หลินมู่อิงไม่ได้มองย้อนกลับไปที่หลินตงเธออยากออกไปจากที่นี่เต็มที ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังคำโบราณกล่าวเอาไว้ว่าการมีแม่เลี้ยงพ่อแท้ๆก็จะกลายเป็นพ่อเลี้ยงด้วยเช่นกันและสิ่งที่เธอพบเจอมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กสามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
“มู่อิง คราวหน้าเธอต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ ฉันล้มเหลวในการเป็นพ่อ...”
หลินตงลุกขึ้นและอยากจะเดินไปหาหลินมู่อิง แต่ขาของเขากลับรู้สึกหนักอึ้งจนไม่สามารถที่จะขยับได้ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน ถึงแม้ว่าหลินตงจะรู้สึกละอายใจอยู่บ้างแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเขาทำได้แค่ทำใจยอมรับและบอกให้ลูกสาวดูแลตัวเองให้ดีเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้
“ฉันเข้าใจแล้ว และมันคงจะดีกว่าที่ฉันจะอยู่ที่นี่ คุณไม่ต้องห่วงถึงแม้ว่าฉันจะลำบากฉันก็จะไม่กลับมาหาพวกคุณนับตั้งแต่วันนี้พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
หลินมู่อิง ตอบกลับหลินตงโดยไม่มีคำว่า พ่อหลุดออกจากปากของเธอแม้แต่คำเดียว และเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง หลินมู่อิงไม่ได้กลับไปที่ห้องเล็ก ๆ คับแคบของเธอ ที่นั่นคือที่ที่ตระกูลหลินใช้เก็บข้าวของต่างๆ ของพวกเขา
เธอไม่แม้แต่เอาเสื้อผ้าติดตัวไปด้วยเพราะเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดอยู่บนตัวเธอในตอนนี้ ส่วนชุดอื่นๆนั้นแม้ว่าจะซักจนสะอาดแล้วแต่ก็มีรอยปะอยู่เต็มไปหมดและเก่าจนไม่รู้ว่าสีเดิมของเสื้อผ้าคือสีอะไร ที่บ้านตระกูลหลินแห่นงนี้ ไม่มีอะไรที่เธอจำเป็นต้องเอาออกไป เพราะเธอ...ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
หลินมู่อิงเดินออกจากประตูบ้านตระกูลหลินและมุ่งหน้าไปยังโรงงานเสื้อผ้าที่เธอทำงานอยู่ อีกสามวันก็จะถึงเวลาไปชนบทแล้ว และเธอจะขายงานของเธอตอนนี้ การทำงานในโรงงานเสื้อผ้าของรัฐสามารถหารายได้ได้มากกว่า 200 หยวน นี่แหละชามข้าวเหล็กในยุคนี้
เธอกลับไปที่โรงงานเสื้อผ้าและพบเพื่อนที่ดีของเธอคนหนึ่งและบอกเพื่อนของเธอว่าเธอต้องการขายงานของเธอและขอให้ช่วยหาคนมาซื้อตำแหน่งงาน ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่มากเท่าไหร่สำหรับตำแหน่งงานของเธอเพียงเดือนละ 20 หยวนเท่านั้น แต่เป็นงานที่มั่นคงและมีคนอีกหลายคนต้องการเข้ามาทำงานในโรงงานเสื้อผ้าแห่งนี้ หลินมู่อิงคิดว่าเธอจะสามารถขายตำแหน่งงานของเธอได้แน่นอน
“มู่อิง คุณตกลงจะไปชนบทจริงๆเหรอ ชีวิตที่นั่นมันยากลำบากมาก...” เถียนซูซูดึงหลินมู่อิงไปข้างๆ แล้วกระซิบ
“ไม่เป็นไรหรอก แม้ว่าชีวิตหลังจากออกจากที่นี่ไปจะยากลำบาก แต่มันก็ดีกว่าที่ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัวของฉัน ฉันอยู่ที่นี่ก็เป็นเพียงเครื่องมือหาเงินให้พวกเขาเท่านั้น บางทีการที่ฉันไปชนบทก็อาจจะโชคดีกว่านี้ก็ได้”
ขณะที่หลินมู่อิงกำลังพูดอยู่นั้น ไม่มีร่องรอยของความกังวลใจหรือทุกข์ใจแม้แต่น้อย เธอมีเพียงแววตาที่มุ่งมั่น นอกจากนี้เถียนซูซูยังคิดว่าเพื่อนของเธอรู้สึกจะตื่นเต้นมากกว่าที่ได้ไปชนบท
