“แล้วนี่เธอเป็นอะไรกับหลานฉัน” ชายชราเอ่ยถามเด็กหนุ่ม
เมื่อว่านไม่ได้อยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงแล้ว การซักไซ้ถามความจริงที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องแรกที่เจ้าสัวอัลฟ่าหันมาสนใจ อัลฟ่าหนุ่มต่างวัยสามคนนั่งอยู่ที่โซฟารับรองอีกโซนหนึ่งในห้องพักพิเศษ
“ผมเป็นลูกค้าพี่ว่านครับ” ทั้งสรรพนามและฐานะที่เด็กหนุ่มเอ่ยตอบทำให้เจ้าสัวและลุคต่างทำสีหน้าตกใจ
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือผมหมายถึงว่าผมจ้างพี่ว่านให้วาดรูปให้ครับ” เอเดนรีบอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของคนฟังทั้งสอง
“แล้วทำไมถึงมาสภาพนั้นทั้งคู่” เจ้าสัวนึกถึงครั้งแรกที่เขาเจอเด็กหนุ่ม อัลฟ่าอ่อนวัยกว่าอยู่ในชุดคลุมผ้าเนื้อบางเท่านั้น และเดาไม่ยากว่าด้านในคงไม่มีเสื้อผ้าชิ้นอื่นแม้แต่ชั้นใน
ส่วนหลานชายเขานั้นเมื่อออกมาจากห้องฉุกเฉินก็ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่พยาบาลตามขึ้นมาให้มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำเงาตัวใหญ่กับชั้นในสีเดียวกันเท่านั้น
“คือ มันเป็นการวาดรูปนู้ดน่ะครับ”
“อือ หลานฉันก็มีฝีมือด้านนั้นอยู่มากจริง ๆ” เจ้าสัวพยักหน้าเข้าใจ แม้ในความเป็นจริงในใจแล้วจะยังสงสัยอยู่ก็ตาม
“แล้ว...แค่วาดรูปทำไมกลิ่นฟีโรโมนรุนแรงขนาดนั้น รู้หรือเปล่าว่าหลังจากนั้นคนที่สตูต้องไปหาหมอกับวุ่นวายไปหมด เด็กที่สตูบอกว่ากลิ่นฟีโรโมนในห้องวาดรูปของว่านรุนแรงมาก” หมอลุคถามขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ต้าเพิ่งโทรมาถามอาการของรุ่นพี่เจ้าของสตูดิโอหลังพาโอเมก้าและอัลฟ่าที่ได้รับผลกระทบจากฟีโรโมนความเข้มข้นสูงในสตูดิโอไปหาหมอ
ดีแค่ไหนแล้วที่ยังมีเบต้าในองค์กรบ้าง ไม่อย่างนั้นคงได้ช็อกตามกันไปหมด
“คือว่า ก่อนหน้านั้น...”
เอเดนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เจ้าสัวและลุคฟังโดยละเอียด ตั้งแต่เริ่มการวาดรูปไปจนถึงอัลฟ่าคู่รักเก่าของพี่ว่านเปิดประตูเข้ามาในห้อง
แน่นอนว่าเอเดนข้ามในส่วนของบทบาทสมมติที่ศิลปินและนายแบบพากันเล่นตอบโต้จนเป็นปกติ
ตลอดการเล่าลุคไม่เห็นท่าทีโกหกจากเอเดนเลยแม้แต่น้อย แต่ในใจก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดอัลฟ่าที่เป็นเพียงลูกค้า หรือนายแบบวาดรูปถึงต้องปล่อยฟีโรโมนออกมามากมายขนาดนั้นเพียงเพราะอยากช่วยเพื่อนเขาจากการคุกคามของแฟนเก่าเท่านั้นน่ะหรือ
เมื่อสอบถามจากต้า เบต้ารุ่นน้องของเพื่อนสนิทถึงเหตุการณ์และอาการของคนในสตูดิโอ ลุคก็ประเมินได้ว่าระดับฟีโรโมนที่ปล่อยออกมาจะต้องเข้มข้นมาก ถึงระดับที่พี่ไทม์อัลฟ่าชั้นสูงสุขภาพดียังต้องล่าถอย และโอเมก้าอัลฟ่าคนอื่นก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย
ตามปกติแล้วความเข้มข้นของฟีโรโมนอัลฟ่าจะส่งผลต่อคนรอบข้างได้มากสุดเพียงวงแคบ ๆ เท่านั้น หากไม่ใช่การรัท การปล่อยกลิ่นเพื่อแสดงพื้นที่ครอบครองนั้นเกิดขึ้นเป็นปกติ แต่จะไม่ตีวงแผ่กว้างขนาดนี้ ยกเว้นแต่...
