Masukภายในห้องพักส่วนตัวของวายุ
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันยุ่ง ด้วยความสงสัยจึงอดที่จะถามไม่ได้
"พี่วายุพาน้องมาที่นี่ทำไมคะ" เธอรู้ว่าที่นี่คือบ้านพักบอดี้การ์ดและนี่คงเป็นห้องพักส่วนตัวของเขา แต่ด้วยความไร้เดียงสาเธอจึงไม่รู้จริงๆว่าเขาพาเธอมาที่ห้องเขาทำไม
"พี่อยากเห็นหนูชัดๆครับ ในครัวมันมืด ถ้าเปิดไฟอาจจะมีคนมาเห็น แต่ถ้าอยู่ในห้องพี่ มีแค่เราสองคนไม่มีใครเห็นแน่นอนครับ" วายุกลับพูดร่ายยาวออกมาทั้งที่ตัวเองเป็นคนพูดน้อย แค่เพราะเป็นเด็กสาวตรงหน้าเขาจึงอยากพูดอยากถาม
ขณะที่เขามองสบตาเด็กสาว เขากลับมองไม่ออกว่าดวงตาแป๋วๆคู่นี้เจ้าของมันกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะในแววตาของเธอช่างดูไร้เดียงสาเหลือเกิน พลางเดินต้อนเด็กสาวจนแผ่นหลังบางชิดติดกับผนังห้องฝั่งหัวเตียง มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นมาทาบบนผนังห้องกักเด็กสาวเอาไว้ มือหนาอีกข้างยกขึ้นมาเกลี่ยปอยผมของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยถามเธอ
"กลัวรึเปล่าที่อยู่ในห้องกับพี่แค่สองคนแบบนี้"
"น้องไม่กลัวหรอกค่ะ แต่น้องยังงอนอยู่"
พรึ่บ!
ด้วยความที่ยังงอนอยู่ มิราจึงปัดมือหนาที่เกลี่ยผมของตัวเองออกอย่างไม่แรงมาก ก่อนจะเอ่ยพูดต่ออย่างกระเง้ากระงอด
"ชิ ไม่ต้องมาแตะน้องเลย" หนำซ้ำยังทำปากมุ่ยใส่เขา ก่อนจะยกแขนเรียวเล็กขึ้นมากอดอก ทำเอาอีกคนที่มองอยู่หลุดยิ้มออกมาอย่างง่ายดายด้วยความเอ็นดูในความน่ารักของเธอ
ขณะที่เขาได้แต่คิดว่าเด็กอะไรขนาดงอนและทำหน้าบึ้งใส่เขาก็ยังน่ารักได้อีก ไม่ใช่น่ารักธรรมดา แต่เธอช่างน่ารักมาก และด้วยความหมั่นเขี้ยวเด็กน่ารักเขาจึงอดไม่ได้ที่จะโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงไปฉกหอมแก้มนุ่มไปหนึ่งฟอดในขณะที่เด็กสาวเผลอ
ฟอด~
เขาใช้กึ่งปากกึ่งจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มจนผิวเนื้อแก้มนุ่มของเด็กสาวยุบลงไปตามแรงกดหอมของเขา แล้วสูดดมกลิ่นแก้มนุ่มเข้าปอดโดยหอมแช่ไว้อยู่อย่างนั้น เสมือนตอนกลางวันในร้านหนังสือเขาหอมแก้มนุ่มของเธอยังไม่ชื่นใจพอ เลยต้องหอมชดเชยในตอนนี้ ไม่อยากผละออกจากแก้มนุ่มเลยด้วยซ้ำ
ด้านมิราดวงตาปรือโตทันทีด้วยความตกใจกับการกระทำของคนตัวโต เธอไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอเหมือนตอนที่อยู่ในร้านหนังสือ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ผลักไสเขาแต่อย่างใด ยอมให้เขาหอมแต่โดยดี
และเมื่อหอมแก้มนุ่มซ้ำๆนานพอจนชื่นใจแล้ว วายุจึงผละใบหน้าออกเล็กน้อยอย่างอ้อยอิ่ง มองดวงหน้าเล็กที่ค่อยๆหันกลับมามองเขา ทำให้ปลายจมูกเล็กเชิดรั้นชนกับปลายจมูกโด่งเป็นสันของเขาเข้าพอดี
ทำเอาเด็กสาวสะดุ้งรู้สึกประหม่าปนตื่นเต้นกับสัมผัสที่ใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย เธอหลุบตาต่ำไม่กล้าสบตาคนตัวโตตรงหน้า ขณะที่ปากบางอมยิ้มน้อยๆด้วยความเคอะเขิน เธอยอมรับเลยว่าการกระทำของเขามีผลต่อหัวใจของเธอเป็นอย่างมาก แค่โดนเขาหอมแก้มและพูดจาอ่อนโยนใส่ ความน้อยใจที่มีจากตอนแรกก็หายไปจนเกือบหมดสิ้น ทว่าก็ยังสับสนและไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนที่เขาไม่แม้อยากจะคุยกับเธอเลยด้วยซ้ำ
"พี่ไม่ได้รำคาญหนูอย่างที่เคยพูดกับไอ้ภีมเลยนะ ที่พี่พูดไปแบบนั้นเพราะพี่ไม่อยากให้มันมายุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่ ถ้าพี่รู้ว่าหนูแอบฟังอยู่พี่จะไม่พูดแบบนั้นให้หนูเสียใจเด็ดขาด และวันนั้นที่พี่ไม่ตอบคำถามของหนูพี่ขอโทษจริงๆครับ ตอนนั้นที่พี่เงียบและทำเป็นไม่สนใจหนูมาตลอด เพราะพี่คิดว่ามันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้หนูตัดใจและเลิกยุ่งกับพี่ได้ เพราะสถานะระหว่างเราสองคนคงยากที่จะรักกันได้ แต่พอเอาเข้าจริงพี่กลับรับไม่ได้เลยที่หนูจะตัดใจจากพี่และทำหมางเมินกับพี่แบบนี้ พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาที่พี่เคยทำให้หนูเสียใจ วันนี้พี่รู้แล้วว่าพี่เสียหนูไปไม่ได้จริงๆ พี่รักหนูนะครับ รักตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันด้วยซ้ำ" เป็นอีกครั้งที่วายุพูดร่ายยาวออกมา เพราะเขาอยากอธิบายเหตุผลและความรู้สึกของเขาให้เด็กสาวได้รับรู้ว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดเขาเองก็เสียใจเหมือนกัน เขาเจ็บมากกว่าเธอด้วยซ้ำ
"หัวใจของหนูที่ให้พี่มาแล้วพี่ไม่ให้คืนหรอกนะ คุณหนูของผมกลับมารักผมเหมือนเดิมได้ไหมครับ" ขณะที่ถาม เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างลึกซึ้ง เลื่อนมือหนาข้างหนึ่งขึ้นมากอบกุมแก้มนุ่มอย่างทะนุถนอม
ด้านมิรามองคนตัวโตตรงหน้านิ่งๆ เธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจในคำพูดและแววตาของเขาที่จ้องมองมา ถึงเธอจะไม่สู้สายตาของเขาเท่าไหร่แต่เธอก็ยังอยากที่จะมองเขา และจากที่เหมือนจะช๊อคไปกับคำสารภาพรักของเขาเธอก็ดึงสติกลับมาแล้วเอ่ยถามออกไป
"ถ้าน้องกลับมารักพี่วายุเหมือนเดิม พี่วายุจะไม่เย็นชาใส่น้องอีกใช่ไหมคะ" เธอถามเพื่อความมั่นใจเพราะกลัวที่จะต้องเสียใจอีก
"ไม่ครับ พี่จะไม่เฉยชากับหนูอีกแล้ว หนูจะรังเกียจไหมถ้าพี่จะขอคบ"
"วะ ว่าไงนะคะ" มิราหูผึ่งตาลุกวาวทันที เธอแทบจะไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ขณะที่ภายในใจกระโดดโลดเต้นไปแล้วเมื่อถูกเขาขอคบ
"พี่ถามว่าหนูจะรังเกียจไหมถ้าพี่จะขอคบ คบกับพี่นะ เป็นแฟนกันนะครับคุณหนูของผม"
"น้องไม่เคยรังเกียจพี่วายุเลยค่ะ น้องอยากเป็นแฟนกับพี่วายุตั้งนานแล้ว น้องตกลงคบกับพี่วายุค่ะ" มิราตอบอย่างไม่ต้องคิด น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริด้วยความดีใจ แล้วกอดหมับคนตัวโตเอาไว้แน่น
หมับ!
