ภายในห้องพักผ่อนของหลี่กุ้ยเฟย ซานซานตั้งใจจัดดอกไม้ใส่แจกันหยกอย่างสวยงามที่สุดเพื่อมอบให้หลี่กุ้ยเฟย หวังประจบเอาใจ หมายมาดขึ้นแสดงเพลงพิณในงานเลี้ยงวันนี้“เจ้าดีดพิณเป็นด้วยหรือ?”หลี่กุ้ยเฟยถามเสียงเบามาก เพราะนั่งอยู่ที่โต๊ะทรงเตี้ยริมหน้าต่าง โดยมีเด็กน้อยลู่หลิ่งเล่นจนเหนื่อยฟุบหลับเป็นก้อนกลมอยู่ข้างๆ ใบหน้านุ่มนิ่มแดงเรื่อมีดวงตาที่กำลังหลับพริ้ม ปากจิ้มลิ้มสีชมพูคล้ายเคี้ยวขนมตุ้ยๆ อยู่ในฝันอย่างมีความสุข พระนางจึงไม่ประสงค์พูดคุยเสียงดังซานซานตอบกลับเสียงเบาเช่นกัน “หม่อมฉันพอมีฝีมืออยู่บ้างเพคะ” นางนั่งปักดอกไม้ใส่แจกันอยู่เยื้องไปทางด้านหลังของหลี่กุ้ยเฟยยี่ซินที่คอยปรนนิบัติรับใช้หลี่กุ้ยเฟยอยู่อีกฝั่งถามอย่างตรงไปตรงมา “สตรีที่ขึ้นแสดงล้วนแล้วแต่มีจุดประสงค์เดียวกัน ตัวเจ้ามีลูกแล้ว ผ่านการมีสามีแล้ว จักขึ้นแสดงทำไม?”ซานซานตอบกลับเสียงนุ่ม ซ่อนแววเจ้าเล่ห์มิดชิด“ใบหน้าของข้าอาจไม่งามเท่าใครเขา ไม่สูงส่ง ไม่ยั่วยวน แต่ขอแค่ได้ขึ้นแสดงเถิด เงินรางวัลย่อมไม่พลาด ข้าจะนำมาแบ่งปันให้พี่ซินด้วย”ยี่ซินขมวดคิ้วมุ่น “มั่นใจปานนั้น”“แน่นอน”หลี่กุ้ยเฟยอดมิได้ต้องคลี่ยิ้ม
ถึงแม้ว่าผิวเนื้อกระดาษจะต่างกัน เพราะแผ่นหนึ่งเป็นกระดาษตำหนักใน แผ่นหนึ่งเป็นกระดาษส่งสาร หากแต่ลายมือเหมือนกันยิ่ง “ไม่ผิด! ลายมือเดียวกัน”หลี่กุ้ยเฟยกับยี่ซินเอ่ยปากพร้อมเพรียง ยามนี้ไม่มีใครสนใจคำรายงานบนกระดาษเรื่องรัชทายาทเลยซานซานเอ่ยพึมพำ แววตาคมกริบ สาดประกายข่มขวัญ “ที่แท้ เหย่หนิวของข้า ก็คือองครักษ์ของรัชทายาทรึ?” “เขาคงปลอมตัวไปทำภารกิจลับกระมัง” ยี่ซินช่วยพินิจ“เป็นไปได้...” หลี่กุ้ยเฟยยังร่วมวิเคราะห์ซานซานได้ข้อสรุปทันที“เป็นถึงคนสนิทของรัชทายาท สกุลย่อมใหญ่โตไม่ธรรมดา เบี้ยหวัดยิ่งได้มากโข จะเลี้ยงดูภรรยาสักคนมิได้เชียวรึ? จำต้องทิ้งลูกเลยหรือไร? ข้าขอไปดูหน้าสักหน่อยเถิด”จบคำก็ลุกขึ้นทันใด ยังไม่ลืมทำความเคารพหลี่กุ้ยเฟย แล้วเดินออกจากห้องไปเลยเพราะที่ผิงเหยียน สามีใช้วิชาแปลงโฉม ซานซานจึงไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ครานี้นับเป็นโอกาสอันดีได้เห็นหน้าชายชั่วเต็มสองตา!ท่าทางตรงไปตรงมาและไร้จริตมารยาของซานซาน แม้จะแตกต่างจากมารยาทอันพึงปฏิบัติของข้าหลวงในวังไปบ้าง ทว่าหลี่กุ้ยเฟยไม่เคยถือสา ทั้งยังชมชอบที่นางเป็นเช่นนี้หากเปรียบเทียบระหว่างสนมของฮ่อง