เป็นคู่พันธะกัน
แต่เรื่องอย่างนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เด็กนี่ไม่ได้ผูกพันธะกับเพื่อนเขา ทั้งยังไม่ได้อยู่ในภาวะรัท
“นาย...เคยมีความสัมพันธ์กับเพื่อนฉันหรือเปล่า” ลุคเอ่ยถามขึ้น
เจ้าสัวเม้งหันไปมองหมอหนุ่มที่นั่งข้างกายก่อนจะหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
เอเดนมองอัลฟ่าแก่กว่าทั้งสอง ดวงตาสีเทาอ่อนหันไปมองร่างบางที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงผู้ป่วย ก่อนจะเอ่ยตอบความจริงออกไป
“ผมเคยนอตกับพี่ว่านครั้งหนึ่งครับ”
คำตอบของเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีเทาสวยที่สบตาแน่วแน่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำเอาเจ้าสัวและลุคถึงกับนิ่งค้างไปชั่วขณะ
ภายในหัวของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยคำถาม ว่าสิ่งที่เอเดนตอบนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากแต่สีหน้าและแววตาของเด็กหนุ่มกับแสดงชัดว่าเรื่องที่ตอบออกมานั้นไม่ใช่เรื่องโกหก
แต่จะเป็นไปได้อย่างไร โอเมก้าไร้กลิ่น ไม่รับรู้ฟีโรโมนอย่างว่านน่ะหรือจะสามารถนอตได้
โอเมก้าที่นอนอยู่บนเตียงระบบสืบพันธุ์ยังไม่เจริญเต็มที่เสียด้วยซ้ำ
“ลุค” เจ้าสัวเม้งเอ่ยชื่อหมอหนุ่มเพียงสั้น ๆ
“เดี๋ยวผมแจ้งหมอเจ้าของเคสให้ครับว่าจะขอออเดอร์ตรวจระบบสืบพันธุ์ละเอียดเพิ่มด้วย” เจ้าสัวพยักหน้าจากนั้นหมอลุคก็เดินออกไปจากห้องพัก เหลือไว้เพียงคุณปู่ของผู้ป่วย และอัลฟ่าหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งยอมรับว่าเคยนอตกับโอเมก้าโรคประหลาดที่ไม่น่าเป็นไปได้ออกมา
“พี่ว่านเป็นอะไรหรือครับ” เอเดนถามขึ้น ถึงเขาจะหวั่นเกรงในความอาวุโสของชายชราตรงหน้า แต่เอเดนไม่ได้กลัวจนไม่กล้าถามอะไรเสียเลย
“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ”
“ก็...ทุกครั้งที่มีอะไรกัน พี่ว่านปล่อยฟีโรโมนออกมาบางมาก แทบไม่ได้กลิ่นเลย แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่ฮีตด้วยซ้ำทั้งที่ผมปล่อยกลิ่นไปมากมายขนาดนั้น”
“ทุกครั้งที่มีอะไรกันอย่างนั้นหรือ”
“เอ่อ...ครับ ผมมีความสัมพันธ์กับพี่ว่านหลายครั้งแล้ว” เจ้าสัวเม้งยกมือขึ้นนวดขมับพิงหลังลงเบาะโซฟานุ่ม
“ก่อนหรือหลังที่ว่านคบกับไทม์”
“หลังครับ เราเจอกันหลังจากคุณไทม์เลิกกับพี่ว่านไปแล้ว” เอเดนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ดวงตาแก่ชราของเจ้าสัวเม้งมองใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า แม้ท่าทีนอบน้อมและใสซื่อที่แสดงออกมาจะดูไร้เล่ห์เหลี่ยม แต่ดวงตาคมสีเทาอ่อนและถ้อยคำที่เอ่ยตอบกลับแสดงชัดว่า เด็กเอเดนตรงหน้านี้
ไม่ธรรมดา
“เธอกลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้คงมีข่าวเธอกับหลานฉันออกไปทั่ว ฉันไม่คาดหวังให้เธอมารับผิดชอบกับความสัมพันธ์ชั่วคราวสนุกสนานของหนุ่ม ๆ หรอก ไม่ต้องห่วงฉันไม่บังคับเธอเรื่องนี่ แต่เธอก็คงต้องหาทางเอาตัวรอดในการตอบคำถามของสื่อเอาเอง”
“คือผม...”