ด้านวายุจึงกอดตอบเด็กสาวทันที ขณะที่ปากหนายิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจเช่นเดียวกันที่เด็กสาวตกลงยอมคบกับบอดี้การ์ดอย่างเขา ซึ่งรอยยิ้มของเธอเมื่อครู่มันช่างน่ารักเหลือเกิน ทำเอาเขาเก็บอาการไม่อยู่ อดใจไม่ไหวกับความน่ารักของเธอ มือไม้จึงอยู่ไม่สุขลูบไล้แผ่นหลังบางพลางกระชับกอดเด็กสาวแน่นขึ้นอีก เด็กสาวที่ไร้เดียงสาก็กอดเขาแน่นขึ้นเช่นเดียวกัน เธอใสซื่อเกินกว่าจะรู้เท่าทันว่าเขากำลังคิดไม่ซื่อกับร่างกายของเธอ
และเมื่ออดทนต่อความต้องการที่มีในตัวเด็กสาวไม่ไหว วายุจึงผละกอดออก แล้วเอ่ยขอในสิ่งที่เขาต้องการออกมาตรงๆอย่างไม่คิดอ้อมค้อม
"เป็นของพี่นะครับเด็กดี"
มิราได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับตกใจ ถึงเธอจะใสซื่อไปบ้างและไร้เดียงสาไปหน่อย แต่เธอก็พอจะเข้าใจกับสิ่งที่เขาขอมา
"แต่น้องไม่เคย น้องกลัวค่ะ" เธอมีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันทีอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ได้รังเกียจที่จะต้องร่วมรักทางกายกับเขา เธอแค่หวั่นกลัวด้วยความที่ตัวเองนั้นไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครมาก่อน แม้กระทั่งจูบแรกเธอก็เพิ่งโดนเขาพรากไป
"ไม่ต้องกลัวครับ เชื่อใจพี่นะ" วายุพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางยกมือหนาข้างหนึ่งขึ้นมาลูบศีรษะเล็กไปด้วยเบาๆอย่างปลอบประโลม ถึงเด็กสาวไม่บอก เขาก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอยังบริสุทธิ์เพราะเขาดูออกว่าเด็กสาวไม่ประสีประสากับเรื่องพวกนี้ แม้เธอจะชอบทำตัวแก่แดดกับเขาไปบ้าง แต่ที่ผ่านมาเธอก็เป็นกับเขาแค่คนเดียวซึ่งเขาก็คอยสังเกตเธอมาโดยตลอด...
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)"พี่วายุเป็นไงบ้างพี่" เมื่อคนเป็นนายและพี่ชายออกไปจากห้องนี้แล้ว ภีมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหารุ่นพี่อย่างไว แล้วช่วยประคองกายแกร่งของรุ่นพี่ให้ลุกขึ้นนั่ง "กู โอเค" วายุตอบรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แทบจะไม่มีแรงพูด ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สมองยังปวดหนึบด้วยฤทธิ์ยา "อดทนอีกนิดนะพี่ เดี๋ยวยาก็หมดฤทธิ์แล้ว" ภีมไม่สามารถช่วยอะไรรุ่นพี่ได้เลย เขาทำได้แค่บอกให้รุ่นพี่อดทน เพราะยาชนิดนี้ไม่มียาแก้หรือยาต้านใดๆ สุดแล้วแต่ร่างกายและความอดทนของคนที่ได้รับยานี้เข้าไปว่าจะอดทนต่อฤทธิ์ของมันได้หรือไม่"มึงอย่าปากสว่างไปบอกหนูมิล่ะ กูไม่อยากให้เมียกูต้องเป็นห่วง" วายุไม่ได้สนใจคำพูดของรุ่นน้องแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะเอ่ยประหนึ่งเป็นคำสั่งกับรุ่นน้องแทนขณะที่ใบหน้ายังคงเหยเกด้วยความเจ็บปวด มือหนาข้างหนึ่งกุมขมับเอาไว้ มือหนาอีกข้างวางค้ำยันลงบนพื้นเพื่อเป็นหลักให้ตัวเอง"โธ่พี่ ผมไม่บอกคุณหนูหรอกหน่า อีกอย่างพี่ห่วงตัวเองก่อนเถอะ สภาพพี่ตอนนี้ดูไม่ได้เลย" ภีมรู้ดีว่าเรื่องไหนควรพูดไม่ควรพูด แต่รุ่นพี่ของเขานี่สิ ห่วงแต่คุณหนูตัวน้อยทั้งที่สภาพตัวเองตอนนี้แย่มากแทบดูไม่ได
