ฉันไม่รอคำตอบ สะบัดรองเท้าถอดทิ้งทีละข้าง ๆ แล้วเดินเข้าห้องเขา
ก่อนจะเดินสำรวจตั้งแต่ทางเข้า ดูรูปที่แขวนทีละรูป ๆ ตามผนัง หึ ไม่มีรูปแต่งงาน มีแค่รูปเขาเก็กหล่อใส่สูท ว่าแต่เขาทำงานอะไรเนี่ย เออ... ดูรวยมาก แต่ทำไมคบเพื่อนต่ำทรามแบบนั้น
เดินได้สักพักอยู่ ๆ ฉันก็หยุดชะงัก ยืนที่ห้องนั่งเล่น ฉันยืนมึนงงมองรอบ ๆ ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดี จนตอนนี้ได้ยินเสียงคนวิ่ง ‘ตึก ๆ ตึก ๆ’ มาหยุดหอบหายใจ และยื่นมือมาสะกิดไหล่จากด้านหลัง
“คุณ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปส่ง” ฉันหันขวับไปตามเสียง แต่เมื่อเผลอสบตาเขาแค่เสี้ยววินาที ฤทธิ์ยาที่กล่อมประสาทฉันตอนนี้ มันก็ทวีคูณฉีกร่างฉันเป็นเสี่ยง ๆ ฉันคอแห้งร้อนวาบไปตามลำคอ กำชายกระโปรงจ้องเขาที่ค่อย ๆ เม้มปากหยักสวยขมวดคิ้ว
เซ็กซี่ ปากสีชมพูดูสะอาดสะอ้าน หนวดเคราไม่มี ทำไมมันน่า...
“เดี๋ยวคุณ มีสติ! ฟังผม คุณ!” รู้ตัวอีกที อยู่ ๆ ฉันก็เดินไปกอดคอเขา ก่อนจะเอียงซ้ายขวาไล่สายตามองใบหน้าหล่อเหลา จนได้ยินเสียงเขา กลืนน้ำลายดังอึก
“คุณ... ปล่อยผมเถอะ มัน...”
“ทำไมคุณถึงหวงตัว ไม่ดีเหรอ? ที่ฉันมาให้กินถึงที่ ไม่สิ! ฉันพูดอะไร? ฉัน... ขอน้ำเปล่าขอน้ำ ๆ เร็ว ๆ” วูบเดียวที่ฉันฉุกคิดได้ว่าต้องจัดการตัวเองยังไง เขาก็รีบกดไหล่ฉัน นั่งลงที่่โซฟาทันที
“โอเค ๆ รอที่นี่ คุณไม่มีสติ ผมจะไปตามแม่บ้านมาช่วยคุณ คุณจะได้กลับบ้านสักที” พูดจบเขาก็เดินออกไป ปล่อยให้ฉันนั่งที่โซฟาตัวใหญ่คนเดียว
ฉันนั่งมองตามแผ่นหลังกว้าง ที่กำลังเดินเร็ว ๆ ชะเง้อมองทุกห้องทุกแห่ง ก่อนเขาจะมองฉันอย่างหวาดระแวง และตะโกนเสียงดังว่า...