“ถ้าเธอตัดสินใจแล้วก็ดี ไปแล้วอย่าลืมเขียนจดหมายถึงฉันบ้าง”
เธอรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของหลินมู่อิงมาบ้าง หลินมู่อิง มีชีวิตที่ยากลำบากมากในตระกูลหลิน บางทีการไปชนบทอาจทำให้เหนื่อยกายมากขึ้น เพราะต้องทำงานท่ามกลางแสงแดด สำหรับคนที่เกิดในเมืองไม่เคยต้องทำงานหนักแต่มันก็เป็นเพียงแค่หนักกายตราบใดที่เราอดทน สำหรับหลินมู่อิงแล้วขอแค่เธอไม่ต้องได้รับความทุกข์ทางจิตใจก็พอแล้ว บางทีการไปชนบทก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
“ตกลงในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปถามดูว่าใครต้องการจะซื้อตำแหน่งงานนี้ของเธอ”
เถียนซูซูพูดออกมาด้วยความหดหู่เล็กน้อย ที่จริงแล้วในโรงงานเสื้อผ้า เถียนซูซูกับหลินมู่อิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันทั้งสองคนถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากที่สุด และแต่ละคนก็มีความทุกข์เป็นของตัวเอง
เถียนซูซูเองมีพี่สาวสองคนและน้องชายหนึ่งคน พี่สาวทั้งสองของเธอถูกพ่อแม่ของเธอหาคู่ให้แต่งงานออกไปแล้ว ถึงจะเรียกว่าแต่งงานแล้วแต่ความจริงก็ไม่ได้ต่างจากการถูกขายสักเท่าไร ถ้าเธอไม่อายุยังน้อยและมีงานประจำทำ เธอเองก็คงขายตัวไปแล้วเหมือนกัน
ตอนนี้หลินมู่อิงสามารถหลุดพ้นจากตระกูลหลินได้แล้ว แม้ว่าการไปชนบทจะยากลำบากก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เถียนซูซูตบหลังมือของหลินมู่อิงแล้วเดินจากไปทันที การทำงานในโรงงานเสื้อผ้าของรัฐเป็นงานที่มีความมั่นคง
ยิ่งกว่านั้น ตำแหน่งงานของหลินมู่อิง ก็ไม่ใช่งานหนัก มันเพียงแค่เกี่ยวข้องกับการเย็บป้ายบนเสื้อผ้าและการเย็บยางยืดบนกางเกง ซึ่งถือว่าเป็นงานที่เบากว่าตำแหน่งงานอื่น และสามารถโอนย้ายงานได้ง่าย ไม่นานเถียนซูซูก็กลับมากับคนที่ต้องการซื้อตำแหน่งงานของเธอทั้งสองตกลงราคาและนัดหมายวันโอนย้ายตำแหน่งงานกัน
“410หยวน ไม่น้อยไปกว่านี้”ในตอนแรก หลินมู่อิงตั้งราคาสำหรับงานของเธอเอาไว้ 500 หยวนแต่เนื่องจากเธอรีบขายและต้องผ่านขั้นตอนทางกฏหมาย เธอจึงปรับราคาลงเหลือเพียง 410 หยวน
"ตกลง!"
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเรามาทำเรื่องโอนย้ายตำแหน่งงาน”
หลังจากตกลงราคากันแล้ว และหลินมู่อิงจะต้องมาที่โรงงานเสื้อผ้าอีกครั้งพรุ่งนี้ เวลานี้ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง เดิมที เถียนซูซู ต้องการชวนหลินมู่อิงไปนอนที่บ้านของเธอ แต่หลินมู่อิง ปฏิเสธเมื่อพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมในบ้านของ เพื่อนของเธอรู้สึกว่ามันไม่สะดวกจริงๆ
หลังจากที่หลินมู่อิงเดินออกมาจากโรงงานเสื้อผ้า เธอก็รู้สึกถึงความว่างเปล่าเล็กน้อยในท้องของเธอ แล้วเธอก็จำได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเลย ขณะเดินผ่านร้านขายแพนเค้ก เธอก็ควักเงิน 5 เหวินซื้อแพนเค้กงาดำหนึ่งชิ้น เธอวางแผนจะกลับไปที่โรงงานเสื้อผ้าหลังจากกินข้าวและใช้เวลาทั้งคืนในโรงงานพักผ่อนชั่วคราว
ตอนนี้เธอไม่มีจดหมายแนะนำตัว ดังนั้นแม้ว่าจะมีเกสต์เฮาส์ที่นี่ แต่เธอก็ไม่สามารถเข้าพักที่นั่นได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญว่าเธอจะใช้เวลาทั้งคืนที่ไหน สิ่งที่สำคัญคือเธอต้องขายงานของเธอพรุ่งนี้ จากนั้นก็รับใบรับรองการลาออก และดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อไปชนบทในฐานะเยาวชนที่มีการศึกษา
เร็วๆ นี้! อีกไม่นานเธอคงจะได้พบกับผู้ชายจากหมู่บ้านหลี่เจียอีกครั้ง ชายหนุ่มซึ่งมีคิ้วแหลม ดวงตาสดใส รูปร่างแข็งแรง ไหล่กว้าง และเอวคอด เมื่อเธอคิดถึงโจวอี้หมิง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มจาง ๆ หลังจากกินแพนเค้กแล้ว หลินมู่อิงก็กลับไปที่โรงงานเสื้อผ้าและวางเก้าอี้สามตัวไว้เรียงกันในห้องรับแขก และล้มตัวลงนอนถึงแม้ว่าเท้าจะโผล่ออกไปบ้างแต่ยังสามารถพักผ่อนได้ทั้งคืน
ขณะที่หลินมู่อิงกำลังนอนอยู่นั้น ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างหล่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเธอหลินมู่อิงเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าของเธอ พบว่ามันคือกำไลหยกทำให้เธอมีความรู้สึกคุ้นเคยหัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะโดยไม่ทราบสาเหตุ
"เป็นไปไม่ได้?" หลินมู่อิงหยิบกำไลหยกออกมา เมื่อเธอเห็นแบบนี้เธอมีความรู้สึกเหลือเชื่อมาก มันเป็นกำไลหยกที่โจวอี้หมิงสวมให้กับเธอเมื่อพวกเขาแต่งงานกันในชาติที่แล้ว เธอไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะตามเธอกลับมาด้วย โจวอี้หมิงบอกว่าเขาพบกำไลหยกนี้ที่ร้านขายของเก่า เขารู้สึกว่ามันเหมาะกับเธอจึงได้ซื้อมามอบให้เธอในวันแต่งงาน
เมื่อหลินมู่อิงเห็นกำไลหยกอันคุ้นเคยที่โจวอี้หมิงมอบให้เธอตอนที่พวกเขาแต่งงานกัน ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตาทันที เธอไม่สามารถเชื่อเลยว่ากำไลหยกที่เป็นของแทนใจในวันแต่งงานจะติดตามเธอกลับมา แล้วทำไมมันถึงตามเธอกลับมาด้วยล่ะ นี่คือสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ
หลินมู่อิง รู้สึกตื่นเต้นและคิดถึงกำไลหยกที่สวมอยู่บนข้อมือของเธอ ขณะที่ลูบไล้กำไลหยกบนมือของเธอ และรู้สึกว่าหัวใจของเธอปั่นป่วนไปหมด
“เขาสวมกำไลหยกนี้ให้ฉันเมื่อตอนเราแต่งงานกัน” หลินมู่อิงหวนคิดถึงอดีต
เธอลูบไล้กำไลหยกอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่างานแต่งงานของเธอมันเพิ่งผ่านไปไม่นาน หลินมู่อิง สวมกำไลหยกของเธอ เธอแค่อยากลองสวมแล้วถอดออก เพราะเธอกำลังรอให้เขาสวมมันให้เธอด้วยตัวเองในวันแต่งงานของพวกเขาทั้งสองคน เหมือนกับชาติที่แล้ว
แต่หลังจากหลินมู่อิงสวมกำไลหยกแล้ว เธอไม่สามารถถอดมันออกได้ ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ไม่สามารถถอดกำไลหยกออกจากข้อมือของเธอได้ ราวกับว่ามันมีพลังลึกลับบางอย่างห่อหุ้มกำไลหยกเอาไวหลินมู่อิงพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งนิ้วมือของเธอบังเอิญไปโดนเก้าอี้ทำให้เกิดแผลและมีเลือดไหลเล็กน้อยแต่เมื่อเธอเอามือที่เปื้อนเลือดไปสัมผัสกำไลหยกก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้น
