LOGINบริเวณสวนหย่อมข้างบ้าน
หลังจากมื้ออาหารเช้าจบลง มิราก็พาแขกที่ไม่ได้รับเชิญมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมข้างบ้าน แต่กลับไม่มีบอดี้การ์ดคนของใจตามเธอมาด้วย ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน หลังจากที่ทานข้าวเสร็จเธอก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ตอนนี้ก็ได้แต่หันซ้ายหันขวา ชะเง้อมองหาคนรักจนคอยาวเป็นยีราฟแล้ว
"มีอะไรรึเปล่าครับ มองหาใครอยู่เหรอ" มาตินเอ่ยถามเพราะท่าทางของคนตัวเล็กทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้
ด้านมิราถึงกับชะงักกับคำถามของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยตอบเขาไปด้วยอาการเลิ่กลั่กเล็กน้อย
"ปะ เปล่าค่ะ ไม่ได้มองหาใคร"
ด้านมาตินได้ยินเช่นนั้นก็เลือกที่จะไม่ถามเซ้าซี้อะไรอีก ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยพูดต่อ
"พี่มาตินนั่งตรงนี้ไปก่อนนะคะ มิราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน พี่ภีมฝากดูแลพี่มาตินด้วยนะคะเดี๋ยวน้องมิมา" พูดจบมิราก็ดันตัวลุกขึ้นเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในบ้านทันที ทิ้งให้มาตินได้แต่มองตามหลังอย่างนึกสงสัยกับท่าทางที่ผิดปกติของเธอ แต่ไม่ใช่กับบอดี้การ์ดคนสนิทอย่างภีม เพราะภีมรู้ดีว่าคุณหนูตัวน้อยเป็นอะไร
...ซึ่งภีมก็ได้รู้แล้วว่ารุ่นพี่ของเขากับเด็กสาวมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนไปถึงขั้นผัวเมียกันแล้ว และที่เขารู้ได้นั้นก็เพราะเมื่อเช้าเขาได้เอ่ยทักรุ่นพี่ที่เหมือนกำลังจะออกไปไหนแต่เช้าตรู่ ซึ่งรุ่นพี่ของเขาก็ได้บอกตรงๆว่าจะออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินให้เด็กสาว เขาที่ได้ยินแบบนั้นก็อึ้งและตกใจเป็นอย่างมาก และหลังจากที่เขาหายช๊อคกับการที่ได้รู้ว่าคุณหนูตัวน้อยได้ตกเป็นเมียของรุ่นพี่ไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้แนะนำให้รุ่นพี่ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินที่ร้านขายของชำที่อยู่อีกซอยถัดไป เพราะเวลาตอนนั้นเป็นเวลาเช้ามาก ร้านยาเภสัชคงยังไม่เปิด ซึ่งไม่แปลกที่คนอย่างเขาจะรู้ดีว่าร้านไหนขายอะไรเกี่ยวกับการป้องกันทางเพศ เพราะเขาก็เสือผู้หญิงตัวพ่อคนนึงเหมือนกัน
ด้านมิราเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ดวงตากลมโตก็กวาดมองไปรอบๆเพื่อหาคนรักของตัวเอง และเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังกว้างที่มองจากข้างหลังก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เธอจึงรีบเดินจ้ำอ้าวไปหาเขาทันที เมื่อเดินมาถึงบริเวณด้านหลังของคฤหาสน์ที่มีคนของใจกำลังยืนหันหลังให้เธออยู่ เธอจึงหยุดชะงักเท้าหยุดยืนอยู่ด้านหลังของเขา มองเขาที่กำลังเงยหน้าพ้นควันสีขาวออกทางปากและจมูก ขณะมือข้างหนึ่งของเขาคีบบุหรี่อยู่ เธอจึงตัดสินใจถามออกไป
