เจนรบยืนมองคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังหยอกเย้ากันอย่างมีความสุขในงานแต่งงานของเพื่อนรักทั้งสอง ภาคภูมิ เจ้าบ่าวหนุ่มหล่อหน้าตาดี ทายาทนักธุรกิจและนักการเมืองผู้มีอิทธิพลแห่งเชียงใหม่ คือเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่สมัยเรียนคณะนิติศาสตร์ ส่วนเจ้าสาว ปิยะวรรณ อดีตคนรักเก่าของเจนรบ ผู้ซึ่งเคยเป็นถึงดาวคณะอักษรศาสตร์ ได้เลือกภาคภูมิเป็นคู่ชีวิต และกำลังเข้าพิธีวิวาห์กันในวันนี้
ชายหนุ่มผู้ช้ำรักแก้วเหล้าขึ้นดื่ม มองภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวคลอเคลียกันด้วยรอยยิ้มฝืนๆ ในฐานะสุภาพบุรุษ เขาพยายามบอกตัวเองให้ยอมรับการตัดสินใจของปิยะวรรณอย่างเข้าใจ เพราะภาคภูมิอาจจะเหมาะสมกับเธอมากกว่า เขาเลือกเป็นผู้เสียสละและยอมพ่ายแพ้ ทั้งสามคนเคยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันที่มหาวิทยาลัยบัณฑิตทวีปัญญา กรุงเทพมหานคร สถาบันเอกชนชั้นนำของประเทศ
กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหตุใดเขาจึงต้องเดินทางมาถึงเชียงใหม่เพื่อร่วมงานแต่งงานนี้ ทั้งที่อีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาก็จะต้องเข้ารับการอบรมเพื่อเตรียมสอบเป็นทนายความในกรุงเทพฯ แต่ด้วยความผูกพันที่มีต่อเพื่อนรักอย่างภาคภูมิ และอดีตคนรักอย่างปิยะวรรณ (หรือ 'เปิ้ล' ที่เขาและเพื่อนๆ เรียกกัน) ผู้หญิงที่เขาเต็มใจหลีกทางให้ภาคภูมิได้ครอบครอง ทำให้เจนรบตัดสินใจขึ้นเหนือมาเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานครั้งนี้
ภาพความสุขของคู่บ่าวสาวราวกับตอกย้ำความเจ็บปวดในใจของเขา เจนรบกระดกเหล้าอีกครั้ง พลางยิ้มบางๆ มองภาคภูมิดีดกีตาร์ร้องเพลงรักบนเวที แสงไฟส่องกระทบใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนรัก ท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้มยินดีของแขกเหรื่อผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน ปิยะวรรณนั่งอยู่เคียงข้าง ส่งยิ้มหวานให้เจ้าบ่าว ใบหน้าสวยหวานของเธอดูเปล่งประกายราวกับนางฟ้า ช่างน่าเสียดายที่เขาไม่มีวาสนาพอจะเป็นชายผู้โชคดีที่เธอเลือก
ในที่สุด เจนรบก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากไป เขาไม่อยากทนเห็นภาพบาดตาบาดใจอีกต่อไป ภาคภูมิที่กำลังเล่นกีตาร์อยู่เหลือบมาเห็นเขา แต่ก็ทำทีเป็นไม่สังเกต ยังคงบรรเลงเพลงรักต่อไปเพื่อมอบให้กับแขกผู้มีเกียรติและเจ้าสาวของเขา
ทางด้านปิยะวรรณ ใบหน้าของเธอกลับฉายแววเศร้าหมองอย่างชัดเจน หญิงสาวรู้ดีว่าเจนรบรักเธอมากเพียงใด คำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ว่าจะรักเธอเป็นคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตยังคงก้องอยู่ในความทรงจำ แต่สุดท้าย เธอกลับเป็นฝ่ายที่เปลี่ยนใจไปรักคนอื่น และคนที่เธอเลือกนั้นกลับกลายเป็นภาคภูมิ เพื่อนรักของเจนรบเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น เจนรบขอตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที โดยปฏิเสธคำชวนของภาคภูมิและปิยะวรรณที่ต้องการให้เขาอยู่เที่ยวเชียงใหม่ต่อ เขาให้เหตุผลว่ามีธุระสำคัญเกี่ยวกับการสอบทนายความที่ต้องจัดการ