จากนั้นเธอก็เข้ามาในสถานที่แปลกๆ เป็นพื้นที่สีขาวกว้างใหญ่รอบๆ ตัวมีหมอกขาวปกคลุมจนบางพื้นที่มองไม่เห็น อย่างไรก็ตาม ยังมีพื้นที่อีกมากที่ไม่ถูกหมอกขาวปกคลุมดูเหมือนว่าจะมีเนื้อที่อย่างน้อยสามหรือสี่หมู่ ตอนนี้มันยังดูว่างเปล่าอยู่นิดหน่อย ไม่ไกลจากหลินมู่อิง มีบ่อน้ำโบราณอยู่
หลินมู่อิง เดินเข้าไปอย่างช้าๆ และมองดูน้ำบ่อน้ำที่ใสสะอาดหลินมู่อิงรู้สึกหระหายน้ำจึงตักน้ำขึ้นมาจากบ่อโดยใช้ถังไม้แขวนอยู่เหนือหัวด้านบนของบ่อน้ำ หลังจากกินแพนเค้กเสร็จเมื่อกี้เธอไม่ได้ดื่มน้ำเลย เมื่อมองดูน้ำใสๆ เช่นนี้หลินมู่อิงรู้สึกกระหายน้ำมากขึ้นไปอีก
หลังจากดื่มน้ำจากบ่อน้ำโบราณแล้ว อาการเมื่อยล้าต่างๆก็หายเป็นปลิดทิ้ง น้ำมีรสหวานชื่นใจหลินมู่อิงคิดว่านี่คงจะเป็นน้ำพุจิตวิญญาณที่เธอเคยได้ยินมา และสถานที่แห่งนี้คงเป็นพื้นที่มิติ เธอไม่เคยคิดเลยว่ากำไลหยกจะกลายเป็นมิติไปได้ หลินมู่อิงหัวเราะด้วยความดีใจ ในที่สุดพระเจ้าก็เข้าข้างเธอในชาตินี้
ชีวิตในชาติก่อนเธออุทิศตนให้กับการศึกษาแพทย์และยุ่งอยู่กับการรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คนอยู่เสมอดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาอ่านนวนิยาย อย่างไรก็ตาม สาวๆ หลายคนในห้องทดลองของเธอชอบอ่านนวนิยายเพื่อฆ่าเวลา เธอยังได้ยินพวกเขาคุยกันไปด้วยขณะกินอาหารปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดกับเธอไม่เหมือนกับที่เหล่าสาวๆพูดถึง หลังจากได้ดื่มน้ำพุจิตวิญญาณอีกครั้งแล้ว หลินมู่อิงก็รู้สึกมีพลังมากขึ้น เธอยังคงรู้สึกปวดเล็กน้อยจากบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ บนร่างกาย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าอาการต่างๆ คงได้รับการรักษาและความเจ็บปวดจากบาดแผลที่โดนทุบตีก็บรรเทาลงแล้วกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือไม่มีเครื่องมือในห้องปฏิบัติการที่นี่ ไม่เช่นนั้น หลินมู่อิงก็คงอยากจะศึกษาจริงๆ ว่ามีธาตุชนิดใดบ้างที่อยู่ในนั้นซึ่งมีคุณสมบัติในการซ่อมแซมร่างกายมนุษย์อย่างทรงพลังเช่นนี้ ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอเกิดใหม่ครั้งนี้ พระเจ้าจะมอบของขวัญอันทรงพลังให้กับเธอเดิมที หลินมู่อิงตั้งใจไว้ว่าจะต้องให้แน่ใจว่า โจวอี้หมิง จะมีสุขภาพแข็งแรงในชีวิตนี้ และตอนนี้เธอก็ได้รับพรจากน้ำพุแห่งจิตวิญญาณแห่งนี้ แม้ว่า โจวอี้หมิง อยากป่วยก็เป็นเรื่องยาก เมื่อเธอคิดถึงเรื
"สาวน้อยคนนี้สวยทีเดียว และมีความตระหนักในอุดมการณ์สูง เธอมีความสุขมากที่ได้ไปชนบท มีแสงสว่างในดวงตาของเธอ!"“เธอสวยทีเดียวและมีอุดมการณ์สูงมาก คนหนุ่มสาวจำนวนมากมาที่นี่อย่างไม่เต็มใจ และยังมีเพียงไม่กี่คนที่คาดหวังเหมือนคุณ!”หลังจากที่หลินมู่อิงออกจากสำนักงานไป พนักงานในสำนักงานก็ยังคงพูดคุยและชื่นชมกันด้วยรอยยิ้มหลังจากออกจากสำนักงานสหพันธ์เยาวชนแล้ว หลินมู่อิงก็รับจดหมายแนะนำตัวและไปที่เกสต์เฮาส์ที่ไม่สะดุดตาเพื่อเข้าพัก จากนั้นเธอก็ไปที่สหกรณ์จัดหาและการตลาดที่นี่และซื้อของบางอย่างมีลูกอมผลไม้เนื้อแข็ง 2 กิโลกรัม ลูกอมกระต่ายขาว 1 กิโลกรัม น้ำตาลทรายขาว 2 กิโลกรัม น้ำตาลทรายแดง 2 กิโลกรัม แป้ง 10 กิโลกรัม ข้าวสาร 10 กิโลกรัม สบู่ 2 ก้อน เสื้อผ้าเรียบง่าย 2 ชุด ผ้าอนามัย 4 เส้น กะละมังเคลือบ 1 ใบ แก้วน้ำ แปรงสีฟันและยาสีฟัน หวี กระจก ฯลฯปริมาณที่ซื้อมาไม่ได้มาก และเธอกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้คน แต่ถึงแม้จะไม่ได้ซื้อแต่ละรายการมากนัก แต่เมื่อนำมารวมกันก็ยังเป็นกองใหญ่“สาวน้อย คุณซื้อสิ่งของมากมายสำหรับงานแต่งงานของคุณหรือเปล่า” ในตอนแรกพนักงานขายค่อนข้างหยิ่งยโสเมื่อมองดูเ
