลอยากให้จอมเล่นกีตาร์เป็น อยากให้เล่นกีฬาเก่ง แล้วก็ใจดีแบบภาคบ้างจัง”

ตอนแรกภาคภูมิก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยิ่งทำให้ภาคภูมิและปิยะวรรณสนิทสนมกันโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองคนเริ่มวางแผนปิดบังความจริงไม่ให้เจนรบรู้อยู่นาน จนกระทั่งในช่วงเย็นของวันหนึ่ง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

ปิยะวรรณเดินลงมาจากอาคารเรียน ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ภาคภูมิกำลังขับรถกลับเห็นหญิงสาวก็เลยหวังดีจะขับรถไปส่งที่หอพักหญิง

“เปิ้ล จะกลับหอเหรอ ให้เราไปส่งไหม?” ภาคภูมิเอ่ยปากถามปิยะวรรณที่เดินอยู่ริมฟุตบาทหน้าอาคารเรียน

“จะดีเหรอ?” ปิยะวรรณแสดงความเกรงอกเกรงใจชายหนุ่ม

“มาเถอะ นี่จะค่ำแล้ว” ภาคภูมิตอบ

สุดท้ายปิยะวรรณก็ใจอ่อน ยอมติดรถไปกับภาคภูมิ ทั้งคู่พูดคุยกันด้วยเรื่องปกติทั่วไป จนกระทั่งภาคภูมิยิงคำถามถึงเจนรบ

“นี่อย่าบอกไอ้จอมนะ ว่าภาคมาส่งเปิ้ลที่หอ ถ้ามันรู้ เราตายแน่”

“เราไม่ได้เป็นอะไรกับจอมสักหน่อย” ปิยะวรรณตอบ “จอมรู้แล้วจะทำไมล่ะภาค?”

“หมายความว่ายังไง?” ภาคภูมิหรี่ตามองปิยะวรรณที่กำลังเปิดประตูรถออกไปด้วยความสงสัย

“ก็หมายความว่าเรากับจอมไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ปิยะวรรณยิ้มหวานให้ภาคภูมิ “ขับรถดีๆ นะภาค เปิ้ลเป็นห่วง”

คำว่า ‘เปิ้ลเป็นห่วง’ นี่เอง ที่ทำให้หัวใจของภาคภูมิพองโต หลังจากวันนั้น ภาคภูมิก็เริ่มคิดจริงจังกับปิยะวรรณ โดยที่เจนรบไม่มีทางรู้ และสุดท้าย ปิยะวรรณและภาคภูมิก็เป็นของกันและกันในค่ำคืนของวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร หลังจากการเลี้ยงฉลองสอบเสร็จ ในวันนั้น เจนรบต้องรีบกลับบ้าน เพราะมีธุระด่วน ก็เลยไม่ได้ไปกับเพื่อนฝูงในคณะนิติศาสตร์

ด้วยเหตุนิ้เอง ภาคภูมิและปิยะวรรณ ก็เลยนัดเจอกันและพาไปเลี้ยงฉลองวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทั้งคู่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ตอนแรกปิยะวรรณไม่กล้า แต่ทนคำรบเร้าของภาคภูมิไม่ไหว ก็เลยดื่มจนพาอารมณ์เตลิดไปไกล สุดท้ายภาคภูมิก็เลยพาปิยะวรรณไปสานต่อเรื่องราวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพหลังผ่านพ้นเข้าสู่เช้ามืดของวันใหม่

ปิยะวรรณนอนคลุมโปงร้องไห้ทั้งน้ำตา บนเตียงนอนสีขาวมีคราบเลือดติดอยู่ ภาคภูมิในสภาพเกือบเปลือย มีเพียงแค่ผ้าขนหนูปิดด้านล่างนั่งเครียด เพราะไม่คิดว่าเปิ้ลจะเป็นสาวบริสุทธิ์ และที่สำคัญเขาได้ชื่อว่าเป็นคนแย่งแฟนเพื่อน จริงอยู่ว่าเปิ้ลอาจบอกเองว่าเธอกับไอ้จอมไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่สำหรับไอ้จอมแล้ว เปิ้ลคือคนที่มันรักมากที่สุด และอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

ภาคภูมิครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่เขายังไม่ได้คิดอะไรกับปิยะวรรณ

“ช่วงนี้กูไม่เห็นมึงกับเปิ้ลอยู่ด้วยกันเลยว่ะ” ภาคภูมิเอ่ยปากถามเพื่อนรักที่กำลังง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือกฎหมาย

“สงสัยเปิ้ลจะยุ่ง กูเองก็ยุ่งเหมือนกัน” เจนรบตอบ “กูอยากสอบเป็นทนาย ถ้ากูตั้งตัวได้ กูตั้งใจจะไปสู่ขอเปิ้ลมาเป็นแม่ของลูกกู”

“ขอให้มึงสมหวังนะเพื่อน” ภาคภูมิตบบ่าเพื่อนรัก โดยที่ชายหนุ่มไม่มีวันรู้เลยว่า สุดท้ายแล้วโชคชะตาจะเล่นตลกด้วยการลิขิตให้เขาเป็นคนพรากคนรักจากเจนรบไป

ตัดมาที่โรงแรม ปิยะวรรณยังคงร้องไห้ เธอจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น พอรู้สึกตัวอีกที เธอก็ตื่นขึ้นมาในสภาพร่างกายเปลือยเปล่ากับภาคภูมิแล้ว

“ภาค…ฮือ…เราเป็นของภาคแล้ว” ดาวคณะอักษรศาสตร์ร้องไห้นัยน์ตาแดงก่ำ “ภาคต้องรับผิดชอบเราด้วย”

“แน่นอน…” ภาคภูมิหันไปมองหน้าหญิงสาว “ภาคต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น”

“อย่าให้จอมรู้เรื่องของเราเด็ดขาดนะ” ปิยะวรรณเอ่ยปาก “ถ้าจอมรู้ เราสองคนตายแน่”

แม้จะพยายามปิดบังความจริงยังไง ความลับก็ไม่มีในโลกอยู่ดี มีรุ่นพี่ในคณะนิติศาสตร์อดสงสารเจนรบที่กำลังโดนปิยะวรรณกับภาคภูมิสวมเขาอยู่ไม่ไหว ก็เลยเอาความจริงไปบอก พอเจนรบรู้เรื่อง ก็เลยแอบสะกดรอยตาม จนพบไอ้ภาคเพื่อนรักกำลังมอบดอกกุหลาบให้ปิยะวรรณอยู่หน้าตึกอักษรศาสตร์อยู่พอดี

เจนรบเองก็เตรียมดอกกุหลาบมาให้ปิยะวรรณในวันวาเลนไทน์เช่นเดียวกันด้วยความหวังว่าช่อดอกไม้ช่อใหญ่นี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ที่ห่างเหินไปให้กลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง พอเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนั้น เจนรบเลยเขวี้ยงช่อกุหลาบลงพื้น แล้วเดินไปฮุคขวาใส่หน้าภาคภูมิต่อหน้าปิยะวรรณ จนทำให้นักศึกษาแถวนั้นตกใจกันยกใหญ่

“ไอ้สัส!! ไอ้เพื่อนเลว!! ไอ้เพื่อนชั่ว!!”

“โอ้ย!! ไอ้จอม!! ฟังกูก่อน!!”

“ฟังเหรอ!! เพื่อนกันทำกันแบบนี้เหรอวะ!!”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะจอม!!” ปิยะวรรณในชุดนักศึกษาออกโรงห้ามเจนรบ “อย่าทำอะไรภาค!!!”

