อันนาเดินตามมาร์คัสเข้าไปในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราและทันสมัย ผู้คนในห้องต่างหันมามองที่ประตูเมื่อมาร์คัสก้าวเข้ามา
ทุกสายตาเต็มไปด้วยความเคารพและเกรงขาม แต่เมื่อเห็นอันนาที่เดินตามมาข้างหลัง สายตาเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นความสงสัยและประหลาดใจ อันนาอยู่ในชุดเดรสสีขาวที่ป้าสมศรีเตรียมไว้ให้ แม้จะเป็นชุดที่เรียบง่าย แต่ก็ขับเน้นความบริสุทธิ์และสง่างามของเธอได้อย่างลงตัว ผมยาวสลวยถูกปล่อยยาวสยายรับกับใบหน้าหวาน ดวงตาที่ยังคงมีร่องรอยความเศร้าเล็กน้อยกลับยิ่งเพิ่มเสน่ห์อันน่าค้นหาให้กับเธอ มาร์คัสเดินนำอันนาไปยังที่นั่งที่จัดเตรียมไว้ให้ อันนาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขาอย่างเงียบเชียบ พยายามทำตัวให้เป็นส่วนหนึ่งของเฟอร์นิเจอร์ ไม่ให้เป็นที่สังเกตมากเกินไป "เธอฝึกจดรายละเอียดทั้งหมดในการประชุมวันนี้ แล้วกลับไปสรุปให้ฉันฟังที่บ้าน"มาร์คัส กำลังจะสอนให้อันนาทำงานแบบฉบับที่เป็นผู้ช่วยของเขาแทนบอดี้การ์ดของเขาที่ต้องไปทำงานอย่างอื่นแทน "ได้ค่ะคุณมาร์คัส" อันนารับปากอย่างขยันขันแข็งเธอเองก็อยากจะรีบใช้หนี้ให้มาร์คัสให้หมด การประชุมดำเนินไปอย่างเคร่งเครียดและจริงจัง มาร์คัสยังคงแสดงบทบาทของนักธุรกิจผู้ทรงอำนาจ เขาพูดคุยเจรจากับคู่ค้าด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและหนักแน่น ทุกคำพูดของเขามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ "อันนาเธอเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผม ต่อไปนี้อันนาจะมาทำงานกับผมในทุกๆงาน" แม้จะไม่ได้เปิดตัวอันนาแบบเป็นทางการแต่ก็ได้แสดงว่าอันนาคือคนในเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ของเขา อันนาโค้งคำนับหัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทายผู้อาวุโสในการประชุมเธอรู้สึกประหลาดใจที่อยู่ดี ๆ มาร์คัสก็ลากเธอมาเป็นผู้ช่วยและแนะนำเธออย่างเป็นทางการ "สวัสดีค่ะดิฉันชื่ออันนาค่ะฝากเนื้อฝากตัวกับทุกท่านด้วยนะคะ" อันนาส่งยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ทุกคนจะต้องตกหลุมรักในความเป็นอันนาแต่มีเพียงคนเดียวที่ทำใบหน้าบูดบึ้งนั่นก็คือมาร์คัส "งั้นเราก็เข้าวาระการประชุมกันต่อเลยแล้วกันนะ" มาร์คัสพูดตัดบทให้ทุกคนหันมาสนใจที่เขาดั่งเดิมเพราะเขาไม่อยากให้อันนาต้องไปถูกตาต้องใจนักธุรกิจพวกนั้น แต่ในระหว่างการประชุม อันนาก็สัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมาที่เธออย่างไม่ลดละ เธอเหลือบมองไปทางต้นเสียง และก็ได้พบกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าของเขาดูมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับมาร์คัส หรืออาจจะแก่กว่าเล็กน้อย แต่ยังคงความหล่อเหลาและภูมิฐานในแบบของคนมีอำนาจ เขาคือ คุณเดวิด ลี คู่ค้าคนสำคัญของมาร์คัส ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อเซ็นสัญญาธุรกิจครั้งใหญ่ ดวงตาของเขาเป็นประกายระยับเมื่อมองมาที่อันนา ราวกับกำลังค้นพบสมบัติล้ำค่า เมื่อการประชุมดำเนินมาถึงช่วงพัก คุณเดวิดก็ลุกขึ้นยืนและเดินตรงมาที่โต๊ะของมาร์คัส เขาไม่ได้มองมาร์คัส แต่กลับส่งยิ้มอบอุ่นมาให้อันนา "สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมเดวิด ลี ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ" เขาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมกับยื่นมือออกมา อันนาลังเลเล็กน้อย เธอเหลือบมองมาร์คัสที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ อันนาจึงจำใจยื่นมือออกไปจับมือกับคุณเดวิดอย่างแผ่วเบา "สวัสดีค่ะ อันนาค่ะ" คุณเดวิดจับมือเธอค้างไว้นานกว่าปกติเล็กน้อย ก่อนจะคลายออก รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้า "ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณมาร์คัสจะมีผู้หญิงสวยงามเช่นคุณอยู่เคียงข้าง คุณอันนาเป็นผู้ช่วยที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา" เขาพูดพลางหันไปมองมาร์คัสด้วยสายตาที่ท้าทายเล็กน้อย อันนารู้สึกเคอะเขินเล็กน้อยแต่ก็ยังโค้งหัวและขอบคุณให้กับเดวิดด้วยมารยาททางสังคมเธอจึงส่งยิ้มกลับไปและกล่าวขอบคุณอย่างถ่อมตน " ขอบคุณนะคะคุณเดวิดคุณเดวิดก็ยังดูภูมิฐานมากเลยค่ะสาวๆเห็นก็คงต้องใจสั่นกันบ้างแหละ" อันนาพูดไปตามมารยาทเพื่อให้ทุกอย่างดูผ่อนคลาย "โอ้โหคุณอันนานี่ครบเครื่องมากเลยนะครับทั้งปากหวาน ทำงานเก่งสงสัยวันหลังผมคงต้องมาหาคุณอันนาเพื่อเรียนรู้งานอย่างอื่นบ้างแล้วล่ะ" ครับเดวิดลียังคงพูดไปในทางที่พยายามจะจีบอันนา "คงจะไม่มีประสบการณ์อะไรให้คุณเดวิดได้เรียนหรอกค่ะ อันนายังเรียนไม่จบเลยพอดีคุณมาร์คัสเขาเป็นผู้ใหญ่ใจดี อยากจะให้อันนาเรียนรู้งานก็เลยพามาด้วยค่ะ"อันนาตอบให้มาร์คัสในทางบวกและเธอก็ไม่อยากมีปัญหา มาร์คัสยังคงนั่งนิ่ง ใบหน้าของเขาเรียบเฉยจนยากจะคาดเดาความคิด แต่แววตาของเขากลับฉายแววเย็นชาและอันตรายเมื่อสบเข้ากับสายตาของคุณเดวิด "อันนาเป็นคนของผม" มาร์คัสพูดเสียงเรียบ แต่คำพูดนั้นกลับหนักแน่นและเต็มไปด้วยอำนาจ ราวกับจะประกาศกรรมสิทธิ์ คุณเดวิดหัวเราะเบาๆ "ผมทราบครับคุณมาร์คัส แต่ความงามเช่นนี้หายากนัก ผมรู้สึกถูกชะตาเป็นพิเศษ" เขาหันกลับมามองอันนาอีกครั้ง "ผมขอเรียนเชิญคุณอันนาไปทานมื้อค่ำเป็นการส่วนตัวสักมื้อได้ไหมครับ เพื่อเป็นการฉลองการเซ็นสัญญาของเรา"เดวิดที่ใจจดใจจ่ออยากฟังคำตอบจากอันนาโดยที่ไม่รู้ว่ามาร์คัสคือเจ้าชีวิตของอันนาในขณะนี้ คำขอของคุณเดวิดทำให้บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นมาทันที ทุกคนในห้องต่างเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียง มาร์คัสจ้องมองคุณเดวิดด้วยสายตาที่เย็นชาจนน่าขนลุก ราวกับจะแช่แข็งอีกฝ่ายให้เป็นน้ำแข็ง อันนาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เธอไม่คิดว่าคุณเดวิดจะกล้าท้าทายอำนาจของมาร์คัสได้ถึงขนาดนี้ เธอเหลือบมองมาร์คัสอย่างหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าเขาจะตอบโต้อย่างไร "คุณเดวิดคงลืมไปว่าอันนาเป็นใคร" มาร์คัสพูดเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยคำเตือน "และคงลืมไปว่าใครคือเจ้าของ" คุณเดวิดยังคงยิ้ม "ผมไม่เคยลืมครับคุณมาร์คัส แต่ผมเชื่อว่าทุกสิ่งในโลกนี้มีราคา และผมก็พร้อมที่จะจ่าย" เขาจงใจเน้นคำว่า "จ่าย" เพื่อยั่วโมโหมาร์คัส อันนารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกวางอยู่กลางสนามรบ เป็นหมากตัวหนึ่งในเกมอำนาจของผู้ชายสองคนนี้ เธอไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย...มาร์คัสยังคงไม่หยุด เขาก้มหน้าลงดูดดุนติ่งเสียวของเธออย่างไม่ลดละ ราวกับกำลังลิ้มรสของหวานที่ถูกใจ ร่างกายของอันนาบิดเร่าไปมาด้วยความทรมานปนสุข เธอเกร็งไปทั้งตัว มือทั้งสองข้างจิกผ้าปูที่นอนแน่นในที่สุด เมื่อความเสียวซ่านมาถึงขีดสุด ร่างกายของอันนาก็กระตุกเกร็งเกร็งไปทั้งตัวก่อนจะปลดปล่อยธารน้ำหวานออกมาเลอะหน้าของมาร์คัส ราวกับเป็นการบ่งบอกถึงจุดสูงสุดของความต้องการมาร์คัสเงยหน้าขึ้นจากกลีบกุหลาบที่บอบช้ำ ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยธารน้ำหวานนั้น เขายกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองช้าๆ ดวงตาคมกริบจ้องมองอันนาที่นอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ยังไม่มอดดับ"หวาน..." มาร์คัสเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขาลุกโชนกว่าที่เคย "เธอทำให้ฉัคลั่ง อันนา"มาร์คัสไม่รอให้อันนาได้พักหายใจ เขาประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ดูดกลืนทุกเสียงครวญครางและหอบหายใจของเธอ ความดิบเถื่อนและความเร่าร้อนของเขาไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย มือหนาข้างหนึ่งรวบร่างบอบบางของเธอให้แนบชิดกับกายแกร่ง อีกข้างหนึ่งจับเรียวขาของเธอให้ยกพาดบ่าอย่างไม่รีบร้อน"อื้อออ...!" อันนา
ผ้าถูกถอดทิ้งกรองลงบนพื้นเหลือเพียงกางเกงที่สวมใส่หน้าอกอวบอิ่มดูเย้ายวนเหมือนเชื้อเชิญให้มาร์คัสมาสัมผัสและเชยชมแอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบกระทบกายของอันนา แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเย็นตามอุณหภูมิห้องเลยความเร่าร้อนที่ได้รับมาจากผู้ชายตรงหน้าทำให้อันนาล่องลอยเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยตัววนอยู่ในท้องมันทั้งสุขและเสียวในเวลาเดียวกันเหมือนมีไฟฟ้าโลดแล่นช็อตแปล๊บ ๆ ภายในร่างกายที่ร้อนระอุ อันนาทั้งกลัวและอยากจะหนีไปแต่แรงอารมณ์ของอันนาที่ถูกถ่ายทอดมานั้นมันทำให้เธอตกเป็นทาสของมาร์คัสในเวลานี้"ฮืม ...เด็กดี ..หวาน" มาร์คัสพูดเสียงเบาๆเอยชมอันนามันทำให้อันนารู้สึกเขินจนหน้าร้อนผ่าว"พอแล้วได้ไหมคะ..