บางคนปิดจมูกเดินออกมา พลางคิดในใจ ผู้หญิงที่ไหนหนอช่างมีเสียงดังถึงเพียงนี้ขนาดพวกเขาอยู่ในบ้านแท้ๆ ยังได้ยินชัดเจนและแม่นางผู้นั้นยังกล่าวอะไรอีก บอกว่าหากไม่รีบรักษา อีกสามวันจะต้องเสียชีวิตแน่นอนทำเอาผู้คนอกสั่นขวัญแขวนจนต้องรีบวิ่งออกจากบ้านมา จึงได้เห็นในมือเจี่ยนอันอันถือสิ่งของที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตและเสียงก้องกังวานก็มาจากสิ่งนี้นี่เองทุกคนที่ออกมานั้นต่างมีอาการไอเกิดขึ้นบางคนไอจนหน้าดำหน้าแดง คล้ายเจียนสำลักตายอยู่รอมร่อ“ท่านแม่ เราจะตายจริงหรือ?” มีเด็กชายผู้หนึ่งเดินออกมา แต่เพิ่งกล่าวจบก็ไอหนักเช่นกันใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผู้เป็นมารดารีบก้มตัวลง พร้อมตบหลังของเด็กชายแต่อาการนางก็ใช่ว่าจะดีกว่า ตบได้ไม่กี่ที ตนเองก็ไอตามลูกบ้างเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล เริ่มมีคนทยอยออกจากบ้านมาเรื่อยๆและต่างก็รุมล้อมเข้ามา เพื่อจะดูว่าเจี่ยนอันอันจะพูดอะไรต่อเจี่ยนอันอันปิดเสียงลำโพงก่อน จึงได้ตะโกนต่อหน้าทุกคน “ข้ากับคุณชายท่านนี้ล้วนเป็นหมอ มาเพื่อช่วยรักษาโรคของพวกท่าน”หลายคนต่างไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไอมาหลายวันแล้ว อีกทั้งเข้าเมือง
ขณะที่ถังหมิงเซวียนได้ยินเจี่ยนอันอันเอ่ยชื่อสมุนไพรหลายชนิดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสมุนไพรเหล่านี้จะนำมาปรุงเป็นยาเม็ดได้หรืออาจกล่าวได้ว่าสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะปรุงเป็นยาชนิดใดได้ต่อให้นำมาผสมรวมกัน ก็ไม่เกิดสรรพคุณในการรักษาโรคใดๆแต่เมื่อเห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของเจี่ยนอันอัน ถังหมิงเซวียนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะอย่างน้อยเขาก็เห็นกับตา ยาที่เมื่อครู่เจี่ยนอันอันมอบให้ชาวบ้านกินนั้น ล้วนเห็นผลอย่างชัดเจนทุกคนหลังจากกินยาแล้ว ต่างก็ไม่มีอาการไออีกเขาจึงถือโอกาสที่สวีจงฉือกลับไปเอาสมุนไพร ตรวจชีพจรให้ชาวบ้านไปพลางนั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ ที่อาการของวัณโรคเริ่มดีขึ้นตามลำดับทั้งคู่จึงนั่งยองๆ ที่ข้างทาง คอยคุมไฟเอาไว้ เพื่อปรุงยาให้ชาวบ้านผู้คนที่ยืนรออยู่ด้านข้าง ต่างก็จ้องมองหม้อต้มยาสองใบตาไม่กะพริบเช่นกันมีคนแอบพูดเสียงเบา “ทีนี้ยิ่งดีใหญ่ มีหมอเทวดาสองคนมาช่วยเรา โรคของพวกเรามีหวังหายแล้ว”เจี่ยนอันอันต้มยาไปพลาง เงยหน้าขึ้นมองสวีจงฉือ“รบกวนคุณชายสวีไปเรียกคนมาเพิ่มอีก”เจี่ยนอันอันกล่าวพร้อมยื่นลำโพงขยายเสียงให้แก่