“ป้าแดงครับ ป้าแดง! อยู่ไหม?” เงียบ... ไม่มีเสียงตอบรับ ก่อนฉันจะเห็นเขายืนท้าวสะเอวมองฉันหัวเสียสลับกับประตูห้องห้องนึง แล้วดึงกระดาษที่แปะออกมา ‘ฟรึบ’ และขยำทิ้ง
หลังจากนั้นเขาก็เดินดุ่ม ๆ ไปเปิดตู้เย็น แล้วหยิบน้ำหยิบแก้วเดินกลับมาหาฉัน
คนแปลกหน้าเปิดขวดน้ำแกร๊ก! แล้วเทน้ำเปล่าใส่แก้วหยาบ ๆ ยื่นให้ฉันเร็วมาก เร็วจนน้ำในแก้วที่มันเต็มปริ่มเกือบล้นนั้น มันกระเด็นแฉลบออกมาโดนเสื้อ เปียกเพื่อตั้งแต่กลางอกยันกระดุมเม็ดสุดท้าย
และหารู้ไม่ ว่านั่น... ทำอารมณ์ที่กำลังนิ่งของฉัน พุ่งทะยานและอยากขึ้นมาอีก
กำลังร้อนพอดี ร้อนมากด้วย
ฉันไม่รับแก้วน้ำ ไม่มองหน้าเขา ละมิดละเมี้ยนเอียงตัวปลดกระดุมเสื้อที่เปียก ทีละเม็ดทีละเม็ด จนค่อย ๆ เห็น อกขาวสองลูก
‘ปึก’ ฉันหยุดชะงัก เมื่ออยู่ ๆ แก้วน้ำถูกเขาวางลงโต๊ะเสียงดัง และมือใหญ่ที่เย็นเฉียบนั้น ก็จับข้อมือฉันดึงขึ้นทันที
“หยุดทำแบบนั้น! คุณตอบผม คุณเป็นหมอ ยาบ้า ๆ นี่จะหมดฤทธิ์อีกกี่นาที!” ฉันกัดริมฝีปากบางหลับตาลง รู้สึกเหมือนจุดกระสันใต้ร่มผ้ากำลังมีชีพจรเต้นตึบ ๆ ตลอดเวลา ทำไมอารมณ์มันดีดขึ้นแบบนี้นะ? และยานี่มันกี่นาที? มันชื่อยาอะไร? คิด คิด คิดยังไงก็คิดไม่ออก มันมีแต่เรื่องแบบนั้นในหัว
“มะ ไม่รู้ชนิดยา หนึ่ง สอง สาม ชั่วโมงหรืออาจจะทั้งคืน” ตอบเขาจบฉันก็ค่อย ๆ เปิดตาขึ้น จนเห็นสายตามึนตึง มองตรงมาที่อกฉันตาไม่กะพริบ
“มองอะไร?”
“เอ่อ เอ่อเอางี้ ผมจะไปหยิบเสื้อมาให้คุณเปลี่ยน” เมื่อถูกจับได้ เขาก็หันขวับเดินก้มหน้าไปที่ห้องนอนใหญ่มุมสุด ฉันจึงเดินตามไปหยุดที่หน้าประตู เดินช้า ๆ เข้าห้องไปหาเขา
และเมื่อเห็นแผ่นหลังกว้าง กำลังก้ม ๆ เงย ๆ เปิดตู้เปิดลิ้นชัก และเห็นเขาดึงเสื้อเชิ้ตสีขาวออกจากราวเตรียมให้ ฉันก็รีบถอดเสื้อตัวเก่าโยนทิ้งไปไกล ๆ
‘ฟรึบ’
เสียงเสื้อเปียก ๆ ถูกโยนลงพื้น ดังพร้อม ๆ กับเขาที่หันขวับมามองฉัน ก่อนตาคู่สวยจะค่อย ๆ เบิกกว้าง และขาวยาว ๆ ก้าวถอยหลัง จนหลังเขาชน ‘ปัก’ เข้ากับตู้
“ทะ ทำอะไรของคุณ!”
“ถอดเสื้อรอเปลี่ยน เออ... คุยมาตั้งนานคุณชื่ออะไรนะ” เหงื่อเขาไหลเต็มขมับ ไหลทั้ง ๆ ที่ตายังเบิกกว้างมองฉันตกตะลึง
“ตะเต้ ผมชื่อเต้ คุณล่ะ? ให้ตาย! คุณไม่อายผมรึไง?”
ฉันเอามือกอดอกเมินเฉย จนนมสองเต้าดันขึ้นเป็นลูก ๆ ส่วนคุณเต้เขาเสมองไปทางอื่น แล้วเอามือกุมขมับนวดทันที
“ฉันชื่อน้ำแข็ง ส่งเสื้อให้ฉันสิ” พูดจบฉันก็ดึงเสื้อเชิ้ตจากมือคุณเต้ ‘พรึบ’ จนเขาหันมาตกใจสะดุ้ง แล้วรีบหันหน้าไปทางอื่นอีกครั้ง
“คะ คุณใส่เสื้อ อย่าให้ผมต้องลงมือ!” ลงมือ? พอได้ยินคำนี้ ฉันที่กำลังสอดแขนใส่เสื้อรีบหยุดชะงักทันที ก่อนที่จะเดินอ้อมไปมองคนขู่ และถามอีกครั้งให้แน่ใจ
“ลงมืออะไร แบบไหน? ฉันอยากให้คุณทำ ทำสิ” ตาคู่สวยเบิกกว้าง เขาลอบถอนหายใจเสียงดัง แล้วคว้า ‘หมับ’ จับข้อมือฉันแน่น ก่อนจะไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบก้มสอดแขนแกร่ง อุ้มฉันเดินตรงเข้าห้องน้ำทันที ก่อนที่จะกึ่งวางกึ่งทิ้งฉันลงในอ่าง อย่างไม่ทะนุถนอม!