"พี่วายุสูบบุหรี่ด้วยเหรอคะ" ถามทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าเขากำลังสูบบุหรี่ เธอรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลยที่เห็นเขาสูบบุหรี่อยู่แบบนี้
ด้านวายุเมื่อได้ยินเสียงหวานของเมียตัวน้อย เขาจึงดีดบุหรี่ในมือทิ้งลงพื้นหญ้าทันที แล้วหมุนตัวหันไปหาเด็กสาว ยืนมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธอ แล้วเอ่ยตอบออกไปน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเดียวกับใบหน้า
"พี่สูบนานๆครั้งครับ เฉพาะตอนที่มีเรื่องในหัวให้ต้องคิดพี่ถึงจะสูบ"
"หมายถึงสูบบุหรี่เฉพาะตอนที่เครียดน่ะเหรอคะ" เธอเหมือนจะเข้าใจกับคำตอบของเขา แต่ก็ไม่เข้าใจเสียทีเดียว
"ก็ไม่เชิงว่าเครียดหรอกครับ แค่มีเรื่องต้องให้คิด" เขาพูดอย่างใจเย็น น้ำเสียงและท่าทางยังนิ่งเหมือนเดิม
ด้านมิราจึงเงียบไป ขณะที่คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันยุ่งเพราะกำลังใช้ความคิด ยิ่งเขาพูดเธอก็เหมือนจะยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ ซึ่งในความคิดของเธอคนเรามันก็ต้องใช้ความคิดในทุกๆวันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง วันนี้ที่เขาสูบบุหรี่เพราะมีเรื่องให้คิด แล้วปกติในทุกๆวันที่เขาไม่สูบบุหรี่เขาไม่มีเรื่องอะไรให้คิดเลยเหรอ ยิ่งคิดทวนคำพูดของเขาเธอก็ยิ่งงง
ขณะเดียวกันวายุก็มองเด็กสาวอยู่ตลอดไม่ละสายตา นึกเอ็นดูใบหน้างุนงงของเธอ คำพูดของเขามันเข้าใจยากตรงไหนกัน ทำไมเมียเขาถึงเข้าใจอะไรยากจัง เห็นทีต้องสอนกันยาวงานนี้
"มานี่มา" ไม่พูดเปล่า เขาคว้าข้อมือเล็กของเด็กสาว แล้วพาเธอเดินไปยังห้องน้ำที่มีไว้สำหรับรองรับแขก
...ซึ่งดีที่บริเวณตรงนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด มิเช่นนั้นเจ้าของคฤหาสน์ที่กำลังมองภาพวิดีโอกล้องวงจรปิดผ่านโทรศัพท์เครื่องหรูของเขาอยู่ ณ ตอนนี้ คงได้เห็นความเคลื่อนไหวของลูกสาวตนกับบอดี้การ์ดส่วนตัวเป็นแน่
และเมื่อวายุพาเด็กสาวเข้ามายังห้องน้ำรับแขก เขาก็ดันตัวเด็กสาวจนแผ่นหลังบางชิดติดฝาผนังห้องน้ำโดยไม่ลืมกดล๊อคกลอนประตู กันคนข้างนอกเข้ามาขัดขวางทางรักของเขา ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงไปบดจูบปากบางทันที ประหนึ่งเป็นการลงโทษ ทั้งที่เด็กสาวยังไม่ได้ทำผิดอะไรเลย
"อื้อ!" เสียงหวานครางอยู่ในลำคอเกือบตั้งรับไม่ทันกับบทจูบอันรวดเร็วของอีกคน เมื่อเริ่มปรับตัวได้เธอจึงจูบตอบด้วยการส่งลิ้นเล็กตวัดดูดดันลิ้นหนากลับอย่างเงอะงะ มือบางสองข้างเลื่อนขึ้นมาคล้องลำคอหนาเอาไว้
"อืม~" วายุครางเสียงกระเส่าด้วยความพอใจลิ้นเล็กที่ตอบสนองเขากลับ แม้จะเงอะงะไม่ประสีประสาแต่เธอก็เก่งขึ้นมากและเขาก็ชอบมากกับความเรียนรู้ไวของเธอ
มือหนาทั้งสองข้างลูบไล้แผ่นหลังบางไปทั่ว พลางบีบก้นกลมมนไปด้วยเบาๆ ทำเอาเด็กสาวสะดุ้งรู้สึกวูบวาบหายใจไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว และเหมือนจะทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเวลานี้ไม่ควรจะมาทำเรื่องแบบนี้กัน เธอจึงพยายามเบี่ยงใบหน้าหลบจูบของเขา ก่อนจะเอ่ยบอกออกไป