เจี่ยนอันอันปรายตามองดูทหารเหล่านั้น พลางกล่าวเสียงเย็นชา “จะรีบร้อนไปไหนกัน พวกเจ้าก็ไปต่อแถวด้วย”ทหารไม่คิดว่าเจี่ยนอันอันจะกล่าวเช่นนี้ออกมา เพราะใต้เท้าของพวกเขาป่วยหนักจนแทบกระอักเลือดอยู่แล้วนางไม่รู้หรือว่าควรต้องไปดูใต้เท้าของพวกเขาก่อน!“ไม่ต้องพูดมาก รีบไปกับเราเดี๋ยวนี้” ทหารพูดพลางจะตรงเข้าจับตัวเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงรีบไปขวางหน้าไว้“ใครหน้าไหนกล้ามาจับนาง ข้าจะให้ผู้นั้นหัวหลุดจากบ่าทันที”พูดไม่พูดเปล่า ฉู่จวินสิงพลันรีบดึงดาบจากเอวของทหารผู้นั้นมาด้วยเหล่าทหารต่างพากันตะลึงงัน ชายผู้นี้ไฉนจึงลงมือรวดเร็วถึงปานนี้?พวกเขายังมิทันได้ตั้งตัว ดาบก็ไปอยู่ในมือฉู่จวินสิงเสียแล้วทุกคนจึงรีบชักดาบออกจากเอว พร้อมมุ่งมาทางฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ลงมือ เพียงฟาดฟันไม่กี่ครั้งก็ทำให้ดาบของพวกเขาร่วงลงพื้นหมดเหล่าทหารจึงรู้ว่าเจอคนจริงเข้า ทำให้ไม่กล้าบุ่มบ่ามอีกยังมีทหารอีกคนหนึ่งกัดฟันกล่าว “บังอาจนัก กล้าแย่งชิงดาบของทหาร ซ้ำยังใช้กำลังกับพวกเราอีก ข้าว่าเจ้าคงเบื่อชีวิตเต็มทีแล้ว!”พลางรีบสั่งการไปยังคนที่อยู่ด้านข้าง “รีบไปเรียนใต้เท้าเร็
มีทหารคนหนึ่งรีบกล่าว “แม่นางโปรดหยุดก่อน”เจี่ยนอันอันไม่สนใจคำพูดของทหาร เพราะนางขึ้นรถม้าไปแล้ว อีกทั้งแสดงท่าทีให้ฉู่จวินสิงตามขึ้นมาชาวบ้านที่นี่ได้กินยาของนางไปแล้วก็จริง แต่อาจยังมีชาวบ้านที่อื่นซึ่งทรมานกับโรคนี้อยู่ก็เป็นได้นางจึงต้องรักษาชาวบ้านในเมืองให้หายขาดทั้งสิ้น จึงจะวางใจกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยทหารเห็นเจี่ยนอันอันไม่คิดสนใจเขาแม้แต่น้อย แม้จะรู้สึกโกรธจนแทบขบฟัน แต่สุดท้ายก็ยังต้องผ่อนปรนท่าทีลงเขาเอามือกุมแขนที่บาดเจ็บไว้ พลางก้มหน้ากล่าวต่อ “เมื่อครู่พวกเราเป็นฝ่ายผิดเอง ไม่ควรเสียมรรยาทต่อแม่นางเช่นนั้น”“แม่นางเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง โปรดอย่าได้ถือสาพวกเราเลยนะ”ส่วนทหารอีกคนก็กล่าวเสริม “ใต้เท้าเรากำลังป่วยหนักอยู่ เมื่อครู่ยังไอออกมาเป็นเลือด รบกวนแม่นางช่วยไปรักษาให้เขาทีเถิด”เจี่ยนอันอันยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถม้า มีเพียงน้ำเสียงเย็นชาที่ลอยออกมา“กลับไปบอกท่านราชเลขาธิการ หากว่าไม่อยากตาย ก็ให้ส่งเกี้ยวแปดคนหามมารับข้าไปพบ”เหล่าทหารได้ยินดังนี้ จึงต่างมองหน้ากันและกัน แต่ไม่มีใครขยับตัวฉู่จวินสิงกล่าวเสียงดุ “หูตึงกันหรืออย่างไร? ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