หน้าประตูเรือนรับรองภายในตำหนักฮุ่ยเยี่ยน“วันหน้าข้าจะมอบปิ่นหยกให้เจ้านะ”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามุมหนึ่งไม่ไกลกำลังมีมหันตภัยคืบคลานซานซานกำหมัดแน่นจนกระดูกลั่นดังกร๊อบ โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร ไฟโทสะลุกโหมท่วมตัวภาพหนึ่งผุดขึ้นจนเต็มสมอง ครานั้นเหย่หนิวก็ปักปิ่นไม้ให้นางเช่นนี้ บอกว่าคราวหน้าจะมอบปิ่นหยกให้เช่นกัน ที่แท้เหย่หนิวก็มิได้มีนางคนเดียว แต่เขากลับมีคนรักรออยู่ที่วังหลวงแห่งนี้ทั้งคนทั้งคำสัญญานั่น บัดซบสิ้นดี!ซานซานตัดสินใจปรากฏกาย คำรามลั่น“เหย่หนิว!”ผลที่ได้คืออู๋เจี๋ยหันตามเสียงนั้น เมื่อเขาเห็นเป็นซานซาน ก็แตกตื่นเบิกตาโพลง ถอยหลังไปหนึ่งก้าวใหญ่ ตกใจอย่างที่สุด อุทานเสียงหนึ่ง“ชิงหลิน!”ท่าทางตื่นตระหนก สีหน้าซีดเผือด ยังเรียกนามถูกต้อง ยิ่งตอกย้ำกับซานซานอย่างยิ่งนางเข้าใจไม่ผิดจริงๆ...ตำหนักหยางซินหลังจากมอบหมายให้อู๋เจี๋ยไปส่งข่าวต่อพระมารดา จ้าวเหว่ยก็พาร่างสูงในชุดเกราะปีกเหล็กสีดำเดินเข้ามาในห้องส่วนตัว ขันทีคนสนิทนามอู๋เจิ้งพลันถลันตามเข้ามาอย่างรู้หน้าที่อู๋เจิ้งคือน้องช
หลังจากอ่านรายนามพร้อมสรรพคุณของสาวงามเสร็จ ก็เข้ามาถึงห้องด้านในพอดี อู๋เจิ้งนำภาพวาดของมวลบุปผาไปวางไว้ที่โต๊ะด้านหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหันมาถอดชุดเกราะให้นายเหนือหัวเพื่อเปลี่ยนฉลองพระองค์ พร้อมรายงานข่าวคราวการเคลื่อนไหวต่างๆ ของพระราชวังไปด้วยอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ท่าทางตั้งอกตั้งใจสีหน้าจริงจังไม่เหมือนงิ้วเช่นคราแรก ในบรรดาข่าวทั้งหลาย เรื่องของมารดาสำคัญที่สุด และเพื่อมิให้ข่าวสำคัญของหลี่กุ้ยเฟยกลบข่าวอื่นๆ จนหมด อู๋เจิ้งจึงเรียงลำดับรายงานเรื่องของพระนางเอาไว้หลังสุดเสมอ“ครั้งนี้ฝ่าบาทมิได้เสด็จไปด้วย เนื่องจากสนมที่กำลังมอบความโปรดปราน บังเอิญไม่สบาย เกรงว่าครรภ์จะมีปัญหา พระสนมหลี่กุ้ยเฟยจึงเดินทางไปไหว้พระขอพรให้รัชทายาทเพียงผู้เดียว เหตุการณ์ลอบสังหารถูกสืบสาวจนจับผู้เกี่ยวข้องได้แล้ว พบว่าเป็นคนของพระสนมฟู่ที่กำลังตั้งครรภ์ นางต้องการครอบครองความโปรดปรานเพียงผู้เดียว ทว่ายามถูกลงทัณฑ์นางกลับปฏิเสธจนวาระสุดท้ายพ่ะย่ะค่ะ”ร่างสูงยืนฟังด้วยท่าทางนิ่งขรึมพลางวิเคราะห์เสียงเรียบ “เป็นไปได้ว่าคนร้ายตัวจริงมิใช่นาง”“หลักฐานล้วนชี้ชัดว่าเป็นนางพ่ะย่ะค่ะ”จ้าวเหว่ยรับฟั