“แต่ไอ้ภาค…” เจนรบหันไปมองหน้าแฟนสาว โดยที่เจ้าตัวไม่มีวันรู้เลยว่า ตอนนี้หัวใจของเธอเป็นอื่นไปแล้ว

“เปิ้ลไม่ได้รักจอม!!” ดาวคณะอักษรศาสตร์ตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เปิ้ลจำไม่ได้ว่าเปิ้ลเคยพูดว่าเราเป็นแฟนกันเมื่อไรตอนไหน เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะจอม อย่าสำคัญตัวเองผิด เพราะฉะนั้น อย่ามาทำตัวเป็นอันธพาลแถวนี้ เปิ้ลไม่ชอบ!!”

“เปิ้ล? นี่เปิ้ลพูดว่าอะไรนะ?” คำพูดของปิยะวรรณมันบาดลึกเข้ามาในหัวใจของเจนรบ ในตอนนั้นหญิงสาวคิดเพียงแค่จะเอาชนะเท่านั้น ปิยะวรรณคิดแค่ว่าเธอรักภาคภูมิ ไม่ได้รักเจนรบ ก็เลยพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด โดยคาดไม่ถึงว่าคำพูดของเธอจะสร้างบาดแผลลึกให้คนที่มีรักจริงอย่างเจนรบ “เปิ้ล? เปิ้ลกับไอ้ภาครักกัน?”

“ใช่…แล้วจะทำไม?” ปิยะวรรณเข้าไปช่วยพยุงภาคภูมิ “เปิ้ลกับภาค เราสองคนรักกันมานานแล้ว”

“เปิ้ล?” ภาคภูมิที่นอนกองบนพื้นมองหน้าหญิงสาวกับเพื่อนรัก

“ก็ไหนเปิ้ลเคยบอกว่ารักเราไง?” เจนรบพยายามคาดคั้นความจริง “แล้วทำไม?”

“ก็ตอนนั้นมันก็ส่วนตอนนั้น” ปิยะวรรณตอบอย่างไม่ยี่หระ “แต่ตอนนี้เปิ้ลมั่นใจแล้ว ว่าเปิ้ลรักภาค”

เจนรบเหมือนตายทั้งเป็นเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นจากปากของปิยะวรรณ เรียกได้ว่ามันเจ็บจนคนอย่างเจนรบแทบล้มทั้งยืน สุดท้ายเพราะทนความรักที่ปิยะวรรณมีให้ภาคภูมิไม่ได้ เจนรบผู้พ่ายแพ้ก็เลยเดินหันหลังกลับไปโดยไม่หันมองกลับมาที่เพื่อนรักและอดีตคนรักเก่าอีกเลย

ตัดมาที่ปัจจุบัน ปิยะวรรณในวัยห้าสิบปีเศษกำลังนั่งรำลึกความทรงจำในอดีตกับภาคภูมิผู้เป็นสามี โดยหัวข้อสำคัญก็คือเรื่องราวความรักต้องห้ามระหว่างเจนรบและปวีณา ในฐานะพ่อและแม่ ภาคภูมิและปิยะวรรณกำลังพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน

“เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ผมนึกว่าคุณลืมไปแล้วซะอีก” ภาคภูมิที่ตอนนี้เป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ของภาคเหนือยิ้มให้ภรรยา “พอนึกขึ้นมา ผมยังรู้สึกปวดตรงกรามซ้ายอยู่เลย หมัดไอ้จอมโคตรหนัก!!”

“เหรอคะ?” ปิยะวรรณยิ้มให้สามี “ชั้นไม่เคยลืมหรอก เหตุการณ์วันนั้น ถ้าย้อนเวลากลับไป ชั้นอยากจะหาวิธีพูดที่มันดูนุ่มนวลกว่านี้ เพราะความอยากเอาชนะ คิดจะพูดก็พูดโดยไม่คิดของชั้น เลยทำให้เจนรบต้องทนทุกข์มาสามสิบกว่าปี”

“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกเปิ้ล” หนุ่มใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินวนรอบโต๊ะไปแตะบ่าของภรรยาที่นั่งอยู่ตรงหน้า “คุณอาจจะพูดแรงไปในวันนั้นก็จริง แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเจนรบ ใครสั่งให้มันเป็นคนยึดมั่นถือมั่นเองล่ะ มันทำตัวมันเองทั้งนั้น จริงไหม?”