โลกของเพื่อนรักทั้งสองในเวลานี้อบอวลไปด้วยกลิ่นไอแห่งความรัก แต่โลกของเจนรบกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงจัง เขาตั้งใจแน่วแน่ในสายงานอาชีพทนายความ เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสที่ถูกนายทุนและผู้มีอิทธิพลข่มเหงรังแก
เขาต่อสู้เพื่อคนเหล่านั้น ผู้ที่ไม่มีปากมีเสียงในสังคม เจนรบเกลียดชังความอยุติธรรม เขาเริ่มต้นจากการว่าความในคดีเล็กๆ คดีที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย สะสมประสบการณ์และชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ในฐานะทนายความหนุ่มไฟแรงขวัญใจคนยากจน เขาอุทิศตนเพื่อคนกลุ่มนี้มาอย่างยาวนาน กระทั่งเวลาผ่านไป จากหนุ่มน้อยกลายเป็นชายหนุ่มใหญ่ ในวัย 50 ปี เจนรบได้เปิดสำนักงานทนายความเป็นของตนเอง ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และให้คำปรึกษาแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
จนกระทั่งวันหนึ่ง ภาคภูมิ เพื่อนรักที่ไม่ได้พบเจอกันนานนับสิบปี ก็โทรศัพท์มา นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวบทใหม่ในชีวิตของเจนรบ เมื่อเขาได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อปวีณา สาวน้อยที่กำลังเข้ามามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล
เวลาผ่านไปอีกราวสองปี น้องอุ้มบุญ กันยกร ในวัยสามขวบ กำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้และพลังงานอันล้นเหลือ บ้านหลังใหญ่ของเจนรบและปวีณาที่เคยมีแต่ความสงบ (หรือความหวานชื่นของคู่รัก) บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ เสียงเรียก “พ่อจ๋า” “แม่จ๋า” และเสียงวิ่งตึงตังของเจ้าตัวเล็กที่พร้อมจะสำรวจโลกกว้างตลอดเวลาเช้าวันเสาร์ เจนรบในวัยใกล้จะเกษียณอายุราชการ ถ้าหากเขารับราชการ แต่ในความเป็นจริงคือทนายความอาวุโสชื่อดังวัย 56 ปี ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเล็กๆ ที่ดังอยู่ข้างเตียง“พ่อจ๋า...ตื่น...เล่น...” น้องอุ้มบุญในชุดนอนลายการ์ตูน กำลังใช้มือป้อมๆ เขย่าแขนพ่อปลุก ดวงตากลมใสแป๋วแหววไร้เดียงสา“อุ้มบุญเหรอลูก?” เจนรบลืมตาขึ้น ปากก็ยิ้มรับลูกสาว แต่ร่างกายกลับประท้วงเบาๆ ด้วยความปวดเมื่อยหลังจากโหมงานเอกสารและเตรียมตัวสำหรับรายการทีวีมาทั้งสัปดาห์ “จ๊ะลูก...พ่อตื่นแล้ว...แต่อุ้มบุญให้พ่อพักอีกแป๊บได้ไหมจ๊ะ?”“ม่ายอาววว...เล่นเยย...” เด็กน้อยไม่ยอมง่ายๆ เริ่มปีนขึ้นมาบนเตียง ทิ้งตัวลงบนอกพ่ออย่างแรง“โอ๊ย!! จุกนะลูก!!” เจนรบร้องเบาๆ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ คว้าตัวลูกสาวมากอดฟัด จั๊กจี้จนเสียงห
เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอเพียงชั่วพริบตาเดียว นางฟ้าตัวน้อยของบ้านทนายเจนรบและปวีณา—เด็กหญิงกันยกร หรือน้องอุ้มบุญ—ก็อายุครบหนึ่งขวบพอดิบพอดี จากทารกน้อยที่นอนร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมแขน วันนี้กลายเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เริ่มตั้งไข่ หัดเดินเตาะแตะ และส่งเสียงอ้อแอ้เรียก “ป้อ” “แม่” ได้เป็นคำๆ สร้างความสุขและความมีชีวิตชีวาให้กับบ้านหลังใหญ่ที่เคยเงียบเหงาได้อย่างน่าอัศจรรย์“ป้อ!! ป้อ!! แม่!!”“น่ารักน่าชังจริง ๆ ลูกพ่อ!!”