Share

ตอนที่ 3 เด็กแก่แดด

last update Last Updated: 2025-10-17 11:14:44

เมื่อมาถึงคาเฟ่ร้านประจำของเด็กสาว ภีมก็จอดรถดับเครื่องยนต์สนิทก่อนจะลงจากรถไปซื้อชาเขียวปั่นของโปรดให้คุณหนูของเขาตามคำสั่งทันที ทำให้ตอนนี้ภายในรถเหลือแค่คุณหนูตัวน้อยกับบอดี้การ์ดคนใหม่ของเธอ

มิราค่อยๆเขยิบก้นไปด้านหน้าเล็กน้อยแล้วชะโงกตัวไปมองคนตัวโตด้านหน้าที่นั่งเงียบมาตลอดทาง ก่อนจะเอ่ยเรียกเขาอย่างทะเล้น

"พี่สุดหล่อคะ"

ด้านวายุจึงหันมามองตามเสียงเรียกของเด็กสาวทันที แม้เธอจะไม่ได้เรียกชื่อ แต่ในรถก็มีแค่เขาคนเดียว เสียงทุ้มจึงเอ่ยบอกชื่อตัวเองไป

"ผมชื่อวายุครับ" เขาบอกเพื่อต้องการให้เด็กสาวเรียกเขาให้ถูก ไม่ใช่มาใช้คำเรียกไร้สาระพวกนั้น โดยที่ใบหน้าก็ยังเรียบนิ่งเป็นปกติ

"ค่ะ พี่วายุสุดหล่อ" มิราพูดทวนชื่อเขาด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างทะเล้น เธอรู้ว่าเขาชื่อวายุแต่ที่เรียกเขาไปแบบนั้นเพราะอยากให้เขาสนใจเธอบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เงียบแล้วทำหน้านิ่งใส่ อีกอย่างเขาก็หล่อจริงๆนั่นแหละ ทั้งหล่อทั้งเท่ทำเธอใจสั่นหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน

ด้านวายุมองเด็กสาวนิ่งๆโดยไม่ได้พูดอะไร ขณะที่ในหัวกำลังคิดว่าคำพูดคำจาและท่าทางของเด็กสาวช่างดูแก่แดดเสียจริง แต่กระนั้นใจหนึ่งก็รู้สึกดีที่เธอเรียกเขาว่าพี่ อีกใจก็รู้สึกไม่ชอบเพราะเธอไม่ได้เรียกเขาว่าพี่คนเดียว กับรุ่นน้องของเขาเธอก็ใช้สรรพนามที่สนิทสนมแบบนี้ และคงจะเรียกขานบอดี้การ์ดในบ้านทุกคนของพ่อเธอแบบนี้เช่นเดียวกัน

"พี่วายุมีแฟนยังคะ" จู่ๆมิราก็ถามขึ้นมา รอคำตอบจากเขาตาแป๋ว

วายุที่ได้ยินคำถามของเด็กสาว ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยนิ่ง คิ้วหนากลับขมวดเข้าหากันทันที ก่อนจะเอ่ยถามกลับแทนที่จะตอบคำถามของเธอ

"ถามทำไมครับ"

"ถามเพื่อความแน่ใจไงคะ ถ้าพี่วายุยังไม่มีแฟน น้องมิจะได้จีบไง" มิราตอบออกไปตรงๆด้วยใบหน้ายิ้มๆ เธอเป็นเด็กซื่อๆ คิดอะไรก็พูดออกไปอย่างนั้น ไม่คิดปิดบังความรู้สึกของตัวเองแต่อย่างใด

"คุณหนูพูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหมครับ ต่อไปห้ามพูดหรือห้ามคิดอะไรแบบนี้อีกเด็ดขาดเข้าใจไหมครับ" วายุเอ่ยดุออกไปทันทีน้ำเสียงแข็ง โดยสั่งห้ามเธออย่างจริงจัง ก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่งขณะที่มองหน้าเด็กสาวด้วยใบหน้าเข้มดุ แล้วเอ่ยต่อว่าเธอออกมาน้ำเสียงแข็ง

"เด็กแก่แดด" ถึงเธอจะมีศักดิ์เป็นเจ้านายแต่เขาก็ต้องพูดต้องดุเพื่อไม่ให้เธอคิดอะไรที่ไม่ควรคิด เพื่อไม่ให้เธอพูดอะไรที่ไม่ควรพูด จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองทางข้างหน้าต่อ โดยไม่สนใจอะไรเด็กสาวอีกเลย