เมื่อเห็นถุงเงินที่ตุงขึ้น มุมปากถังหมิงเซวีนจึงเหยียดเล็กน้อยคล้ายยิ้มแย้มขณะที่รถม้าวิ่งผ่านจวนราชเลขาธิการ พลันเห็นคนสองกลุ่มหามเกี้ยวออกมาจากด้านในพวกเขาไม่รู้ว่าภายในรถม้าที่สวีจงฉือควบอยู่ มีหมอสองคนที่พวกเขากำลังต้องการจะพบจึงปล่อยให้คลาดกันไปอย่างหวุดหวิดพวกเขากลับย้อนไปตามทางที่ทหารเหล่านั้นแนะนำมาสวีจงฉือเลิกผ้าม่านรถม้าขึ้น พลางกล่าวเสียงเบา “แม่นางเจี่ยน มาถึงจวนราชเลขาแล้ว เราจะเข้าไปดูอาการและรักษาเขาดีหรือไม่?”“อย่าไปสนเขา เดินทางต่อไป” เจี่ยนอันอันหลับตานิ่ง พูดโดยไม่ต้องคิดสวีจงฉือรับคำ พร้อมควบรถม้าต่อไปพวกเขาจะมุ่งไปอีกที่หนึ่ง เพื่อรักษาโรคให้ชาวบ้านที่นั่นจวนราชเลขาธิการใหญ่โตโอ่อ่านัก รอบๆ บริเวณจึงไม่มีบ้านผู้อื่นอาศัยอยู่เลยรถม้าวิ่งไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงถนนสายหลักผู้คนที่นี่ดูมากกว่าที่อื่นหน่อย ตามโรงเตี๊ยมและร้านน้ำชาก็มีคนเข้าออกเพียงแต่สีหน้าแต่ละคนดูเร่งรีบ พร้อมต่างใช้ผ้าปิดปากและจมูกไว้ มีอาการไอเป็นระยะออกมาให้เห็นเจี่ยนอันอันบอกให้สวีจงฉือหยุดรถ พลางใช้ลำโพงเปิดเสียงออกมาอีกผู้คนที่สัญจรเมื่อได้ยินเสียง ต่างก็มารุมล้อมจนแม
เพียงไม่นานยาก็ถูกขายหมดสิ้น ส่วนผู้ที่รับยาไป หลังจากกินแล้วต่างก็สบายเนื้อสบายตัวขึ้นมากพวกเขาต่างเก็บยาไว้ เพื่อจะรีบนำกลับไปให้คนที่บ้านได้กินเจี่ยนอันอันได้ยินชาวบ้านเดินไปพูดคุยไป“เมืองอินเป่ยของเรามีหมอเก่งขนาดนี้มาอยู่ตั้งแต่เมื่อใด ทำไมข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อน”“แต่ข้าได้ยินมาว่า หมอคนนี้เก่งกล้าสามารถนัก ไม่ว่าโรคใดก็รักษาได้หมด ดูเหมือนว่าจะอาศัยอยู่ในย่านคนจนที่หมู่บ้านชิงสุ่ย”“ทำไมหมอเก่งขนาดนี้กลับไปอยู่ในที่แร้นเค้นเช่นนั้น? อยากให้นางมาอยู่ในเมืองมากกว่า เผื่อวันหลังใครปวดหัวตัวร้อนหรือเป็นโรคอื่น จะได้ให้นางช่วยรักษา”เจี่ยนอันอันขึ้นรถม้าต่อ บอกให้สวีจงฉือควบไปทางประตูเมืองเพราะที่นั่นเป็นเขตป้องกันตัวเมือง หากทหารประจำการก็ได้รับเชื้อเช่นกัน แล้วไม่ได้รับการรักษา อาจมีโอกาสแพร่ให้ผู้อื่นได้มากรถม้ามาถึงด้านล่างประตูอย่างรวดเร็วทุกวันนี้จางเฉวียนเป็นทหารเฝ้าประตูเมืองแล้ว มีคนมารายงานว่ามีรถม้าคันหนึ่งวิ่งมาเขารีบขึ้นไปยังประตูเมืองแล้วมองลงด้านล่างทันทีที่เห็นเจี่ยนอันอันกับพวกลงจากรถม้า เขาก็จำนางกับฉู่จวินสิงได้หากไม่เพราะสมัยก่อนเจี่ยนอันอันช่ว