บุรุษหนุ่มสูงศักดิ์ ท่าทางสงบเยือกเย็น นิสัยสุขุมนุ่มลึกตลอดเวลายามนี้กำลังตื่นเต้นอย่างที่สุด ใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะเย็นชาอยู่เสมอ พลันมีดวงตาที่สั่นไหวไม่หยุดนางมีนามว่าซานซาน มาจากผิงเหยียน มีบุตรแล้วหนึ่งคน มิใช่ชิงหลิน สกุลหาน ที่ยังไม่มีบุตรหรือธิดาจ้าวเหว่ยปรารถนาให้จอมยุทธ์หญิงเป็นซานซานของเขา ถึงแม้ข้อเท็จจริงจะมีเพียงแค่ว่า นางมีนามเดียวกัน! เรื่องบุตรล้วนห่างไกลจากสิ่งที่เขาได้รับรู้แต่หากนางคือซานซานจริง สิ่งที่เขากำลังหวาดกลัวในลำดับต่อมา คือเสด็จพ่อจะทรงรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางหรือไม่ ว่านางคือชิงหลิน สตรีของเขาคนที่เสด็จพ่อต้องการกำจัดทิ้งที่ผิงเหยียนขณะครุ่นคิด จ้าวเหว่ยยิ่งเร่งฝีเท้าเดินไปทางตำหนักของหลี่กุ้ยเฟย ในใจของเขาร้อนรุ่มดังมีไฟสุม ท่าทีเร่งร้อนอย่างที่ไม่เคยมีใครได้พบเห็นอู๋เจิ้งเดินตามแทบไม่ทัน ยังมีนางกำนัลที่ประคองอาภรณ์สำหรับใส่ร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ซอยเท้าตามอีกเป็นขบวนจ้าวเหว่ยถามเสียงต่ำให้ได้ฟังเพียงอู๋เจิ้งที่เดินตามทางด้านหลัง “นางบอกว่ามาจากผิงเหยียน แล้วบอกอะไรอีก” “ทูลองค์ชาย กระหม่อมย่อมทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด นางมีนามว่าซานซาน ถูกสา
คนเก่งบางครั้งยังพลั้งพลาด คนฉลาดบางครายังแสนโง่ ซานซานในยามนี้คือสตรีที่โง่เขลายิ่ง กลางสวนดอกไม้ของตำหนักฮุ่ยเยี่ยนจึงปรากฏภาพความวุ่นวายเกินคาดการณ์องครักษ์และทหารประมาณห้าหกคนกำลังยืนเป็นกำแพงมนุษย์ปกป้องอู๋เจี๋ยที่หลบอยู่ทางเบื้องหลัง โดยมีซานซานยืนตระหง่านคำรามลั่น“เจ้าลูกเต่าเหย่หนิว ออกมาให้ข้าถลกหนังเสียดีๆ”น้ำเสียงน่ากลัวที่สุด แววตายิ่งโหดเหี้ยมอำมหิต บุรุษห้าวหาญอย่างอู๋เจี๋ยไม่มีทางออกจากแผ่นหลังสหายแน่นอนองครักษ์นายหนึ่งเอ่ยขึ้นกับซานซานที่ยามนี้กลายร่างเป็นพยัคฆ์สาวพร้อมขย้ำแมวหนุ่มให้เลือดสาด “แม่นางซาน โปรดใจเย็นก่อนเถิด เก็บอาวุธเสีย มันผิดกฎระเบียบนะขอรับ”หญิงสาวหรี่ตาเอ่ยเสียงเยียบเย็นกระชับดาบในมือแน่น“กฎพระราชวังห้ามพกพาอาวุธ ข้าย่อมปฏิบัติเคร่งครัด และนี่ก็มิใช่อาวุธของข้า แต่เป็นของเจ้าลูกเต่าบัดซบนั่น อยากได้คืนก็โผล่หัวออกมา”ทุกคนพลันแตกตื่น โดยเฉพาะอู๋เจี๋ยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าอาวุธประจำกายถูกปลดไปเมื่อใด ว่องไวเกินไปแล้ว...“ออกมา!” ซานซานตวาดก้อง ทำทุกชีวิตสะดุ้งเฮือกอู๋เจี๋ยส่ายหัวแทบหลุด ปฏิเสธแทบคลั่ง ซูเหยาที่ยืนอีกฝั่งทำอันใดไม่ถูกทั้งนั้
ชั่วขณะครุ่นคิดลึกซึ้ง ชายผ้าสีน้ำเงินพลันถูกกระตุกจากเบื้องล่าง จ้าวเหว่ยก้มลงมอง เห็นเด็กน้อยน่ารัก ดวงหน้าจิ้มลิ้มดวงตากลมโต พวงแก้มอมชมพูระเรื่อ กำลังแหงนมองพร้อมรอยยิ้มบริสุทธิ์สดใสลู่หลิ่งเป็นเด็กฉลาด ยี่ซินเคยชี้แนะบุคคลสำคัญจนหมด ใครเป็นใครในวังแห่งนี้นางล้วนจำได้ดี และเพื่อความสงบสุขของมารดาจึงรู้ว่าควรประจบเอาใจใคร ควรหนีห่างใคร ใช้ความน่ารักสดใสให้เป็นประโยชน์สูงสุดอย่างไรเด็กหญิงกางแขนออก สีหน้าออดอ้อน ทำท่าให้อุ้ม เพราะนางตัวเล็กเกินไป มองท่านแม่ไล่ฆ่าท่านพ่อไม่ถนัดรัชทายาทหนุ่มยิ่งอึ้งเมื่อเข้าใจท่าทางของเจ้าก้อนแป้งอู๋เจิ้งที่ยืนอยู่เบื้องหลังกระซิบบอก “แม่นางน้อยคือลู่หลิ่ง บุตรสาวของแม่นางซานพ่ะย่ะค่ะ”ประหนึ่งถูกฟ้าผ่ากลางใจอีกคำรบใหญ่ เกิดกระแสอุ่นวาบที่กลางอกแกร่ง ส่งผ่านม่านตาจนเดือดระอุ ดวงตาบุรุษพลันร้อนผ่าวจ้าวเหว่ยค่อยๆ ยอบกายสูงสง่านั่งลงตรงหน้าเด็กน้อย เอื้อมมือสั่นเทารั้งร่างเล็กเข้ามาใกล้ ได้ยินเสียงเด็กหญิงกล่าวว่า“ท่านแม่โกรธท่านพ่อมากมายเหลือเกิน องค์รัชทายาททรงเปี่ยมเมตตา พระองค์ทรงห้ามท่านแม่ได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้ท่านแม่ฆ่าท่านพ่อเลย”
ริมดอกไม้ของตำหนักหรูหรา มีผู้คนวุ่นวาย ทั้งทหาร ขันที นางกำนัล ยืนเกาะกลุ่มอยู่เบื้องหลังองค์รัชทายาทหนุ่มผู้อุ้มเด็กหญิงน่ารักแนบอก คล้ายเป็นอาวุธหนึ่งเดียวที่จักต่อสู้กับมัจจุราชจากปรภพเบื้องหน้าของกลุ่มผู้คนทั้งหมด คือสตรีผู้หนึ่ง เป็นนางกำนัลร่างระหงอ้อนแอ้น ในมือถือดาบที่ช่วงชิงมา นางยืนจ้องมองทุกชีวิตอย่างชั่วช้าโหดร้ายจ้าวเหว่ยพยายามมองซานซานด้วยสายตาเรียบนิ่ง คงไว้ซึ่งท่าทางสุขุมนุ่มลึก แผ่ซ่านกลิ่นอายทรงอำนาจของบุรุษมากบารมีโดยธรรมชาติเดิมทีซานซานไม่คิดจะไว้หน้าผู้ใด ทหารทั้งหลายที่คอยเกลี้ยกล่อมหวังไกล่เกลี่ยยิ่งไม่อยู่ในสายตา ทว่ากับบุรุษสูงศักดิ์ตัวโตมากกว่าเจ็ดเซียะ[1]ตรงหน้า นางไม่อาจไม่ใส่ใจหญิงสาวรีบปรับอารมณ์โกรธา แหงนใบหน้าที่อยู่แค่ระดับแผงอกหนาแล้วส่งสายตาทอดมองบุรุษตัวสูง กิริยาที่แสดงออกเฉกเช่นผู้น้อยมองผู้นำ มิบังอาจแสดงอาการกราดเกรี้ยวหรือทำตัวไม่บังควร“ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ”ซานซานทำความเคารพจ้าวเหว่ยตามพิธีการ ท่าทางเดือดดาลร้อนรุ่มเมื่อครู่สงบลงมาก รังสีน่าสะพรึงเจือจางหายไป ภัยคุกคามใดๆ ล้วนอันตรธานจ้าวเหว่ยเห็นเช่นนั้นอาการแข็งทื่อทั่วร่างก็เริ่
ฉับพลันในห้วงภวังค์ของซานซานก็มีอู๋เจี๋ยแทรกเข้ามา องครักษ์หนุ่มผู้เป็นสามีของนางขณะเดียวกันก็มีใบหน้าของซูเหยา สตรีอ่อนแอที่คุกเข่าทั้งน้ำตาต่อหน้า ไหล่บอบบางสั่นไหวเพราะร่ำไห้เสียใจสุดแสน ปากยังขอร้องแทนบุรุษไม่หยุด เล่ห์เหลี่ยมยิ่งไม่มีให้เห็นวันที่ประจันหน้ากับอู๋เจี๋ย สายตาของเขายามมองนางกับมองซูเหยาต่างกันในแววตาที่มองนางมีเพียงความหวาดกลัวและรู้สึกผิด แต่แววตาที่มองซูเหยากลับมีความรู้สึกผิดและความรักท่วมท้นพวกเขารักกันมาก่อน ทั้งยังรักกันปานนั้นหากนางไม่ตัดใจ ย่อมมิใช่คนแล้ว...หญิงสาวยิ่งครุ่นคิดหนักหน่วง นางพยายามนึกถึงอู๋เจี๋ยทว่ายิ่งเพ่งพินิจนึกถึงภาพอู๋เจี๋ย ซานซานยิ่งสัมผัสได้ถึงความเหินห่าง ลักษณะท่าทางยังคล้ายคนแปลกหน้า ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด หากแต่เหตุการณ์เมื่อคืนกับรัชทายาทจ้าวเหว่ยกลับคุ้นเคยอย่างประหลาด ทั้งยังมีประโยคเด่นชัดในห้วงฝันนั่นอีก!คิดไปคิดมาก็พลันนึกถึงฉากรักกับจ้าวเหว่ยคิดถึงลีลากอดเกี่ยวโอบกระหวัด ท่วงท่าต่างๆ ยามรึงรัด รสสัมผัสเคล้นคลึงจากฝ่ามือหนา วงแขนแข็งแรงที่กกกอด ยามประทับจุมพิต ทิศทางการไล้แผ่วปลายนิ้วไปตามส่วนโค้งเว้าใบหน้าหล่อเหลาป
หลี่กุ้ยเฟยถอนหายใจหนักอก แล้วเอ่ยตามตรง“อาซาน ฐานะทางสังคมของเจ้าต่ำต้อยด้อยศักดิ์เกินไป ทั้งนิสัยใจคอของเจ้ายังร้ายกาจเกินไป ข้าไม่อาจให้เจ้าพลาดพลั้งถลำใจไปกับเสน่หาอันลึกล้ำของรัชทายาทได้ หากเจ้าชอบเขามากๆ แล้วพระชายาในภายภาคหน้าของเขาจะเป็นเช่นไร มิเหลือแต่ซากรึ?”“...!?”ประโยคที่ได้ยินทำผู้ฟังแปลกใจจนเลิกคิ้วสูง นึกฉงนไม่น้อย ได้ยินพระนางกล่าวอีกว่า“ข้ามั่นใจว่า สตรีที่จะได้เป็นพระชายาของเขา ย่อมต้องเป็นสตรีหนึ่งเดียวในดวงใจแน่ เจ้าไม่ควรเป็นศัตรูหัวใจกับนาง”“...!?”“เอาล่ะๆ เมื่อคืนเจ้าทำดีแล้วแต่อารมณ์กำหนัดของบุรุษข้าเองก็ไม่ควรเพิกเฉย หากปล่อยปละละเลยอาจป่วยไข้เอาได้ จำไว้ว่าต่อให้เจ้าได้ปรนนิบัติบุตรชายข้า ก็อย่าได้คิดเกินเลยกว่าฐานะสาวใช้อุ่นเตียง และอย่าเข้าใกล้หากไม่จำเป็น เขารูปงามปานนั้น สูงส่งน่าหลงใหล เจ้าทนทานมิให้บังเกิดรักปักใจต่อเขามิได้หรอก หากเป็นเช่นนั้น ว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าต้องลำบากแน่ๆ”“...!?”ซานซานรับฟังด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง หมดคำใดจะเอื้อนเอ่ย ได้ยินหลี่กุ้ยเฟยเอ่ยย้ำอีกครั้ง“ไปคัดกฎระเบียบราชวังหนึ่งร้อยจบ อย่าให้ใครครหาเอาได้ว่าเจ้าใช้ความโปรดปรานข
ชาติก่อนซานซานคือนางมารจอมชั่วร้ายผู้หนึ่ง ชาตินี้นับว่าเป็นคนดีมากนัก เหลือไม่ดีอีกเล็กน้อยเท่านั้นยกตัวอย่างเช่นเรื่องนี้แอบมีสัมพันธ์สวาทกับบุตรชายสุดที่รักของเจ้านาย ทำตัวคล้ายบ่าวหญิงแพศยาในเรือนขุนนางนอกวังไม่ผิดเพี้ยน เรื่องแบบนี้มิใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นในวังหลวง หญิงรับใช้ใกล้ชิดของพระสนมยังแอบปีนเตียงฮ่องเต้เพื่อยกฐานะตน เพียงแต่ซานซานมิได้ต้องการฐานะอันใดให้ยุ่งยากซับซ้อน ขอแค่เงินทองเยอะๆยี่ซินตีหน้าขรึมเอ่ยเสียงเข้ม “อย่ามาโกหกเลย อาซาน เจ้ากล้าปฏิเสธรัชทายาทเชียวรึ?”“โอว...” ซานซานมีสีหน้ายุ่งยากใจ “ไม่ปฏิเสธได้รึ?”ยี่ซินถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ไหวอีกต่อไป “เจ้านี่นะ”หลี่กุ้ยเฟยนั่งจิบชานิ่งฟังบทสนทนาด้วยสีหน้าเยือกเย็น รู้สึกพึงพอใจกับการกระทำของซานซานไม่เบา ได้ยินเสียงสนทนากระซิบกระซาบของคนสนิททั้งสองเกิดขึ้นต่อเนื่องว่า“พี่ซินๆ”“หืม?”“รัชทายาทมีนางกำนัลอุ่นเตียงเยอะหรือไม่?”“เจ้าถามทำไม?”“พระองค์ยังมิได้แต่งงาน แสดงว่ามีคนอุ่นเตียงเยอะแล้ว เช่นนั้นข้าจึงเห็นสมควรว่าไม่ควรเข้าไปเพิ่มจำนวนให้วุ่นวาย”“เหลวไหล!” ยี่ซินเริ่มเสียงดัง “รัชทายาทของพวกเราเป็นบุรุษที่หวงเ
แสงตะวันยามเช้าแผดกล้าร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆบ่งบอกได้ว่าถึงเวลาที่ควรไปดูแลบุตรสาวตัวน้อย อันสำคัญเหนืออื่นใดซานซานจึงส่ายศีรษะไล่ความง่วงงุนให้สิ้นไปแล้วลุกขึ้น ยังไม่ลืมทำลายหลักฐานบนเตียงนอน ที่บัดนี้โชยคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายวสันต์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะหลังร่วมรักส่วนยาห้ามครรภ์ แน่นอนว่าซานซานปรุงขึ้นได้ไม่ยาก และไม่มีใครรู้ด้วยนางจะทำเป็นยาลูกกลอนเม็ดกลมเล็กๆ จะได้พกพาสะดวกหลังจากล้างเนื้อตัวจนสะอาดหอมกรุ่น ยังไม่ลืมลบเลือนริ้วรอยฝากรักก่อนสวมใส่ชุดนางกำนัลเช่นเดิม ออกจากห้องมาหาบุตรสาว กินข้าวเช้าด้วยกัน คุยเล่นหยอกเย้า ชี้แนะทุกเรื่องราว พาไปส่งสำนักศึกษาประจำราชวัง ได้ร่ำเรียนร่วมกับบุตรหลานเชื้อพระวงศ์เด็กๆ ในชั้นเดียวกันยังอายุน้อย ปัญหาปากเสียงกระทบกระเทียบระหว่างชนชั้นจึงไม่มี ลู่หลิ่งเข้ากับทุกคนได้ดียิ่งโดยเฉพาะองค์ชายห้า นามว่า ถังจ้าวสุนถังจ้าวสุนคือโอรสหนึ่งเดียวของฮองเฮาแห่งต้าถัง หลายครั้งที่ซานซานได้เห็น เด็กชายอ้วนท้วนอายุเพียงเจ็ดปีผู้นี้จูงมือหลิงเอ๋อร์ในวัยสี่ปีวิ่งเล่นไปทั่วอุทยาน หากรอดพ้นสายตานางกำนัลได้ ก็มักจะสลับกันผัดหน้าทาชาดสนุกสนาน บางวันยังมีน้ำมันหอ
ผู้ฝึกยุทธ์มักเปี่ยมกำลังวังชา การศึกครานี้จึงใช้เวลายาวนานนัก การทรมานอันสุขสมคล้ายนิรันดร์การเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างซานซานและจ้าวเหว่ย ยังคงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสมอ นับตั้งแต่ห้าปีก่อนที่เรือนริมธาร กระทั่งยามนี้ที่ตำหนักใน ความสัมพันธ์ทางกายสนิทสนมเยี่ยงนี้คล้ายโซ่ตรวนชนิดหนึ่ง ซึ่งผูกพันทั้งสองเอาไว้จนยากจะคลายตัวลมราตรียังคงเย็นเยียบโชยผ่านเรือนพัก แต่ใครจะรู้ว่าเตียงในห้องๆ หนึ่งจักอุ่นร้อนเพียงใด จ้าวเหว่ยไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยซานซานเอาไว้ให้นอนคนเดียว กำลังวังชามากมายของเขาล้วนใช้ไปกับกิจกรรมระหว่างสามีภรรยาทำเอาซานซานถึงกับอ่อนระโหยโรยแรงหน้ามืดตาลายไปหมด หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่า องค์รัชทายาทผู้สูงส่งเลิศล้ำจักเป็นบุรุษเช่นนี้ ทำนางมึนงงสิ้นดี พอเสียทีได้ไหม?“หยุด...หยุดก่อน...” เส้นเสียงแหบแห้งเพราะผ่านการครวญครางนับครั้งไม่ถ้วนเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “ไม่ไหวแล้ว...”ขณะที่หยาดเหงื่อกำลังผุดพราย รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์พลันปรากฏบนใบหน้าบุรุษ จ้าวเหว่ยก้มหน้าลงใช้ปลายจมูกโด่งสันหอมแก้มนางไปอีกหนึ่งครั้ง ก่อนมอบอิสระให้แก่ร่างอุ่นนุ่มโดยการปล่อยนางออกจากวงแขนร้อนผ่าวชื้นเหงื่อ แล