ด้านมิราเมื่อโดนดุโดนว่า สีหน้าก็สลดปากบางเบะคว่ำทันที ก่อนจะพูดออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกน้อยใจ

"ทำไมพี่ยุต้องดุต้องว่าน้องแรงขนาดนี้ด้วย" เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองแก่แดดตรงไหน เพราะเธอแค่พูดไปตามความรู้สึกของเธอเท่านั้น

แต่ถึงเธอจะพูดเบาทว่าเขาก็ได้ยิน ทำเอาใจแกร่งอ่อนยวบลงทันที จนเขาไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย แต่กระนั้นก็ยังนั่งนิ่งไม่ได้หันกลับไปมองเด็กสาวด้านหลังแต่อย่างใด เขาไม่ควรโอ๋หรือปลอบอะไรเธอทั้งนั้น แม้แต่คำขอโทษเขาก็ไม่ควรพูดกับเธอ เพราะสิ่งที่เขาพูดหรือดุเธอไปมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เธอเป็นใครเขาเป็นใครข้อนี้เขารู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะงั้นเธอไม่ควรลดตัวลงมายุ่งเกี่ยวกับคนอย่างเขา

แต่แล้วด้านมิราก็เศร้าได้ไม่นาน ปากบางที่เบะคว่ำเมื่อครู่กลับยิ้มซุกซนออกมา เธอยังไม่ได้เริ่มจีบเขาเลยด้วยซ้ำ จะมายอมแพ้แค่โดนเขาดุเขาว่าแบบนี้ไม่ได้ 

"พี่ยุน้องขอยืมโทรศัพท์หน่อยค่ะ" เธอพูดพลางยื่นมือบางข้างหนึ่งไปด้านหน้า แบมือขอโทรศัพท์จากเขา

วายุจึงหันมามองเด็กสาวนิ่งๆ ก่อนจะหลุบตามองมือบางที่แบมือขอโทรศัพท์จากเขา แล้วเบนสายตาขึ้นมามองเด็กสาวต่อ ขณะเดียวกันในหัวเอาแต่คิดว่าเธอช่างขยันพูดจาแทนตัวเองและเรียกชื่อเขาได้น่ารักน่าฟังเสียจริง ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยถามออกไปน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า

"แล้วโทรศัพท์ของคุณหนูล่ะครับ"

"แบตหมดค่ะ" มิราโกหกคำโตแถมยังยิ้มหน้าระรื่นให้เขาอีก

ด้านวายุได้ยินเช่นนั้นก็เลือกไม่ถามอะไรต่อ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขายาวสีดำของตัวเองออกมา นำไปวางบนฝ่ามือบางของเด็กสาว จากนั้นก็หันกลับไปมองบริเวณรอบๆนอกรถเช่นเดิม โดยไม่ได้คิดจะสนใจเลยว่าเด็กสาวจะเอาโทรศัพท์ของเขาไปทำอะไร

มิรารับโทรศัพท์ของอีกคนมาด้วยรอยยิ้มซุกซนละคนดีใจ จากนั้นเธอก็ไม่รอช้ากดเข้าแอปไลน์ของเขาแล้วกดเพิ่มไอดีไลน์ของตัวเองลงไปทันที ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองในกระเป๋ากระโปรงนักเรียนออกมาแล้วกดเพิ่มเพื่อนเขาไปทันที ไม่มีเสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้นแต่อย่างใดเพราะเธอเปิดระบบปิดเสียงเอาไว้ เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยรอยยิ้มซุกซนก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมด้วยความพึงพอใจกับการกระทำของตัวเอง จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของมัน

"นี่ค่ะ ขอบคุณนะคะ" ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงหวานๆ ส่งยิ้มให้เขาอย่างน่ารัก แต่ทว่าเขาไม่ได้หันมามองเธอเลยด้วยซ้ำ เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองจากมือเธอไป เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอเหมือนเดิม แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับท่าทีหมางเมินของเขา เพราะอย่างน้อยตอนนี้เธอก็มีไลน์ของเขาแล้ว

หลังจากนั้นภายในรถก็เงียบไป จนภีมกลับเข้ามาในรถพร้อมกับชาเขียวปั่นหนึ่งแก้ว จากนั้นก็เงียบเหมือนเดิมตลอดระยะทางจากร้านคาเฟ่จนกลับถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่ทว่าเด็กสาวกลับนั่งอมยิ้มตลอดเวลา พลางลอบมองบอดี้การ์ดคนใหม่ของตัวเองอยู่เป็นระยะๆ ขณะมองเขาก็ดันรู้สึกเขินเอง อาการท่าจะหนักอยู่...

#อร๊ายยย ยัยน้องน่ารักขนาดนี้ พี่จะต้านได้

นานแค่ไหนกันน้าาาา อุฮิ 😉😘

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 11 มากกว่านี้ผมก็ซื้อให้ได้

    (ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง)วันต่อมา09:35 น.บริเวณศาลาสวนหย่อม มิรากำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายอยู่บนศาลา เธอมักจะมาอ่านหนังสือหรือมานั่งเล่นที่ศาลาตรงนี้เป็นประจำ เรียกได้ว่าเป็นมุมโปรดของเธอก็ว่าได้ โดยมีบอดี้การ์ดส่วนตัวอีกสองคนยืนอารักขาอยู่หน้าศาลาไม่ห่าง พวกเขาทั้งสองคนยืนคนละฝั่งของศาลาโดยหันหน้าเข้าหากันเหมือนอย่างเช่นทุกครั้งที่มายืนอารักขาเด็กสาวบริเวณนี้วันนี้มิราอ่านนิยายของนักเขียนคนใหม่ตามที่เพื่อนของเธอแนะนำมา เธอเลยตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการที่จะอ่านมัน และการอ่านนิยายมันก็ช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของเธอได้เยอะเลยทีเดียว แต่กระนั้นเนื้อหาของหนังสือนิยายเล่มนี้มันอ่านแล้วทำความเข้าใจได้ยากกว่านิยายของนักเขียนคนโปรดที่เธออ่านอยู่เป็นประจำและเมื่ออ่านไปได้สักพักเธอก็ต้องงงและไม่เข้าใจอีกแล้ว ซึ่งเนื้อหาในนิยายที่เธออ่านแล้วไม่เข้าใจมันคือเนื้อหาของคำพูดตัวละคร ที่พระเอกพูดขู่นางเอก เธอขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง พยายามอ่านและจิตนาการตามแล้วตามอีก อ่านแล้วอ่านอีกก็ไม่เข้าใจเสียทีว่าคำพูดที่พระเอกขู่นางเอกมันหมายความว่าอะไร และในเมื่ออ่านไม่เข้าใจเธอจึงเงยหน้าจากหนังสือนิยายแล

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 10 ดื้อ

    ด้านมิราจึงได้แต่มองตามหลังคนเป็นพ่อตาละห้อย สีหน้าหงอยเศร้าลงยิ่งกว่าเดิม ทว่าลึกๆแล้วเธอไม่ได้อยากไปเรียนต่อเมืองนอกเลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ยังเด็กเธอจึงประชดความรักที่ไม่สมหวังด้วยการหนีปัญหาไปอยู่ในที่ไกลๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอเขาคนที่ทำให้ใจดวงน้อยของเธอเจ็บปวดอีกจากนั้นเธอก็หันกลับมามองข้าวในจานของตัวเองที่ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะกินไปแค่คำสองคำเป็นคำเล็กๆเพียงข้าวแค่ปลายช้อนเท่านั้น หรือแทบจะไม่ได้กินเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะเงยหน้าพูดกับสาวใช้วัยสามสิบกลางๆ มีนามว่าชมพู่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ"พี่ชมพู่เก็บจานเลยค่ะน้องมิอิ่มแล้ว" น้ำเสียงเบาราวกับคนไม่อยากพูดไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น"ได้ค่ะคุณหนู""ไม่ต้อง"ไม่ทันที่ชมพู่จะเดินมาเก็บจานตามคำสั่งของคุณหนูตัวน้อย ก็ต้องชะงักเท้าหยุดอยู่กับที่เพราะเสียงทุ้มของอีกคนดันเอ่ยห้ามเอาไว้เสียก่อน ก่อนที่ร่างสูงเจ้าของเสียงทุ้มจะเดินเข้ามาหาคุณหนูตัวน้อย แล้วหยุดยืนอยู่ข้างเธอที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาคู่คมมองใบหน้าน่ารักของเด็กสาวที่เงยหน้าขึ้นมามองเขา ซึ่งเขาไม่ชอบเลยที่แววตาของเธอตอนนี้มีแต่ความเศร้า เพราะเธอเหมาะที่จะยิ้มและมีดวงตาที่สุกใส