แต่ฉันไม่ร้องโอดโอยให้เขาได้ยินหรอก นั่งมองเขานิ่ง ๆ เฉย ๆ ทั้งที่ข้างในเต็มไปด้วยอารมณ์ ฉันอาจจะดูเหมือนคนมีสติครบ แต่ฉันควบคุมอารมณ์ที่แฝงอยู่และฝืนฤทธิ์ยาไม่ได้ ใจมันอยาก มันต้องการ ต่อให้เขาทารุณฉัน ฉันก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ดี
“คุณรู้ไหม ว่าคุณสวยจนผมอยากจีบ แต่เห็นแบบนี้ ผมจีบไม่ลง”
คำพูดเขาทำฉันเม้มปากแน่น ก่อนฉันจะก้มมองอกอวบที่โผล่พ้นเป็นเนินของตัวเอง แล้วตัดสินใจเอื้อมไปปลดตระขอบรา ส่วนมือที่ว่างงานก็ไม่รอช้า รีบเปิดฟักบัวเปิดน้ำและถอดเสื้อผ้าทันที
ตอนนี้ฉันเกลียดตัวเอง ฉันอยากอาบน้ำ อาบให้ตัวเองหายร้อนตามตัว ตามช่วงล่างนั่น
เมื่อโดนน้ำเย็น ๆ จากฝักบัว ไม่นาน อารมณ์ร้อนในตัวฉันก็แผ่ซ่าน..ทำยอดอกสีชมพูหวานตึงแข็งขึ้นเป็นไต มันชันตระหง่านตัดผิวขาวใส ทำคนที่หายใจฟึดฟัดถึงกลับนิ่งงัน จ้องมันตาไม่กะพริบ
“ไม่รู้ว่าฉันซวย หรือโชคดีของคุณ คุณได้เห็นมันคนแรก คิดว่ามันเป็นไง” เขาละสายตาจากอกอวบมองหน้าฉัน ก่อนจะรีบกะพริบตาถี่ ๆ และหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวโยน ‘พรึบ’ มาให้ฉันทันที
“ปิดตรงนั้นของคุณซะ บอกผมมา มันเป็นแผนของคุณใช่ไหม? คุณรู้ว่าผมเป็นใครคุณก็เลย เอ่อ... ทำตัวแบบนี้ เพราะดูจากสีหน้าแววตาคุณ ยาที่เพื่อนผมป้ายมันคงหมดฤทธิ์ไปแล้ว”
ฉันยิ้มที่มุมปากเบา ๆ ใช่อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากการถูกป้ายยามันหายไปแล้ว แต่อาการกระสันร่านรักที่ไม่รู้มันมาจากยาชนิดไหนและเมื่อไหร่ มันกำลังทรมานฉันทั้งเป็น
ฉันมีสติ ฉันรู้ตัว แต่ฉันห้ามอารมณ์ทางเพศที่เกิดกับตัวเองไม่ได้ ฉันคงโดนยาหลายชนิดผสมในเครื่องดื่ม และตอนนี้ฉันก็เห็นเขา น่ากินซะเหลือเกิน
เขาเหมือนลูกแมวพันธุ์ดี ที่ราคาแพงหูฉี่แต่หลุดมาถึงมือฉัน ฉันอยากเลี้ยง อยากเป็นเจ้าของอยากได้มาก คอนโดหลักร้อยล้านรถสามสิบล้าน บ้านจะขนาดไหน? ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาทำงานอะไร แต่ถ้าเสียให้คนนี้ ได้เขาตอนนี้ คงดีไม่น้อย
บ้าจริง! ฉันคิดอะไรออกไปเนี่ย? ฉันก้มหน้าลงหลับตาปี๋ ความคิดชั่ววูบที่ขัดขึ้นเมื่อกี้ คิดว่าตัวเองจะควบคุมได้ แต่ไม่เลย ยิ่งก้มหน้านิ่งเปิดตาขึ้นเห็นต้นขาขาว อยู่ ๆ มือฉันที่จับขอบอ่าง ก็ค่อย ๆ ขยับลงมา
ก่อนมันจะเคลื่อนป้วนเปี้ยนตามต้นขา และบีบช้า ๆ ขึ้นไปตามหว่างขาตัวเอง
“คุณทำอะไร?” ฉันเชิดหน้าปรือตามองร่างใหญ่ ที่ยืนเบิกตากว้างมองฉันหน้าแดงก่ำ
แล้วไงล่ะ ถ้าเขาไม่ช่วย ฉันคงต้อง...