“ก็ใช่…” ปิยะวรรณตอบ “แต่ชั้นไม่อยากให้มันเป็นเวรเป็นกรรมอีก ชั้นก็เลย…”

“คุณกำลังจะบอกว่าเราควรยกลูกสาวของเราให้ไอ้จอมงั้นเหรอ?” ภาคภูมิที่ดูอ่อนโยนเมื่อครู่เริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้นมา “ผมไม่ยอมหรอกเปิ้ล”

“คุณคะ ลองทิ้งศักดิ์ศรีลงบ้างเถอะค่ะ” ปิยะวรรณลุกขึ้นเผชิญหน้ากับสามี “ชั้นคิดว่าเราห้ามลูกสาวไปก็เท่านั้น ลูกสาวเรากำลังจะขึ้นปีสี่แล้วนะคะ คุณคงไม่คิดจะเอาตัวลูกสาวเรากลับมาเรียนที่เชียงใหม่หรอกใช่ไหม?”

“ถ้ามันจำเป็น ผมก็ต้องทำ” ภาคภูมิตอบ

“แต่ชั้นคิดว่าเรายังมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า” ปิยะวรรณเสนอความเห็น

“ยังไง?” หนุ่มใหญ่หรี่ตามองภรรยา

“ชั้นว่าเราควรเสนอเงื่อนไขให้เจนรบ ด้วยการให้เขารอลูกสาวของเราให้เรียนจบปริญญาโทจากอเมริกาก่อน จนกว่าจะถึงตอนนั้น เราค่อยมาว่ากันถึงเรื่องแต่งงาน”

“แล้วระหว่างนี้ล่ะ? คุณกำลังจะบอกผมว่าคุณจะเปิดโอกาสให้ไอ้จอมมันปู้ยี่ปู้ยำลูกสาวเราได้เต็มที่งั้นเหรอ?”

“คุณคะ โลกสมัยนี้ไปถึงไหนแล้ว คุณเองก็ร้ายไม่เบาเหมือนกันนั่นแหละ พามอมเหล้าเสร็จแล้วพาเข้าโรงแรม ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ชั้นคงไม่ตัดใจจากจอมหรอกค่ะ” ปิยะวรรณค้อนใส่ภาคภูมิ “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ลูกสาวเราไม่ใช่เด็กน้อยอีกแล้วนะคะ ชั้นคิดว่าถ้าเป็นจอม เขาจะไม่ทำร้ายปลาแน่นอนค่ะ”

“ผมฟังดู สุดท้ายแล้ว เราก็ต้องเสียลูกสาวให้ไอ้จอมอยู่ดีนะ” ภาคภูมิแสดงความเห็น

“หรือว่าคุณอยากให้มันจบแบบโศกนาฏกรรม คุณก็เห็นว่าจอมรักลูกสาวของเรามากขนาดไหน?” ปิยะวรรณแสดงความเห็น “ชั้นว่าลองเปิดโอกาสให้จอมกับลูกสาวเราคบหากัน จะเป็นไรไป ลูกสาวเราโตแล้วนะคะ ชั้นมั่นใจว่าลูกสาวเรารับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้วนะ”

“อืม…ถ้าคุณพูดแบบนี้” ภาคภูมิพยักหน้า “เอาตามนั้นก็ได้ แต่ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด คุณต้องรับผิดชอบนะเปิ้ล ผมถือว่าผมเตือนแล้ว”