“กลับไปก่อนเถอะ ไว้มีอะไรเพิ่มเติมฉันจะติดต่อไปเอง”
เอเดนสบมองนัยน์ตาของชายชราตรงหน้า บางอย่างภายในนั้นทำให้เขาต้องยอมถอยตัวออกมาก่อน
เมื่อแผ่นหลังกว้างของอัลฟ่าหนุ่มคู่นอนคนล่าสุดของหลานชายพ้นประตูไป มือเหี่ยวย่นก็กดโทรศัพท์โทรออกหาเลขาสูงอายุคู่ใจ ก่อนจะออกคำสั่งเพียงสั้น ๆ ก่อนวางสาย
(กิต สืบประวัติ เอเดนให้ฉันที ขอละเอียดและเร็วที่สุด)
เป็นเวลาเกือบสองวันเต็มที่ว่านหลับไป ยาระงับการฮีตและยาฉีดอีกมากมายถูกฉีดเข้าร่างเล็กเป็นระยะเพื่อลดระดับฮอร์โมนที่พุ่งขึ้นสูงเฉียบพลัน
เดิมทีร่างกายของโอเมก้าศิลปินชนชั้นสูงก็ไม่สามารถปลดปล่อยฟีโรโมนและจัดการฮอร์โมนของตัวเองได้อยู่แล้ว ทุกเดือนจึงยังต้องอาศัยยากระตุ้นเพื่อให้สามารถปลดปล่อยออกมาได้บ้าง
แต่เมื่ออยู่ ๆ ระดับฮอร์โมนและฟีโรโมนในร่างกายก็พุ่งขึ้นสูงในเวลาอันสั้นจึงไม่แปลกที่เจ้าของร่างกายจะช็อกจนสลบไปขนาดนี้
ลุคและเจ้าสัวมองดูพยาบาลเข้ามาฉีดยาระงับให้แขนช้ำของโอเมก้าอีกเข็มในช่วงบ่ายแก่ และเมื่อของเหลวสีน้ำเงินเข้มถูกดันออกจากปลายเข็มเล็กจนหมด เปลือกตาสีน้ำนมก็ขยับเปิดออกทีละนิด
พยาบาลสาวเรียกชื่อคนไข้สองสามครั้งเมื่อได้รับการตอบสนองเป็นการพยักหน้ารับรู้จึงขอตัวเดินแยกออกไปแจ้งคุณหมอเจ้าของไข้
เจ้าสัวเม้งและหมอลุคเดินเข้ามายืนข้างเตียง มองดูคนที่หลับใหลไปเกือบสองวันกะพริบตาปรับการมองเห็น ดวงตาเรียวสวยสีดำสนิทหันมองชายสองคนข้างเตียง ใบหน้าเรียวขาวซีดแสดงสีหน้างุนงง
“คุณปู่” คนป่วยเอ่ยเรียกเสียงเบา
“เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก” ชายชราถามอย่างห่วงใย ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่าแก้วตาดวงใจที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวคนนี้
คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะเริ่มสำรวจร่างกายตัวเอง ว่านพบว่าเขากำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาล แขนข้างหนึ่งมีเครื่องวัดความดันที่สวมค้างเอาไว้และที่หลังมือก็มีเข็มเสียบคาไว้เช่นกัน เมื่อมองตามสายที่ต่อจากปลายเข็มขึ้นไปก็พบกับถุงที่คล้ายกับถุงน้ำเกลือหากแต่ของเหลวภายในนั้นกับมีสีฟ้าอ่อน
“ว่านเป็นอะไรครับ”
“จำไม่ได้หรอ” หมอลุคขยับตัวเข้ามาชิดเตียงอีกนิดเอ่ยถามสีหน้าตกใจ
ว่านพยายามนึกเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่สักพัก ภาพในหัวก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในความทรงจำ ว่านจำได้ว่าตัวเองกำลังวาดรูปเอเดนอยู่ จากนั้นพี่ไทม์ก็เข้ามา ว่านจำบทสนทนาได้ไม่แม่นนัก แต่ความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกและไอร้อนบางอย่างภายในห้องทำให้เขาร้อนวูบไปทั้งตัว
“พี่ไทม์ล่ะ”
“จะไปรู้หรอ ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่มีใครเห็นหน้ามันเลย” ลุคตอบเพื่อนสนิท ในใจรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยที่เพื่อนเขาดันถามหาอัลฟ่าคนรักเก่า ที่เขามองอย่างไรก็ไม่คู่ควรกับเพื่อนของเขาเลยสักนิด
"ว่านอยากเจอไทม์เขาหรอลูก ปู่จะให้คนไปตามมาให้" เจ้าสัวถามขึ้น
ว่านสบตาชายชรา นิ่งคิดสักพักก็ส่ายหน้าปฏิเสธออกไป มันคงเป็นความเคยชินจากระยะเวลาสามปีที่เขามีพี่ไทม์อยู่ด้วยถึงได้พูดชื่อนั้นออกไป