“ช่วยตัวเอง”
น้ำแข็งกรณีศึกษา “อะไรนะ? คุณพูดอะไรออกมา อดอยากมาจากไหน?” ฉันไม่ตอบค่อย ๆ ขยับขากางออกไป จนร่างใหญ่ที่ยืนถอนหายใจ เขาหันขวับไปทางอื่น “ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันคงต้องช่วยตัวเอง ออกไปสิ” คุณเต้มองฉันผ่านกระจกบานใหญ่อึ้ง ๆ ก่อนเขาจะส่ายหน้าเอือม ๆ เดินเปิดประตูออกไป เมื่อทางสะดวกฉันก็เอนพิงขอบอ่างเปิดน้ำใส่ ขยับนิ้วกรีดกรายล้วงเข้าไปใต้เพนตี้ ทั้งบดทั้งบี้เบา ๆ ดีจัง ไม่เคยรู้สึกอยากปลดปล่อย อยากทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันขยับนิ้วถูคลึงตามตุ่มสวาท อยากสอดเข้าไปสัมผัสโพรงอุ่นของรังรัก แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ถูเบา ๆ เชิดหน้าหลับตาไป และบิดขาขยับบั้นท้ายครางออกมา “อื้ม~ ดีจัง” ริมฝีปากบางกัดเม้มจนชา นิ้วกลางก็เขี่ยเล่นตามยอดกระสัน ฉันหลับตานึกถึงฉากเร่าร้อนในจินตนาการ และสัมผัสไปตามจังหวะนั้น แอ่นอกตั้ง ๆ เสียวสะท้านไปทั้งตัว แต่อยู่ ๆ ความเสียวก็ดับวูบ เมื่อฉันหยุดมือเปิดตาขึ้นมองร่างสูง ที่เข้ามายืนจ้องมอง “เข้ามาทำไม?” “ห้องน้ำผมนะคุณ ผมจะอาบน้ำนอน คุณกลับบ้านได้แล้ว” ฉันไม่รู้ว่าเขายืนตระหง่านจ้อ
“คุณ... ตื่นเถอะ” ฉันนอนขมวดคิ้ว สูดกลิ่นผ้าห่มหอม ๆ สูดกลิ่นหมอนข้างที่กอดงัวเงีย ดะ เดี๋ยว ทำไมหมอนข้างฉันแข็งแบบนี้ แล้วเสียงนั่นทำไมทุ้ม แปลก ๆ ไม่ใช่เสียงพ่อเสียงแม่ ไม่ใช่เสียงกาแฟแน่นอน “คุณ... ตื่น” ใจฉันหล่นวูบลงตาตุ่ม เมื่อเจ้าของเสียงทุ้ม พูดขึ้นอีกครั้ง ผู้ชายที่ไหนเนี่ย! “ขอโทษนะคะคุณเต้ แดงไม่ทราบว่าคุณเต้พาแฟนมาค้างด้วย” แฟน? คุณเต้? ฉันทวนตามในใจ จูนสมองเบลอ ๆ ใจเต้นตึกตัก ก่อนจะหลับตานิ่ง ประมวลผลชื่อที่ได้ยินสักพัก จนนึกได้ขึ้นมา! เต้ เต้... เมื่อคืน? ฉันกับเขา มีฉากเร่าร้อนเด้งขึ้นเป็นฉาก ๆ หน้าผู้ชายชื่อเต้ ที่ร่างเขาอยู่บนตัวฉัน และตัวฉันอยู่บนตัวเขา เมื่อคืนฉันเมามาก เมาและมั่นใจว่าโดนยา ฉันเปิดตา ‘พรึบ’ กระชากผ้าห่มพันตัวลุกขึ้นทันที ก่อนที่จะมองผู้ชายข้าง ๆ สลับกับป้าสวมชุดแม่บ้านตกใจ “คะ คุณฉวยโอกาส กับฉันเหรอ?” ฉันชี้หน้าผู้ชายคนนั้นถามเสียงสั่น ก่อนจะค่อย ๆ สอดส่องดูเบื้องล่างใต้ผ้าห่มของตัวเอง จนเห็นว่าฉันล่อนจ้อนไม่ใส่อะไรเลยสักชิ้น แถมยังเจ็บเคือง ๆ ตรงนั้นอี