ในเย็นวันนั้น ปิยะวรรณเดินเข้ามาบอกข่าวดีกับปวีณาในห้องนอน สาวน้อยยิ้มแป้นอย่างมีความสุข ที่ในที่สุดพ่อกับแม่ก็ยอมเปิดทางให้ลุงจอมและเธอคบหากันอย่างเปิดเผย

“พ่อกับแม่คุยกันแล้ว เราคิดว่าอะไรที่เป็นความสุขของลูก พ่อกับแม่จะไม่ขัด” ปิยะวรรณเอ่ยปากกับลูกสาว “แต่แม่มีเงื่อนไขอยู่อย่าง แม่อยากให้ปลาตั้งใจเรียนให้ถึงระดับปริญญาโทที่อเมริกาเสียก่อน จนกว่าจะถึงตอนนั้น เรื่องงานแต่งงาน เราค่อยมาว่ากันอีกที”

“ขอบคุณค่ะแม่!!!” ลูกปลายิ้มหวานโอบกอดแม่ด้วยความดีใจ “ฝากขอบคุณ คุณพ่อด้วยนะคะ ปลาจะตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆ เพื่อให้พ่อกับแม่ภูมิใจนะคะ”

“แม่จะรอคอยความสำเร็จของลูกนะ” ปิยะวรรณยิ้มหวาน เธอลูบไล้แผ่นหลังของลูกสาวด้วยความรัก “เผลอแป๊บเดียว ลูกสาวของแม่ก็โตเป็นสาวแล้วเหรอเนี่ย”

ในคืนนั้น ปวีณาโทรไปบอกข่าวดีกับเจนรบที่กำลังเตรียมเดินทางกลับกรุงเทพ ทั้งคู่ต่างมีความสุขกับข่าวดีที่เกิดขึ้น เจนรบเอ่ยปากแซวปวีณาว่า เขาคงต้องทำตัวให้หนุ่มขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่ปวีณาจะได้ไม่อายใครเวลาเดินไปไหนมาไหนกับเขา

“ลุงลองเข้าฟิตเนสดูซิคะลุงจอม” ปวีณาเสนอความเห็น “หนูเห็นดาราฝรั่งอายุ 50 กว่า ยังดูหนุ่มอยู่เลย ลุงน่าจะลองทำดูนะ”

“ได้ซิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงจะไปฟิตเนสเลย” เจนรบหัวเราะร่วน “ลุงไม่คิดมาก่อนเลยว่าไอ้ภาคกับเปิ้ลจะยอมให้ลุงกับหนูปลาคบหากันง่ายๆ แบบนี้”

“ก็ไม่ได้ง่ายนะคะ ยังไงพ่อกับแม่ก็ตั้งเงื่อนไขแล้วว่าต้องให้หนูเรียนจบปริญญาโทที่อเมริกาก่อน จนกว่าจะถึงตอนนั้น ลุงจอมถึงจะมาคุยเรื่องแต่งงานได้ ยังไงปลาก็จะตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆ นะคะ”

“จ๊ะ” เจนรบตอบ “ลุงก็จะดูแลสุขภาพของตัวเอง เพื่อรอคอยวันนั้นนะ”

แล้วคู่รักต่างวัยก็พูดคุยกันกะหนุงกะหนิงอีกสักพักก่อนวางสาย ในวันรุ่งขึ้นเจนรบบินกลับกรุงเทพเพื่อไปทำงานต่อ ส่วนปวีณาก็พักผ่อนอยู่เชียงใหม่อีกสองสัปดาห์ ก่อนเตรียมเดินทางกลับไปเรียนต่อในปีสุดท้ายก่อนจบปริญญาตรี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนพิเศษ 3 : บททดสอบของหัวใจ