ว่านรู้ดีว่าตัวเองควรจะเดินหน้าต่อ เขาไม่ใช่คนที่จะยอมลดตัวเองไปง้อคืนดีกับคนที่ทิ้งไป แม้จะอยากมาก ๆ ก็ตาม ถึงจะบอกกับตัวเองเสมอว่าพี่ไทม์ก็เป็นแค่อัลฟ่าคู่นอนที่เขาหวังเพียงน้ำเชื้อ และพี่ไทม์เองก็คงหวังเพียงหน้าตาในสังคม แต่สามปีก็ไม่ใช่เวลาที่จะทำใจได้ง่าย ๆ เลย
“เอเดนล่ะครับ”
“กลับไปแล้ว”
ว่านพยักหน้ารับรู้ หลังจากนั้นหมอเจ้าของเคสก็เข้ามาตรวจเขาเพิ่มเติม ยาที่เพิ่งฉีดเข้าไปเพิ่มอีกเข็มหลังจากการตรวจอาการคนไข้เสร็จทำให้ว่านเริ่มง่วงขึ้นมาอีกครั้ง และสิ่งที่หมอกำลังคุยกับเขาและคุณปู่รวมถึงลุคก็แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ จนเขาจับใจความไม่ถูก
ร่างเล็กสะลึมสะลืออยู่นาน ดวงตาเรียวพยายามฝืนลืมตาตื่นเพื่อตั้งสติฟังคำพูดของคุณหมอ แต่ร่างกายที่ยังอ่อนเพลียก็สู้ฤทธิ์ยาได้อยากลำบาก ประสาทได้ยินรับรู้เพียงคำว่า ‘ฮีต’
จากนั้นภาพการมองเห็นก็ค่อย ๆ แคบลงพร้อมคับความรู้สึกอึดอัดหายใจลำบากที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา ในขณะที่สติกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราของฤทธิ์ยากลิ่นหอมเย็นก็ลอยมาให้ได้รับรู้ สัมผัสอุ่นที่วางลงบนฝ่ามือทำให้ความเจ็บตามผิวส่วนที่ถูกเข็มฉีดซ้ำแล้วซ้ำเล่าบางเบาลง ไม่นานคนป่วยก็ค่อย ๆ เข้าสู่นิทราด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
ในขณะที่คนป่วยนอนกระสับกระส่ายสีหน้าทรมานทั้งดวงตาก็พยายามฝืนต่อสู้กับยาระงับเข็มสุดท้ายอยู่นั้น อาการทุกอย่างอยู่ภายใต้ดวงตาหลายคู่ที่ต่างจับจ้อง
“ผมจ่ายยาระงับฮีตเข็มนี้เป็นเข็มสุดท้ายแล้วนะครับคุณท่าน คงให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ผลตรวจล่าสุดดูเหมือนว่าร่างกายคุณว่านจะเริ่มต่อต้านยาตัวนี้ และตามหลักแล้วโดสที่ฉีดให้ตอนนี้ก็สูงมากแล้วถ้าเพิ่มอีกผมกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย ถึงระดับฮอร์โมนและฟีโรโมนในตัวคุณว่านจะลดลงจนไม่อันตรายแล้ว แต่เมื่อเทียบกับค่าพื้นฐานก็นับว่าสูงจากโอเมก้าทั่วไปมากครับ” หมอเจ้าของไข้รายงาน ในขณะที่สายตาก็หันไปมองปฏิกิริยาโอเมก้าเป็นระยะ
เจ้าสัวมองหลานชายที่มีสีหน้าทรมานกับยาระงับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกการฉีด ในใจว้าวุ่นเป็นกังวลไม่รู้ว่าจะหาทางช่วยได้เช่นไร ในเมื่อโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแล้ว และยาที่ว่านได้รับก็เป็นยาที่ดีที่สุดในตอนนี้เช่นกัน
“แต่คุณปู่ครับ จากการตรวจเพิ่มเติมดูเหมือนว่าระบบสืบพันธุ์ของว่านจะมีการเปลี่ยนแปลงนะครับ ดูเป็นไปในทางที่ดีขึ้น” ลุคพูดเสริมเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเจ้าสัว
ยังไม่ทันได้มีใครเอ่ยเพิ่มเติมต่อจากนั้น ประตูห้องพักพิเศษก็เปิดออก พร้อมการเข้ามาเยือนของแขกที่กลายเป็นขาประจำไปเสียแล้ว
อัลฟ่าหนุ่มผู้ครองตำแหน่งดารานายแบบยอดนิยมเดินเข้ามาพร้อมกับผู้จัดการโอเมก้าร่างสมส่วน ผู้มาใหม่ยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าที่อยู่ภายในห้องอย่างนอบน้อมเช่นทุกที ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินเข้ามายืนสมทบที่ข้างเตียง
เจ้าสัวและหมอลุคขยับถอยหลีกทางให้เด็กหนุ่มเข้าไปยืนข้างเตียง ส่วนตัวเองก็มาหยุดยืนอยู่ที่ปลายเท้าของโอเมก้ากระสับกระส่าย
กลิ่นหอมเย็นค่อย ๆ ลอยคลุ้งออกมาจากร่างกายกำยำ ฟีโรโมนกลิ่นมิ้นต์ที่ผสมกลิ่นอายของพืชหอมบางอย่างถูกส่งออกมาจากร่างกายเอเดน น่าแปลกที่กลิ่นนั้นไม่ก่อให้เกิดความแปรปรวนให้ใครในห้องแม้แต่น้อย