“ทิ้งอะไร มันคือความจริง ลืมไปสิ” เธอบอกให้ผมลืม? เท่าที่ผมจำได้และรู้ ๆ มาจากเพื่อน คำพวกนี้มันเป็นคำพูดผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ ผมเสียหมาไปเลย หน้าแม่งถอดสีจนไม่รู้จะถอดยังไงแล้ว สวยเหมือนนางฟ้าแต่คำพูดคำจาอย่างกับแม่มด เธอหลอกฟันผม ยั่วยวนผม สุดท้ายเธอก็ไล่ผมไปพ้น ๆ ผมซีอีโอสายการบิน Whale-Fly Airline เลยนะเว้ย! ช่วยอยากได้เงิน อยากได้ผมหน่อยเถอะ แต่ทำไมเพื่อน ๆ ผมไม่เป็นแบบนี้วะ มีแค่ผมคนเดียวที่โดนผู้หญิงเฉดหัวส่งหลังมีเซ็กส์ แล้วเมื่อคืนผมทำไม่ดีตรงไหน ผมพยายามสุด ๆ แล้ว หงุดหงิดเหมือนกันนะเว้ย “คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? เมื่อคืนเรามีเซ็กส์กันนะไม่ใช่เล่นเป่ายิงฉุบ!” “งั้นก็คิดว่าเล่นเป่ายิงฉุบ จะพูดอีกนานไหม ฉันจะไปเข้าเวร เสียเวลา” เห็นไหมว่ารถผมกี่ล้าน คอนโดผมกี่ล้าน เธอไม่รู้สึกพิศวาสอยากได้ผมเลยรึไง ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแผนอ่อยผมหวังเงิน ที่ไหนได้ เธอหวังแค่มีความสุขชั่วข้ามคืนและหายไปเท่านั้น ทำไมกูต้องมาตกอยู่สภาพนี้วะ เวรกรรมก็ไม่เคยทำไว้กับใครนี่หว่า นั่นแหละยิ่งยึ
“เปล่า กูแค่ถาม...” (จริงเหรอวะ ตอบเสียงยานเหมือนไม่แน่ใจนะมึง เพิ่งด่าไอ้อิฐไม่เห็นด้วยกับมันเมื่อกี้เอง อย่าบอกนะ ว่าอยากได้ยาไปจัดการสาวคนนั้น) บ้าฉิบ ผมกะจะไม่คิดแล้วเชียว มึงเนี่ยนะไอ้พีม! “ไม่เว้ย ๆ แบบนั้นมันไม่ดีว่ะ บอกตรง ๆ กูอยากได้เขานะ” (อยากได้แบบไหนไอ้เต้ ขึ้นครูแล้วหื่นเหรอมึง?) “หื่นเชี่ยอะไร แบบคุย ๆ คบ ๆ” (มึงก็ลุยสิวะ ไอ้ซีอีโอเวลฟาย แบบมึงจีบใครก็ติดเชื่อกู!) ไอ้พีมพูดเสียงดังและหนักแน่น จนผมรีบดึงโทรศัพท์ออกจากหู ลุยอ่ะลุยได้เว้ย แต่เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น! ไม่สนใจผมเลย! “กูว่ายาก กูกับเขาเริ่มกันไม่ดี และเขาไม่สนใจกูด้วยซ้ำ เย็นชามาก หน้ากูยังไม่มอง” (งานยากแล้วมึง ไม่สนใจมึงขนาดนี้ กูว่าดีกรีคงไม่ธรรมดา ไม่หัวสูงมาก ก็ทางบ้านรวยล้นฟ้า ฮ่า ๆ) ไอ้พีมแม่งพูดเล่นเป็นตุเป็นตะ แต่ผมฉุกคิดตามมันนะ คงเป็นอย่างที่มันว่านั่นแหละ ผิวสวยกระเป๋าเสื้อผ้าแพง ผมว่าหมอน้ำแข็ง เธอไม่ใช่หมอธรรมดาแน่ ๆ “งั้นแค่นี้นะ กูจะไปโรงพยาบาล” (อ้าว
“น้ำแข็ง มีผู้ชายมานั่งรออ่ะ” ฉันหันมองน้องสาวฝาแฝดเซ็ง ๆ เพราะกาแฟชอบล้อเล่นและกวนใจเวลาฉันทำงาน “ไร้สาระ ว่างมากรึไง?” “ฉันพูดจริง ๆ นะ หล่อด้วย เธอไปกิ๊กกั๊กกับใครอ่ะ ไม่บอกกันเลยนะ” ฉันนั่งทำงานต่อไม่ตอบกาแฟ ก่อนจะรีบเซ็นสรุปเคสคนไข้ของวันนี้ให้เสร็จ ๆ แล้วหยิบเคสกับกระเป๋าลุกขึ้น “นั่นไง ๆ รีบไปเดทเหรอ” “ฉันจะกลับบ้าน” “แล้วผู้ชายหล่อ ๆ คนนั้นล่ะ เขารอเธออยู่นะ เดี๋ยวสิน้ำแข็ง น้ำแข็ง พี่นาวา เอ้ย... ผอ.เรียกเราไปพบอ่ะ” เมื่อฉันเปิดประตูออกมาและได้ยินประโยคสุดท้าย ฉันก็หยุดยืนถอนหายใจทันที ฉันเหนื่อยมากเพลียมาก ฉันราวด์คนไข้ตรวจคนไข้ ทั้งวัน ฉันอยากกลับบ้านไปนอนโง่ ๆ บนเตียงแล้ว แต่สุดท้ายฉันต้องมาพบผอ.ก็คือพี่นาวาลูกพี่ลูกน้องฉันเอง ซึ่งพี่นาวารับตำแหน่งนี้จากลุงไม่นาน และโรงพยาบาลก็เป็นของตระกูลพ่อฉัน ที่เป็นหมอตั้งแต่รุ่นทวดยันรุ่นปัจจุบัน “น้ำแข็ง กาแฟนั่งก่อน” เมื่อฉันกับกาแฟเปิดประตูเข้าไป พี่นาวาก็ชี้เก้าอี้สองตัวหน้าโต๊ะทำงาน พี่นาวาเป็นศัลยแพทย์และบริหารโรงพยาบาลนี้พร้อม ๆ กัน
ผมแอ็ดมิทนอนที่ห้องวีไอพีคนเดียว ผมไม่ยอมให้ใครมาเยี่ยมแม้กระทั่งป้าแดงและพ่อแม่ ผมต้องการใช้แผนของผมที่ยอมป่วยให้คุ้มค่าที่สุด “พยาบาลครับ หมอจะเข้ามาตรวจผมอีกไหม?” ผมถามเสียงแหบ ในขณะที่พยาบาลกำลังปรับน้ำเกลือให้ “คุณหมอจะเข้าตรวจอีกครั้งบ่ายสามค่ะ เดี๋ยวดิฉันฉีดยาที่คุณหมอสั่งให้นะคะ คนไข้พักผ่อนให้เต็มที่ ว่าแต่นี่มาคนเดียวเหรอคะ?” ผมพยักหน้าเบา ๆ ตอบ แล้วหันมองนาฬิกาที่แขวนไกล ๆ แม่ง บ่ายสามอีกตั้งหลายชั่วโมง “ให้หมอมาตอนนี้ไม่ได้เหรอ ผมปวดหัว” “ปวดหัวเหรอคะ? นี่ไงคะคุณหมอสั่งให้ฉีดยาให้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันมานะคะ” อะไรวะ ผมนอนรออยู่นาน หลับ ๆ ตื่น ๆ จนพยาบาลเข้ามาฉีดยาใส่สายน้ำเกลือให้ ตื่นมาอีกทีก็นั่งดูข่าวไป ดูสองรอบ หมอน้ำแข็งก็ไม่เข้ามาตรวจสักที มีแต่พยาบาลสองสามคนที่เข้ามาวัดไข้วัดความดันให้ผม จน... ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เสียงเคาะเบา ๆ สั่งผมรีบนอนลง แต่ไม่ทันได้แกล้งป่วยออดแอดไอคอกแคก ก็ต้องเปิดตาขึ้น “ไอ้เต้เว้ย... ตายยัง!” สัสเอ้ยไอ้อิฐ! มึงมาทำเชี่ยอะไร? ถ้าหมอน
“เอ่อ ผมแค่... อยากอยู่คนเดียว” เธอวางปิ่นโตสีเงินบนโต๊ะดังปึก แล้ววางถุงที่ถือลงไปด้วย “งั้นก็อยู่คนเดียว” “เดี๋ยว ๆ ไม่! คุณอย่าไป ผมป่วยเพราะคุณนะ” “เพราะฉัน?” หมอน้ำแข็งหยุดเดินทันที ก่อนที่จะชี้ตัวเอง แล้วเอามือกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมสัมผัสได้ สัมผัสได้ว่าเธอเริ่มรำคาญผมแล้ว “เอ่อ... คุณอย่าเย็นชากับผมสิ ผมป่วยและเครียด ผมต้องนอนซมพิษไข้ สายการบินก็ไม่ได้บริหาร” “คุณจะโม้ว่าคุณรวย? เหอะ ฉันรู้ว่าคุณรวย แต่ฉันก็รวย และภาระหน้าที่ฉันก็มีด้วย ฉะนั้นฉันไม่มีเวลามาฟังคนโกหกแบบคุณ!” อึ้งกิมกี่ไปเลยกู รวยระดับไหน? สนใจเป็นสะใภ้สายการบินเวลฟายแอร์ไลน์ไหมหมอ ผมอยากเปย์คุณนะ “เอ่อ ผมแค่...” “ฉันไม่สนใจเงินทองของคุณ คุณเลิกวุ่นวายกับชีวิตฉันสักที ถ้าคุณป่วยคุณไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ ไม่ต้องมาโรงพยาบาลฉัน ฉันไม่อยากได้เงินคุณ” ผมเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้างมองเธอ “คุณพูดอย่างกับคุณ” “นี่คือโรงพยาบาลของครอบครัวฉัน” อึ้งกิมกี่อีกแล้วกู อึ้งรอบสอง! ว่าแล้วเชียว เธอไม่ใช