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 9 ขอไปเรียนต่อเมืองนอก

    ภายในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่ บนเก้าอี้ตำแหน่งหัวโต๊ะมีประมุขของบ้านนั่งอยู่ และยังมีบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขาและบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูกสาวที่ยืนประจำตำแหน่งเดิมคือข้างหลังคนเป็นเจ้านายของตัวเอง"ยัยหนูของพ่อมาพอดีเลย พ่อกำลังจะให้คนไปตามอยู่พอดี พวกเธอก็ตักข้าวสิลูกสาวฉันมาแล้ว" เดชาหันไปพูดกับลูกสาวที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอาหาร ประโยคหลังหันไปออกคำสั่งกับสาวใช้ในบ้านที่ยืนรอรับใช้อยู่สองคนด้านภีมจึงเดินไปดึงเก้าอี้ตำแหน่งที่ประจำของคุณหนูออกเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามานั่ง ภีมทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนปกติทุกวันที่เคยทำด้านวายุที่ยืนอยู่ มองเด็กสาวตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้ามาในห้องอาหารแล้ว แต่ครั้งนี้เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลยสักนิด ผิดกับทุกครั้งที่เธอมักจะลอบมองและแอบส่งยิ้มให้เขาอยู่ตลอด เมื่อเห็นท่าทีหมางเมินของเธอใจแกร่งก็กระตุกวูบทันที ทว่าใบหน้าของเขาก็ยังนิ่งเป็นปกติ ไม่ได้แสดงสีหน้าหรืออาการใดๆออกมาเลย"ไม่สบายรึเปล่ายัยหนู ทำไมตาหนูถึงดูบวมๆและแดงแบบนั้นล่ะ" เดชาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้สีหน้าของลูกสาวเขาดูไม่สดชื่นเอาเสียเลย พลางใช้หลังมือเอื้อมไปแตะหน้า

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 8 น่ารำคาญ/น้อยใจ

    "ผมเคยเตือนพี่แล้วใช่ไหมว่าอย่าเผลอใจให้คุณหนู แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะ มีหวังถ้านายรู้นายเอาพี่ตายแน่พี่วายุ" ภีมพูดเปิดประเด็นประหนึ่งบ่นรุ่นพี่ไปทันที เพราะเขาเป็นห่วงกลัวว่ารุ่นพี่จะโดนเจ้านายเล่นงาน อีกอย่างเขาห่วงความรู้สึกของทั้งคู่ที่คงไม่มีทางลงเอยกันได้ด้วยดีอย่างแน่นอน เพราะผู้เป็นเจ้านายคงไม่ยอมให้ลูกสาวอันเป็นที่รักมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบอดี้การ์ดในบ้านเป็นอันขาด"มึงพูดอะไร มึงคิดอะไรของมึง กูไม่ได้คิดอะไรกับคุณหนูทั้งนั้น" วายุปฏิเสธเสียงแข็ง พูดเหมือนหลอกตัวเองทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าตนคิดไม่ซื่อกับเด็กสาว"ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลนะพี่ที่จะดูไม่ออก พี่เล่นหึงหวงคุณหนูกับผมขนาดนี้พี่ยังจะหลอกตัวเองอีกเหรอ" ภีมเถียงกลับอย่างรู้ทัน รุ่นพี่ของเขาโมโหหึงเด็กสาวซะขนาดนั้นทำไมเขาจะดูไม่ออก "ไร้สาระ กูบอกว่ากูไม่ได้คิดอะไร กูไม่มีทางชอบคุณหนูเพราะกูไม่ชอบเด็ก สำหรับกูเด็กอย่างคุณหนูมันน่ารำคาญ" วายุยังคงพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับใจ มองหน้ารุ่นน้องด้วยสายตาดุดัน เขารู้ตัวเองดีว่าคิดยังไงกับเด็กสาว ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องมายอมรับความรู้สึกของตัวเองต่อหน้ารุ่นน้อง หรือต้องมาบอกว่าเขาชอบเด็กสาว