14 เมษายน 2025 เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน โรงพยาบาลประชาชนแห่งแรกภายในห้องผู้ป่วยสีขาวสะอาดตา มีหญิงชราที่มีใบหน้าเหนื่อยล้านอนอยู่บนเตียงนิ้วมือที่เหี่ยวๆ ลูบรูปถ่ายขาวดำเก่าๆ ที่ขาดรุ่งริ่งจะเห็นได้ว่าเธอดูและสัมผัสรูปภาพนี้นับครั้งไม่ถ้วนภาพถ่ายที่มีชายและหญิงนั่งเคียงข้างกันหลินมู่อิงยังจำได้ว่ารูปนี้ถ่ายเมื่อช่วงฤดูร้อนปี 1984 ผู้หญิงในรูปอายุ 25 ปี และผู้ชายอายุ 30 ปี รูปนี้ถ่ายไว้ตอนไปขอใบทะเบียนสมรส ผู้ชายในรูปมีใบหน้าหล่อเหลาและเป็นคนอบอุ่นมาก แต่ชีวิตของเขาช่างแสนสั้น เขาจากเธอไปในช่วงฤดูหนาวปี 1987ส่วนใบหน้าของผู้หญิงกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและมีความสุข“โจวอี้หมิง ดูเหมือนว่าฉันจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วสามสิบเจ็ดปี สามสิบเจ็ดปีที่ไม่มีคุณ ฉันได้พยายามอย่างหนักเพื่อจะใช้ชีวิตอย่างดีฉันได้ช่วยชีวิตคนมาแล้วเป็นหมื่นๆ คน แต่ฉันไม่มีโอกาสได้ช่วยคุณเลยฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน มากเหลือเกิน เหลือเกิน...”ดวงตาของหญิงชราที่ยังแจ่มใสอยู่ กลับพร่ามัวลงอย่างกะทันหันเนื่องมาจากน้ำตาที่ไหลรินออกมเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการตรวจหาสัญญาณชีพก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติในที่สุด“ศาสตราจารย์หลิน!”ในข
หลังจากใช้ชีวิตแต่งงานอย่างมีความสุขได้เพียง 3 ปี โจวอี้หมิง ก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย การแพทย์ในสมัยนั้นยังไม่ดีเท่าสมัย หลังจากตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเขาก็ไม่ไดบอกให้เธอรู้เขาปกปิดอาการป่วยของตัวเองเอาไว้ในทางกลับกัน เขากลับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาเงิน โดยตั้งใจที่จะให้หลินมู่อิงมีชีวิตที่มั่นคงและรุ่งเรืองหลังจากที่เขาเสียชีวิต เมื่อเธอพบว่าเขาป่วย มันก็สายเกินไปแล้ว เขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ได้นานนัก บนเตียงในโรงพยาบาลโจวอี้หมิง จับมือหลินมู่อิงเอาไว้แน่นเขาพูดสั่งเสียเป็นเวลานานและพูดหลายๆ อย่างหลินมู่อิงรู้ว่าโจวอี้หมิงรักเธอมากเสมอ เธอทำผิดพลาดหลายสิ่งหลายอย่างและทำให้เขาผิดหวังหลายต่อหลายครั้ง เธอต้องการเวลาเพิ่มขึ้นเพื่อรักผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอและทำให้เขามีความสุข สนุกสนาน และผ่อนคลาย แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้วหลินมู่อิงต้องการที่จะตายพร้อมกับผู้ชายของเธอหลังจากที่เขาเสียชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถสัญญาได้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปและแก่ไปด้วยกัน ถ้าได้ตายด้วยกันก็คงจะดี อย่างน้อยที่สุดบนเส้นทางสู่โลกใ