"พะ พี่วายุ พอแล้วค่ะ หยุดก่อนน้องต้องกลับไปหาพี่มาตินแล้ว เข้าบ้านมานานเดี๋ยวพี่มาตินจะสงสัยเอา"
"แคร์มัน" เขาถามด้วยน้ำเสียงแข็งพร้อมกับออกแรงบีบต้นแขนเรียวเล็กทั้งสองข้าง ใบหน้าที่เคยนิ่ง คิ้วหนากลับขมวดเข้าหากันยุ่งด้วยความไม่พอใจที่เด็กสาวปฏิเสธจูบของเขากลางคันเพราะไอ้หนุ่มหน้าตี๋นั่น
"เปล่าค่ะ" เธอปฏิเสธทันทีด้วยน้ำเสียงเบา มองคนตัวโตอย่างแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเขาใส่อารมณ์กับเธอแบบนี้
"ถ้าไม่ได้แคร์มันก็ไล่มันกลับไปซะ" เขาพูดอย่างเป็นคำสั่งน้ำเสียงแข็ง พร้อมกับออกแรงบีบต้นแขนเรียวเล็กแรงขึ้นตามอารมณ์หึงหวง โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
"พี่วายุน้องเจ็บค่ะ" เธอเอ่ยบอกเขาน้ำเสียงเบา มองคนตัวโตตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำรุนแรงกับเธอด้วย แค่บอกเธอดีๆเธอก็พร้อมจะทำตามแล้ว
ด้านวายุจึงได้สติ รีบผละมือหนาออกจากต้นแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างทันที
"พี่ขอโทษครับ หนูเจ็บมากไหม" เขาจับต้นแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างอีกครั้ง แล้วลูบเบาๆอย่างทะนุถนอม นึกโกรธตัวเองเป็นอย่างมากที่หึงหวงเด็กสาวจนขาดสติเผลอลงแรงกับเธอไป
"เจ็บนิดหน่อยค่ะ... แต่เอ๊ะ นี่มันรอยอะไรคะ" สายตาของเธอดันไปสะดุดเข้ากับคราบสกปรกที่เปื้อนเสื้อเชิ้ตสีดำของอีกคนตรงบริเวณอกข้างซ้าย ถ้าไม่สังเกตดีๆก็จะไม่เห็น เธอจึงใช้ปลายนิ้วเรียวเช็ดคราบรอยเปื้อนที่เป็นรูปทรงปาก และทันทีที่เห็นคราบเปื้อนสีแดงติดมากับปลายนิ้วมือของตัวเอง ใจดวงน้อยก็กระตุกวูบทันที ก่อนจะเบนสายตาขึ้นมองคนตัวโตตรงหน้าด้วยดวงตาสั่นระริก แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"นี่มันอะไรกันคะพี่วายุ" ถามทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก มองเขาด้วยความรู้สึกผิดหวัง
"พี่ไม่รู้ว่ามันมาได้ยังไง พี่ก็เพิ่งเห็นเหมือนกันครับ" เขารีบอธิบายให้เด็กสาวฟังทันที ซึ่งเขาไม่รู้จริงๆว่ารอยลิปสติกนี้มันมาได้ยังไง เพราะเขาเองก็เพิ่งจะเห็นมันพร้อมกับเด็กสาวเนี้ยแหละ
"ไม่รู้ หึ ไม่รู้อย่างนั้นเหรอคะ พูดง่ายจัง" ยิ่งคนตัวโตพูด เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังในตัวเขามากขึ้นกว่าเดิม เพราะข้ออ้างของเขามันฟังไม่ขึ้นเลย น้ำใสๆที่เอ่อคลอเบ้าตาจึงไหลหยดแหมะลงมาอาบแก้มนุ่มทั้งสองข้าง
ทำเอาใจแกร่งกระตุกวูบทันทีเมื่อเห็นเด็กสาวร้องไห้ เขาจึงไม่รอช้าคว้าตัวเด็กสาวเข้ามากอดไว้แน่น
หมับ!
"ไม่ร้องนะครับ อย่าเพิ่งเข้าใจพี่ผิดเลยนะ พี่ไม่รู้จริงๆว่ารอยนี่มันมาได้ยังไง หนูเชื่อพี่นะ อย่าร้องไห้เลยนะครับเด็กดีของพี่" ขณะปากพูด มือหนาข้างหนึ่งก็ลูบแผ่นหลังบางมือหนาอีกข้างลูบศรีษะเล็กอย่างปลอบประโลม
ปึก!