    เวลาผ่านไปอีกราวสองปี น้องอุ้มบุญ กันยกร ในวัยสามขวบ กำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้และพลังงานอันล้นเหลือ บ้านหลังใหญ่ของเจนรบและปวีณาที่เคยมีแต่ความสงบ (หรือความหวานชื่นของคู่รัก) บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ เสียงเรียก “พ่อจ๋า” “แม่จ๋า” และเสียงวิ่งตึงตังของเจ้าตัวเล็กที่พร้อมจะสำรวจโลกกว้างตลอดเวลาเช้าวันเสาร์ เจนรบในวัยใกล้จะเกษียณอายุราชการ ถ้าหากเขารับราชการ แต่ในความเป็นจริงคือทนายความอาวุโสชื่อดังวัย 56 ปี ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเล็กๆ ที่ดังอยู่ข้างเตียง“พ่อจ๋า...ตื่น...เล่น...” น้องอุ้มบุญในชุดนอนลายการ์ตูน กำลังใช้มือป้อมๆ เขย่าแขนพ่อปลุก ดวงตากลมใสแป๋วแหววไร้เดียงสา“อุ้มบุญเหรอลูก?” เจนรบลืมตาขึ้น ปากก็ยิ้มรับลูกสาว แต่ร่างกายกลับประท้วงเบาๆ ด้วยความปวดเมื่อยหลังจากโหมงานเอกสารและเตรียมตัวสำหรับรายการทีวีมาทั้งสัปดาห์ “จ๊ะลูก...พ่อตื่นแล้ว...แต่อุ้มบุญให้พ่อพักอีกแป๊บได้ไหมจ๊ะ?”“ม่ายอาววว...เล่นเยย...” เด็กน้อยไม่ยอมง่ายๆ เริ่มปีนขึ้นมาบนเตียง ทิ้งตัวลงบนอกพ่ออย่างแรง“โอ๊ย!! จุกนะลูก!!” เจนรบร้องเบาๆ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ คว้าตัวลูกสาวมากอดฟัด จั๊กจี้จนเสียงห

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนพิเศษ 2 : หนึ่งปีแห่งความสุข

    เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอเพียงชั่วพริบตาเดียว นางฟ้าตัวน้อยของบ้านทนายเจนรบและปวีณา—เด็กหญิงกันยกร หรือน้องอุ้มบุญ—ก็อายุครบหนึ่งขวบพอดิบพอดี จากทารกน้อยที่นอนร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมแขน วันนี้กลายเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เริ่มตั้งไข่ หัดเดินเตาะแตะ และส่งเสียงอ้อแอ้เรียก “ป้อ” “แม่” ได้เป็นคำๆ สร้างความสุขและความมีชีวิตชีวาให้กับบ้านหลังใหญ่ที่เคยเงียบเหงาได้อย่างน่าอัศจรรย์“ป้อ!! ป้อ!! แม่!!”“น่ารักน่าชังจริง ๆ ลูกพ่อ!!”“หนึ่งขวบแล้วน๊า น้องอุ้มบุญ!!”เช้าวันเกิดขวบปีแรกของน้องอุ้มบุญอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของแพนเค้กฟักทองเนื้อนุ่มที่ปวีณาตั้งใจทำให้ลูกสาวเป็นมื้อพิเศษ เจนรบนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สายตาจับจ้องมองสองแม่ลูกด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข หนึ่งปีที่ผ่านมา เขาแทบไม่เชื่อว่าชีวิตของตัวเองจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ จากทนายความผู้เคยใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว มีแต่งานเป็นเพื่อน ตอนนี้เขากลายเป็น “พ่อ” เต็มตัว เป็นสามีของหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจ และเป็นโลกทั้งใบของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังใช้มือเล็กๆ พยายามหยิบแพนเค้กเข้าปากอย่างเงอะงะ“ค่อย ๆ ซิจ๊ะลูกแม่ เลอะหมดแล้วเห็นไหม” ปวี