ถึงอย่างไรก็ตามหลินตง เขาก็คือพ่อแท้ๆ ของหลินมู่อิง เมื่อเขาได้ยินลูกสาวพูดคำเหล่านี้ทีละคำและเห็นรอยแผลเป็นบนร่างกายของเธอ เขาก็รู้สึกใจสลายเล็กน้อย เมื่อเขามองดูภรรยาของเขาอีกครั้ง ดวงตาของเขากลับดูไม่เป็นมิตรนัก“คุณมักจะปฏิบัติต่อมู่อิงอย่างรุนแรง และผมก็มักจะมองข้ามเรื่องนี้ไป โดยคิดว่าความสามัคคีในครอบครัวคือกุญแจสู่ความสำเร็จ แต่ครั้งนี้คุณกลับลงมือหนักเกินไป”เมื่อซูเนี่ยนเจินได้ยินหลินตงพูดเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า เธอทำเป็นดูเหมือนหมูตายที่ไม่กลัวน้ำเดือด และเสียงของเขาก็สูงขึ้นอีกเล็กน้อย“ยังไงหญิงสาวที่ไร้ค่าก็ต้องส่งไปอยู่ชนบท ลูกสาวก็เสียเงินเปล่าๆ คุณยังต้องพึ่งพาลูกชายเลี้ยงตัวเองตอนแก่อีก คุณได้เฝ้าดูจิ้งผิงเติบโตขึ้น เขาไม่อาจทนกับความยากลำบากที่ต้องเดินทางไปชนบทได้จริงๆ!ในฐานะพ่อ คุณควรจะสั่งให้เธอรีบไปที่ชนบท” ซูเนี่ยนเจินยืนกอดอกพูดด้วยท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมากหลินตงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ ในเวลานี้ หลินมู่อิงยืนอยู่ไม่ไกลจากพ่อของเธอ ราวกับว่าเธอกำลังมองคนแปลกหน้า หลินตงหยิบไปป์ขึ้นมา เติมยาเส้นใหม่ แล้วจุดไฟ เขาสูดควั
"สาวน้อยคนนี้สวยทีเดียว และมีความตระหนักในอุดมการณ์สูง เธอมีความสุขมากที่ได้ไปชนบท มีแสงสว่างในดวงตาของเธอ!"“เธอสวยทีเดียวและมีอุดมการณ์สูงมาก คนหนุ่มสาวจำนวนมากมาที่นี่อย่างไม่เต็มใจ และยังมีเพียงไม่กี่คนที่คาดหวังเหมือนคุณ!”หลังจากที่หลินมู่อิงออกจากสำนักงานไป พนักงานในสำนักงานก็ยังคงพูดคุยและชื่นชมกันด้วยรอยยิ้มหลังจากออกจากสำนักงานสหพันธ์เยาวชนแล้ว หลินมู่อิงก็รับจดหมายแนะนำตัวและไปที่เกสต์เฮาส์ที่ไม่สะดุดตาเพื่อเข้าพัก จากนั้นเธอก็ไปที่สหกรณ์จัดหาและการตลาดที่นี่และซื้อของบางอย่างมีลูกอมผลไม้เนื้อแข็ง 2 กิโลกรัม ลูกอมกระต่ายขาว 1 กิโลกรัม น้ำตาลทรายขาว 2 กิโลกรัม น้ำตาลทรายแดง 2 กิโลกรัม แป้ง 10 กิโลกรัม ข้าวสาร 10 กิโลกรัม สบู่ 2 ก้อน เสื้อผ้าเรียบง่าย 2 ชุด ผ้าอนามัย 4 เส้น กะละมังเคลือบ 1 ใบ แก้วน้ำ แปรงสีฟันและยาสีฟัน หวี กระจก ฯลฯปริมาณที่ซื้อมาไม่ได้มาก และเธอกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้คน แต่ถึงแม้จะไม่ได้ซื้อแต่ละรายการมากนัก แต่เมื่อนำมารวมกันก็ยังเป็นกองใหญ่“สาวน้อย คุณซื้อสิ่งของมากมายสำหรับงานแต่งงานของคุณหรือเปล่า” ในตอนแรกพนักงานขายค่อนข้างหยิ่งยโสเมื่อมองดูเ
ชีวิตในชาติก่อนเธออุทิศตนให้กับการศึกษาแพทย์และยุ่งอยู่กับการรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คนอยู่เสมอดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาอ่านนวนิยาย อย่างไรก็ตาม สาวๆ หลายคนในห้องทดลองของเธอชอบอ่านนวนิยายเพื่อฆ่าเวลา เธอยังได้ยินพวกเขาคุยกันไปด้วยขณะกินอาหารปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดกับเธอไม่เหมือนกับที่เหล่าสาวๆพูดถึง หลังจากได้ดื่มน้ำพุจิตวิญญาณอีกครั้งแล้ว หลินมู่อิงก็รู้สึกมีพลังมากขึ้น เธอยังคงรู้สึกปวดเล็กน้อยจากบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ บนร่างกาย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าอาการต่างๆ คงได้รับการรักษาและความเจ็บปวดจากบาดแผลที่โดนทุบตีก็บรรเทาลงแล้วกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือไม่มีเครื่องมือในห้องปฏิบัติการที่นี่ ไม่เช่นนั้น หลินมู่อิงก็คงอยากจะศึกษาจริงๆ ว่ามีธาตุชนิดใดบ้างที่อยู่ในนั้นซึ่งมีคุณสมบัติในการซ่อมแซมร่างกายมนุษย์อย่างทรงพลังเช่นนี้ ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอเกิดใหม่ครั้งนี้ พระเจ้าจะมอบของขวัญอันทรงพลังให้กับเธอเดิมที หลินมู่อิงตั้งใจไว้ว่าจะต้องให้แน่ใจว่า โจวอี้หมิง จะมีสุขภาพแข็งแรงในชีวิตนี้ และตอนนี้เธอก็ได้รับพรจากน้ำพุแห่งจิตวิญญาณแห่งนี้ แม้ว่า โจวอี้หมิง อยากป่วยก็เป็นเรื่องยาก เมื่อเธอคิดถึงเรื
หลินมู่อิงไม่ได้มองย้อนกลับไปที่หลินตงเธออยากออกไปจากที่นี่เต็มที ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังคำโบราณกล่าวเอาไว้ว่าการมีแม่เลี้ยงพ่อแท้ๆก็จะกลายเป็นพ่อเลี้ยงด้วยเช่นกันและสิ่งที่เธอพบเจอมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กสามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี“มู่อิง คราวหน้าเธอต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ ฉันล้มเหลวในการเป็นพ่อ...”หลินตงลุกขึ้นและอยากจะเดินไปหาหลินมู่อิง แต่ขาของเขากลับรู้สึกหนักอึ้งจนไม่สามารถที่จะขยับได้ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน ถึงแม้ว่าหลินตงจะรู้สึกละอายใจอยู่บ้างแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเขาทำได้แค่ทำใจยอมรับและบอกให้ลูกสาวดูแลตัวเองให้ดีเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้“ฉันเข้าใจแล้ว และมันคงจะดีกว่าที่ฉันจะอยู่ที่นี่ คุณไม่ต้องห่วงถึงแม้ว่าฉันจะลำบากฉันก็จะไม่กลับมาหาพวกคุณนับตั้งแต่วันนี้พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก”หลินมู่อิง ตอบกลับหลินตงโดยไม่มีคำว่า พ่อหลุดออกจากปากของเธอแม้แต่คำเดียว และเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง หลินมู่อิงไม่ได้กลับไปที่ห้องเล็ก ๆ คับแคบของเธอ ที่นั่นคือที่ที่ตระกูลหลินใช้เก็บข้าวของต่า
ถึงอย่างไรก็ตามหลินตง เขาก็คือพ่อแท้ๆ ของหลินมู่อิง เมื่อเขาได้ยินลูกสาวพูดคำเหล่านี้ทีละคำและเห็นรอยแผลเป็นบนร่างกายของเธอ เขาก็รู้สึกใจสลายเล็กน้อย เมื่อเขามองดูภรรยาของเขาอีกครั้ง ดวงตาของเขากลับดูไม่เป็นมิตรนัก“คุณมักจะปฏิบัติต่อมู่อิงอย่างรุนแรง และผมก็มักจะมองข้ามเรื่องนี้ไป โดยคิดว่าความสามัคคีในครอบครัวคือกุญแจสู่ความสำเร็จ แต่ครั้งนี้คุณกลับลงมือหนักเกินไป”เมื่อซูเนี่ยนเจินได้ยินหลินตงพูดเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า เธอทำเป็นดูเหมือนหมูตายที่ไม่กลัวน้ำเดือด และเสียงของเขาก็สูงขึ้นอีกเล็กน้อย“ยังไงหญิงสาวที่ไร้ค่าก็ต้องส่งไปอยู่ชนบท ลูกสาวก็เสียเงินเปล่าๆ คุณยังต้องพึ่งพาลูกชายเลี้ยงตัวเองตอนแก่อีก คุณได้เฝ้าดูจิ้งผิงเติบโตขึ้น เขาไม่อาจทนกับความยากลำบากที่ต้องเดินทางไปชนบทได้จริงๆ!ในฐานะพ่อ คุณควรจะสั่งให้เธอรีบไปที่ชนบท” ซูเนี่ยนเจินยืนกอดอกพูดด้วยท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมากหลินตงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ ในเวลานี้ หลินมู่อิงยืนอยู่ไม่ไกลจากพ่อของเธอ ราวกับว่าเธอกำลังมองคนแปลกหน้า หลินตงหยิบไปป์ขึ้นมา เติมยาเส้นใหม่ แล้วจุดไฟ เขาสูดควั
หลังจากใช้ชีวิตแต่งงานอย่างมีความสุขได้เพียง 3 ปี โจวอี้หมิง ก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย การแพทย์ในสมัยนั้นยังไม่ดีเท่าสมัย หลังจากตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเขาก็ไม่ไดบอกให้เธอรู้เขาปกปิดอาการป่วยของตัวเองเอาไว้ในทางกลับกัน เขากลับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาเงิน โดยตั้งใจที่จะให้หลินมู่อิงมีชีวิตที่มั่นคงและรุ่งเรืองหลังจากที่เขาเสียชีวิต เมื่อเธอพบว่าเขาป่วย มันก็สายเกินไปแล้ว เขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ได้นานนัก บนเตียงในโรงพยาบาลโจวอี้หมิง จับมือหลินมู่อิงเอาไว้แน่นเขาพูดสั่งเสียเป็นเวลานานและพูดหลายๆ อย่างหลินมู่อิงรู้ว่าโจวอี้หมิงรักเธอมากเสมอ เธอทำผิดพลาดหลายสิ่งหลายอย่างและทำให้เขาผิดหวังหลายต่อหลายครั้ง เธอต้องการเวลาเพิ่มขึ้นเพื่อรักผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอและทำให้เขามีความสุข สนุกสนาน และผ่อนคลาย แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้วหลินมู่อิงต้องการที่จะตายพร้อมกับผู้ชายของเธอหลังจากที่เขาเสียชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถสัญญาได้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปและแก่ไปด้วยกัน ถ้าได้ตายด้วยกันก็คงจะดี อย่างน้อยที่สุดบนเส้นทางสู่โลกใ
14 เมษายน 2025 เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน โรงพยาบาลประชาชนแห่งแรกภายในห้องผู้ป่วยสีขาวสะอาดตา มีหญิงชราที่มีใบหน้าเหนื่อยล้านอนอยู่บนเตียงนิ้วมือที่เหี่ยวๆ ลูบรูปถ่ายขาวดำเก่าๆ ที่ขาดรุ่งริ่งจะเห็นได้ว่าเธอดูและสัมผัสรูปภาพนี้นับครั้งไม่ถ้วนภาพถ่ายที่มีชายและหญิงนั่งเคียงข้างกันหลินมู่อิงยังจำได้ว่ารูปนี้ถ่ายเมื่อช่วงฤดูร้อนปี 1984 ผู้หญิงในรูปอายุ 25 ปี และผู้ชายอายุ 30 ปี รูปนี้ถ่ายไว้ตอนไปขอใบทะเบียนสมรส ผู้ชายในรูปมีใบหน้าหล่อเหลาและเป็นคนอบอุ่นมาก แต่ชีวิตของเขาช่างแสนสั้น เขาจากเธอไปในช่วงฤดูหนาวปี 1987ส่วนใบหน้าของผู้หญิงกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและมีความสุข“โจวอี้หมิง ดูเหมือนว่าฉันจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วสามสิบเจ็ดปี สามสิบเจ็ดปีที่ไม่มีคุณ ฉันได้พยายามอย่างหนักเพื่อจะใช้ชีวิตอย่างดีฉันได้ช่วยชีวิตคนมาแล้วเป็นหมื่นๆ คน แต่ฉันไม่มีโอกาสได้ช่วยคุณเลยฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน มากเหลือเกิน เหลือเกิน...”ดวงตาของหญิงชราที่ยังแจ่มใสอยู่ กลับพร่ามัวลงอย่างกะทันหันเนื่องมาจากน้ำตาที่ไหลรินออกมเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการตรวจหาสัญญาณชีพก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติในที่สุด“ศาสตราจารย์หลิน!”ในข