อ้าส์" อันนาที่เสียวกระสันจนครางส่งเสียงเย้ายวนออกมา ปากบอกให้พอ แต่พอโดนมาร์คัสหยอกเย้ายอดประทุมเธอก็แอ่นอกให้เขาอย่างเต็มใจร่างกายกับปากของเธอมันช่างตรงข้ามกันทุกระเบียบนิ้ว"หึ!" มาร์คัสเปล่งเสียงเย้ยหยันในลำคอออกมา เขาถูกอกถูกใจที่อันนาผู้หญิงที่เขาเลือกตอบสนองไวต่อความต้องการของเขา"เธอนี่มันร่าน! ฮืม..." สองมือหนาลูบไล้ผิวขาวเนียน จากสันหลังลงมาที่เอวคอดแล้วเลื่อนมาที่สะโพกงอน มาร์คัสบีบเค้นจนขึ้นเ
หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยมาคัสก็บอกให้อันนาเดินตามเขาไปที่ห้องทำงานคำพูดที่แสนเย็นชาการกระทำที่หยาบกระด้างเหมือนกับหินทุบลงพื้นมันทำให้อันนารู้สึกเกรงกลัวมาขัดขึ้นทุกวัน"ค่ะคุณมาร์คัส มีอะไรหรือเปล่าคะ" อันนารวบรวมความกล้าหลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ถามมาคัดออกไปตรงๆ"เซ็นซะ เอกสารที่เธอควรต้องเซ็น"มาร์คัสไม่อธิบายอะไรให้กับอันนาฟันแต่บอกให้อันนาเซ็นเอกสารที่อยู่ตรงหน้าของเธออันนาหยิบเอกสารขึ้นมาตั้งใจจะอ่านให้จบแต่มาร์คัสก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า "ไม่ต้องอ่านหรอก เอกสารเซ็นหนังสือสมรสของเราสองคน..!" มาร์คัสที่พูดจาเย็นชาไม่ได้สนใจอาการสีหน้าตกใจของอันนาเลย"แต่ว่าอันนายังไม่ได้ตกลงนะคะ" อันนาหันมาพูดกับมาร์คัสเพราะเธอรู้สึกไม่เป็นธรรมเหมือนโดนมัดมือชก"ไม่จำเป็นต้องตกลง เพราะชีวิตของเธอเป็นของฉัน ทุกตารางนิ้วในร่างกายเธอตอนนี้เป็นของฉัน!" อันนาเธอรู้สึกมือเหงื่อออกจนชุ่มทั้งตื่นเต้นทั้งโมโหอยากจะเอามือไปข่วนหน้าคนที่เย็นชายังมาร์คัดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย"ลงชื่อของเธอลงในหนังสือสัญญาสมรสนี้ให้เรียบร้อยแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"มาร์คัสไม่ได้อธิบายอะไรทั้งสิ้น คำว่าดีขึ้นดี
อันนาที่แบกเรื่องหนักมามากมายหลังจากผ่านงานที่ไปกับมาร์คัส เธอหลับจนไม่ได้สติจวบจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ดวงตาที่หนักอึ้งของเธอค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยเสียงแอร์มอนิเตอร์ที่ทำงานเย็นเฉียบแต่ทำไมร่างกายของเธอกลับรู้สึกอบอุ่นอันนาลืมตาขึ้น พร้อมกับมองเห็นฝ้าเพดานที่ขาวสะอาดตา และมันไม่ใช่ห้องที่เธอเคยอยู่มันคือห้องที่เธอเสียตัวเป็นคืนแรก อันนาตกใจจนเบิกตากว้างพยายามรวบรวมสติแต่เธอกลับรู้สึกหนักอึ้งบริเวณเอวของเธอมีมือหนากอดรัดเอาไว้อันนาพลิกไปมองใบหน้าที่คมเข้มดูดีและหล่อเหลา แม้ในเวลาที่หลับสนิทก็ยังดูหน้าหลงไหล อันนาจ้องหน้าของมาร์คัสเหมือนกับต้องมนต์สะกดอีกครั้งอันนาพยายามจะขยับออกหนีอย่างเงียบๆเพื่อกลับไปที่ห้องของเธอแต่เธอยิ่งขยับมาร์คัสก็จะขยับและกอดเธอแน่นขึ้น และเธอลองขยับอีกครั้ง มาคัสก็ยิ่งกอดเอวของเธอแน่นเข้าไปอีกอันนาจ้องไปที่หน้าของคนที่กำลังนอนหลับสนิทเธอพลันคิดว่ามาคัสหลับจริงๆหรือเปล่าและดวงตาคมกริบของมาร์คัสก็ลืมขึ้นแล้วจ้องไปที่ดวงตาของอันนาเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน"ตื่นแล้วหรอ" มาร์คัสถามอันนาด้วยถ้อยคำที่ดูอ่อนโยนขึ้นกว่าสองวันแรก"อันนารู้สึกตกใจที่เห็นมาร์คัส