“หนึ่งขวบแล้วน๊า น้องอุ้มบุญ!!”เช้าวันเกิดขวบปีแรกของน้องอุ้มบุญอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของแพนเค้กฟักทองเนื้อนุ่มที่ปวีณาตั้งใจทำให้ลูกสาวเป็นมื้อพิเศษ เจนรบนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สายตาจับจ้องมองสองแม่ลูกด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข หนึ่งปีที่ผ่านมา เขาแทบไม่เชื่อว่าชีวิตของตัวเองจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ จากทนายความผู้เคยใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว มีแต่งานเป็นเพื่อน ตอนนี้เขากลายเป็น “พ่อ” เต็มตัว เป็นสามีของหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจ และเป็นโลกทั้งใบของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังใช้มือเล็กๆ พยายามหยิบแพนเค้กเข้าปากอย่างเงอะงะ“ค่อย ๆ ซิจ๊ะลูกแม่ เลอะหมดแล้วเห็นไหม” ปวี
พาดหัวข่าวตัวไม้บนหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงหลายฉบับ และฟีดข่าวที่ร้อนแรงในโลกโซเชียลมีเดีย ต่างประโคมข่าว ‘วิวาห์หวานชื่น…ทนายดังต่างวัยคว้าลูกสาวเพื่อนสนิทเข้าประตูวิวาห์’ ภาพของเจนรบ ทนายความชื่อดังขวัญใจคนยากจน วัย 54 ปี ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ยืนเคียงข้าง ปวีณา เจ้าสาวแสนสวยวัย 22 ปี ทายาทคนเล็กของนักธุรกิจรีสอร์ตหรูแห่งเชียงเหนือ ในชุดไทยล้านนาประยุกต์อันงดงาม กลายเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เพียงชั่วข้ามคืนคอมเมนต์หลั่งไหลเข้ามามากมายราวกับสายน้ำหลาก บ้างแสดงความยินดี บ้างตั้งคำถามถึงความเหมาะสม บ้างก็อดอิจฉาเจ้าบ่าวสูงวัยที่ได้ภรรยาสาวสวยราวกับนางฟ้ามาครองไม่ได้“อิจฉาคนแก่ว่ะ! มีดีอะไร สาวสวยถึงได้ยอมแต่งด้วย?”“สายเปย์รึเปล่า? แต่บ้านฝ่ายหญิงก็รวยนะ”“ไม่แน่...ฝ่ายชายอาจจะเกาะฝ่ายหญิงก็ได้ ใครจะรู้”“หรือว่าเขารักกันจริงๆ ความรักมันไม่เกี่ยวกับอายุหรอกน่า อย่าคิดอกุศลเลย”เจนรบและปวีณาเตรียมใจรับมือกับกระแสสังคมเหล่านี้ไว้แล้ว ทั้งคู่เลือกให้สัมภาษณ์กับสื่อเพียงไม่กี่แห่งเท่าที่จำเป็น โดยเน้นย้ำถึงความรักความเข้าใจที่ทั้งสองมีให้กัน และการยอมรับจากครอบครัวทั้งสองฝ่าย พวกเขาไม่ได
“ทำไมหนูไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะว่าจะทำงานอยู่กรุงเทพ?” เจนรบเอ่ยปากถามปวีณา“หนูบอกแล้ว แต่พ่อกับแม่ไม่ยอม” ปวีณาตอบ “ลุงจะให้หนูทำยังไงละคะ?”ปวีณาบอกกับเจนรบว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ภาคภูมิและปิยะวรรณเรียกเธอกลับไป ช่วยงานธุรกิจรีสอร์ตทางบ้านที่เชียงใหม่ระหว่างรอรับปริญญาตรีและไปเรียนต่อปริญญาโทที่ อเมริกา เจนรบเริ่มรู้สึกว่ามันคือแผนการที่เพื่อนรักทั้งสองคิดเอาไว้ คือไม่ปฏิเสธ การคบหากันของเจนรบและปวีณา แต่จะใช้วิธีแยกให้คนทั้งคู่ห่างกันไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเจนรบและปวีณาก็ห่างจนต่อกันไม่ติดในวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง ภาคภูมิส่งคนมาช่วยขนของกลับบ้านที่เชียงใหม่ และไม่เปิดโอกาสให้ปวีณาได้ร่ำลาเจนรบ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ช่วงเวลาที่แสนหวานของเจนรบและปวีณากำลังจะจบลง แต่โชคยังดีที่มีสื่อโซเชียล เลยทำให้เจนรบและปวีณาได้พูดคุยกันผ่านทางไลน์ เด็กสาวบอกกับเจนรบว่าพ่อกับแม่ต้องการให้เธอไปช่วยงานธุรกิจที่บ้านระหว่างรอรับปริญญา“ลุงจอม…” ปวีณาไลน์คุยกับเจนรบ “หนูว่าพ่อกับแม่กำลังพยายามกีดกันหนูจากลุง”“ไม่ต้องกลัวนะปลา” เจนรบไลน์ตอบ “ลุงจะขึ้นไปเชียงใหม่อีกครั้ง ไปคุยกับไอ้ภาคและเปิ้ล ลุง
ตอนนี้ปวีณากำลังศึกษาอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการประชาสัมพันธ์ในชั้นปีที่สี่ อีกแค่เพียงปีเดียวเท่านั้น สาวน้อยก็จะเรียนจบในระดับชั้นปริญญาตรี และเตรียมพร้อมสู่การเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาภาคภูมิและปิยะวรรณตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการยอมเปิดทางให้เจนรบและปวีณาได้คบหากัน พอได้รับไฟเขียวจากเพื่อนรักและอดีตแฟนเก่าเช่นนั้น เจนรบก็รับปากว่าจะขอดูแลลูกปลาเป็นอย่างดี และจะรอคอยจนกว่าเธอจะเรียนจบปริญญาโท เมื่อถึงตอนนั้น คู่สามีภรรยาทั้งสองถึงจะยินยอมให้เจนรบและปวีณาได้ครองคู่กันฟังดูความรักระหว่างเจนรบและปวีณากำลังไปได้สวย แต่ว่าด้วยระยะทางและภาระหน้าที่ของแต่ละคน เจนรบวุ่นวายกับการเดินทางไปถ่ายทำรายการกฎหมายน่ารู้ทางโทรทัศน์ และล่าสุดเจนรบได้เปิดช่องยูทูบเพื่อทำเรื่องราวเกี่ยวกับกฎหมายเพื่อให้ความรู้ผู้คนทั่วไปเพื่อหารายได้เสริม ส่วนหนังสือกฎหมายที่เพิ่งตีพิมพ์ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนอ่าน ด้วยภาษาเขียนที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ก็เลยทำให้หนังสือกฎหมายของเจนรบได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่สองและสามตามลำดับฝ่ายเจนรบเอง ก็ครุ่นคิดว่าช่วงนี้แทบไม่ได้เจอปลาเลย งานของเขาก็ยุ่ง ส
หลังจากสอบเสร็จปลายภาคในช่วงชั้นปีที่สาม เจนรบตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่รอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป หนุ่มใหญ่ตัดสินใจเดินทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งตรงสู่เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับเพื่อนรักทั้งสองอย่างตรงไปตรงมาเสียที“ลุงจอม? ไหนลุงว่าจะรอให้หนูเรียนจบปริญญาตรีก่อนไง?” ปวีณาที่กลับเชียงใหม่ไปก่อนแล้วถึงกับตกใจ เมื่อทราบข่าวว่าลุงจอมตัดสินใจจะเดินทางตามมาด้วยเพื่อพูดคุยกับภาคภูมิและปิยะวรรณถึงเรื่องขอหมั้นหมายกับเธอก่อน “ถ้าพ่อกับแม่หนูรู้ หนูตายแน่!!”“ไม่ต้องกลัวหรอก ลุงคิดว่าไอ้ภาคกับเปิ้ลน่าจะมีเหตุผลพอ” เจนรบตอบ ขณะกำลังเตรียมขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง “แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวลุงต้องขึ้นเครื่องก่อน แล้วเจอกันที่เชียงใหม่นะคนดีของลุง”สุดท้ายปวีณาก็ไม่อาจทัดทานความต้องการของเจนรบได้ สาวน้อยเลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับปิยะวรรณผู้เป็นแม่ ที่รับรู้ทุกอย่างและมีเหตุผลมากพอที่จะรับฟังเธอ“มีอะไรเหรอจ๊ะปลา?” ปิยะวรรณที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารในห้องทำงานของตัวเองเอ่ยปากถามลูกสาว“เอ่อ…หนูมีเรื่องสำคัญจะมาบอกแม่ค่ะ” ปวีณาเดินเข้ามาด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