คำพูดของคุณเดวิดที่ว่า "ผมเชื่อว่าทุกสิ่งในโลกนี้มีราคา และผมก็พร้อมที่จะจ่าย" จุดประกายไฟโทสะในดวงตาของมาร์คัส แววตาคมกริบที่เคยนิ่งเฉยเมื่อครู่
บัดนี้ลุกโชนไปด้วยความกราดเกรี้ยว ราวกับลาวาที่กำลังปะทุ อันนารู้สึกได้ถึงไอสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาอย่างรุนแรงจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก มาร์คัสยกยิ้มมุมปากอย่างเหี้ยมเกรียม เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความหมายถึงความสนุกสนาน แต่กลับเต็มไปด้วยอันตรายถึงขีดสุด เขาเอื้อมมือไปหยิบเอกสารสัญญาฉบับหนาที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้เวลาเจรจากันมานานหลายเดือน และเป็นมูลค่ามหาศาล อันนาคุณว่าสัญญาฉบับนี้มีมูลค่าเท่าไหร่มาร์คัสหันมาถามอันนาซึ่งอันนาได้ข้อมูลคร่าวๆก็คือหลายพันล้านบาทก่อนที่จะเข้าห้องประชุมเธอถูกเขาติวมาบ้างแล้ว "มหาศาลค่ะ หลายพันล้านบาท"อันนาตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักใจของเธอสั่นเพราะเธอเหมือนอยู่ในสนามรบ อันนาเธอว่าฉันควรทำยังไงกับสัญญาฉบับนี้ดีมาร์คัสลากเก้าอี้ของอันนามาอยู่ใกล้ตัวของเขา อันดาตกใจทำตัวไม่ถูกเธอทำสีหน้าตื่นตระหนกตกใจแต่เธอก็ชาญฉลาดมากพอที่จะเอาตัวรอดในสถานการณ์นั้นเธอไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้นเธอจึงได้พูดขึ้นว่า... "ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณมาคัสตัดสินใจค่ะอันนาไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ค่ะ มันเป็นเรื่องสำคัญขอให้คุณมาร์คัสพิจารณาตามความเหมาะสมค่ะ" อันนาปฏิเสธความคิดเห็นได้อย่างชาญฉลาดเธอปัดให้มาคัสเป็นคนตัดสินใจ "ดีเด็กดีของฉัน..!"มาร์คัสพูดต่อหน้าทุกคนแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอันนา ใช้มือหนาลูบหัวของอันนาราวกับอันนาเป็นสัตว์เลี้ยงแมวเชื่อง ทุกคนในห้องต่างจับจ้องมาที่มาร์คัสด้วยความหวาดหวั่น ไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไร แม้แต่คุณเดวิดเองก็เริ่มหุบยิ้มลง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อเห็นการกระทำของมาร์คัส ฉีก! เสียงกระดาษฉีกขาดดังลั่นไปทั่วห้อง มาร์คัสฉีกสัญญาฉบับนั้นออกเป็นชิ้นๆ อย่างไม่ใยดี เศษกระดาษปลิวว่อนลงสู่พื้นราวกับเศษซากของความสัมพันธ์ที่เพิ่งพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา "คุณเดวิดคงไม่เข้าใจว่า 'ของของผม' มีค่าแค่ไหน" มาร์คัสพูดเสียงเย็นยะเยือก กัดฟันกรอด "และคงไม่เข้าใจว่าการล้ำเส้นของผมมันมีราคาที่ต้องจ่ายแพงกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ" มาร์คัสตีปากกาลงบนโต๊ะประชุมเป็นจังหวะ 1 2 และ 3 เงยหน้าจ้องมองเดวิดลีผู้ชายตรงหน้าที่จ้องจะยุ่งกับผู้หญิงของเขา ใบหน้าของคุณเดวิดซีดเผือดลงในทันที เขาไม่คาดคิดว่ามาร์คัสจะกล้าทำถึงขนาดนี้ ด้วยอำนาจและอิทธิพลในวงการมาเฟียของมาร์คัส การที่เขาฉีกสัญญามูลค่ามหาศาลทิ้งไปอย่างไม่แยแส แสดงให้เห็นว่ามาร์คัสกำลังเล่นกับอำนาจอย่างแท้จริงและกำลังจะทำให้เดวิดลีคนนี้ตกที่นั่งลำบาก เพราะหากมาทัชไม่เซ็นสัญญากับใครคนใดคนหนึ่งแปลว่าบริษัทนั้นจะถูกคว่ำบาตรจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทรงอำนาจทันทีหรือหมายถึงการปิดตัวลงโดยไม่ต้องต่อสู้อะไรได้อีก "คุณมาร์คัส! นี่คุณกำลังทำลายธุรกิจของเรานะ!" คุณเดวิดพยายามพูด น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือแต่ก็ยังพยายามคุมโทนเสียงเอาไว้เพื่อไม่ให้มาร์คัสรู้ว่าเขาสั่นกลัวมากแค่ไหน มาร์คัสไม่แม้แต่จะชายตาแล เดวิดกำลังเล่นกับของแข็ง และเล่นกับไฟที่ร้อนระอุ เพราะมายุ่งกับผู้หญิงของเขา "อันนาเธอเห็นหรือเปล่า ว่านั่นคือมูลค่าที่ควรจ่ายกับคนที่คิดจะยุ่งกับของของฉัน..!" มาคัสหันมาพูดกับอันนา อันนาที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่รุนแรงของมาร์คัส เธอตัวสั่นไปหมดด้วยความกลัว เธอไม่เคยเห็นมาร์คัสในโหมดนี้มาก่อน และมันน่ากลัวกว่าที่เธอจินตนาการไว้มากนัก "ธุรกิจของผม...ผมสร้างเองได้" มาร์คัสพูดเสียงเรียบ แต่ดุดัน "แต่ศักดิ์ศรีของผม...มันประเมินค่าไม่ได้" เขาหันไปมองบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างประตู "จัดการกับคนที่กล้าล้ำเส้น" มาร์คัสสั่งเสียงเฉียบขาด คำพูดนั้นไม่ได้หมายถึงแค่การไล่ออก แต่เป็นการขู่ที่น่าสะพรึงกลัวกว่านั้นมาก ครับนาย..! บอดี้การ์ดนับสิบที่อยู่นอกห้องประชุมพากันโกเข้ามาด้านในห้องทุกคนในห้องประชุมถึงกับตื่นตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดว่ามาร์คัสจะกล้าทำอะไรที่อุกอาจขนาดนี้ "พวกเราขอเชิญทุกคน ออกจากห้องประชุมครับ" คำพูดที่เรียบเฉยและใบหน้าที่เรียบนิ่งของบอดี้การ์ดที่ถูกฝึกปรือมาอย่างดีของมาร์คัสพร้อมอาวุธครบมือได้ทำการส่งแขก เดวิดหน้าถอดสี เขาเพิ่งตระหนักว่าเขาได้ทำผิดพลาดอย่างมหันต์ เขาไม่ได้เพียงแค่ทำลายธุรกิจ แต่ยังได้ท้าทายเจ้าพ่อมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล ที่ไม่เคยมีใครกล้าต่อกรด้วย "คุณมาร์คัส คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าคุณทำแบบนี้ผมมีปัญหาแน่..!" เดวิดลีตะโกนไล่หลังมาร์คัสอย่างคนเป็นบ้าเสียสติเพราะเขากำลังสูญเสียแหล่งรายได้มหาศาลและหมายถึงเขาอาจจะล้มละลายได้เพราะไม่มีใครกล้าร่วมลงทุนกับเขาอีกแน่ มาร์คัสลุกขึ้นยืน อันนารีบลุกตามไปอย่างอัตโนมัติ เขากวาดสายตามองทุกคนในห้องด้วยแววตาเย็นชาเป็นการสั่งสอน ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู อันนาเดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ และเชื่องช้าที่สุด ทุกคนพากันเดินออกจากห้องอย่างว่าง่ายยกเว้นเดวิดลีที่เขากำลังคิดไม่ตกเหงื่อออกทั้งตัวพยายามร้องขอผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนคนอื่นให้ช่วยลงทุนกับเขา ได้โปรดเถอะคุณประสงค์คุณรู้อยู่แล้วว่าถ้าลงทุนกับผมยังไงก็ได้กำไรเดวิดพยายามร้องขอ ผมคงทำการค้ากับคุณไม่ได้เพราะคุณได้กระตุกหนวดราชสีห์อย่างมาร์คัสนายทุนที่ชื่อประสงค์ถึงกับโบกมือใส่เดวิด ได้โปรดเถอะคุณบุญธรรมคุณประสงค์ถ้าพวกคุณไม่ช่วยผมผมต้องแย่แน่ๆ ไม่ได้หรอกคุณเดวิดอย่าหาว่าพวกผมใจร้ายเลยพูดจบเหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นต่างพากันรีบออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามองเดวิดเลยแม้แต่น้อย ไม่มีใครกล้ายุ่งกับมาร์คัสเลยศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายอย่างเดวิดลีถูกทำลายลงเขาคุกเข่าลงต่อหน้าบรรดาผู้ถือหุ้นทุกคนที่กำลังเดินออกจากห้องโดยไม่แยแสว่าทุกคนจะมองว่าเขาไร้น้ำยาหรือเปล่า เมื่อประตูห้องประชุมปิดลง ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและความหวาดกลัวที่อบอวลอยู่ภายในห้อง อันนารู้สึกเหมือนเพิ่งรอดตายจากพายุลูกใหญ่ เธอมองแผ่นหลังกว้างของมาร์คัสที่เดินนำลิ่วไปข้างหน้า หัวใจเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่นปนสับสน เขาทำเช่นนี้เพื่อปกป้องเธอ หรือเพียงเพราะศักดิ์ศรีของเขา...มาร์คัสยังคงไม่หยุด เขาก้มหน้าลงดูดดุนติ่งเสียวของเธออย่างไม่ลดละ ราวกับกำลังลิ้มรสของหวานที่ถูกใจ ร่างกายของอันนาบิดเร่าไปมาด้วยความทรมานปนสุข เธอเกร็งไปทั้งตัว มือทั้งสองข้างจิกผ้าปูที่นอนแน่นในที่สุด เมื่อความเสียวซ่านมาถึงขีดสุด ร่างกายของอันนาก็กระตุกเกร็งเกร็งไปทั้งตัวก่อนจะปลดปล่อยธารน้ำหวานออกมาเลอะหน้าของมาร์คัส ราวกับเป็นการบ่งบอกถึงจุดสูงสุดของความต้องการมาร์คัสเงยหน้าขึ้นจากกลีบกุหลาบที่บอบช้ำ ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยธารน้ำหวานนั้น เขายกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองช้าๆ ดวงตาคมกริบจ้องมองอันนาที่นอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ยังไม่มอดดับ"หวาน..." มาร์คัสเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขาลุกโชนกว่าที่เคย "เธอทำให้ฉัคลั่ง อันนา"มาร์คัสไม่รอให้อันนาได้พักหายใจ เขาประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ดูดกลืนทุกเสียงครวญครางและหอบหายใจของเธอ ความดิบเถื่อนและความเร่าร้อนของเขาไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย มือหนาข้างหนึ่งรวบร่างบอบบางของเธอให้แนบชิดกับกายแกร่ง อีกข้างหนึ่งจับเรียวขาของเธอให้ยกพาดบ่าอย่างไม่รีบร้อน"อื้อออ...!" อันนา
ผ้าถูกถอดทิ้งกรองลงบนพื้นเหลือเพียงกางเกงที่สวมใส่หน้าอกอวบอิ่มดูเย้ายวนเหมือนเชื้อเชิญให้มาร์คัสมาสัมผัสและเชยชมแอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบกระทบกายของอันนา แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเย็นตามอุณหภูมิห้องเลยความเร่าร้อนที่ได้รับมาจากผู้ชายตรงหน้าทำให้อันนาล่องลอยเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยตัววนอยู่ในท้องมันทั้งสุขและเสียวในเวลาเดียวกันเหมือนมีไฟฟ้าโลดแล่นช็อตแปล๊บ ๆ ภายในร่างกายที่ร้อนระอุ อันนาทั้งกลัวและอยากจะหนีไปแต่แรงอารมณ์ของอันนาที่ถูกถ่ายทอดมานั้นมันทำให้เธอตกเป็นทาสของมาร์คัสในเวลานี้"ฮืม ...เด็กดี ..หวาน" มาร์คัสพูดเสียงเบาๆเอยชมอันนามันทำให้อันนารู้สึกเขินจนหน้าร้อนผ่าว"พอแล้วได้ไหมคะ..อ้าส์" อันนาที่เสียวกระสันจนครางส่งเสียงเย้ายวนออกมา ปากบอกให้พอ แต่พอโดนมาร์คัสหยอกเย้ายอดประทุมเธอก็แอ่นอกให้เขาอย่างเต็มใจร่างกายกับปากของเธอมันช่างตรงข้ามกันทุกระเบียบนิ้ว"หึ!" มาร์คัสเปล่งเสียงเย้ยหยันในลำคอออกมา เขาถูกอกถูกใจที่อันนาผู้หญิงที่เขาเลือกตอบสนองไวต่อความต้องการของเขา"เธอนี่มันร่าน! ฮืม..." สองมือหนาลูบไล้ผิวขาวเนียน จากสันหลังลงมาที่เอวคอดแล้วเลื่อนมาที่สะโพกงอน มาร์คัสบีบเค้นจนขึ้นเ
หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยมาคัสก็บอกให้อันนาเดินตามเขาไปที่ห้องทำงานคำพูดที่แสนเย็นชาการกระทำที่หยาบกระด้างเหมือนกับหินทุบลงพื้นมันทำให้อันนารู้สึกเกรงกลัวมาขัดขึ้นทุกวัน"ค่ะคุณมาร์คัส มีอะไรหรือเปล่าคะ" อันนารวบรวมความกล้าหลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ถามมาคัดออกไปตรงๆ"เซ็นซะ เอกสารที่เธอควรต้องเซ็น"มาร์คัสไม่อธิบายอะไรให้กับอันนาฟันแต่บอกให้อันนาเซ็นเอกสารที่อยู่ตรงหน้าของเธออันนาหยิบเอกสารขึ้นมาตั้งใจจะอ่านให้จบแต่มาร์คัสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า "ไม่ต้องอ่านหรอก เอกสารเซ็นหนังสือสมรสของเราสองคน..!" มาร์คัสที่พูดจาเย็นชาไม่ได้สนใจอาการสีหน้าตกใจของอันนาเลย"แต่ว่าอันนายังไม่ได้ตกลงนะคะ" อันนาหันมาพูดกับมาร์คัสเพราะเธอรู้สึกไม่เป็นธรรมเหมือนโดนมัดมือชก"ไม่จำเป็นต้องตกลง เพราะชีวิตของเธอเป็นของฉัน ทุกตารางนิ้วในร่างกายเธอตอนนี้เป็นของฉัน!" อันนาเธอรู้สึกมือเหงื่อออกจนชุ่มทั้งตื่นเต้นทั้งโมโหอยากจะเอามือไปข่วนหน้าคนที่เย็นชายังมาร์คัดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย"ลงชื่อของเธอลงในหนังสือสัญญาสมรสนี้ให้เรียบร้อยแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"มาร์คัสไม่ได้อธิบายอะไรทั้งสิ้น คำว่าดีขึ้นดี
อันนาที่แบกเรื่องหนักมามากมายหลังจากผ่านงานที่ไปกับมาร์คัส เธอหลับจนไม่ได้สติจวบจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ดวงตาที่หนักอึ้งของเธอค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยเสียงแอร์มอนิเตอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบแต่ทำไมร่างกายของเธอกลับรู้สึกอบอุ่นอันนาลืมตาขึ้น พร้อมกับมองเห็นฝ้าเพดานที่ขาวสะอาดตา และมันไม่ใช่ห้องที่เธอเคยอยู่มันคือห้องที่เธอเสียตัวเป็นคืนแรก อันนาตกใจจนเบิกตากว้างพยายามรวบรวมสติแต่เธอกลับรู้สึกหนักอึ้งบริเวณเอวของเธอมีมือหนากอดรัดเอาไว้อันนาพลิกไปมองใบหน้าที่คมเข้มดูดีและหล่อเหลา แม้ในเวลาที่หลับสนิทก็ยังดูหน้าหลงไหล อันนาจ้องหน้าของมาร์คัสเหมือนกับต้องมนต์สะกดอีกครั้งอันนาพยายามจะขยับออกหนีอย่างเงียบๆเพื่อกลับไปที่ห้องของเธอแต่เธอยิ่งขยับมาร์คัสก็จะขยับและกอดเธอแน่นขึ้น และเธอลองขยับอีกครั้ง มาคัสก็ยิ่งกอดเอวของเธอแน่นเข้าไปอีกอันนาจ้องไปที่หน้าของคนที่กำลังนอนหลับสนิทเธอพลันคิดว่ามาคัสหลับจริงๆหรือเปล่าและดวงตาคมกริบของมาร์คัสก็ลืมขึ้นแล้วจ้องไปที่ดวงตาของอันนาเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน"ตื่นแล้วหรอ" มาร์คัสถามอันนาด้วยถ้อยคำที่ดูอ่อนโยนขึ้นกว่าสองวันแรก"อันนารู้สึกตกใจที่เห็นมาร์คัส
มาร์คัสยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีย์ ที่จ้องมองเดวิดนั้นดำมืดและลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไป รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าที่แฝงด้วยอันตรายถึงขีดสุด เขาไม่ได้โกรธเกรี้ยว หรือตวาดก้อง แต่ความเงียบของเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงใด ๆเดวิดที่เห็นปฏิกิริยาของมาร์คัสกลับยิ่งได้ใจ เขาคิดว่าตนเองกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ และต้องการจะตอกย้ำชัยชนะของตนเอง"ทำไมเงียบไปล่ะครับคุณมาร์คัส หรือว่าเรื่องจริงมันน่าอายเกินไปที่จะยอมรับ" เดวิดพูดยิ้มๆ "ผู้หญิงของผมคงไม่มีประวัติฉาวโฉ่แบบนี้หรอกครับ...ผมเลือก.."พลั่ก!ยังไม่ทันที่เดวิดจะพูดจบ ร่างของเขาก็ล้มกระเด็นลงไปกองกับพื้นอย่างแรง เสียงของเนื้อที่ปะทะกับกำปั้นดังสนั่นไปทั่วห้อง มาร์คัสเป็นคนต่อยเขา!จนเลือดกลบปากและฟันหักไปหนึ่งซีกทุกคนในงานถึงกับผวาถอยหลังไปคนละก้าว ไม่มีใครคาดคิดว่ามาร์คัสจะระเบิดอารมณ์ออกมากลางงานเลี้ยงสำคัญแบบนี้ มาร์คัสเดินเข้าไปหาเดวิดที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างช้าๆ แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
คำประกาศของมาร์คัสกลางงานเลี้ยงทำให้บรรยากาศรอบตัวอันนาหนาวเย็นยะเยือก แววตาของคลอเดียแข็งกร้าวขึ้นทันที ความไม่พอใจและริษยาฉายชัดในดวงตาคู่นั้น เธอมองอันนาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมินค่า ก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน"ผู้หญิงคนใหม่เหรอคะมาร์คัส?" คลอเดียพูดด้วยน้ำเสียงยียวน "คลอเดียไม่เห็นจะเคยเจอที่ไหนมาก่อนเลยนี่คะ หรือว่ามาร์คัสแอบเก็บไว้เงียบๆ แล้วเพิ่งจะเอาออกมาโชว์วันนี้เป็นวันแรก?" เธอเน้นคำว่า "เก็บไว้" และ "โชว์" อย่างจงใจ ราวกับจะตอกย้ำสถานะของอันนาว่าเป็นเพียงสิ่งของที่ผู้ชายอยากมาร์คัสเก็บเอาไว้ในตู้โชว์วันนี้ก็แค่งัดขึ้นมาเพื่อปัดฝุ่นมาร์คัสไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่จ้องมองคลอเดียด้วยสายตาเย็นชา ทำให้คลอเดียต้องสงบปากสงบคำลงเล็กน้อย เธอกำลังทำผิดกฎของฉันนะคอลเดียมาร์คัสตอบเสียงเรียบนิ่งและยังคงเย็นชากับคลอเดียราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน"โถ่มาร์คัสคะ อย่าเย็นชากับคลอเดียนักเลยคลอเดียคิดถึงมาร์คัสนะคะ แล้วนี่เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ" คลอเดียหันหน้าเอียงคอมองไปที่อันนาที่ยืนอยู่ข้างผู้ชายของเธอ คลอเดียไม่ยอมที่จะเสียแหล่งเงินแหล่งทองของเธอ ให้กับผู้หญ