LOGINมิราหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาเล่นตามปกติโดยไม่ได้สนใจร่างสูงที่กำลังยืนมองเธออยู่
และเมื่ออยู่กันตามลำพัง ความหึงหวงเด็กสาวกับชายหนุ่มหน้าตี๋ก่อนหน้านี้ก็เข้ามาเกาะกินใจแกร่งอีกครั้ง วายุแทบอยากจะจับเด็กสาวกดให้จมอยู่ใต้ร่างของเขาโทษฐานที่เธอให้ผู้ชายคนอื่นแตะเนื้อต้องตัว ทว่าก็ทำได้แค่ยืนมองเธออยู่อย่างนี้เพราะกล้องวงจรปิดมีอยู่ทั่วทุกมุมของคฤหาสน์ พลางคิดว่าถ้ามีโอกาสดีๆเมื่อไหร่เขาไม่ปล่อยให้เด็กสาวได้มานั่งลอยหน้าลอยตาโดยไม่คิดจะสนใจเขาแบบนี้อย่างแน่นอน
แต่ทว่าจู่ๆเด็กสาวที่นั่งเงียบไปพักใหญ่ก็เอ่ยพูดขึ้น
"ในเมื่อคุณรำคาญมิราแล้วทำไมคุณถึงไม่ลาออกไปล่ะคะ จะมัวมาดูแลเด็กน่ารำคาญอย่างมิราอยู่ทำไม" เธอพูดโดยไม่ได้เงยหน้ามองอีกคนเลยด้วยซ้ำ
ด้านวายุเลือกที่จะเงียบ ไม่พูดไม่จาอะไร ได้แต่ยืนมองเด็กสาวนิ่งๆอยู่อย่างนั้น กระทั่งคราวนี้เธอหันมาพูดกับเขาอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า
"เงียบทำไมคะ คำถามง่ายจะตายทำไมคุณถึงไม่ตอบ"
"....." เขาก็ยังคงเงียบ เอาแต่ยืนมองหน้าเด็กสาวไม่ละสายตา จนเธอเริ่มทนไม่ไหวที่เห็นเขาเอาแต่เงียบอย่างเดียว เธอจึงเอ่ยพูดต่อ น้ำเสียงแข็งปนสั่นเครือ
"ทำไมถึงไม่พูด หรือว่าคุณกลัวเรื่องกล้อง กล้องวงจรปิดในห้องนี้เป็นกล้องตัวเก่า จับได้แค่ภาพไม่จับเสียงค่ะ เพราะงั้นคุณอยากพูดอะไรคุณก็พูดออกมาได้เลย"
สิ้นเสียงของเด็กสาว ครั้งนี้วายุจึงยอมพูดออกมา
"ผมทราบครับ" เขารู้ดีว่ากล้องในห้องรับแขกเป็นกล้องตัวเก่าจับได้แค่ภาพไม่จับเสียง เพราะเจ้าของบ้านอยากให้ความเป็นส่วนตัวกับแขกผู้มาเยือนเลยไม่ได้เปลี่ยนเป็นกล้องตัวใหม่ แต่ที่เขาไม่ยอมตอบคำถามของเด็กสาวนั่นก็เพราะว่าการที่เขาเงียบมันดีกว่าการที่เขาพูดออกมา ให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้จะดีกว่า
พรึ่บ!