ผู้คนภายในห้องพักพิเศษมองดูโอเมก้าบนเตียงที่ค่อย ๆ นิ่งลง ดวงตาเรียวค่อย ๆ ปิดเช่นเดียวกับสีหน้าทรมานที่ค่อย ๆ คลายออก จนในที่สุดว่านก็นอนหายใจสม่ำเสมอโดยที่ฝ่ามือยังคงจับมือเด็กหนุ่มไว้แน่น
“ก็คงต้องพึ่งวิธีนี้ไปก่อน ผมเองก็ยังไม่เคยเจอเคสอย่างนี้เหมือนกันครับคุณท่าน ปกติกลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าจะกระตุ้นให้โอเมก้าปั่นป่วนหรือไม่ก็ฮีต ยิ่งในกรณีของคุณว่านที่ระดับฮอร์โมนในร่างกายยังสูงอยู่แบบนี้ ตามปกติแล้วเป็นเรื่องที่ยิ่งต้องความหลีกเลี่ยง ไม่คิดว่าอาการของคุณว่านจะตอบสนองต่อฟีโรโมนของอัลฟ่ามากกว่าตัวยาทางการแพทย์”
หลังจากหมอและพยาบาลออกจากห้องไป ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเครียดอีกครั้ง เก้าอี้จากโต๊ะกินข้าวของญาติตัวหนึ่งในห้องถูกลากไปให้เอเดนนั่งข้างเตียงผู้ป่วย ฝ่ามือใหญ่ยังคงจับกับมือเรียวอยู่เช่นเดิม ใบหน้าหล่อเหลาเฝ้ามองคนหลับไม่ละสายตาไปไหน
หากแต่ที่มุมโซฟากลับเต็มไปด้วยผู้คนที่มีสีหน้ากังวลด้วยเรื่องที่แตกต่างกัน
เจ้าสัวมองเด็กทั้งสองแล้วก็ได้แต่ถอดถอนใจ หากว่านไม่สามารถรับยาในการรักษาตัวไหนได้อีกเขาจะทำเช่นไรดี สายตามากประสบการณ์มองกิริยาของอัลฟ่าเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่คนนั้นออกได้ในทันทีว่าคงมีใจให้หลานชายเขาเป็นแน่ แต่หลายชายเขาดูจะยังไม่รู้สึกอะไรกับเด็กนี่ด้วยซ้ำ หรือหากว่าว่านรู้สึกไม่ต่างกัน เขาก็ไม่สบายใจนักหากหลานชายของเขาจะอยู่ในความสัมพันธ์ที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงคนมีชื่อเสียง
หมอลุคเองก็ลอบถอนหายใจ อาการของว่านนั้นฉีกทุกตำราของการแพทย์ที่เขาได้ร่ำเรียนมา ในเมื่อระบบสืบพันธุ์มีการเจริญขึ้น ตามหลักแล้วโอเมก้าก็ควรจะจัดการกับฮอร์โมนในร่างกายตัวเองได้ดีกว่านี้
แต่นี่กลับกลายเป็นว่ายิ่งระบบสืบพันธุ์ดีขึ้นเท่าไหร่ยิ่งทำให้ระดับฮอร์โมนของว่านสวิงขึ้นลงน่ากลัวจนต้องส่งตรวจวันต่อวัน มีเรื่องให้ใจหายใจคว่ำตลอด
ชูก้า โอเมก้าผู้จัดการของอัลฟ่าหนุ่มมองดูเด็กในสังกัดด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง กว่าจะแก้ข่าวเรื่องที่เอเดนพาคุณว่านมาโรงพยาบาลด้วยชุดล่อแหลมทั้งคู่ได้ก็เรียกว่าแทบจะชักแม่น้ำทั้งห้ามาตอบ
แน่นอนว่าความจริงไม่มีอะไรในกอไผ่ นี่ก็เป็นเพียงแค่โปรเจกต์ปฏิทินนู้ดการกุศลเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าเด็กเอเดนตัวดีของเธอจะไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักวาดลับหลัง ทั้งโอเมก้าคนนั้นยังเป็นถึงหลานชายคนเดียวของเจ้าสัวเม้ง จะชิ่งไปเลยก็ลำบาก แต่จะให้เอ่ยปากรับผิดชอบก็ดูจะไร้เหตุผลไปเสียหน่อย ในเมื่อเรื่องอย่างนี้ก็เป็นเรื่องปกติของคนที่พบหน้าถูกใจกันเพียงชั่วครู่ชั่วยามไม่ใช่หรือ
อย่างไรเสียเธอก็จะพยายามทำให้เกิดความเสียหายต่อเด็กในความรับผิดชอบมากที่สุดเพราะได้ออกปากรับคำว่าจะดูแลเอเดนให้ดีที่สุดเมื่อตอนที่เข้าไปทำความรู้จักครอบครัวของอัลฟ่าหนุ่ม
“คุณท่าน ผมมาแล้วครับ ว่านเป็นยังไงบ้าง”
เสียงทุ้มของผู้มาใหม่เอ่ยขึ้นทันทีที่บานประตูห้องพักถูกเปิดออก เจ้าสัวยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกรับไหว้อัลฟ่าหน้าตาคุ้นเคยที่ตนเป็นคนเรียกมา
เอเดนหันไปมองใบหน้าที่ก่อนหน้านี้เคยปะทะคารมกันมาครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนั้นก็ต่อสู้กันด้วยศึกฟีโรโมนแสดงอาณาเขตจนคนบนเตียงได้รับผลกระทบไปด้วย