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนพิเศษ 1 : ความสุขที่รอคอย

    พาดหัวข่าวตัวไม้บนหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงหลายฉบับ และฟีดข่าวที่ร้อนแรงในโลกโซเชียลมีเดีย ต่างประโคมข่าว ‘วิวาห์หวานชื่น…ทนายดังต่างวัยคว้าลูกสาวเพื่อนสนิทเข้าประตูวิวาห์’ ภาพของเจนรบ ทนายความชื่อดังขวัญใจคนยากจน วัย 54 ปี ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ยืนเคียงข้าง ปวีณา เจ้าสาวแสนสวยวัย 22 ปี ทายาทคนเล็กของนักธุรกิจรีสอร์ตหรูแห่งเชียงเหนือ ในชุดไทยล้านนาประยุกต์อันงดงาม กลายเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เพียงชั่วข้ามคืนคอมเมนต์หลั่งไหลเข้ามามากมายราวกับสายน้ำหลาก บ้างแสดงความยินดี บ้างตั้งคำถามถึงความเหมาะสม บ้างก็อดอิจฉาเจ้าบ่าวสูงวัยที่ได้ภรรยาสาวสวยราวกับนางฟ้ามาครองไม่ได้“อิจฉาคนแก่ว่ะ! มีดีอะไร สาวสวยถึงได้ยอมแต่งด้วย?”“สายเปย์รึเปล่า? แต่บ้านฝ่ายหญิงก็รวยนะ”“ไม่แน่...ฝ่ายชายอาจจะเกาะฝ่ายหญิงก็ได้ ใครจะรู้”“หรือว่าเขารักกันจริงๆ ความรักมันไม่เกี่ยวกับอายุหรอกน่า อย่าคิดอกุศลเลย”เจนรบและปวีณาเตรียมใจรับมือกับกระแสสังคมเหล่านี้ไว้แล้ว ทั้งคู่เลือกให้สัมภาษณ์กับสื่อเพียงไม่กี่แห่งเท่าที่จำเป็น โดยเน้นย้ำถึงความรักความเข้าใจที่ทั้งสองมีให้กัน และการยอมรับจากครอบครัวทั้งสองฝ่าย พวกเขาไม่ได

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนที่ 10 : เข้าถ้ำเสือ

    “ทำไมหนูไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะว่าจะทำงานอยู่กรุงเทพ?” เจนรบเอ่ยปากถามปวีณา“หนูบอกแล้ว แต่พ่อกับแม่ไม่ยอม” ปวีณาตอบ “ลุงจะให้หนูทำยังไงละคะ?”ปวีณาบอกกับเจนรบว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ภาคภูมิและปิยะวรรณเรียกเธอกลับไป ช่วยงานธุรกิจรีสอร์ตทางบ้านที่เชียงใหม่ระหว่างรอรับปริญญาตรีและไปเรียนต่อปริญญาโทที่ อเมริกา เจนรบเริ่มรู้สึกว่ามันคือแผนการที่เพื่อนรักทั้งสองคิดเอาไว้ คือไม่ปฏิเสธ การคบหากันของเจนรบและปวีณา แต่จะใช้วิธีแยกให้คนทั้งคู่ห่างกันไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเจนรบและปวีณาก็ห่างจนต่อกันไม่ติดในวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง ภาคภูมิส่งคนมาช่วยขนของกลับบ้านที่เชียงใหม่ และไม่เปิดโอกาสให้ปวีณาได้ร่ำลาเจนรบ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ช่วงเวลาที่แสนหวานของเจนรบและปวีณากำลังจะจบลง แต่โชคยังดีที่มีสื่อโซเชียล เลยทำให้เจนรบและปวีณาได้พูดคุยกันผ่านทางไลน์ เด็กสาวบอกกับเจนรบว่าพ่อกับแม่ต้องการให้เธอไปช่วยงานธุรกิจที่บ้านระหว่างรอรับปริญญา“ลุงจอม…” ปวีณาไลน์คุยกับเจนรบ “หนูว่าพ่อกับแม่กำลังพยายามกีดกันหนูจากลุง”“ไม่ต้องกลัวนะปลา” เจนรบไลน์ตอบ “ลุงจะขึ้นไปเชียงใหม่อีกครั้ง ไปคุยกับไอ้ภาคและเปิ้ล ลุง