ชอบฉัน? นี่ฉันคิดผิดใช่ไหมที่ไปส่งเขา ท่าทางผู้ชายคนนี้จะไม่หยุดวอแวฉันง่าย ๆ ได้ฉันฟรี ๆ แล้วก็พอแค่นี้เถอะ! “ลงไปจากรถฉัน” เขาหุบยิ้มและหันไปกดล็อครถทันที ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งมิดออกมาจากโรงพยาบาลไม่หันมาตอบฉัน “จอดรถ และลงไป!” ฉันหันไปพูดย้ำ เมื่อเขาขับรถเร็วมากออกไปถนนใหญ่ และท่าทางจะไม่หยุดง่าย ๆ ยิ่งฉันไล่เขาลงไป เขายิ่งขับรถเร็ว! “คุณ!” “รถคุณขับสนุกดีนะ มิน่าคุณชอบ” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันมองตรงไปที่ถนน และหันซ้ายดูกระจกมองข้าง เพราะความเร็วที่ขับผ่านเสาไฟแต่ละเสา ผ่านรถแต่ละคัน มันเร็วกว่าปกติที่ฉันเคยขับ “คุณ... ฉันไม่ชอบความเร็ว! จอดรถ!” ฉันเริ่มหัวเสีย และกลัวมาก จนเขาค่อย ๆ ผ่อนคันเร่งลงให้ฉัน แล้วหันมายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนฉันเหงื่อตกยกมือขึ้นปาด จ้องหน้าเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ “อ่ะ ๆ ผมขับช้า ๆ แต่ผมขอไม่ลงจากรถนะ ผมเห็นคุณเหนื่อย ผมอยากขับให้คุณนั่ง” ฉันเกลียดเขาชะมัด! คำพูดเขามันหน้าทนจริง ๆ ฉันเคยเห็นแค่ผู้ชายสนุกเที่ยวเล่น ได้หญิงฟันหญิงแล้
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด
สรุปนะ ตั้งแต่มีเมียมาเนี่ย ผมได้เงินไปทำงานวันละห้าร้อย! แม่งพี่ยามที่เป่านกหวีดโบกรถที่บริษัท เขาน่าจะได้มากกว่าผมอีกมั้ง ยัยแว่นไม่ประนีประนอมและไม่สงสารผมเลย เอะอะหักเงิน แล้วไม่มีใครช่วยผมด้วยนะ พ่อไม่ช่วยแม่หัวเราะใส่หน้า ส่วนเจ๊ใบกับไอ้ไม้ผมไม่บอกให้เสียหมาหรอก ถ้าพวกนั้นรู้ล้อผมยันลูกบวชแน่ ๆ “เมียให้เงินมาทำงานเท่าไหร่?” พอผมเซ็นเอกสารเสร็จ ก็ยื่นมันคืนให้พนักงานฝ่ายซอฟต์แวร์ ก่อนจะถามคำถามเดิม ๆ ที่ผมถามพวกผู้ชายที่มีเมียทุกแผนก เพื่อจะทำเป็นสถิติเอาไปเสนอยัยแว่นเพิ่มวงเงิน “ยังไงเหรอครับ?” “ฉันถามว่าเมียให้เงินมาทำงานวันละเท่าไหร่? ตอบมาเถอะน่า อย่าให้ต้องถามหลายรอบ” “อ๋อ ผมได้วันละห้าร้อยครับ แต่บางวันก็พันนะครับ แล้วแต่อารมณ์เมีย” ผมนั่งนิ่ง เพราะคิดน้อยเนื้อต่ำใจขนาดหนัก แม่งขนาดพนักงานระดับล่างยังได้เงินมาทำงานเท่ากู แล้วหัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์ของบริษัท ฝ่ายเอนจิเนียร์จะขนาดไหนวะ “เอ่อ คุณต้นกล้าถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าครับ?” “ไม่มี ไปเถอะ” พอพ