ทว่าทันทีที่เขาพูดจบ เด็กสาวก็ผลักอกแกร่งของเขาอย่างแรงจนทำเขาเซไปด้านหลังเพราะไม่ทันตั้งตัว
"อย่ามาแตะต้องตัวน้อง! คนหลายใจ!" เธอพูดใส่หน้าเขาเสียงดังด้วยความเสียใจเป็นอย่างมาก พูดจบก็เปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
"หนูมิ!" วายุตะโกนเรียกตามหลังเพราะคว้าตัวเด็กสาวเอาไว้ไม่ทัน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ตามเธอไปแต่อย่างใด เพราะต่อให้ตามเด็กสาวไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ เธอโกรธอยู่คงไม่ยอมฟังเขาอย่างแน่นอน แม้ว่าอยากจะตามไปง้อเด็กสาวมากแค่ไหน แต่เขาก็คงต้องรอ รอให้เธอใจเย็นและพร้อมที่จะรับฟังเขามากกว่านี้
เขาก้มมองรอยลิปสติกบนเสื้อตรงอกข้างซ้ายของตัวเอง พลางนึกคิดว่ารอยนี่มันมาได้ยังไง แต่แล้วคิดได้ไม่นานก็นึกออก ในหัวจึงกระจ่างทันที จากนั้นก็รีบเช็ดคราบสกปรกนี่ออกจากเสื้อจนสะอาดหมดจด แม้ใจจริงอยากจะเปลี่ยนเสื้อใหม่แล้วทิ้งเสื้อตัวนี้ไปซะ แต่กระนั้นเวลานี้มันคงไม่ใช่เวลาที่เขาจะมัวมาเปลี่ยนเสื้อใหม่ เพราะตอนนี้เขาควรคิดหาวิธีง้อเด็กสาวก่อน...
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)"พี่วายุเป็นไงบ้างพี่" เมื่อคนเป็นนายและพี่ชายออกไปจากห้องนี้แล้ว ภีมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหารุ่นพี่อย่างไว แล้วช่วยประคองกายแกร่งของรุ่นพี่ให้ลุกขึ้นนั่ง "กู โอเค" วายุตอบรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แทบจะไม่มีแรงพูด ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สมองยังปวดหนึบด้วยฤทธิ์ยา "อดทนอีกนิดนะพี่ เดี๋ยวยาก็หมดฤทธิ์แล้ว" ภีมไม่สามารถช่วยอะไรรุ่นพี่ได้เลย เขาทำได้แค่บอกให้รุ่นพี่อดทน เพราะยาชนิดนี้ไม่มียาแก้หรือยาต้านใดๆ สุดแล้วแต่ร่างกายและความอดทนของคนที่ได้รับยานี้เข้าไปว่าจะอดทนต่อฤทธิ์ของมันได้หรือไม่"มึงอย่าปากสว่างไปบอกหนูมิล่ะ กูไม่อยากให้เมียกูต้องเป็นห่วง" วายุไม่ได้สนใจคำพูดของรุ่นน้องแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะเอ่ยประหนึ่งเป็นคำสั่งกับรุ่นน้องแทนขณะที่ใบหน้ายังคงเหยเกด้วยความเจ็บปวด มือหนาข้างหนึ่งกุมขมับเอาไว้ มือหนาอีกข้างวางค้ำยันลงบนพื้นเพื่อเป็นหลักให้ตัวเอง"โธ่พี่ ผมไม่บอกคุณหนูหรอกหน่า อีกอย่างพี่ห่วงตัวเองก่อนเถอะ สภาพพี่ตอนนี้ดูไม่ได้เลย" ภีมรู้ดีว่าเรื่องไหนควรพูดไม่ควรพูด แต่รุ่นพี่ของเขานี่สิ ห่วงแต่คุณหนูตัวน้อยทั้งที่สภาพตัวเองตอนนี้แย่มากแทบดูไม่ได
(ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)ภายในห้องใต้ดินหรือห้องเชือดผัวะ!ทันทีที่วายุโผล่หน้าเข้ามาในห้องเชือด เดชาก็ปล่อยหมัดหนักๆใส่ใบหน้าข้างขวาของวายุเต็มแรง จนใบหน้าหันไปตามแรงหมัดพร้อมกับเซไปด้านหลังจนเกือบเสียหลักล้มลงไป แต่ไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักดี หมัดที่สองก็ตามมาใส่ใบหน้าอีกข้างเต็มแรงผัวะ!