นางเพียงมอบยาป้องกันให้จำนวนหนึ่ง แต่กลับสามารถซื้อใจคนได้อย่างดีเยี่ยมนี่ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้นางในวันที่สามารถกลับไปยังเมืองจิงโจวในภายภาคหน้าเจี่ยนอันอันเห็นว่าเป้าหมายบรรลุแล้วจึงกล่าวลากับจางเฉวียนจางเฉวียนมองส่งรถม้าจากไป หัวใจที่แขวนค้างในที่สุดก็สามารถปล่อยวางลงได้เสียทียังดีที่เจี่ยนอันอันไม่ได้เอายาป้องกันมาให้พวกเขาเพื่อจะออกจากเมืองไปโดยพลการไม่อย่างนั้น ไม่แน่ว่าเขาอาจถูกนำตัวไปรอรับการลงทัณฑ์ที่สำนักราชเลขาธิการเหมือนเฉินหย่งเหนียนก็เป็นได้หลังจากเฉินหย่งเหนียนถูกจับตัวไปก็ไม่เห็นเงาร่างของเขาอีกเลยเกรงว่าป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว……รถม้าเคลื่อนผ่านสถานที่หลายแห่งในตัวเมือง ชาวบ้านในเมืองล้วนได้รับยารักษาโรคเฉพาะทางที่คนทั้งสองทำขึ้นมาหมดแล้วตอนนี้เกรงว่าคงมีเพียงคนในสำนักราชเลขาธิการที่ยังไม่ได้รับการรักษาหลังจากรถม้าวิ่งไปได้สักพัก เจ้าหน้าที่ซึ่งหามเกี้ยวสองกลุ่มก็สวนทางมาเมื่อพวกเขาเห็นรถม้าก็เร่งฝีเท้าเข้ามาหาคราวนี้ในที่สุดพวกเขาก็จำสวีจงฉือที่นั่งอยู่บนรถม้าได้ก่อนหน้านี้หลังจากพวกเขาหามเกี้ยวไปถึงจุดหมายก็พบว่าที่นั่นว่างเปล่าปราศจากผู้คน
วันนี้ก็หาเงินได้อีกแล้วเย็นนี้เขาจะต้องกินอาหารดีๆ สักมื้อเพื่อตกรางวัลให้กับความเหน็ดเหนื่อยในวันนี้สักหน่อยหลังพวกเจ้าหน้าที่กินยารักษาโรคเฉพาะทางแล้วก็หามเกี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง ออกเดินทางไปยังสำนักราชเลขาธิการต่อไปคราวนี้ฝีเท้าพวกเขารวดเร็วราวเหินบิน ร้อนใจอยากให้ใต้เท้าของพวกตนได้รับยารักษาโรคเฉพาะทางโดยเร็ว เขาจะได้หายดีไวๆ คนทั้งคณะเดินทางมาถึงบริเวณนอกสำนักราชเลขาธิการอย่างรวดเร็ว พ่อบ้านออกมารอหน้าประตูอยู่นานแล้วเมื่อเขาเห็นรถม้าที่ตามมาด้วยก็อึ้งไปอย่างอดไม่อยู่เขาเห็นรถม้าคันนี้วิ่งผ่านหน้าประตูสำนักราชเลขาธิการไปก่อนหน้านี้ถ้าเขารู้แต่แรกว่าผู้อยู่ในรถม้าคือท่านหมอที่พวกตนกำลังตามหาเขาจะต้องไม่มองรถม้าคันนี้วิ่งจากไปโดยไม่ทำอันใดอย่างแน่นอนพ่อบ้านรีบออกมาต้อนรับ เขาเลิกผ้าม่านเกี้ยวหลังแรกขึ้นก็พบว่าผู้อยู่ในนั้นคือแม่นางอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งพ่อบ้านคิดในใจ แม่นางที่อายุน้อยปานนี้สามารถรักษาโรคให้ใต้เท้าของตนได้จริงหรือ?พ่อบ้านไม่พูดพร่ำ รีบเชิญเจี่ยนอันอันเข้าไปข้างในทันทีพวกเจี่ยนอันอันสี่คนเดินไปจนถึงห้องนอนที่ราชเลขาธิการพักอยู่ภายใต้การนำทางของพ่อบ
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