แม้ในใจจะไม่สบอารมณ์นักแต่เอเดนก็พยายามข่มใจไม่ปล่อยฟีโรโมนไปมากกว่าส่งกลิ่นบางเบาให้คนที่หลับใหล
เจ้าสัวลุกขึ้นยืนและเดินตรงมาที่เตียงคนป่วยพร้อมกับไทม์ที่เดินตามหลังมา ชายแก่ชราไม่ได้พูดสิ่งใดนอกจากเอื้อมมือเหี่ยวย่นมาคว้ามือเรียวออกจากฝ่ามือของเอเดน ก่อนที่จะพยักหน้าให้ไทม์เข้ามายืนชิด
เอเดนมองการกระทำนั้นด้วยความงุนงง แต่เมื่อมือเรียวของว่านถูกส่งไปวางไว้ในมือของอัลฟ่าคนใหม่ ใจก็เต้นรัวเร็ว เอเดนพยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงความไม่พอใจในรอยยิ้มเยาะของไทม์ที่ลอบส่งมาทางเขา
“เอเดน ขอบใจเธอมาก ฉันไม่กวนเธอแล้ว แค่นี้เธอก็มีน้ำใจมากแล้ว กลับไปก่อนเถอะ” เจ้าสัวเม้งเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับส่งรอยยิ้มขอบคุณมาให้เอเดน
“แค่คุณท่านครับ ผมเต็มใจ”
“ฉันเห็นแล้ว แต่เธออย่าลืมว่ามีอีกหลายคนที่ได้รับผลกระทบหากเธอยังมาที่นี่ทุกวันอย่างนี้ ไม่ต้องห่วงว่านเขาหรอก ดูสิ ตอนนี้เขาก็ยังหลับได้ดีเหมือนกัน” เอเดนหันไปตามสายตาของเจ้าสัวเม้ง
ตอนนี้เก้าอี้ที่เขาเคยนั่งมือเรียวเล็กที่เขานั่งจับมาเป็นชั่วโมงถูกอัลฟ่าคนใหม่เข้ามาแทนที่แล้ว และร่างกายคนป่วยก็ไม่แสดงอาการต่อต้านอะไรยังคงหลับได้ดีด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
เอเดนหลับตาลงสูดลมหายใจลึกเข้าครั้งหนึ่งก่อนจะลืมขึ้น เขายกมือไหว้ลาเจ้าสัวเม้งและยอมถอยออกจากห้องพักพิเศษพร้อมผู้จัดการส่วนตัว
แน่นอนว่าเขาไม่สบอารมณ์มากทีเดียวที่โดนเข้ามาแทนที่เช่นนี้ ทั้งที่รู้แก่ใจว่าที่ตรงนั้นเป็นของเขา
ในโลกปัจจุบันตอนนี้ที่เขากำลังใช้ชีวิตอยู่นั้นถูกเข้าใจว่ามีเพียงอัลฟ่า เบต้า และโอเมก้าเท่านั้น และเรื่องคู่ชะตาก็กลายเป็นแค่เรื่องเล่านิทานเพ้อฝันของเด็กตัวน้อย ๆ
นั่นเพราะหลายสิบปีคู่ชะตาไม่ใช่สิ่งที่คนตามหากันอีกแล้ว การมีคู่รักที่เข้าใจกันแล้วสามารถอยู่ร่วมชีวิตกันได้นั้นเรียบง่ายกว่ามาก มันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการตามหาคู่ชะตาที่ไม่รู้ว่ามีจริงไหมหรือจะเจอเมื่อไหร่
และเปอร์เซ็นต์ที่จะพบคู่ชะตานั้นน้อยลงทุกวันจนในตอนนี้สถิติแทบไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์
โลกมันกว้างขนาดนี้จะหาเจอง่าย ๆ ได้อย่างไร
เอเดนพยายามข่มใจให้เย็นลง ในหัวพูดกล่อมตัวเองอยู่เสมอว่าอย่างไรไม่ช้าก็เร็วที่ตรงนั้นก็เป็นของเขาอยู่ดี ไม่ใช่แค่เพราะ...
คุณว่านคือคู่ชะตาของเขา
แต่อีกเรื่องที่ไม่มีใครรู้ คือ
เพศที่แท้จริงของเขาคือ อีนิกม่า ที่หายไปจากระบบปกครองไปหลายสิบปี จนถูกประกาศว่าเป็นเพศที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
แน่นอนว่า อีนิกม่า อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารและทำได้แม้กระทั่งสืบพันธุ์กับอัลฟ่า แต่ไม่ง่ายเลยที่จะหาคู่ครองที่จะตั้งท้องทายาทและสืบสายเลือดอีนิกม่าได้โดยที่ร่างกายยังรับไหว
อัลฟ่าจึงมักเป็นตัวเลือกที่อีนิกม่าจะสมสู่ด้วยเสมอ เพราะมีร่างกายที่แข็งแกร่งรองลงมา แต่จะมีอัลฟ่าสักกี่คนที่อยากจะตั้งท้องและกลายเป็นโอเมก้าเพศที่ได้ชื่อว่าอ่อนแอที่สุด
เรื่องคู่ชะตาที่แท้จริงจึงสำคัญกับสายเลือดอย่างเขา เพราะนั่นการันตีได้เลยว่า หากพบเจอกันแล้วละก็ไม่ว่าอย่างไรการสืบทายาทก็จะเป็นไปได้ด้วยดี
.
.
.