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 7 หึงหวง

    หลายวันต่อมาตอนนี้มิราได้สอบปิดภาคเรียนที่สองและจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงปิดเทอม โดยระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาเธอได้ส่งไลน์หาบอดี้การ์ดคนของใจทุกคืน ใจจริงเธออยากไลน์หาเขาแทบทุกเวลาที่เธอว่างเลยด้วยซ้ำ แต่กลัวว่าเขาจะรำคาญเธอเสียก่อน เลยไลน์หาเขาแค่ตอนก่อนนอนเพื่อบอกชอบบอกคิดถึงและบอกฝันดี ถึงแม้เขาจะตอบกลับบ้างไม่ตอบบ้างก็ตาม แค่เธอได้ไลน์หาเขาทุกคืนก่อนนอนและเห็นว่าเขาอ่านไลน์ทุกข้อความที่เธอส่งไป แค่นี้เธอก็พอใจแล้วบริเวณโต๊ะริมสระว่ายน้ำของคฤหาสน์หลังใหญ่"พี่ภีมคะ พี่วายุไปไหนเหรอคะ" มิราที่เดินออกมาจากในบ้าน เดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของบอดี้การ์ดคนสนิท แล้วเอ่ยถามหาบอดี้การ์ดคนของใจเมื่อไม่เห็นเขา พลางกวาดสายตามองหาร่างสูงของเขาไปด้วย ปกติบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอทั้งสองคนจะตัวติดกันตลอด แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกคนเลยด้านภีมที่นั่งอยู่ก็หันมาตามเสียง ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นไปยืนตรงหน้าเจ้าของเสียงหวานที่เอ่ยถามเขา โดยยืนอยู่ในท่ากุมมือไว้ด้านหน้าหรือท่าประจำของบอดี้การ์ด แล้วเอ่ยตอบออกไป"พี่วายุไปเข้าห้องน้ำครับ คุณหนูมีอะไรใช้ผมก็ได้

  • ป่วนหัวใจนายบอดี้การ์ดหน้านิ่ง   ตอนที่ 6 ชอบพี่คนเดียว

    เวลาอาหารมื้อเย็น ภายในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่ มีประมุขของบ้านหรือเดชานั่งอยู่หัวโต๊ะอาหาร และมีคนเป็นลูกสาวหรือมิรานั่งเก้าอี้ตัวถัดมาเยื้องกับผู้เป็นพ่อ"เออ จริงสิ ยัยหนูจำพี่มาตินลูกชายเพื่อนพ่อได้ไหมลูก" เดชาเอ่ยถามลูกสาวของตนเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเด็กหนุ่มที่ตัวเองหมายปองอยากได้มาเป็นลูกเขยด้านมิราที่กำลังกินข้าวอยู่จึงเงยหน้ามาพูดกับคนเป็นพ่อด้วยท่าทีปกติ"พี่มาตินลูกชายคุณลุงมานพน่ะเหรอคะ"โดยมีสายตาคู่คมของบอดี้การ์ดคนใหม่ที่ยืนอารักขาอยู่ด้านหลังของเธอไม่ห่าง มองเธออยู่ตลอดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง"ใช่ครับ ตอนนี้พี่เขาเรียนจบโทแล้วนะลูก เห็นว่าอาทิตย์หน้าจะกลับไทยแล้ว" ขณะที่ปากขยับพูด เดชาก็มองสังเกตท่าทีของลูกสาวไปด้วย ว่าจะมีอาการหรือแสดงความดีใจอะไรออกมาหรือเปล่าเมื่อรู้ว่าลูกชายของเพื่อนเขากำลังจะกลับไทย"ค่ะ" แต่ทว่ามิราแค่เพียงพยักหน้าตอบสั้นๆเป็นการรับรู้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อโดยไม่ได้สนใจอะไรคนเป็นพ่อเห็นเช่นนั้นจึงแปลกใจไม่น้อยเมื่อลูกสาวดูไม่ได้ดีใจหรือตื่นเต้นกับการกลับมาของอีกคนเลย ผิดกับตอนเด็กที่เวลาลูกชายเพื่อนเขามาที่บ้าน ลูกสาวของเขาก็จะวิ่งหน้าตั้งเข้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status