“เหรอ? บอกแบบนั้นถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาจีบคุณชายจะทำไง ชอบเหรอไอ้ความรุงรัง? จะกลับมาง้อเค้าแต่ไปประกาศโสด ทำเพื่ออะไร?” “เรื่องมันผ่านมาแล้วแว่น เค้าเมา โอ๋ ๆ ไม่งอนกันนะ” “ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามแตะแอลกอฮอล์เลยนะ ถ้าเมาแล้วเลื้อยเป็นงูแบบนั้น” “ค่ะ ๆ เค้าไม่แตะอยู่แล้วเค้าแพ้ท้องอยู่” ผมพูดจบก็จับมือยัยแว่นขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ ที่หลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแสงสปอร์ตไลท์สีขาวส่องมาที่เรา พิธีกร: จะหวานกันไปถึงไหนคะเนี่ย ถึงเวลาขึ้นเวทีทักทายแขกผู้มีเกียรติแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ของยัยแว่นก็หายวับไปกับตา เธอยิ้มเขิน ๆ และหันมองแขกในงานสองฝั่งช้า ๆ จนแม่ผมเดินถือช่อดอกไม้มาให้ และสวมกอดเธอ “หนูกาแฟ ดีใจที่ได้หนูเป็นสะใภ้วรพงศ์กุลนะลูก” “ขอบคุณที่เอ็นดูหนูค่ะคุณแม่” ได้ยินแบบนั้นผมก็ยกแขนให้ยัยแว่นควงทันที ก่อนที่จะก้มหัวลง นิด ๆ ขอบคุณแม่และเดินเข้างาน ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่ผมกับยัยแว่นสว่างมาก สาดเข้าเวลส์ยาว ๆ ลากพื้นของเธอ จนเจ้าสาวผมโดดเด่น
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงโห่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ที่ถกเถียงกันเรื่องซองและเรื่องตะโกนบอกรัก “เจ้าบ่าวไม่บอกรักเจ้าสาวหน่อยเหรอค๊า?” เสียงพี่ปลายฟ้า ดังดี๊ด๊าหน้าห้องและแซวลูกพี่ลูกน้องตัวเอง “บอกทุกวันล่ะเจ๊ แต่นิยมบอกแค่ในห้อง” พอต้นกล้าตอบมาแบบนั้น เสียงแซวของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวก็โฮฮิ้วขึ้นเสียงดัง “ไม่รู้ล่ะบอกเลย ๆ ให้เขารู้ ว่ารักมากแค่ไหน หวาน ๆ ไม่งั้นไม่ให้เข้านะ” “บอกเลย! บอกเลย! บอกเลย!” ฉันนั่งอมยิ้ม กับเสียงคนโห่กดดันต้นกล้า ก่อนจะหันไปหาพ่อแม่และน้ำแข็ง ที่นั่งมองตรงไปที่ประตู ทุกคนไม่ได้ลุ้นหรอกว่าต้นกล้าจะบอกรักฉันรึเปล่า แต่คงลุ้น ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะไถเงินเขาไปเท่าไหร่ “รักแว่นน้า” “กาแฟ ๆ ได้ยินมั้ย?” พอได้ยินเสียงเพื่อนเจ้าสาวถามข้างนอก ฉันก็เอามือป้องปากตะโกนตอบไป “ไม่ได้ยิน!” “รักแว่น! รักกาแฟ! รักหม่าม้านะค้าบ” รักหม่าม้านะครับ โอ้ยน่ารักจังเลย อยากวิ่งออกไปหอมหัว “ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนั่น” อยู่ ๆ น้ำแ