ด้านมิราทนต่อไปไม่ไหวจึงดันตัวลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับคนตัวโต ก่อนจะพูดออกมาอย่างเป็นคำสั่งน้ำเสียงแข็งกร้าว
"ทราบก็ดี! งั้นก็ตอบคำถามของฉันมาสิ!" เธอเริ่มมีอารมณ์โกรธปนน้อยใจจนเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองให้ห่างเหินกว่าเดิม ท่าทางและคำพูดของเธอดูเอาแต่ใจและก้าวร้าว จนคนตัวโตที่มองอยู่ไม่ชอบเอาเสียเลยกับท่าทางก้าวร้าวของเธอ
"พูดจาแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ" เขามองเด็กสาวด้วยใบหน้าเข้มดุ จ้องเธอตาเขม็ง การที่เธอก้าวร้าวใส่เขาไหนจะสรรพนามที่เธอแทนตัวเองเปลี่ยนไปจากเดิมยิ่งดูห่างเหินหนักเข้าไปอีก มันฟังไม่เข้าหูและไม่น่ารักเอาเสียเลย
ด้านมิราได้ยินเช่นนั้นถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ น้ำใสๆไหลออกจากตา หยดแหมะลงมาอาบแก้มนุ่มโดยไร้เสียงสะอื้นไห้ ดวงตากลมโตแดงก่ำสั่นระริกมองคนตัวโตตรงหน้าเลือนลางไปหมดเพราะมีน้ำตาบดบังม่านตาของเธออยู่
ทำเอาใจแกร่งกระตุกวูบทันทีเมื่อเห็นเด็กสาวร้องไห้ เขาแทบอยากจะคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้ให้เต็มรัก แต่เขาก็ทำไม่ได้
"สำหรับพี่วายุน้องเคยน่ารักด้วยเหรอ บอกน้องให้ชื่นใจหน่อยสิว่าอย่างน้อยน้องก็เคยน่ารักสำหรับพี่ โกหกน้องมาก็ได้ แค่พี่วายุพูดมาน้องก็พร้อมที่จะเชื่อทุกอย่างเลย" มิราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงและสั่นเครือไปหมด กลับมาใช้สรรพนามเช่นเดิมเพื่อหวังให้คนตรงหน้าเห็นใจ ประหนึ่งขอร้องเขาด้วยความเวทนาตัวเอง ตอนนี้เธอเสียใจและน้อยใจเขามากเหลือเกิน แม้กระทั่งคำโกหกของเขาเธอก็ยังอยากที่จะฟัง อย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยเยียวยาใจดวงน้อยที่บอบช้ำของเธอได้ไม่มากก็น้อย
"....." เงียบ วายุก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม เด็กสาวเห็นเช่นนั้นจึงปล่อยโฮออกมาทันทีต่อหน้าต่อตาเขา
"ฮึ่ๆ ฮือ~ ฮือๆๆ~" ปากบางเบะคว่ำอย่างน่าสงสาร รอแล้วรออีกเขาก็ยังเงียบไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบอะไรออกมา แม้กระทั่งพูดโกหกเธอ เขาก็ยังไม่ยอมพูดเลย เธอไม่น่ารักจนขนาดที่เขาโกหกออกมาไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจและเสียใจจนแทบทนไม่ไหว
ด้านวายุขบกรามแน่นพยายามข่มความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเด็กสาวเอาไว้ ทั้งที่ใจข้างในร้อนเป็นไฟแทบจะระเบิดความรู้สึกทั้งหมดออกมาอยู่รอมร่อ
กระทั่งเวลาผ่านไปนานหลายนาที ด้านเด็กสาวเมื่อร้องไห้จนพอแล้ว เธอจึงเอ่ยเรียกคนตัวโตตรงหน้า ขณะที่ปากบางยังคงเบะคว่ำอยู่อย่างนั้น
"พี่วายุคะ"
"ครับ" วายุขานรับด้วยน้ำเสียงกดต่ำเพราะกำลังข่มอารมณ์ของตัวเองที่มีต่อเด็กสาวเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำยากมากเหลือเกินที่ต้องฝืนตัวเองเช่นนี้
"ถ้าน้องไม่รักพี่วายุแล้ว พี่วายุจะเสียใจไหมคะ" มิราตัดสินใจถามออกไปด้วยใจหวั่นกลัวกับคำตอบที่จะได้ยิน น้ำเสียงยังคงสั่นเครือ
โดยไม่รู้เลยว่าใจแกร่งแทบขาดที่เขาต้องมาเห็นเธอเสียใจร้องไห้เพราะเขาแบบนี้ ไหนจะคำพูดของเธอที่ถามเขาเหมือนกับว่าจะไม่รักเขาแล้วทำเอาเขาใจเสีย แต่ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา ยังคงนิ่งและมองหน้าเธออยู่อย่างนั้น
และการที่เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย มันยิ่งตอกย้ำให้ใจดวงน้อยๆของเด็กสาวเจ็บปวด เธอแทบจะรับความเสียใจนี้ไม่ไหวอยู่แล้ว
ขณะที่เด็กสาวใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองออกลวกๆ พลางซื้ดน้ำมูกพยายามที่จะหยุดร้องไห้ไปด้วย ท่าทางของเธอตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยสามขวบเลย ทำให้คนตัวโตที่มองอยู่อยากจะเข้ามากอด เข้ามาหอม เข้ามาโอ๋และปลอบเธอให้หยุดร้องไห้ แต่ทว่าก็ทำได้แค่คิดเพราะเขาคงทำแบบนั้นจริงๆไม่ได้ กระทั่งเด็กสาวพูดออกมาอีกครั้ง
"หัวใจของน้อง... ถ้าพี่วายุไม่เอา... น้องขอคืนนะ" กว่าจะพูดจบได้แต่ละประโยคมันก็ยากมากเหลือเกิน พูดจบเธอก็มองหน้าคนตัวโตอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขายังนิ่งเธอจึงหันหลังและเดินจากไปพร้อมกับใจดวงน้อยที่บอบช้ำจากรักแรกที่ไม่สมหวังดั่งที่ใจเคยคิดไว้ว่าตัวเองจะสามารถทำให้เขารักได้ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถทำให้เขารักเธอได้เลย
ด้านวายุถึงกับชาวาบไปทั้งตัว นิ่งสตั้นไปเลยกับคำพูดทิ้งท้ายของเด็กสาว ตอนนี้เขาเหมือนคนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ได้แต่มองตามหลังของเด็กสาวที่เดินออกไปจนพ้นสายตาเขาไปแล้ว แต่เขาก็ยังจมอยู่กับคำพูดของเธอเมื่อครู่ มันดังก้องซ้ำๆอยู่ในหัวของเขา เสมือนเธอเอามีดปักลึกลงกลางใจเขาจนสุดด้ามมีด แล้วเธอก็ดึงมีดเล่มนั้นออกเหมือนเป็นการฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น
"ทำใจเหอะพี่ ผมว่าให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว" ภีมที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกเอ่ยพูดกับรุ่นพี่ เขาเอาของไปเก็บและกลับมาทันพอที่จะได้ยินทั้งคู่คุยกันตั้งแต่แรก ซึ่งเขาไม่ได้อยากแอบฟัง แค่อยากให้คนทั้งคู่ได้มีเวลาส่วนตัวและเปิดใจคุยกัน ทว่าก็ไม่คิดว่าสุดท้ายจะจบลงแบบนี้ แต่ถ้าคิดในอีกมุมหนึ่งมันก็ดีแล้วที่ทุกอย่างมันจบลงเช่นนี้
ซึ่งคำพูดของรุ่นน้องไม่ได้เข้าหูของวายุเลยด้วยซ้ำ เขายังนิ่งอยู่อย่างนั้น ตัวชามือไม้สั่นไปหมด สมองจมปลักอยู่กับคำพูดทิ้งท้ายของเด็กสาว จนเขาไม่สามารถสลัดมันออกจากหัวได้เลย...
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องนอนของวายุหลังจากที่พูดคุยกับลุงและป้าสะใภ้เสร็จ วายุก็พาเด็กสาวขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของเขา"นั่งรถมาเหนื่อยๆ อากาศก็ร้อน พี่ว่าหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะครับจะได้สดชื่น" วายุเอ่ยบอกพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับเก็บไว้ในตูเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กสาวที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเขา"พี่วายุชอบสีเทากับสีดำเหรอคะ ห้องของพี่ถึงได้คลุมโทนสีเทาดำหมดเลย" มิราไม่ได้สนใจคำพูดของคนตัวโตเลย ปากถามแต่สายตากวาดมองไปรอบๆห้องของเขาอย่างซุกซน พลางยื่นมือไปรับผ้าขนหนูที่เขายื่นให้ ซึ่งแม้กระทั่งผ้าขนหนูที่เขาให้มาก็ยังเป็นสีเทา"ใช่ครับ" เขาตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมใส่อยู่ แล้วถอดออกโยนทิ้งลงตระกร้าที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ตามด้วยถอดเข็มขัดราคาแพง แต่ทว่าขณะที่เขากำลังจะปลดกระดุมกางเกง เด็กสาวก็ดันเอ่ยขัดขึ้นมา"พะ พี่วายุถอดเสื้อผ้าทำไมคะ" รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อเห็นอีกคนยืนถอดเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา"อาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อผ้าสิครับ จะอาบทั้งเสื้อผ้าได้ยังไงกัน" "อ๋อ พี่วายุจะอาบน้ำก่อนใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวน้องไปรอข
