มาร์คัสขึ้นมานั่งบนรถหรูโดยมีอันนานั่งอยู่ข้างกายเสียงเงียบอึมครึมมันทำให้รู้สึกอึดอัดไปหมดอันนาพยายามตั้งสติเธอไม่รู้จะพูดอะไรกับมาคัสจนกระทั่ง
"เธอชอบมันใช่ไหม.?" มาร์คัสเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ "ชอบ..?" อันนาไม่เข้าใจกับคำถามที่มาร์คัสกำลังพยายามสื่อกับเธอ "ไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ฉันรู้ว่าเธอชอบไอ้เดวิดนั้นใช่ไหม ปล่อยให้มันสัมผัสมือทำไม" ไฟพายุโหมกระหน่ำลูกที่สองกำลังเกิดขึ้นแต่รูปนี้เหมือนพายุทอร์นาโดที่จะทำลายอันนาให้ย่อยยับลงตรงหน้า "อันนาเปล่านะคะคุณมาร์คัสก็เห็น..!" อันนาหันมาปฏิเสธเสียงแข็งเพราะเธอไม่ได้ทำอะไรเลยการที่มาวันนี้เพราะมาร์คัสบังคับให้เธอมาเธอก็มาโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องเลย "ฉันต้องฉีกสัญญามูลค่าหลายพันล้านเพราะใครล่ะ ที่ทำให้ฉันหัวเสีย" มาร์คัสหันมาพูดตะคอกเสียงดังใส่อันนาเขาตอนนั้นหัวเสียเป็นอย่างมากเพราะรู้สึกว่ากำลังโดนหมิ่นศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย "อันนาไม่รู้ค่ะ คุณจะให้อันนาทำยังไงคุณเป็นคนฉีกสัญญาเองนะคะ" อันนาหันมาเถียงอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวแล้วเพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ชายที่เอาแต่ใจตรงหน้า "ดีปากเก่งดีนัก" มาร์คัสเอื้อมมือไปบีบปลายคางของอันนาบังคับให้อันนาหันเงยหน้าขึ้นมองเขาและสบตาของเขา ที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธที่แทบจะปะทุออกมายิ่งกว่าระเบิดภูเขาไฟ "จำไว้นะอันนา ทุกตารางนิ้วบนร่างกายของเธอเป็นของฉัน อย่าให้ใครใช้สายตาแบบนั้นมองเธออีก อย่าให้ใครคิดจะมาพรากเธอไปจากฉัน เธอเป็นของของฉันจำเอาไว้.!" มาร์คัสพูดกับอันนาพร้อมกับบีบไปที่ปลายคางมน "ปล่อยอันนานะคะ อันนาเจ็บ!" อันนาใช้มือทุบตีไปที่หน้าอกหนาพยายามแกะมือที่แข็งราวกับคีมเหล็ก "ถ้าไม่อยากเจ็บแบบนี้อีก ก็จำเอาไว้คนอย่างเธอ มีค่าให้ฉันแค่ขัดดอกแทนพ่อของเธอมาร์คัสสะบัดมือออกจากใบหน้าเล็กหน้าของ" อันนาแดงเถือกด้วยแรงรอยบีบ อันนานั่งชิดขอบหน้าต่างรถมองออกไปที่วิวทิวทัศน์ด้านนอกด้วยใจที่เหม่อลอยเธอไม่รู้ว่าเธอจะต้องจมปลักอยู่กับสถานการณ์นี้อีกนานแค่ไหนแล้วนี่มหาศาลท่วมหัวที่พ่อเธอสร้างไว้มันจะหมดลงเมื่อไหร่หัวใจของเธอมันหนักอึ้งจนอยากจะหายไปจากโลกนี้ อยู่ดี ๆ รถหรูก็จอดลงตรงบริเวณคาเฟ่เล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งประดับประดาไปด้วยดวงไฟเป็นคาเฟ่ที่มีร้านขนมหวานและร้านอาหารในตัวแต่วันนี้กลับไม่มีผู้คนอันนาเพ่งมองออกไปจากรถหรูมีเพียงรถของมาร์คัสคนเดียวเท่านั้นที่จอดอยู่ "จะมองอีกนานไหมลงมาสิมาร์คัสพูดเสียงเรียบนิ่งขณะที่เห็นว่าอันนาจ้องมองที่คาเฟ่ตาไม่กระพริบ บอดี้การ์ดที่ตามมาทางด้านหลังรีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้กับมาร์คัสและอันนาอันนาก้าวขาเรียวเล็กลงไปเหยียบที่พื้นบอดี้การ์ดทุกคนโค้งคำนับและยืนเข้าแถวเพื่อให้มาร์คัสและอันนาเดินเข้าไปในคาเฟ่ "ยินดีต้อนรับค่ะนายท่าน" เสียงพนักงานนับสิบชีวิตทักทายมาที่มาร์ทัสอย่างเป็นกันเอง มาร์คัสพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปที่ห้องอาหารที่มีบริการเดินนำไปอยู่บรรยากาศวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืน แสงไฟประดับประดา แต่กลับมองแล้วอ้างว้างมันทำให้อันนาเหงาสุดหัวใจเธอคิดว่าบนโลกนี้น่าจะเหลือเพียงแค่เธอคนเดียวที่ยังไม่เคยสัมผัสความสุขของชีวิตอันนาเดินตามมาคัดไปอย่างไม่เต็มใจนัก "เชิญครับนายท่าน ผมเตรียมทุกอย่างตามที่นายท่านสั่งเรียบร้อยครับ" บริกรที่ผายมือให้มาค้าเดินตรงไปที่โต๊ะดินเนอร์สุดหรูที่เขาได้สั่งเตรียมเอาไว้เพื่อจะมาทานข้าวเย็นกับอันนา "เออให้อันนายืนรอตรงนี้ไหมคะ" อันนาที่ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเข้าไปในห้องเพราะเธอเห็นว่ามันหรูหราเกินกว่าที่จะเป็นที่ของเธอ มาร์คัสที่หยุดเดินแล้วหันมามองหน้าอันนาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเชิงเป็นสัญลักษณ์ว่าเขาไม่ได้ให้อันนาถามหรือออกความคิดเห็นก็ไม่ควรต้องออก "ทำไมเธอต้องรอข้างนอก ในเมื่อฉันให้เธอมากับฉัน" มาร์คัสพูดเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยพลังงานอำมหิตที่อยากจะหลอมละลายร่างบางของอันนาให้กองอยู่ตรงหน้า อันนาไม่รู้จะพูดอะไรเธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาเพราะเธอคิดแล้วว่าต่อให้พูดอะไรมันก็คงไม่ได้ทะลุเข้าไปในจิตใจของคนหยาบกระด้างอย่างมาร์คัส จะยืนบื้ออีกนานไหม..! หรือจะต้องให้ฉันปูพรมแดงให้เธอเดินเข้ามา" มาร์คัสยังคงยืนคอยอันนาให้เดินตามเขาเข้ามาในห้องอาหาร เขารู้สึกอารมณ์เสียที่เห็นอันนาทำหน้าตาบูดบึ้งตลอดเวลา ทีตอนอยู่กับไอ้เดวิดส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปให้แต่อยู่กับเขาทำเหมือนจะเป็นจะตาย สองเท้าเล็กของอันนาเดินก้าวย่างเข้าไปในห้องอาหารสุดหรู ถูกตกแต่งด้วยแชงเดอเรียประดับประดาด้วยคริสตัล และดอกไม้นานาพันธุ์ที่ถูกจัดวางไว้อย่างดี อันนาเกิดมาก็ยังไม่เคยเข้าร้านที่หรูหราขนาดนี้แค่เธอสัมผัสกับบรรยากาศเธอก็รู้สึกว่าเหมือนความฝันเกินกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้ มาร์คัสที่เห็นท่าทางอิดออดยิ่งทำให้เขาไม่สบอารมณ์เดินกลับย้อนออกมาแล้วจูงมืออันนาลากเข้าไป "คุณมาร์คัส.!" อันนาตกใจพูดเสียงดังขึ้นมาทันทีและสะบัดมือของเธอออกจากมือหนาของมาร์คัส "ทำไม..! อยู่กับฉันเนี่ย มันจะเป็นจะตายนักหรือไง.! ที่อยู่กับไอ้เดวิดเห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งยิ้มให้มันจังเลย ทำหน้าให้มันเหมือนกับตอนที่ส่งยิ้มให้ไอ้เดวิดหน่อย" มาร์คัสยังใช้คำพูดเสียดแทงจิตใจของอันนา เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่เขารู้ว่าตอนนี้อันนาคือสมบัติที่เขายังไม่เบื่อ และเป็นผู้หญิงที่เขายังต้องการเล่นสนุก ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องสมบัติของเขาทั้งนั้น พอมาถึงโต๊ะอาหาร มาร์คัสนั่งลงที่โต๊ะ แต่.!อันนาที่ยืนจ้องไปที่โต๊ะอาหารอยู่ก็ทำตัวไม่ถูก เธอไม่กล้าแม้แต่จะเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่ง เพราะทุกอย่างมันดูหรูหราจนกลัวว่าจะทำข้าวของเสียหายเธอคิดว่าคงไม่มีปัญญาชดใช้ "รอบนี้อะไรอีกล่ะ จะกินข้าวหรือจะกินอย่างอื่น..?" มาร์คัสเงยหน้าขึ้นมองอันนาสายตาที่คมกริบเหมือนใบมีด ขยับเขยื้อนขึ้นลงเล็กน้อย เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะทานอาหารอย่างเป็นจังหวะ แล้วเงยหน้าขึ้นมองอันนาอีกครั้งด้วยความไม่พอใจ อันนาที่ได้ยินคำพูดที่ดูเป็นภัยอันตรายกับตัวเธอเอง ในขณะนั้นอันนาไม่คิดอะไรอีกแล้วนอกจากรีบดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงอย่างเรียบร้อย "ฮึ.!" เสียงในลำคอทุ้มต่ำของมาร์คัสบ่งบอกถึงความพึงพอใจที่อันนายังรู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ อาหารสุดหรูเริ่มนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะใต้แสงเทียน แสงเทียนส่องกระทบใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของมาร์คัส อันนาที่เงยหน้ามองอย่างบังเอิญและในจังหวะนั้น ราวกับเธอต้องมนต์สะกดจากรูปปั้นที่พระเจ้าสรรสร้าง อันนาเผลอจ้องใบหน้าที่หน้าหลงไหลนี้ เธอเริ่มพิจารณารูปลักษณ์ที่ดู โหด ดิบเถื่อน แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนมาร์คัสเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนไม่เคยปฏิเสธที่จะขึ้นเตียงกับเขา "มองอะไร! หรือเมื่อคืนไม่อิ่ม?" มาร์คัสที่รู้สึกได้ว่ามีคนแอบมองเขาอยู่ จึงได้จับผิดคนตรงหน้า มาร์คัสนึกสนุกอยากจะแกล้งอันนาขึ้นมา "เปล่าซักหน่อยค่ะ!" อันนาปฏิเสธเสียงแข็งแล้วหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากคุยกับคนนิสัยเสียอย่างมาร์คัส "ยังจะปฏิเสธอีกหรอ ก็ฉันเห็นอยู่ว่าเธอมองหน้าฉัน"มาร์คัสทำเสียงเข้มขรึมทั้งที่ในใจหัวเราะไปไม่รู้กี่รอบแล้วที่เห็นว่านกน้อยในกรงทองสันเทิ้มทุกครั้งที่พูดกับเขา ตอนนี้มาร์คัสกลับรู้สึกอารมณ์ ดีที่เห็นสายตาคู่นั้นจ้องมองมาที่เขาเพียงผู้เดียว เขาไม่ต้องการให้สายตาคู่นั้นจ้องมองผู้ชายคนไหนอีก บรรยากาศทุกอย่างดูเป็นใจ แล้วเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี หากมองผิวเผินจากภายนอกอันนาและมาร์คัสเหมือนคู่รักที่เพิ่งคบกันใหม่ ๆ แต่ใครจะรู้ว่านั่นคือเจ้าหนี้กับลูกหนี้อันนาจะต้องทำยังไงกับชีวิตในกรงทองนี้ต่อไปดี.....มาร์คัสยังคงไม่หยุด เขาก้มหน้าลงดูดดุนติ่งเสียวของเธออย่างไม่ลดละ ราวกับกำลังลิ้มรสของหวานที่ถูกใจ ร่างกายของอันนาบิดเร่าไปมาด้วยความทรมานปนสุข เธอเกร็งไปทั้งตัว มือทั้งสองข้างจิกผ้าปูที่นอนแน่นในที่สุด เมื่อความเสียวซ่านมาถึงขีดสุด ร่างกายของอันนาก็กระตุกเกร็งเกร็งไปทั้งตัวก่อนจะปลดปล่อยธารน้ำหวานออกมาเลอะหน้าของมาร์คัส ราวกับเป็นการบ่งบอกถึงจุดสูงสุดของความต้องการมาร์คัสเงยหน้าขึ้นจากกลีบกุหลาบที่บอบช้ำ ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยธารน้ำหวานนั้น เขายกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองช้าๆ ดวงตาคมกริบจ้องมองอันนาที่นอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ยังไม่มอดดับ"หวาน..." มาร์คัสเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขาลุกโชนกว่าที่เคย "เธอทำให้ฉัคลั่ง อันนา"มาร์คัสไม่รอให้อันนาได้พักหายใจ เขาประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ดูดกลืนทุกเสียงครวญครางและหอบหายใจของเธอ ความดิบเถื่อนและความเร่าร้อนของเขาไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย มือหนาข้างหนึ่งรวบร่างบอบบางของเธอให้แนบชิดกับกายแกร่ง อีกข้างหนึ่งจับเรียวขาของเธอให้ยกพาดบ่าอย่างไม่รีบร้อน"อื้อออ...!" อันนา
ผ้าถูกถอดทิ้งกรองลงบนพื้นเหลือเพียงกางเกงที่สวมใส่หน้าอกอวบอิ่มดูเย้ายวนเหมือนเชื้อเชิญให้มาร์คัสมาสัมผัสและเชยชมแอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบกระทบกายของอันนา แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเย็นตามอุณหภูมิห้องเลยความเร่าร้อนที่ได้รับมาจากผู้ชายตรงหน้าทำให้อันนาล่องลอยเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยตัววนอยู่ในท้องมันทั้งสุขและเสียวในเวลาเดียวกันเหมือนมีไฟฟ้าโลดแล่นช็อตแปล๊บ ๆ ภายในร่างกายที่ร้อนระอุ อันนาทั้งกลัวและอยากจะหนีไปแต่แรงอารมณ์ของอันนาที่ถูกถ่ายทอดมานั้นมันทำให้เธอตกเป็นทาสของมาร์คัสในเวลานี้"ฮืม ...เด็กดี ..หวาน" มาร์คัสพูดเสียงเบาๆเอยชมอันนามันทำให้อันนารู้สึกเขินจนหน้าร้อนผ่าว"พอแล้วได้ไหมคะ..อ้าส์" อันนาที่เสียวกระสันจนครางส่งเสียงเย้ายวนออกมา ปากบอกให้พอ แต่พอโดนมาร์คัสหยอกเย้ายอดประทุมเธอก็แอ่นอกให้เขาอย่างเต็มใจร่างกายกับปากของเธอมันช่างตรงข้ามกันทุกระเบียบนิ้ว"หึ!" มาร์คัสเปล่งเสียงเย้ยหยันในลำคอออกมา เขาถูกอกถูกใจที่อันนาผู้หญิงที่เขาเลือกตอบสนองไวต่อความต้องการของเขา"เธอนี่มันร่าน! ฮืม..." สองมือหนาลูบไล้ผิวขาวเนียน จากสันหลังลงมาที่เอวคอดแล้วเลื่อนมาที่สะโพกงอน มาร์คัสบีบเค้นจนขึ้นเ
หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยมาคัสก็บอกให้อันนาเดินตามเขาไปที่ห้องทำงานคำพูดที่แสนเย็นชาการกระทำที่หยาบกระด้างเหมือนกับหินทุบลงพื้นมันทำให้อันนารู้สึกเกรงกลัวมาขัดขึ้นทุกวัน"ค่ะคุณมาร์คัส มีอะไรหรือเปล่าคะ" อันนารวบรวมความกล้าหลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ถามมาคัดออกไปตรงๆ"เซ็นซะ เอกสารที่เธอควรต้องเซ็น"มาร์คัสไม่อธิบายอะไรให้กับอันนาฟันแต่บอกให้อันนาเซ็นเอกสารที่อยู่ตรงหน้าของเธออันนาหยิบเอกสารขึ้นมาตั้งใจจะอ่านให้จบแต่มาร์คัสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า "ไม่ต้องอ่านหรอก เอกสารเซ็นหนังสือสมรสของเราสองคน..!" มาร์คัสที่พูดจาเย็นชาไม่ได้สนใจอาการสีหน้าตกใจของอันนาเลย"แต่ว่าอันนายังไม่ได้ตกลงนะคะ" อันนาหันมาพูดกับมาร์คัสเพราะเธอรู้สึกไม่เป็นธรรมเหมือนโดนมัดมือชก"ไม่จำเป็นต้องตกลง เพราะชีวิตของเธอเป็นของฉัน ทุกตารางนิ้วในร่างกายเธอตอนนี้เป็นของฉัน!" อันนาเธอรู้สึกมือเหงื่อออกจนชุ่มทั้งตื่นเต้นทั้งโมโหอยากจะเอามือไปข่วนหน้าคนที่เย็นชายังมาร์คัดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย"ลงชื่อของเธอลงในหนังสือสัญญาสมรสนี้ให้เรียบร้อยแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"มาร์คัสไม่ได้อธิบายอะไรทั้งสิ้น คำว่าดีขึ้นดี
อันนาที่แบกเรื่องหนักมามากมายหลังจากผ่านงานที่ไปกับมาร์คัส เธอหลับจนไม่ได้สติจวบจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ดวงตาที่หนักอึ้งของเธอค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยเสียงแอร์มอนิเตอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบแต่ทำไมร่างกายของเธอกลับรู้สึกอบอุ่นอันนาลืมตาขึ้น พร้อมกับมองเห็นฝ้าเพดานที่ขาวสะอาดตา และมันไม่ใช่ห้องที่เธอเคยอยู่มันคือห้องที่เธอเสียตัวเป็นคืนแรก อันนาตกใจจนเบิกตากว้างพยายามรวบรวมสติแต่เธอกลับรู้สึกหนักอึ้งบริเวณเอวของเธอมีมือหนากอดรัดเอาไว้อันนาพลิกไปมองใบหน้าที่คมเข้มดูดีและหล่อเหลา แม้ในเวลาที่หลับสนิทก็ยังดูหน้าหลงไหล อันนาจ้องหน้าของมาร์คัสเหมือนกับต้องมนต์สะกดอีกครั้งอันนาพยายามจะขยับออกหนีอย่างเงียบๆเพื่อกลับไปที่ห้องของเธอแต่เธอยิ่งขยับมาร์คัสก็จะขยับและกอดเธอแน่นขึ้น และเธอลองขยับอีกครั้ง มาคัสก็ยิ่งกอดเอวของเธอแน่นเข้าไปอีกอันนาจ้องไปที่หน้าของคนที่กำลังนอนหลับสนิทเธอพลันคิดว่ามาคัสหลับจริงๆหรือเปล่าและดวงตาคมกริบของมาร์คัสก็ลืมขึ้นแล้วจ้องไปที่ดวงตาของอันนาเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน"ตื่นแล้วหรอ" มาร์คัสถามอันนาด้วยถ้อยคำที่ดูอ่อนโยนขึ้นกว่าสองวันแรก"อันนารู้สึกตกใจที่เห็นมาร์คัส
มาร์คัสยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีย์ ที่จ้องมองเดวิดนั้นดำมืดและลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไป รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าที่แฝงด้วยอันตรายถึงขีดสุด เขาไม่ได้โกรธเกรี้ยว หรือตวาดก้อง แต่ความเงียบของเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงใด ๆเดวิดที่เห็นปฏิกิริยาของมาร์คัสกลับยิ่งได้ใจ เขาคิดว่าตนเองกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ และต้องการจะตอกย้ำชัยชนะของตนเอง"ทำไมเงียบไปล่ะครับคุณมาร์คัส หรือว่าเรื่องจริงมันน่าอายเกินไปที่จะยอมรับ" เดวิดพูดยิ้มๆ "ผู้หญิงของผมคงไม่มีประวัติฉาวโฉ่แบบนี้หรอกครับ...ผมเลือก.."พลั่ก!ยังไม่ทันที่เดวิดจะพูดจบ ร่างของเขาก็ล้มกระเด็นลงไปกองกับพื้นอย่างแรง เสียงของเนื้อที่ปะทะกับกำปั้นดังสนั่นไปทั่วห้อง มาร์คัสเป็นคนต่อยเขา!จนเลือดกลบปากและฟันหักไปหนึ่งซีกทุกคนในงานถึงกับผวาถอยหลังไปคนละก้าว ไม่มีใครคาดคิดว่ามาร์คัสจะระเบิดอารมณ์ออกมากลางงานเลี้ยงสำคัญแบบนี้ มาร์คัสเดินเข้าไปหาเดวิดที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างช้าๆ แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
คำประกาศของมาร์คัสกลางงานเลี้ยงทำให้บรรยากาศรอบตัวอันนาหนาวเย็นยะเยือก แววตาของคลอเดียแข็งกร้าวขึ้นทันที ความไม่พอใจและริษยาฉายชัดในดวงตาคู่นั้น เธอมองอันนาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมินค่า ก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน"ผู้หญิงคนใหม่เหรอคะมาร์คัส?" คลอเดียพูดด้วยน้ำเสียงยียวน "คลอเดียไม่เห็นจะเคยเจอที่ไหนมาก่อนเลยนี่คะ หรือว่ามาร์คัสแอบเก็บไว้เงียบๆ แล้วเพิ่งจะเอาออกมาโชว์วันนี้เป็นวันแรก?" เธอเน้นคำว่า "เก็บไว้" และ "โชว์" อย่างจงใจ ราวกับจะตอกย้ำสถานะของอันนาว่าเป็นเพียงสิ่งของที่ผู้ชายอยากมาร์คัสเก็บเอาไว้ในตู้โชว์วันนี้ก็แค่งัดขึ้นมาเพื่อปัดฝุ่นมาร์คัสไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่จ้องมองคลอเดียด้วยสายตาเย็นชา ทำให้คลอเดียต้องสงบปากสงบคำลงเล็กน้อย เธอกำลังทำผิดกฎของฉันนะคอลเดียมาร์คัสตอบเสียงเรียบนิ่งและยังคงเย็นชากับคลอเดียราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน"โถ่มาร์คัสคะ อย่าเย็นชากับคลอเดียนักเลยคลอเดียคิดถึงมาร์คัสนะคะ แล้วนี่เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ" คลอเดียหันหน้าเอียงคอมองไปที่อันนาที่ยืนอยู่ข้างผู้ชายของเธอ คลอเดียไม่ยอมที่จะเสียแหล่งเงินแหล่งทองของเธอ ให้กับผู้หญ