ใบหน้าของวายุหันไปตามแรงหมัดเกือบจะเสียหลักล้มลงไปอีกครั้งแต่ก็ทรงตัวเอาไว้ได้ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำคาวสีแดงที่ซึมออกมาตรงมุมปากทั้งสองข้างออกลวงๆ แล้วมองไปยังผู้เป็นนายนิ่งๆ โดยไม่พูดหรือไม่คิดจะตอบโต้กลับไป เขายอมให้ผู้เป็นนายกระทำแต่โดยดี"สองหมัดนี้แค่น้ำจิ้ม หลังจากนี้มึงเตรียมตัวรับบททดสอบของกูให้ได้ก็แล้วกันไอ้วายุ หึ" เดชาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พูดจบก็กระตุกยิ้มร้ายเย้ยหยันคนเป็นลูกน้องที่เลี้ยงไม่เชื่อง"ผมพร้อมครับ" วายุพูดสวนไปทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า เขายังคงใจเย็น ไม่ได้มีความเกรงกลัวผู้เป็นเจ้านายและสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเผชิญเลยแม้แต่น้อย"อวดเก่ง! ถ้ามึงพร้อมมากขนาดนี้กูก็พร้อมจัดให้มึงแบบชุดใหญ่ จัดให้แบบสมเกียรติคนเก่งอยากมึง" เดชาไม่เคยเจอใครที่กล้าหือกับเขาแ
ก๊อกๆๆๆๆ!!!!แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นด้วยฝีมือของคนนอกห้องที่กระหน่ำเคาะไม่หยุด ทำให้เด็กสาวเจ้าของห้องสะดุ้งผวาโผเข้ากอดคนตัวโตเอาไว้แน่นด้วยความตกใจ และนึกหวั่นกลัวขึ้นมา เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องแค่คนเดียว หากใครมาเห็นเข้าคงแย่ก๊อกๆๆๆๆๆ!!!!"ยัยหนูเปิดประตูให้พ่อเดี๋ยวนี้!"เสียงเคาะประตูรัวๆดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงทุ้มดังกังวานของผู้เป็นพ่อ ทำให้เธอยิ่งตกใจและหวั่นกลัวหนักกว่าเดิม"พี่วายุคุณพ่อกลับมาแล้วทำยังไงดีคะ ถ้าคุณพ่อเห็นพี่วายุอยู่กับน้องแบบนี้คุณพ่อต้องไม่ปล่อยพี่วายุไปแน่ น้องกลัวค่ะ" มิราพูดด้วยความร้อนรน น้ำเสียงสั่นไปหมด ไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะกลับมาไวขนาดนี้ทั้งที่บอกเธอว่าจะกลับพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เธออยู่ไม่สุขนั่งไม่ติดเลยทีเดียวเพราะกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะทำอะไรคนรักของเธอ พลางหันไปมองทางประตูที่ตอนนี้ผู้เป็นพ่อกำลังกระหน่ำเคาะเรียกเธอไม่หยุด เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้"หนูใจเย็นๆนะครับ มีพี่อยู่ตรงนี้หนูไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น มันถึงเวลาแล้วที่นายจะต้องรู้เรื่องของเราสักที" บอกกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"อ้าวพี่ หายไปไหนมาตั้งนาน" ภีมเอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นรุ่นพี่กำลังเดินมาทางเขาวายุไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับมองหาเด็กสาวที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อย่างที่เขาคิดไว้ หรือเธอคงอาจจะเสียใจและวิ่งขึ้นห้องนอนของเธอไปแล้ว เช่นนั้นก็ดี ดีกว่าที่เธอมานั่งอยู่กับไอ้หน้าตี๋"ตัวเล็กไปเข้าห้องน้ำนานจัง เดี๋ยวฉันไปตามดีกว่า" พูดจบมาตินก็ตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่ทว่าวายุก็ดันกดไหล่ของมาตินให้นั่งลงเช่นเดิม ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปน้ำเสียงแข็ง ใบหน้าเรียบนิ่ง"ไม่ต้องไปตามหรอก คุณหนูบอกว่าง่วง เลยขอตัวขึ้นห้องไปนอนแล้ว ส่วนคุณก็กลับบ้านไปได้แล้ว""นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน ฉันจะไปดูตัวเล็ก" มาตินปัดมือของวายุออกจากไหล่ตัวเอง ขณะมองหน้าวายุอย่างไม่พอใจที่บังอาจมาสั่งเขา แถมท่าทางก็ยังกำแหง ดูไม่ให้เกียรติและไม่เกรงใจเขาเลยด้านภีมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดแทรกสถานการณ์ตรงหน้า"เอ่อ ผมว่าคุณมาตินกลับไปก่อนดีกว่านะครับ คุณหนูหลับไปแล้วคงไม่มีประโยชน์ถ้าคุณจะขึ้นไปหาคุณหนูตอนนี้ อีกอย่างมันก็ไม่เหมาะสมที่คุณจะขึ้นไปหาคุณหนูบนห้องด้วย"พรึ่บ!สิ้นเสียงของภีม มาตินก็ลุกพรวดขึ้นมาแล้วพูดสวนกลับภีมอย่างไม่พอใจ"ไม่เหมาะสมยังไง อีกไม่นาน
บริเวณสวนหย่อมข้างบ้านหลังจากมื้ออาหารเช้าจบลง มิราก็พาแขกที่ไม่ได้รับเชิญมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมข้างบ้าน แต่กลับไม่มีบอดี้การ์ดคนของใจตามเธอมาด้วย ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน หลังจากที่ทานข้าวเสร็จเธอก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ตอนนี้ก็ได้แต่หันซ้ายหันขวา ชะเง้อมองหาคนรักจนคอยาวเป็นยีราฟแล้ว"มีอะไรรึเปล่าครับ มองหาใครอยู่เหรอ" มาตินเอ่ยถามเพราะท่าทางของคนตัวเล็กทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ด้านมิราถึงกับชะงักกับคำถามของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยตอบเขาไปด้วยอาการเลิ่กลั่กเล็กน้อย"ปะ เปล่าค่ะ ไม่ได้มองหาใคร"ด้านมาตินได้ยินเช่นนั้นก็เลือกที่จะไม่ถามเซ้าซี้อะไรอีก ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยพูดต่อ"พี่มาตินนั่งตรงนี้ไปก่อนนะคะ มิราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน พี่ภีมฝากดูแลพี่มาตินด้วยนะคะเดี๋ยวน้องมิมา" พูดจบมิราก็ดันตัวลุกขึ้นเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในบ้านทันที ทิ้งให้มาตินได้แต่มองตามหลังอย่างนึกสงสัยกับท่าทางที่ผิดปกติของเธอ แต่ไม่ใช่กับบอดี้การ์ดคนสนิทอย่างภีม เพราะภีมรู้ดีว่าคุณหนูตัวน้อยเป็นอะไร...ซึ่งภีมก็ได้รู้แล้วว่ารุ่นพี่ของเขากับเด็กสาวมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนไปถึงขั้นผัวเมียกันแล้ว และที่เขารู้ได้นั้นก็เพราะเมื่
ในเวลาหกโมงเช้ามิราเปิดประตูออกมาจากห้องนอนของตัวเอง ก็เห็นคนเป็นพ่อเหมือนกำลังจะเดินทางไปไหน เพราะเธอเหลือบไปเห็นกระเป๋าลากใบใหญ่ที่บอดี้การ์ดคนสนิทของพ่อเธอกำลังถืออยู่ เธอจึงเอ่ยถามคนเป็นพ่อไป"นั่นคุณพ่อจะไปไหนแต่เช้าคะ"เดชาหยุดชะงักเท้าแล้วหันมาตอบคำถามของลูกสาว"พ่อต้องไปคุยงานที่ต่างจังหวัด หนูอยู่บ้านก็อย่าดื้ออย่าซนนะลูก ถ้าจะออกไปข้างนอกก็ให้ไอ้ภีมกับไอ้วายุมันพาไป แต่ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกไปไหน เข้าใจไหมครับ""ค่ะ แล้วคุณพ่อจะไปกี่วันคะ" ซึ่งคนเป็นพ่อก็มักจะไปคุยงานต่างจังหวัดแบบนี้อยู่บ่อยๆจนมิราชินไปเสียแล้ว เธอเลยไม่ได้กังวลอะไรกับการที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวโดยไม่มีผู้เป็นพ่ออยู่ด้วย"ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้พ่อก็น่าจะกลับแล้วครับ"สิ้นคำตอบของคนเป็นพ่อ มิราก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเข้าไปกอดเอวสอบของพ่ออย่างออดอ้อน โดยที่คนเป็นพ่อก็กอดตอบลูกสาวของตนทันที"เดินทางปลอดภัยนะคะคุณพ่อสุดหล่อของหนู เอ๊ะ ว่าแต่คราวนี้จะหิ้วสาวๆกลับมาด้วยรึเปล่าคะเนี้ย" เอ่ยแซวคนเป็นพ่อไปอย่างนั้น ทั้งที่รู้ดีว่าคนเป็นพ่อไม่มีทางพาผู้หญิงเข้าบ้านแน่นอน อย่างมากก็พาไปโรงแรมหรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่ไม่