มาร์คัสยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีย์ ที่จ้องมองเดวิดนั้นดำมืดและลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไป รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าที่แฝงด้วยอันตรายถึงขีดสุด เขาไม่ได้โกรธเกรี้ยว หรือตวาดก้อง แต่ความเงียบของเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงใด ๆเดวิดที่เห็นปฏิกิริยาของมาร์คัสกลับยิ่งได้ใจ เขาคิดว่าตนเองกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ และต้องการจะตอกย้ำชัยชนะของตนเอง"ทำไมเงียบไปล่ะครับคุณมาร์คัส หรือว่าเรื่องจริงมันน่าอายเกินไปที่จะยอมรับ" เดวิดพูดยิ้มๆ "ผู้หญิงของผมคงไม่มีประวัติฉาวโฉ่แบบนี้หรอกครับ...ผมเลือก.."พลั่ก!ยังไม่ทันที่เดวิดจะพูดจบ ร่างของเขาก็ล้มกระเด็นลงไปกองกับพื้นอย่างแรง เสียงของเนื้อที่ปะทะกับกำปั้นดังสนั่นไปทั่วห้อง มาร์คัสเป็นคนต่อยเขา!จนเลือดกลบปากและฟันหักไปหนึ่งซีกทุกคนในงานถึงกับผวาถอยหลังไปคนละก้าว ไม่มีใครคาดคิดว่ามาร์คัสจะระเบิดอารมณ์ออกมากลางงานเลี้ยงสำคัญแบบนี้ มาร์คัสเดินเข้าไปหาเดวิดที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างช้าๆ แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
คำประกาศของมาร์คัสกลางงานเลี้ยงทำให้บรรยากาศรอบตัวอันนาหนาวเย็นยะเยือก แววตาของคลอเดียแข็งกร้าวขึ้นทันที ความไม่พอใจและริษยาฉายชัดในดวงตาคู่นั้น เธอมองอันนาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมินค่า ก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน"ผู้หญิงคนใหม่เหรอคะมาร์คัส?" คลอเดียพูดด้วยน้ำเสียงยียวน "คลอเดียไม่เห็นจะเคยเจอที่ไหนมาก่อนเลยนี่คะ หรือว่ามาร์คัสแอบเก็บไว้เงียบๆ แล้วเพิ่งจะเอาออกมาโชว์วันนี้เป็นวันแรก?" เธอเน้นคำว่า "เก็บไว้" และ "โชว์" อย่างจงใจ ราวกับจะตอกย้ำสถานะของอันนาว่าเป็นเพียงสิ่งของที่ผู้ชายอยากมาร์คัสเก็บเอาไว้ในตู้โชว์วันนี้ก็แค่งัดขึ้นมาเพื่อปัดฝุ่นมาร์คัสไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่จ้องมองคลอเดียด้วยสายตาเย็นชา ทำให้คลอเดียต้องสงบปากสงบคำลงเล็กน้อย เธอกำลังทำผิดกฎของฉันนะคอลเดียมาร์คัสตอบเสียงเรียบนิ่งและยังคงเย็นชากับคลอเดียราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน"โถ่มาร์คัสคะ อย่าเย็นชากับคลอเดียนักเลยคลอเดียคิดถึงมาร์คัสนะคะ แล้วนี่เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ" คลอเดียหันหน้าเอียงคอมองไปที่อันนาที่ยืนอยู่ข้างผู้ชายของเธอ คลอเดียไม่ยอมที่จะเสียแหล่งเงินแหล่งทองของเธอ ให้กับผู้หญ