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องนอนของวายุหลังจากที่พูดคุยกับลุงและป้าสะใภ้เสร็จ วายุก็พาเด็กสาวขึ้นมาพักผ่อนบนห้องนอนของเขา"นั่งรถมาเหนื่อยๆ อากาศก็ร้อน พี่ว่าหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะครับจะได้สดชื่น" วายุเอ่ยบอกพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับเก็บไว้ในตูเสื้อผ้าของตัวเองออกมา ก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กสาวที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเขา"พี่วายุชอบสีเทากับสีดำเหรอคะ ห้องของพี่ถึงได้คลุมโทนสีเทาดำหมดเลย" มิราไม่ได้สนใจคำพูดของคนตัวโตเลย ปากถามแต่สายตากวาดมองไปรอบๆห้องของเขาอย่างซุกซน พลางยื่นมือไปรับผ้าขนหนูที่เขายื่นให้ ซึ่งแม้กระทั่งผ้าขนหนูที่เขาให้มาก็ยังเป็นสีเทา"ใช่ครับ" เขาตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมใส่อยู่ แล้วถอดออกโยนทิ้งลงตระกร้าที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ตามด้วยถอดเข็มขัดราคาแพง แต่ทว่าขณะที่เขากำลังจะปลดกระดุมกางเกง เด็กสาวก็ดันเอ่ยขัดขึ้นมา"พะ พี่วายุถอดเสื้อผ้าทำไมคะ" รู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อเห็นอีกคนยืนถอดเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา"อาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อผ้าสิครับ จะอาบทั้งเสื้อผ้าได้ยังไงกัน" "อ๋อ พี่วายุจะอาบน้ำก่อนใช่ไหมคะ งั้นเดี๋ยวน้องไปรอข
บ้านของวายุ (ต่างจังหวัด)13:25 น."ลุงวินป้าจ๋าพี่วายุมาแล้วค่ะ!" เป็นเสียงเด็กสาววัยสิบแปดปีที่มีหน้าตาสะสวยและหุ่นดี ไม่ใช่สวยธรรมดา แต่เรียกได้ว่าสวยมากเลยทีเดียว เธอตะโกนบอกผู้เป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่อยู่หลังบ้านเมื่อเห็นรถคันหรูสีดำคุ้นตาของคนเป็นพี่ชายหรือลูกพี่ลูกน้องของเธอขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน...ซึ่งเด็กสาวคนดังกล่าวเธอมีนามว่า พระพาย เธอเองไม่ต่างจากวายุที่คนเป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ได้รับมาเลี้ยงดูเช่นกัน เนื่องจากพ่อของเธอได้เสียไปเมื่อสามปีก่อนด้วยโรคร้าย ส่วนแม่ของเธอได้เสียไปตั้งแต่เธออายุได้สองขวบด้วยโรคประจำตัว เธอจึงไม่เหลือใครนอกจากพี่ชายของพ่อหรือลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่ยังไม่มีลูก พวกเขาทั้งสองคนจึงรับเธอมาเลี้ยงดูและรักเธอกับวายุเสมือนลูกของพวกเขาจริงๆ...และไม่รอช้าพระพายรีบวิ่งไปหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่กำลังลงจากรถ"สวัสดีค่ะพี่วายุ" เมื่อวิ่งมาถึง พระพายจึงเอ่ยสวัสดีพร้อมกับพนมมือน้อยๆไหว้พี่ชาย ก่อนจะหันไปทักทายว่าที่พี่สะใภ้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยใบหน้ายิ้มๆ"หวัดดี เราชื่อพระพายนะ เป็นน้องพี่วายุ""หวัดดีจ้ะ เราชื่อมิรา เป็นแฟนพี่วายุ" มิราเ
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)"พี่วายุเป็นไงบ้างพี่" เมื่อคนเป็นนายและพี่ชายออกไปจากห้องนี้แล้ว ภีมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหารุ่นพี่อย่างไว แล้วช่วยประคองกายแกร่งของรุ่นพี่ให้ลุกขึ้นนั่ง "กู โอเค" วายุตอบรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แทบจะไม่มีแรงพูด ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สมองยังปวดหนึบด้วยฤทธิ์ยา "อดทนอีกนิดนะพี่ เดี๋ยวยาก็หมดฤทธิ์แล้ว" ภีมไม่สามารถช่วยอะไรรุ่นพี่ได้เลย เขาทำได้แค่บอกให้รุ่นพี่อดทน เพราะยาชนิดนี้ไม่มียาแก้หรือยาต้านใดๆ สุดแล้วแต่ร่างกายและความอดทนของคนที่ได้รับยานี้เข้าไปว่าจะอดทนต่อฤทธิ์ของมันได้หรือไม่"มึงอย่าปากสว่างไปบอกหนูมิล่ะ กูไม่อยากให้เมียกูต้องเป็นห่วง" วายุไม่ได้สนใจคำพูดของรุ่นน้องแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะเอ่ยประหนึ่งเป็นคำสั่งกับรุ่นน้องแทนขณะที่ใบหน้ายังคงเหยเกด้วยความเจ็บปวด มือหนาข้างหนึ่งกุมขมับเอาไว้ มือหนาอีกข้างวางค้ำยันลงบนพื้นเพื่อเป็นหลักให้ตัวเอง"โธ่พี่ ผมไม่บอกคุณหนูหรอกหน่า อีกอย่างพี่ห่วงตัวเองก่อนเถอะ สภาพพี่ตอนนี้ดูไม่ได้เลย" ภีมรู้ดีว่าเรื่องไหนควรพูดไม่ควรพูด แต่รุ่นพี่ของเขานี่สิ ห่วงแต่คุณหนูตัวน้อยทั้งที่สภาพตัวเองตอนนี้แย่มากแทบดูไม่ได
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องใต้ดินหรือห้องเชือดผัวะ!ทันทีที่วายุโผล่หน้าเข้ามาในห้องเชือด เดชาก็ปล่อยหมัดหนักๆใส่ใบหน้าข้างขวาของวายุเต็มแรง จนใบหน้าหันไปตามแรงหมัดพร้อมกับเซไปด้านหลังจนเกือบเสียหลักล้มลงไป แต่ไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักดี หมัดที่สองก็ตามมาใส่ใบหน้าอีกข้างเต็มแรงผัวะ!ใบหน้าของวายุหันไปตามแรงหมัดเกือบจะเสียหลักล้มลงไปอีกครั้งแต่ก็ทรงตัวเอาไว้ได้ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำคาวสีแดงที่ซึมออกมาตรงมุมปากทั้งสองข้างออกลวงๆ แล้วมองไปยังผู้เป็นนายนิ่งๆ โดยไม่พูดหรือไม่คิดจะตอบโต้กลับไป เขายอมให้ผู้เป็นนายกระทำแต่โดยดี"สองหมัดนี้แค่น้ำจิ้ม หลังจากนี้มึงเตรียมตัวรับบททดสอบของกูให้ได้ก็แล้วกันไอ้วายุ หึ" เดชาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พูดจบก็กระตุกยิ้มร้ายเย้ยหยันคนเป็นลูกน้องที่เลี้ยงไม่เชื่อง"ผมพร้อมครับ" วายุพูดสวนไปทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า เขายังคงใจเย็น ไม่ได้มีความเกรงกลัวผู้เป็นเจ้านายและสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเผชิญเลยแม้แต่น้อย"อวดเก่ง! ถ้ามึงพร้อมมากขนาดนี้กูก็พร้อมจัดให้มึงแบบชุดใหญ่ จัดให้แบบสมเกียรติคนเก่งอยากมึง" เดชาไม่เคยเจอใครที่กล้าหือกับเขาแ
ก๊อกๆๆๆๆ!!!!แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นด้วยฝีมือของคนนอกห้องที่กระหน่ำเคาะไม่หยุด ทำให้เด็กสาวเจ้าของห้องสะดุ้งผวาโผเข้ากอดคนตัวโตเอาไว้แน่นด้วยความตกใจ และนึกหวั่นกลัวขึ้นมา เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องแค่คนเดียว หากใครมาเห็นเข้าคงแย่ก๊อกๆๆๆๆๆ!!!!"ยัยหนูเปิดประตูให้พ่อเดี๋ยวนี้!"เสียงเคาะประตูรัวๆดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงทุ้มดังกังวานของผู้เป็นพ่อ ทำให้เธอยิ่งตกใจและหวั่นกลัวหนักกว่าเดิม"พี่วายุคุณพ่อกลับมาแล้วทำยังไงดีคะ ถ้าคุณพ่อเห็นพี่วายุอยู่กับน้องแบบนี้คุณพ่อต้องไม่ปล่อยพี่วายุไปแน่ น้องกลัวค่ะ" มิราพูดด้วยความร้อนรน น้ำเสียงสั่นไปหมด ไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะกลับมาไวขนาดนี้ทั้งที่บอกเธอว่าจะกลับพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เธออยู่ไม่สุขนั่งไม่ติดเลยทีเดียวเพราะกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะทำอะไรคนรักของเธอ พลางหันไปมองทางประตูที่ตอนนี้ผู้เป็นพ่อกำลังกระหน่ำเคาะเรียกเธอไม่หยุด เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้"หนูใจเย็นๆนะครับ มีพี่อยู่ตรงนี้หนูไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น มันถึงเวลาแล้วที่นายจะต้องรู้เรื่องของเราสักที" บอกกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน