Share

3/1 เข้าหา

last update Последнее обновление: 2024-12-18 15:52:40

“ท่านแน่ใจหรือ องค์หญิงทรงสิ้นพระชนม์แล้ว” สีหน้าท่าทางของจี๋เฉวียนบ่งบอกว่าเขาแน่ใจ องค์หญิงเจ็ดทรงสิ้นพระชนม์ที่เมืองจิงหลิง ส่วนสาเหตุยังไม่เป็นที่เปิดเผย

“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” ต้องเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นเป็นแน่

“ไท่จื่อแห่งต้าหย่งกำลังมา ชาวเมืองข้างเคียงส่งข่าวขบวนรถม้ามาหลายวันแล้ว ธงที่โบกสะบัดเป็นขององค์รัชทายาทไม่ผิดแน่”

“ฉู่อ๋องมีท่าทีอย่างไรบ้าง จะยกทัพกลับมาหรือไม่” รัฐหลู่มีกองทัพเป็นของตนเองเพื่อปกป้องเมือง ทว่าเพื่อกันเสียงคนครหากบฏจึงตั้งทัพอยู่รอบชายแดน ไม่ยกเข้ามาในเมือง

“ฉู่อ๋องไม่กลับจากแนวหน้า ทว่ามีการรายงานความเคลื่อนไหวของทัพเหนือของคุณชายฉู่” การเคลื่อนกำลังพลของกองทัพแห่งรัฐหลู่อึมครึม แนวคุ้มกันทอดยาวรักษาการณ์จรดแนวหน้าของด่านนอกเมือง

“จะเกิดสงครามหรือ” การสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงที่เมืองจิงหลิงมีน้ำหนักมากพอให้เกิดสงคราม ราชวงศ์ต้าหย่งย่อมต้องการคำตอบจากแดนเหนือว่าเหตุใดองค์หญิงถึงสิ้นพระชนม์ คิดแล้วเรื่องนี้ก็พลอยให้เหยาอี้เหยาคิดถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นราชวงศ์ต้องหาคำตอบให้ชาวเมืองโจวอี้ที่ต้องเสียเจ้าเมืองไป แต่หาคำอธิบายอันใดไม่ได้ ชดใช้อย่างไรก็ไม่คู่ควรกับชีวิตของฉู่หลิน

ความบาดหมางในครานั้นยังคงหยั่งรากลึก วันนี้องค์หญิงมาสิ้นพระชนม์อีก จะพูดอย่างไรก็ดูคล้ายชาวเมืองหลวงถูกแก้แค้น

องค์หญิงเจ็ดแลกกับเจ้าเมืองฉู่หลิน

“จี๋เฉวียน ข้าว่าข้าคงต้องกลับไปแล้ว” ไม่ช้าก็เร็ว กองทัพต้องยกมาแน่ อาจจะไม่ใช้มาเพื่อช่วยนาง แต่มาเพื่อแสดงแสนยานุภาพ

“คุณหนูเหยา เรื่องพวกนี้ดูท่าจะไม่ค่อยส่งผลดีต่อท่านนัก ท่านจะทำอย่างไรต่อไป”

เหยาอี้เหยาลุกขึ้น ตอบตามความรู้สึกในตอนนี้

“ข้าไม่รู้”

“ท่านกลับเข้าเมืองได้แน่หรือ” ไม่มีคนจากคณะทูตแม้แต่คนเดียวมาตามหานาง อีกทั้งนางได้ชื่อว่าถูกจี๋เฉวียนจับตัวมา ทหารคงไม่ยอมให้นางเข้าเมืองง่ายๆ

“ทำอย่างไรได้ ข้าอยู่ที่นี้ไม่ได้เช่นกัน”

จี๋เฉวียนคล้ายไม่อยากให้นางไป

“จี๋เฉวียน เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะปล่อยข้าไป”

จี๋เฉวียนถอนหายใจ

“ข้าจะไปส่งท่านเอง”

จี๋เฉวียนเป็นคนมาส่งเหยาอี้เหยาที่ประตูเมืองตามสัญญา นางสวมชุดทอเรียบๆ ที่อามู่เย็บให้ บนตัวสวมชุดกันหนาวจิ้งจอกสีขาว ปักดอกสาลี่กลางหลังและแขน

“คุณหนูเหยา รักษาตัวด้วย อย่าไว้ใจใครทั้งนั้น ท่านต้องไม่ใจดีกับใครพร่ำเพรื่อ”

“วางใจเถอะจี๋เฉวียน แม้ข้าอาจจะไม่ได้ฉลาดมาก แต่รู้ว่าต้องเอาตัวรอดยังไง” เหยาอี้เหยาอำลาจี๋เฉวียนและอามู่ ครั้นพวกเขาควบม้าจากไป นางจึงเดินไปที่ประตูเมืองเพียงลำพัง ทหารรักษาการณ์ประจำเมืองโจวอี้ เคลื่อนตัวมาประชิดกำแพงเมือง ความไม่ต้อนรับฉายชัดจากประตูที่ปิดสนิท

“เจ้าเป็นผู้ใด”

“ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง หนึ่งในคณะราชทูต” เหยาอี้เหยายืนอยู่ด้านนอก แสดงป้ายหยกในมือให้ทหารบนหอกำแพงเมืองได้เห็น นางเริ่มถูกอากาศเย็นทำให้ตัวสั่น

“ข้าได้ข่าวมาว่าท่านถูกจี๋เฉวียนจับตัวไป เหตุใดจึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้” สายตาแม่ทัพรักษาการณ์เป็นปฏิปักษ์ ไม่กล้ารับนางกลับเข้าเมือง ด้วยกลัวว่านางอาจจะเป็นสายโจรไปแล้ว

“เรียนท่านแม่ทัพ ข้าน้อยหนีออกมา ท่านวางใจได้ ข้าไม่ใช่สายโจร บนตัวไม่มีอาวุธใดๆ ทั้งนั้น” เหยาอี้เหยามาตัวเปล่า บนตัวมีเพียงปิ่นเงินชิ้นเดียว “หากท่านไม่เชื่อ ไม่วางใจในตัวข้า เช่นนั้นนำข้าไปขังคุกไว้ก่อนเถิด”

อย่างไรในคุกก็อุ่นกว่านอกกำแพงเมือง ทว่าแม่ทัพรักษาการณ์ไม่อาจตัดสินใจเองได้ ต้องไปเรียนฉู่ซื่อจื่อก่อน

“คุณหนูเหยา ข้าเป็นเพียงแม่ทัพตำแหน่งเล็กๆ ไม่อาจจะตัดสินใจได้ ท่านรอที่นี่สักครู่ ข้าจะไปเรียนฉู่ซื่อจื่อ”

“นานเพียงใด”

“อาจจะสองสามชั่วยาม”

เหยาอี้เหยาพยักหน้าว่าจะรอ “รบกวนท่านแล้ว ข้าน้อยจะรอท่านกลับมา”

ฟ้ามืดแล้ว เหยาอี้เหยาที่นั่งตากน้ำค้างเย็นเยียบขดตัวอยู่หน้าประตูเมืองที่ปิดสนิท นางใกล้จะแข็งตายแล้วตอนที่ประตูเมืองเปิดออกยามใกล้รุ่งสาง โคมกระดาษสีนวลทอดยาวจรดพื้นทางเดิน

นางรอมาทั้งคืนจนเช้า อ่อนล้าและเหน็บหนาว ท่าทางจึงอิดโรย กระนั้นก็ยังพยายามยืนอยู่บนสองขา

ผู้คนเริ่มสัญจร ใช้เส้นทางลำเลียงสินค้าเกษตรเข้าไปในเมือง ระหว่างที่ทหารกำลังตรวจเอกสารของพ่อค้า ชายตัวผอมผู้นั่งคุมรถม้ายัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือนางอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะผ่านเข้าเมืองไป

“เมื่อครู่นี่พวกเจ้าทำอะไรกัน” เหยาอี้เหยารีบซ่อนแผ่นกระดาษไว้ใต้ข้อมือ

“ใต้เท้า ท่านพูดอะไร ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย” นางรีบเปลี่ยนเรื่อง เบี่ยงเบนความสนใจ “ข้าเข้าเมืองได้แล้วหรือ ท่านได้เรียนถามซื่อจื่อหรือไม่”

“ฉู่ซื่อจื่อมีคำสั่ง ไม่ให้ท่านกลับเข้าเมือง คุณหนูเหยา ขออภัยด้วย เราทำได้เพียงเรียกรถม้าให้ท่านกลับบ้านโดยไม่คิดเงิน”

“ได้อย่างไรกัน คณะทูตซึ่งร่วมเดินทางมากับข้ายังคงอยู่ในเมือง ข้าจะกลับเพียงลำพังได้อย่างไร”

“คุณหนูเหยา ท่านไม่ทราบหรือ ว่ายามนี้คณะทูตจากต้าหย่งไม่ได้อยู่ในเมืองโจวอี้แล้ว”

เรื่องนี้เหยาอี้เหยาไม่รู้ จี๋เฉวียนก็ไม่ได้สืบมา “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คณะทูตไม่อยู่ที่เมืองโจวอี้ แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด”

“ข้าน้อยตอบได้เพียงว่าคณะทูตทั้งหมดอยู่ที่จิงหลิงเพื่อรักษาพระศพขององค์หญิง”

จิงหลิงอยู่ห่างจากเมืองโจวอี้มาก แต่ถ้าหากใช้ทางลัดเดินทางล่องแพหรือเรือไม่กี่วันก็ถึง

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เหยาอี้เหยาก้มหน้าอ่านแผ่นกระดาษในมือ ตัวอักษรเป็นระเบียบปลายตวัดเช่นนี้ เป็นของลู่หมิง เขาเขียนมาให้นางไปพบกันที่ท่าเรือโดยเร็วที่สุด

สถานการณ์ยามนี้คงย่ำแย่ ถึงขั้นที่คณะทูตถูกเชิญออกจากเมืองคงไม่ใช่เรื่องดี

ครั้นมาถึงท่าเรือ เหยาอี้เหยาได้พบหน้าลู่หมิง เขาสวมชุดลำลองสีดำเพื่อไว้ทุกข์ บนหน้าผากมีที่คาดสีเดียวกัน

“ดีใจยิ่งที่เจ้าไม่เป็นอะไร อี้เหยา ขอโทษด้วยที่ข้าไม่ได้ไปช่วยเจ้า เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” ลู่หมิงกล่าว เขาใช้คนไม่น้อยพยายามส่งข่าวถึงนาง

“ไม่เลยราชทูต ข้าเข้าใจความจำเป็นของพวกท่านดี” เหยาอี้เหยาเอ่ยถามในสิ่งที่นางอยากรู้ "ว่าแต่แม่ทัพกง แม่ทัพซ่างกับจางลี่เล่า พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง"

ลู่หมิงตอบ "ทั้งหมดสบายดี จากนี้ข้าจะพาเจ้าไปพบ"

เหยาอี้เหยาเอ่ยถามขณะเดินไปด้วย “ราชทูตลู่ ข้าได้ยินว่าองค์หญิงทรงสิ้นพระชนม์แล้ว เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ”

“จริง”

“เกิดอันใดขึ้น ทรงสิ้นพระชนม์ได้อย่างไร”

ลู่หมิงตอบเรียบๆ “ทรงฆ่าตัวตายเอง”

“เหตุใดองค์หญิงถึงทำเช่นนั้น” เหยาอี้เหยาไม่เคยพบองค์หญิง แต่เคยได้ยินข่าวเรื่องอุปนิสัยของพระองค์ ว่าท่านทรงเป็นองค์หญิงที่นิสัยดื้อรั้น ทว่าไม่ได้ร้ายกาจอันใด

“ให้ข้าเล่าให้เจ้าฟังดีไหมเล่า คุณหนูเหยา” หย่งสวินยืนอยู่ไม่ไกล ชุดสีเรียบๆ ไม่อาจลดทอนสง่าราศีบนร่างได้แม้แต่น้อย ราวกับมังกรที่ไม่ว่าอยู่ที่ใด ก็คือมังกร

“ถวายบังคมไท่จื่อ” เหยาอี้เหยาคุกเข่าโดยพลัน ทว่าพระองค์ทรงโบกมือว่าไม่ต้อง

“ลุกขึ้น ไม่ต้องมากพิธีหรอกคุณหนูเหยา” หย่งสวินยิ้มเล็กน้อย ใช้สายตาให้ลู่หมิงถอยไปก่อน

“ไท่จื่อ หม่อมฉันขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปขององค์หญิง พร้อมทั้งขอประทานอภัยที่สวมรอยเป็นองค์หญิง” นางลบหลู่เบื้องสูง ริอาจปลอมตัวเป็นองค์หญิง มีโทษสมควรตาย

“เจ้ากับกงจิ้งเป็นอะไร เจอข้าต้องขอประทานอภัยโทษ ลุกขึ้นเถิด ข้ามีเรื่องจะสนทนากับเจ้า”

“เรื่องใดหรือเพคะ”

“ตามข้ามา”

หย่งสวินเดินไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว กิริยาท่าทางเข้มแข็งองอาจ เหยาอี้เหยาจำเป็นต้องตามไปจนถึงศาลาดอกบัว ยามเช้าวันนี้แสงแดดอ่อนๆ ทอประกาย หยาดน้ำค้างบนใบบัวส่องประกายราวกับอัญมณี

“นั่งบนเก้าอี้ ไม่ต้องพูดทางการกับข้าด้วย” หย่งสวินย้ำ “นี่คือคำสั่ง”

“เพคะ…เจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยานั่งลงบนเก้าอี้ ขานางแตะไม่ถึงพื้นเมื่อนั่งอยู่บนนั้น ในขณะที่หย่งสวินดูสง่างามราวกับวิญญูชน แฝงกลิ่นอายแห่งอำนาจที่กดข่ม หากเทียบกับฉู่ซีเย่แล้ว ไท่จื่อเหมือนด้านตรงข้าม

ทว่าพวกเขาทั้งสองล้วนเป็นคนที่ไม่อาจล่วงเกิน

“อาเยี่ยนตายแล้ว เจ้าคงสงสัยว่าทำไม” หย่งสวินมองนาง นัยน์ตาดุจหมึกมีความนัยที่อ่านไม่ออก “แต่เจ้าคงสงสัยมากกว่าว่าเหตุใด ข้าจึงอยากคุยกับเจ้า”

“ข้าน้อยโง่เขลา ไม่ทราบเลยเจ้าค่ะ” นางตอบซื่อ

“ข้าได้ยินว่าเจ้าถูกจี๋เฉวียนจับตัวไป แต่เจ้ากลับอยู่ตรงนี้แล้ว…ได้อย่างไรกัน”

“ข้าน้อยเพียงโชคดีที่รอดมาได้”

หย่งสวินยิ้ม “เจ้าดูเป็นคนเฉลียวฉลาด”

“เรื่องสมอง ข้าน้อยคิดว่าพอจะมีดีอยู่บ้างเจ้าค่ะ แต่คงไม่ถึงขั้นเฉลียวฉลาด” นางยิ้มแย้ม เริ่มรู้สึกว่าตอนนี้อยากจะลุกหนีแล้ว ถ้าหากว่าทำได้

“คุณหนูเหยา เจ้าน่าสนใจจริงๆ” แววตาหย่งสวินเริ่มเปลี่ยนพร้อมกับคิดว่า นางน่าสนใจ สมกับที่ฉู่ซื่อจื่อ…สนใจนาง

“ไท่จื่อ ข้าน้อยไม่เข้าใจคำพูดของท่าน โปรดอธิบายให้ข้าได้หรือไม่” เหยาอี้เหยาเอ่ยถาม เริ่มได้กลิ่นไม่ดี

“เช่นนั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ข้าอยากให้เจ้าเข้าหาฉู่ซีเย่ เป็นสายให้ข้า”

“ขออภัยอย่างยิ่ง ข้าน้อยไร้ความสามารถนัก” เหยาอี้เหยากลืนน้ำลายลงคอนางรู้สึกเสียววาบที่ต้นคอ เมื่อภาพใบหน้าของฉู่ซีเย่ผุดขึ้นมาในสมอง

“ตามความเห็นของข้า เจ้าไม่ได้ไร้สามารถ ทั้งยังเป็นที่สนใจของฉู่ซีเย่”

“ไท่จื่อโปรดทรงพิจารณา ข้าน้อยไม่อยากทำให้พระองค์ผิดหวัง” เหยาอี้เหยาคุกเข่า “ท่านอาจไม่ทราบ แต่ที่ข้าน้อยถูกจี๋เฉวียนจับไป ล้วนเป็นเพราะซื่อจื่อ เขาต้องการให้ข้าน้อยจบชีวิตอย่างอนาถ ไม่ได้สนใจข้าน้อยแม้แต่นิดเดียว”

“คุณหนูเหยา เจ้าจำทาสหญิงที่เมืองชงได้หรือไม่”

“จำได้เจ้าค่ะ”

“เจ้าส่งจดหมายให้พี่ชายช่วยนาง แต่อำนาจของพี่ชายเจ้าไม่มีทางทำให้ทาสหญิงเป็นอิสระได้ นอกจากใครบางคนซึ่งมีอำนาจสูงกว่าเจ้าเมืองชง”

คนนั้นย่อมเป็นฉู่ซีเย่

“บางที ซื่อจื่ออาจสงสารนางเช่นกัน”

หย่งสวินยิ้ม พูดต่อ “ได้ยินว่าก่อนหน้านี้จี๋เฉวียนถูกพิษ เจ้าไม่คิดว่ามันบังเอิญไปหรือ?”

เหยาอี้เหยารู้ว่าสกุลฉู่มีความรู้เรื่องปรุงยาพิษอันเลื่องลือ รวมทั้งยาถอนพิษที่นางเคยมีก็เป็นของสกุลฉู่ แต่จะเป็นเรื่องจริงหรือ ฉู่ซีเย่วางยาจี๋เฉวียนเพื่อช่วยนางหรือ

“คุณหนูเหยา ข้ารู้จักฉู่ซีเย่มานาน เขาฉลาดเหนือสามัญ แค่วางยาพิษจี๋เฉวียน เป็นเรื่องง่ายดายยิ่งสำหรับเขา”

“สมมติว่าเป็นซื่อจื่อจริง เช่นนั้นข้าน้อยยิ่งไม่ควรเนรคุณและคิดร้ายต่อเขา ดังนั้นการเข้าหาเขา จึงเป็นเรื่องขัดต่อคุณธรรมในใจข้า” เหยาอี้เหยาไม่มีคุณธรรมในใจมากมาย นางเพียงอยากเอาตัวรอด แต่การยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์และฉู่ซีเย่ คือการกินยาผ่อนตาย วันไหนดวงกุดก็ซวย

“คุณหนูเหยา สถานการณ์ของเจ้า สกุลของเจ้า คงไม่เหมาะให้ปฏิเสธข้ากระมัง” หย่งสวินมองนางยิ้มๆ เป็นยิ้มที่หนาวยะเยือกถึงแผ่นหลัง “สามปีมานี้สกุลเหยาลำบากอัตคัด ไร้ที่ยืนในสังคม เจ้าอยากช่วยเหลือสกุลเหยาให้ผ่านพ้นวันคืนเหล่านี้ไม่ใช่หรือ”

“ไท่จื่อ…” เหยาอี้เหยารู้ว่านางปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าตอบรับแม้สักคำ

“ข้าจะคืนทุกอย่างให้สกุลเหยา พี่สาวเจ้าจะได้แต่งกับสามีผู้มีฐานะ พี่ชายเจ้าจะได้เลื่อนตำแหน่ง สกุลเจ้าขึ้นอยู่เจ้าแล้ว…คุณหนูเหยา”

เหยาอี้เหยารู้สึกคล้ายถูกเชือกที่มองไม่เห็นรัดคอ เมื่อหย่งสวินมอบกล่องยาให้นางกิน

ยาที่นางปฏิเสธที่จะไม่กินไม่ได้

“ข้าน้อยมีอีกเรื่องอยากสอบถามไท่จื่อ” เหยาอี้เหยาหยิบยามาถือไว้

“เรื่องใด”

“องค์หญิงทรงฆ่าตัวตายจริงหรือ”

“ไม่จริง” หย่งสวินบอกนาง น้ำเสียงเหมือนพูดเรื่องทั่วไป “นางยืนกรานว่าถึงตายก็ไม่ยอมออกจากเมืองจิงหลิงเพื่อแต่งงานกับฉู่ซื่อจื่อ ข้าเลยไม่ให้นางออกมาอีกเลย…”

"องค์หญิงเป็นน้องสาวของท่าน..."

"นางถึงจากไปโดยไม่ทรมานเลยอย่างไรล่ะ"

ความอำหิตนี้ช่างเข้มข้นจนเหยาอี้เหยาไม่กล้าหายใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/2 ความรักที่สุกงอม

    ฤดูใบไม้ผลิของแดนเหนืออบอุ่นและงดงาม ต้นไม้ที่หลับใหลในฤดูเหมันต์ผลิใบอ่อน แสงแดดลอดเงาผ่านช่องว่างต้นถั่วแดงเข้ามาเป็นลำแสง ต้นถั่วแดงหงฉู่โตวเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาหลับใหลในฤดูหนาวเช่นกัน แต่เพราะมันเติบโตในแดนใต้ที่อากาศอุ่น ก่อนจะถูกขุดล้อมแล้วย้ายขึ้นมาที่เมืองโจวอี้ ต้นถั่วแดงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาก เหยาอี้เหยามักจะมารดน้ำต้นถั่วด้วยตนเอง นางจำได้ว่าช่วงสามปีแรก ต้นถั่วโตช้ายิ่ง จนกระถางเล็กๆ ยังโตไม่เต็ม ครั้นลงดินที่อำเภอซานถง เพียงไม่นานก็สูงเอาๆ แต่พอมาคิดดู เหยาอี้เหยาคิดว่าสาเหตุที่ต้นถั่วโตช้าตอนอยู่ในกระถาง เพราะพื้นที่ไม่พอ สารอาหารขาดแคลน พอได้รับแสงแดด สายลม พื้นที่เหมาะสม พริบตาเดียวก็สูงขึ้นจนต้องแหนหน้ามองแล้ว ร่มเงาของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกเป็นพุ่มงาม ใบไม้เสียดสีเบาๆ ราวกับกำลังอวยพรให้นาง เหยาอี้เหยาพนมมือรับพรด้วยน้ำตา แต่คำอวยพรบางอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้... “อยู่นี่เอง” ฉู่ซีเย่เดินเข้ามาบริเวณสวนดอกไม้ ตรงกลางมีต้นถั่วยืนต้นโดดเด่น ใต้ร่มเงามีหญิงงามในชุดผ้าคลุมตัวยาว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังสวมชุดฤดูหนาว “ท่านหาข้าอยู่หรือ” เ

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/1 ความรักที่สุกงอม

    เดินทางจากอำเภอซานถงถึงแดนเหนือใช้เวลาสองสัปดาห์ เหยาอี้เหยาตกลงใจใช้ชีวิตอยู่กับฉู่ซีเย่ บางวันหวานชื่น บางวันรักร้อนแรง หรือทะเลาะกันบ้าง เพราะนางอยากออกไปทำงานสำรวจสำมโนครัวแบบเมื่อก่อน เพราะอยู่เฉยๆ เบื่อเกินไปฉู่ซีเย่คัดค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากให้นางออกไปทำงานข้างนอก กลัวว่าจะมีคนมาชมชอบนาง ก็นางงามขนาดนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่มอง“แน่ใจนะว่าท่านไม่อนุญาต”“แน่นอน”“งั้นคืนนี้ท่านไปนอนที่อื่น”ฉู่ซีเย่ลุกพรึ่บ “ไม่ได้”“ได้ ก็นี่ห้องข้า เสียก็แต่ว่าท่านจะยึดคืน” เหยาอี้เหยาลุกขึ้น นางคว้าหมอนและผ้าห่มของฉู่ซีเย่ออกไปทิ้งด้านนอกห้อง“อี้เหยา” ฉู่ซีเย่ตามไปเก็บแล้ววางที่เดิม ก่อนจะประกาศก้อง “คืนนี้ข้าจะนอนที่นี้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่สิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นะ ยิ่งเจ้าของไม่อนุญาต ยิ่งไม่ได้”“แล้วไง ใครสน” ฉู่ซีเย่นั่งลงบนเตียง เขาเอนนอนเอาแขนชันศีรษะ “ข้าพอใจจะนอนที่นี้”“ก็ได้ งั้นข้าจะไปนอนที่อื่น” เหยาอี้เหยาเดินไปที่ประตู ฉู่ซีเย่ดีดตัวลุกขึ้นมาขวาง เขายืนขวางประตู ก่อนจะถอนหายใจ เขายอมถอยให้นาง“เอาล่ะ พอก่อน มาคุยกันดีๆ เถอะ”“ก็ได้” เหยาอี้เหยาเห็นเขายอมถอย นางก็ถอยหนึ่งก้าว “

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/2 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจสบายใจได้ ตราบใดที่มีเจ้า” หย่งสวินกล่าวอย่างลำบากใจ แต่ดวงตากลับเฝ้ารอ ในใจคงจินตนาการวันที่ได้ฆ่าฉู่ซีเย่มานับครั้งไม่ถ้วน“คนที่คิดจะฆ่าข้า ไม่ตายดีสักคน” ฉู่ซีเย่ไม่กลัวว่าหย่งสวินจะเอาดาบแทงตน เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างหย่งสวิน ไม่เล่นในเกมที่ตกเป็นรอง“เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นานๆ หน่อย จะได้รู้ว่าข้าจะได้ตายดีหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันนั้นแล้ว” หย่งสวินยกดาบขึ้น ก่อนจะฟันใส่แขนขวาจนขาด เขาส่งเสียงร้องโหยหวน“ช่วยข้าด้วย! ต้าเป่ยอ๋องจะสังหารข้า!”ประตูท้องพระโรงเปิดออกในยามรุ่งสาง ฉู่ซีเย่ถูกคุมตัวออกมามุ่งหน้าไปยังลานประหารในโทษฐานลอบทำร้ายประมุขของประเทศ ความรีบร้อนในการประหารเขาทันที เป็นความต้องการของหย่งสวินคลื่นลมในวังเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมั่นใจแน่แล้วว่าหย่งสวินจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป ด้วยไท่จื่อก็สิ้นแล้ว หย่งมู่ที่กลัวตายก็รีบหอบผ้าหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากังขาหรือคัดค้านแม้เพียงนิดที่หย่งสวินคิดจะสังหารฉู่ซีเย่อย่างไรก็ตาม การประหารใช่จะทำได้เลยในทันที เพราะความวุ่นวายจากทางฝั่งของคนสนับสนุนไท่จื่อก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/1 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าไม่เป็นห่วงชายผู้นั้นของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นของกงจิ้ง ย่อมหมายถึงฉู่ซีเย่ “ได้ยินว่าทางวังกำลังเผชิญหน้ากับพายุใหญ่ ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นของเจ้า อาจพบอันตรายร้ายแรง”“ก็อาจจะพบอันตราย แต่ข้าไม่ห่วงมากเท่าไหร่” นางล้างผัก ท่าทีผ่อนคลายกงจิ้งทำหน้าประหลาด เหยาอี้เหยาดูไม่ร้อนใจเท่าที่ควร“สามปี” เหยาอี้เหยาพูดขณะมองตรงไปหน้าผืนนา “เขาใช้เวลาสามปีวางแผนแก้แค้น ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ต่อให้ถูกใครคิดปองร้าย ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของเขา”กงจิ้งมองนาง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง”“ความจริงข้าไม่เข้าใจเขาหรอก ใครจะกล้าพูดว่าเข้าใจเขาได้”กงจิ้งเห็นด้วย “ข้าแปลกใจเสมอที่รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชิงบัลลังก์"“ข้าไม่แปลกใจ”“เพราะอะไร” ขอเพียงมีใจนึกอยาก ไม่ใช่ว่าจะชิงมาไม่ได้“เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และยโสโอหังมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำสัตย์ยิ่งชีพมากเช่นกัน อะไรที่รับปากคนอื่นไว้แล้ว ต่อให้ดินถล่มฟ้าแหวกออก เขาก็จะทำให้ได้ ในงานพิธีรับตำแหน่งต้าเป่ยอ๋อง เขาชัดเจนแล้วว่าเลือกแดนเหนือ”“เข้าใจแล้ว”ฉู่ซีเย่ไม่ได้ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ชิงบัลลังก์ แต่เขาให้คำสัตย์ว่าจะตา

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/2 ความรักที่งอกงาม

    ต้าหย่ง...ชายเสื้อปักดิ้นทองเคลื่อนไหวเพียงบางเบา แต่สามารถทำให้ตะเกียงบนโต๊ะด้านหน้าสั่นไหว เงาใหญ่ยักษ์ที่ทอดลงหลังฉากพระที่นั่งวิจิตรงดงาม แลดูแปลกตา ยิ่งเมื่อขยับเคลื่อนไหว เงาสีดำยิ่งชวนให้รู้สึกขนกายลุกพองหย่งฉียังคงทรงงานแม้จะค่อนคืนเข้าไปแล้ว พระขนงมีมีร่องรอยยับย่น หมึกเปื้อนพระหัตถ์เป็นปื้นสีดำทั้งสองข้าง ลามไปถึงชายแขนเสื้อที่ถูกหมึกสีดำทำลายความประณีตลงหลายเท่าตัวหลังตั้งตรงเริ่มตกลู่ หย่งฉีในปีนี้อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ทว่าความเคร่งเครียดและการตรากตรำอยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่าสามสิบปี ทำให้ใบหน้านั้นแก่ชรา ริ้วรอยแห่งวัยทอดแนวอยู่บนหน้าพระพักตร์หมองคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นมองลงมาภายในโถงพระที่นั่งอันหนาวเหน็บและช่างว่างเปล่า หย่งฉีคล้ายจะยิ้มเย้ยให้ตนเองอย่างสมเพชข้าวของมากมายหล่นเกลื้อนกลาดแทบเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระนั้นท้องพระโรงที่เละเทะเช่นนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับภายในจิตใจของเขาหย่งฉีทิ้งพู่กันในมือ เขาส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้าราวกับแทบขาดใจ“ขันทีโม่...”โม่หานยืนก้มหน้าตามระเบียบประเพณี ในมือมีพวงแส้ม้านุ่มสลวย ทองคำซึ่งหลอมอยู

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/1 ความรักที่งอกงาม

    เหยาอี้เหยา “ก่อนจะให้ท่านพูดอธิบาย อยากจะขอรบกวนให้ท่านอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย” กลิ่นสาบจากตัวเขาทำให้ภายในบ้านถูกกลิ่นบูดรมควัน ดังนั้นนางจึงนำเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้คราวก่อนออกมาให้เขา พร้อมชี้ทางว่าสามารถไปอาบน้ำที่ลำธารใกล้กับแปลงผักจี๋ฉายได้ ทั้งยังรุนหลัง ให้เขาไปไวๆ ฉู่ซีเย่ไม่อิดออด เขาก็เริ่มได้กลิ่นจากตัวเองเช่นกัน “ได้ ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยสนทนาเรื่องที่เข้าใจผิด” ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็มีความน้อยใจเล็กๆ ที่นางดูราวกับไม่ใส่ใจเขาเลย จะถามไถ่สักคำว่าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยหรือเปล่าก็ไม่มี ยังมีตบของนางอีก แม้แรงนางจะไม่ระคายผิวหนังหนาด้านของเขา แต่จิตใจบอบช้ำยิ่ง “ท่านอ๋อง” เหยาอี้เหยากล่าวรั้ง ใบหน้าคมกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อหันหน้ามาก็กลบเกลื่อนให้หมดสิ้น “ว่าอย่างไรรึ” ใบหน้าของฉู่ซีเย่ในตอนนี้สามารถพูดได้คำเดียวว่าเขาสำนึกผิดแล้ว “เมื่อครู่ข้าขอโทษที่ตบท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่” การตบตีเขาไม่เคยอยู่ในสมองนางมาก่อน แต่พอเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า แรงอารมณ์ที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งเดือนก็ปะทุ รู้ตัวอีกทีก็ตบเขาเสียฉาดใหญ่ “แรงเท่ามดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้กัน”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status