และใช่...เขาเจอคู่ชะตาตัวเองแล้ว
“แน่ใจแล้วใช่ไหม ว่าจะทำจริง ๆ”“แน่ใจสิครับ”ว่านมองชายหนุ่มที่ในตอนนี้ยังคงสถานะคู่หมั้นหลังจากที่ได้ฟังคำยืนยันว่าจะเข้ารับการทำหมันในวันนี้แน่นอนว่าว่านรู้ดีเพราะการกระทำจากเอเดนที่ทำให้เขาตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมา จนกระทั่งมีเจ้าแฝดร่วมกัน เอเดนแสดงออกชัดเจนว่าคิดกับเขาอย่างไรแม้เขายังไม่เคยออกปากบอกคำรักแม้สักครั้ง แต่ความรู้สึกนั้นดังชัดในหัวใจเขาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน แม้แต่คนรักเก่าที่คบกันมายาวนานกว่าสามปีอย่างพี่ไทม์ว่านเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่ที่เขาไม่ได้โหยหาความต้องการอื่นอีกนอกจากการมีอยู่ของชายหนุ่มและเจ้าแฝดตัวน้อยที่ผ่านมาเขามัวแต่หมกมุ่นกับเรื่องที่ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของตนเองเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่คุณปู่บอกความประสงค์และสาเหตุที่ยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ลูกพี่ลูกน้องอย่างวิเวียน เขายอมรับแต่ไม่เคยเข้าใจเลยสักนิด“ปู่อยากเห็นหลานของปู่อยู่กับสิ่งที่รัก งานที่รัก มีคนรักและครอบครัวที่ดี เพราะนั่นเป็นความสุขที่แท้จริงที่ปู่อยากให้ว่านได้รู้จัก เหมือนกั
สุดท้ายแล้วลายเซ็นยินยอมของโอเมก้าเพื่อยอมรับการรักษาตามแผนทางการแพทย์ก็ถูกประทับลงบนหน้ากระดาษท้ายเอกสารเอเดนส่งเอกสารนั่นคืนให้กับพยาบาลที่เดินนำมาให้เขาดูก่อนที่จะนำไปดำเนินการต่อตามขั้นตอนคนอยู่ในฐานะสามีและว่าที่คุณพ่อลูกแฝดได้แต่นั่งถอดถอนใจท่ามกลางวงล้อมของครอบครัวและญาติสนิท“ว่านเป็นยังไงบ้างคะคุณปู่” แวววาววางแจกันดอกกุหลาบสีแดงสดที่นำติดมือมาเยี่ยมญาติผู้น้อง“อาทิตย์หน้าคงได้คลอดแล้วล่ะ แล้ววิเป็นยังไงบ้างล่ะ” เจ้าสัวเม้งหันไปถามหลานสาวที่เดินไปยืนคู่กับหลานเขยที่บานประตูใสซึ่งกั้นระหว่างโซนห้องพักญาติกับโซนการรักษา“แข็งแรงดีค่ะ อีกเดือนกว่า ๆ ก็น่าจะคลอดเหมือนกันค่ะ” แวววาวเอ่ยตอบผู้เป็นปู่ สายตาก็ยังคงมองทอดออกไปยังญาติผู้น้องที่นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วยถึงจะกระทบกระทั่งกันตลอดเวลาเจอหน้า แต่เธอก็ไม่ได้อยากเห็นอีกฝ่ายล้มเจ็บไปแบบนี้ อย่างไรว่านก็มีศักดิ์เป็นน้อง เป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้“วิฝากมาเยี่ยมด้วย อีกไม่นานฉันคงได้เห็นหลาน ๆ มาวิ่งเล่นกันแน่ ว่านเป็นคนดวงแข็งต้องไม่เป็นอะไร เจ้าแฝดก
“จากผลตรวจ หมอคิดว่าร่างกายของคุณแม่น่าจะรับการตั้งครรภ์อีนิกม่าไม่ไหวค่ะ พื้นฐานคุณว่านไม่ใช่โอเมก้าที่แข็งแรงมากเท่าไหร่ อาจจะเพราะคุณเอเดนเป็นอีนิกม่าและคู่ชะตาของคุณว่านทำให้ระบบสืบพันธุ์ของคุณว่านถูกกระตุ้นและฟื้นฟูเป็นปกติจนตั้งท้องได้ค่ะถึงจะเรียกว่าร่างกายของคุณว่านกลับมาปกติแล้วแต่ก็นับว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้เร็วไปสำหรับร่างกายโอเมก้าที่ต้องอาศัยยากระตุ้นมาตลอดอย่างคุณว่านค่ะ ดังนั้นทำให้เมื่ออายุครรภ์เข้าช่วงไตรมาสสามซึ่งถือว่าเป็นช่วงใกล้คลอด ร่างกายคุณว่านจึงแสดงอาการออกมาค่ะ”เอเดนรู้สึกราวกับมีระเบิดดังขึ้นใกล้ ๆ จนหูอื้อไปหมด นั่นแสดงว่าที่ผ่านมาที่เขาเข้าใจมาโดยตลอดว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีนั่นไม่ใช่เลยสักนิด ที่เห็นว่าพี่ว่านยังคงกินได้นอนหลับอาจจะเป็นเพราะพี่ว่านอดทนเก็บอาการเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นหรือ“คุณเอเดนคะ อย่าเพิ่งกังวลนะคะ ยังไงตอนนี้ก็มาถึงมือหมอแล้ว และตอนนี้ทุกอย่างก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสามารถควบคุมได้ค่ะ แต่นับจากวันนี้จนกระทั่งวันคลอดคงต้องให้คุณว่านแอดมิทไปก่อน เพื่อลดการเคลื่อนไหวน่ะค่ะ โดยเฉพาะช่วงเดือนนี้อย่างน
“เอายังไงต่อดี”เสียงพึมพำเอ่ยออกมาแผ่วเบาเท่าน้ำหนักของฝ่ามือเรียวที่วางลงบนหน้าท้อง ไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะกลายเป็นคุณแม่โอเมก้ามือใหม่“ยังไงก็ยินดีด้วยนะ หลังจากนี้อย่าลืมเข้าไปฝากครรภ์ด้วย มีหลายอย่างที่ยังต้องระวังอยู่ แต่ยังไงกูก็ดีใจกับมึงด้วยนะ ในที่สุดก็มีลูกสมใจแล้วนี่”สมใจอย่างนั้นหรอใช่ เขาดีใจ ดีใจมากเสียด้วย แต่ในความดีใจก็ยังมีความสับสนอยู่ว่าตัวเองจะต้องรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้กันแน่“พรุ่งนี้เราไปโรงพยาบาลกันนะครับ” เสียงทุ้มและฝ่ามืออุ่นที่วางทาบทับลงบนหลังมือเหนือหน้าท้องที่ยังคงราบเรียบเหมือนเดิมราวกับว่าภายในนั้นยังไม่มีสิ่งมีชีวิตก่อเกิดเมื่อสมาชิกร่วมโต๊ะอาหารมากันครบข่าวดีของคู่รักจึงถูกป่าวประกาศอย่างเป็นทางการจากปากของอีนิกม่าว่าที่คุณพ่อท่ามกลางความยินดีและคำอวยพรมากมายทั้งจากเจ้าสัวและครอบครัวบรู๊กที่ว่านไม่รู้ว่าเอเดนเอาเวลาไหนไปจัดการเชิญสองครอบครัวมารวมตัวกันได้อย่างพร้อมเพรียงได้ในเวลาเพียงเท่านี้ โอเมก้าท้องอ่อนยังคงมึนงงไม่รู้จะทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์ของตน
“คุณว่านคะ คุณท่านให้มาตามไปทานข้าวเช้าค่ะ”“อือ อือ รู้แล้ว”เสียงเคาะประตูสองสามทีไม่ดังมากนักพร้อมกับเสียงเอ่ยเรียกของแม่บ้านปลุกให้คนนอนเลยเวลากว่าทุกวันรู้สึกตัวเจ้าของห้องขานรับออกไปเพียงผ่าน ๆ ก่อนจะหาวออกมาเมื่อถูกขัดการนิทราที่แสนสบาย โอเมก้าขยับตัวเล็กน้อยตั้งใจจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเพื่อลงไปหาชายชราที่เอ่ยถามถึงงัวเงียได้ไม่นานโอเมก้าเจ้าของห้องก็ต้องลืมตาตื่นเต็มที่เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างพาดอยู่ที่เอวซึ่งทำให้ขยับร่างกายไม่ได้อิสระมากนักภายในหัวของว่านผุดใบหน้าและชื่อของบุคคลเพียงคนเดียวขึ้นมาทันที ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยนอนกกกอดกันอย่างนี้ แต่ไม่รู้ทำไมใจของเขาถึงได้เต้นแรงราวกับโจรถูกจับ“ตื่นแล้วหรอครับ” เสียงแหบพร่างัวเงียของคนด้านหลังดังขึ้นชิดใบหูจนคนที่ยังตื่นตูมอยู่หดคอหนีอัตโนมัติไม่จริงน่า ไม่ใช่หรอกเสียงปฏิเสธดังขึ้นในใจซ้ำ ๆ ราวกับจะสะกดจิตตัวเองให้หลงเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางสำเร็จ เพราะคำเหล่านั้นถูกปัดทิ้งไปด้วยสัมผัสอุ่นนิ่มที่จรดลงมาบนหลังใบหู เรียกขนอ่อนของโอเมก้าร่า
“พี่ว่าน พี่โกรธผมเรื่องอะไรเนี่ย ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ” เอเดนขยับเข้าไปหาคนที่เอาแต่ทำตาขวางใส่ทุกครั้งที่เจอหน้าโอเมก้าร่างเล็กปรายตามองคู่หมั้นหนุ่มก่อนจะถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ ว่านปล่อยให้เอเดนทำหน้าหงอยเหงาอยู่ข้างกายต่อไปโดยที่ไม่คิดตอบโต้เอเดนกลับมาอยู่ร่วมบ้านตั้งแต่เมื่อวาน ตอนที่ออกมาจากห้องชายหนุ่มคู่หมั้นแล้วเจอหน้าเจ้าของห้องยืนอยู่นั้น ในทีแรกว่านยอมรับว่าเขาดีใจที่ได้เห็นใบหน้านี้อีกครั้งหลังห่างหายจากกันไปหลายวัน แต่อีกใจก็รู้สึกผิดที่เคยเอ่ยคำขอถอนการหมั้นหมายไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าเอเดนดีกับตนเองมากเพียงใดและการกระทำต่าง ๆ ที่เอเดนทำให้ล้วนสัมผัสได้ว่าเด็กนี่มันรักเขามากตามคำที่เจ้าตัวชอบเอ่ยบอกเสมอความจริงแล้วเขาเพิ่งรู้ใจตัวเองชัดขึ้นก็ตอนที่เห็นแผ่นหลังใหญ่ของเอเดนเดินห่างออกไปในวันนั้น แน่นอนว่าเขาอยากจะรั้งไว้ แต่ความจริงที่การหมั้นหมายเป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์สุดวิสัยและการคาดหวังเพียงทายาทของเขานั้นเป็นเรื่องจริงในเมื่อตอนนี้เขาเองก็ยังไม่สามารถมีทายาทได้ และต่อให้มีก็ไม่ทันการณ์สำหรับการร