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องใต้ดินหรือห้องเชือดผัวะ!ทันทีที่วายุโผล่หน้าเข้ามาในห้องเชือด เดชาก็ปล่อยหมัดหนักๆใส่ใบหน้าข้างขวาของวายุเต็มแรง จนใบหน้าหันไปตามแรงหมัดพร้อมกับเซไปด้านหลังจนเกือบเสียหลักล้มลงไป แต่ไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักดี หมัดที่สองก็ตามมาใส่ใบหน้าอีกข้างเต็มแรงผัวะ!ใบหน้าของวายุหันไปตามแรงหมัดเกือบจะเสียหลักล้มลงไปอีกครั้งแต่ก็ทรงตัวเอาไว้ได้ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำคาวสีแดงที่ซึมออกมาตรงมุมปากทั้งสองข้างออกลวงๆ แล้วมองไปยังผู้เป็นนายนิ่งๆ โดยไม่พูดหรือไม่คิดจะตอบโต้กลับไป เขายอมให้ผู้เป็นนายกระทำแต่โดยดี"สองหมัดนี้แค่น้ำจิ้ม หลังจากนี้มึงเตรียมตัวรับบททดสอบของกูให้ได้ก็แล้วกันไอ้วายุ หึ" เดชาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พูดจบก็กระตุกยิ้มร้ายเย้ยหยันคนเป็นลูกน้องที่เลี้ยงไม่เชื่อง"ผมพร้อมครับ" วายุพูดสวนไปทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า เขายังคงใจเย็น ไม่ได้มีความเกรงกลัวผู้เป็นเจ้านายและสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเผชิญเลยแม้แต่น้อย"อวดเก่ง! ถ้ามึงพร้อมมากขนาดนี้กูก็พร้อมจัดให้มึงแบบชุดใหญ่ จัดให้แบบสมเกียรติคนเก่งอยากมึง" เดชาไม่เคยเจอใครที่กล้าหือกับเขาแ
ก๊อกๆๆๆๆ!!!!แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นด้วยฝีมือของคนนอกห้องที่กระหน่ำเคาะไม่หยุด ทำให้เด็กสาวเจ้าของห้องสะดุ้งผวาโผเข้ากอดคนตัวโตเอาไว้แน่นด้วยความตกใจ และนึกหวั่นกลัวขึ้นมา เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องแค่คนเดียว หากใครมาเห็นเข้าคงแย่ก๊อกๆๆๆๆๆ!!!!"ยัยหนูเปิดประตูให้พ่อเดี๋ยวนี้!"เสียงเคาะประตูรัวๆดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงทุ้มดังกังวานของผู้เป็นพ่อ ทำให้เธอยิ่งตกใจและหวั่นกลัวหนักกว่าเดิม"พี่วายุคุณพ่อกลับมาแล้วทำยังไงดีคะ ถ้าคุณพ่อเห็นพี่วายุอยู่กับน้องแบบนี้คุณพ่อต้องไม่ปล่อยพี่วายุไปแน่ น้องกลัวค่ะ" มิราพูดด้วยความร้อนรน น้ำเสียงสั่นไปหมด ไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะกลับมาไวขนาดนี้ทั้งที่บอกเธอว่าจะกลับพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เธออยู่ไม่สุขนั่งไม่ติดเลยทีเดียวเพราะกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะทำอะไรคนรักของเธอ พลางหันไปมองทางประตูที่ตอนนี้ผู้เป็นพ่อกำลังกระหน่ำเคาะเรียกเธอไม่หยุด เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้"หนูใจเย็นๆนะครับ มีพี่อยู่ตรงนี้หนูไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น มันถึงเวลาแล้วที่นายจะต้องรู้เรื่องของเราสักที" บอกกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"อ้าวพี่ หายไปไหนมาตั้งนาน" ภีมเอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นรุ่นพี่กำลังเดินมาทางเขาวายุไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับมองหาเด็กสาวที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อย่างที่เขาคิดไว้ หรือเธอคงอาจจะเสียใจและวิ่งขึ้นห้องนอนของเธอไปแล้ว เช่นนั้นก็ดี ดีกว่าที่เธอมานั่งอยู่กับไอ้หน้าตี๋"ตัวเล็กไปเข้าห้องน้ำนานจัง เดี๋ยวฉันไปตามดีกว่า" พูดจบมาตินก็ตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่ทว่าวายุก็ดันกดไหล่ของมาตินให้นั่งลงเช่นเดิม ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปน้ำเสียงแข็ง ใบหน้าเรียบนิ่ง"ไม่ต้องไปตามหรอก คุณหนูบอกว่าง่วง เลยขอตัวขึ้นห้องไปนอนแล้ว ส่วนคุณก็กลับบ้านไปได้แล้ว""นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน ฉันจะไปดูตัวเล็ก" มาตินปัดมือของวายุออกจากไหล่ตัวเอง ขณะมองหน้าวายุอย่างไม่พอใจที่บังอาจมาสั่งเขา แถมท่าทางก็ยังกำแหง ดูไม่ให้เกียรติและไม่เกรงใจเขาเลยด้านภีมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดแทรกสถานการณ์ตรงหน้า"เอ่อ ผมว่าคุณมาตินกลับไปก่อนดีกว่านะครับ คุณหนูหลับไปแล้วคงไม่มีประโยชน์ถ้าคุณจะขึ้นไปหาคุณหนูตอนนี้ อีกอย่างมันก็ไม่เหมาะสมที่คุณจะขึ้นไปหาคุณหนูบนห้องด้วย"พรึ่บ!สิ้นเสียงของภีม มาตินก็ลุกพรวดขึ้นมาแล้วพูดสวนกลับภีมอย่างไม่พอใจ"ไม่เหมาะสมยังไง อีกไม่นาน
บริเวณสวนหย่อมข้างบ้านหลังจากมื้ออาหารเช้าจบลง มิราก็พาแขกที่ไม่ได้รับเชิญมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมข้างบ้าน แต่กลับไม่มีบอดี้การ์ดคนของใจตามเธอมาด้วย ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน หลังจากที่ทานข้าวเสร็จเธอก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ตอนนี้ก็ได้แต่หันซ้ายหันขวา ชะเง้อมองหาคนรักจนคอยาวเป็นยีราฟแล้ว"มีอะไรรึเปล่าครับ มองหาใครอยู่เหรอ" มาตินเอ่ยถามเพราะท่าทางของคนตัวเล็กทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ด้านมิราถึงกับชะงักกับคำถามของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยตอบเขาไปด้วยอาการเลิ่กลั่กเล็กน้อย"ปะ เปล่าค่ะ ไม่ได้มองหาใคร"ด้านมาตินได้ยินเช่นนั้นก็เลือกที่จะไม่ถามเซ้าซี้อะไรอีก ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยพูดต่อ"พี่มาตินนั่งตรงนี้ไปก่อนนะคะ มิราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน พี่ภีมฝากดูแลพี่มาตินด้วยนะคะเดี๋ยวน้องมิมา" พูดจบมิราก็ดันตัวลุกขึ้นเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในบ้านทันที ทิ้งให้มาตินได้แต่มองตามหลังอย่างนึกสงสัยกับท่าทางที่ผิดปกติของเธอ แต่ไม่ใช่กับบอดี้การ์ดคนสนิทอย่างภีม เพราะภีมรู้ดีว่าคุณหนูตัวน้อยเป็นอะไร...ซึ่งภีมก็ได้รู้แล้วว่ารุ่นพี่ของเขากับเด็กสาวมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนไปถึงขั้นผัวเมียกันแล้ว และที่เขารู้ได้นั้นก็เพราะเมื่
ในเวลาหกโมงเช้ามิราเปิดประตูออกมาจากห้องนอนของตัวเอง ก็เห็นคนเป็นพ่อเหมือนกำลังจะเดินทางไปไหน เพราะเธอเหลือบไปเห็นกระเป๋าลากใบใหญ่ที่บอดี้การ์ดคนสนิทของพ่อเธอกำลังถืออยู่ เธอจึงเอ่ยถามคนเป็นพ่อไป"นั่นคุณพ่อจะไปไหนแต่เช้าคะ"เดชาหยุดชะงักเท้าแล้วหันมาตอบคำถามของลูกสาว"พ่อต้องไปคุยงานที่ต่างจังหวัด หนูอยู่บ้านก็อย่าดื้ออย่าซนนะลูก ถ้าจะออกไปข้างนอกก็ให้ไอ้ภีมกับไอ้วายุมันพาไป แต่ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกไปไหน เข้าใจไหมครับ""ค่ะ แล้วคุณพ่อจะไปกี่วันคะ" ซึ่งคนเป็นพ่อก็มักจะไปคุยงานต่างจังหวัดแบบนี้อยู่บ่อยๆจนมิราชินไปเสียแล้ว เธอเลยไม่ได้กังวลอะไรกับการที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวโดยไม่มีผู้เป็นพ่ออยู่ด้วย"ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้พ่อก็น่าจะกลับแล้วครับ"สิ้นคำตอบของคนเป็นพ่อ มิราก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเข้าไปกอดเอวสอบของพ่ออย่างออดอ้อน โดยที่คนเป็นพ่อก็กอดตอบลูกสาวของตนทันที"เดินทางปลอดภัยนะคะคุณพ่อสุดหล่อของหนู เอ๊ะ ว่าแต่คราวนี้จะหิ้วสาวๆกลับมาด้วยรึเปล่าคะเนี้ย" เอ่ยแซวคนเป็นพ่อไปอย่างนั้น ทั้งที่รู้ดีว่าคนเป็นพ่อไม่มีทางพาผู้หญิงเข้าบ้านแน่นอน อย่างมากก็พาไปโรงแรมหรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่ไม่