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนที่ 9 : อยากรักก็ต้องเสี่ยง

    ตอนนี้ปวีณากำลังศึกษาอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการประชาสัมพันธ์ในชั้นปีที่สี่ อีกแค่เพียงปีเดียวเท่านั้น สาวน้อยก็จะเรียนจบในระดับชั้นปริญญาตรี และเตรียมพร้อมสู่การเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาภาคภูมิและปิยะวรรณตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการยอมเปิดทางให้เจนรบและปวีณาได้คบหากัน พอได้รับไฟเขียวจากเพื่อนรักและอดีตแฟนเก่าเช่นนั้น เจนรบก็รับปากว่าจะขอดูแลลูกปลาเป็นอย่างดี และจะรอคอยจนกว่าเธอจะเรียนจบปริญญาโท เมื่อถึงตอนนั้น คู่สามีภรรยาทั้งสองถึงจะยินยอมให้เจนรบและปวีณาได้ครองคู่กันฟังดูความรักระหว่างเจนรบและปวีณากำลังไปได้สวย แต่ว่าด้วยระยะทางและภาระหน้าที่ของแต่ละคน เจนรบวุ่นวายกับการเดินทางไปถ่ายทำรายการกฎหมายน่ารู้ทางโทรทัศน์ และล่าสุดเจนรบได้เปิดช่องยูทูบเพื่อทำเรื่องราวเกี่ยวกับกฎหมายเพื่อให้ความรู้ผู้คนทั่วไปเพื่อหารายได้เสริม ส่วนหนังสือกฎหมายที่เพิ่งตีพิมพ์ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนอ่าน ด้วยภาษาเขียนที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ก็เลยทำให้หนังสือกฎหมายของเจนรบได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่สองและสามตามลำดับฝ่ายเจนรบเอง ก็ครุ่นคิดว่าช่วงนี้แทบไม่ได้เจอปลาเลย งานของเขาก็ยุ่ง ส

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนที่ 8 : เงื่อนไขของพ่อกับแม่

    หลังจากสอบเสร็จปลายภาคในช่วงชั้นปีที่สาม เจนรบตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่รอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป หนุ่มใหญ่ตัดสินใจเดินทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งตรงสู่เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับเพื่อนรักทั้งสองอย่างตรงไปตรงมาเสียที“ลุงจอม? ไหนลุงว่าจะรอให้หนูเรียนจบปริญญาตรีก่อนไง?” ปวีณาที่กลับเชียงใหม่ไปก่อนแล้วถึงกับตกใจ เมื่อทราบข่าวว่าลุงจอมตัดสินใจจะเดินทางตามมาด้วยเพื่อพูดคุยกับภาคภูมิและปิยะวรรณถึงเรื่องขอหมั้นหมายกับเธอก่อน “ถ้าพ่อกับแม่หนูรู้ หนูตายแน่!!”“ไม่ต้องกลัวหรอก ลุงคิดว่าไอ้ภาคกับเปิ้ลน่าจะมีเหตุผลพอ” เจนรบตอบ ขณะกำลังเตรียมขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง “แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวลุงต้องขึ้นเครื่องก่อน แล้วเจอกันที่เชียงใหม่นะคนดีของลุง”สุดท้ายปวีณาก็ไม่อาจทัดทานความต้องการของเจนรบได้ สาวน้อยเลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับปิยะวรรณผู้เป็นแม่ ที่รับรู้ทุกอย่างและมีเหตุผลมากพอที่จะรับฟังเธอ“มีอะไรเหรอจ๊ะปลา?” ปิยะวรรณที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารในห้องทำงานของตัวเองเอ่ยปากถามลูกสาว“เอ่อ…หนูมีเรื่องสำคัญจะมาบอกแม่ค่ะ” ปวีณาเดินเข้ามาด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status