รัชทายาทหนุ่มไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดีซานซานยังคงคิดถึงชายอัปลักษณ์แม้ว่ากำลังร่วมรักกับชายงามสูงศักดิ์จ้าวเหว่ยรู้ดี ว่านางใต้ร่างมิได้รักเขาที่เป็นเชื้อพระวงศ์ ทว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองอู๋เจี๋ยที่คิดว่าเป็นเหย่หนิวก็ไม่มีความรักหลงเหลืออยู่เช่นกันก่อนหน้านี้ยามที่ประจันหน้า ทั้งแววตาทั้งท่าทาง เผยชัดแจ้งถึงความแค้นเคืองชิงชัง ไม่มีความหลังให้จดจำหวนคืนนางชัดเจนปานนั้น แต่กลับ…ชั่วขณะหนึ่งที่เห็นเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลายามก้มลงต่ำพร้อมลมหายใจหนักหน่วงรินรดข้างแก้ม ซานซานก็เริ่มจับกระแสความคิดของจ้าวเหว่ยได้เพราะใบหน้าใกล้กันถึงเพียงนี้ สายตาดำจัดของเขาร้อนแรงปานนั้น ราวกับมีเปลวเพลิงเต้นระริกไม่หยุด ทั้งตื่นเต้นทั้งสับสนระคนแปลกใจเรียวคิ้วงามขมวดวูบ “ท่านได้ยินนี่”เสียงหัวเราะทุ้มนุ่มพลันบังเกิด “ข้ามิได้หูหนวก”ซานซานยิ่งรู้สึกผิด “หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ”จ้าวเหว่ยหยุดขยับกาย แต่ยังรักษาความรู้สึกรัญจวนใจเอาไว้ด้วยการฝังนิ่งตรึงนาง ก้มหน้าหอมแก้มนวลแรงๆ หนึ่งที เอ่ยเสียงสั่นพร่าอย่างใจดีว่า “เจ้าแก้ตัวด้วยการเรียกนามข้าได้”หญิงสาวเบือนหน้าหนี “หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”ชายหนุ่มไม
บนเตียงนุ่มที่เริ่มอุ่นร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร่างสองร่างเปล่าเปลือยกอดกระหวัดรัดรึงด้วยความทุลักทุเลเพราะฝ่ายสตรีไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มานานมาก ทั้งยังรู้สึกแปลกหน้ายิ่ง จึงตอบสนองเงอะงะพอควรจ้าวเหว่ยถอนใบหน้าออกจากซอกคอขาว ในใจนึกเอ็นดูระคนสงสาร แต่ท่าทางตื่นเต้นของซานซานทำเขานึกอยากแกล้งอย่างที่สุด ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความคิดที่จะคลายวงแขนปลายจมูกโด่งสันไล่หอมแก้มนวลไม่หยุดยั้ง ริมฝีปากยังไล่จุมพิตไปทั่วใบหน้า ลำคอ เนินอก ทิ้งร่องรอยลึกซึ้งไม่มีเกรงใจ จนซานซานต้องถอยร่นจนชิดผนังห้องข้างเตียงอย่างหมดท่าบุรุษยิ่งนานยิ่งรุกล้ำ จนใบหน้าขาวผ่องเนียนนุ่มยิ่งนานยิ่งเห่อแดงร้อนแรงกว่าถ่านไฟ กิริยาท่าทางดุจดรุณีวัยแรกแย้ม มิใช่จอมยุทธ์หญิงอีกต่อไป ซึ่งซานซานเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงได้กลายร่างเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปเช่นนี้จ้าวเหว่ยยังคงรุกไล่จุมพิตซานซานไปทั่ว ฝังใบหน้ากับหน้าอกอวบอิ่ม ดูดกลืนยอดถันชูชัน กระทั่งนางเขินอายจนพลิกตัวหันหลังให้เพื่อทำใจ เขาก็ยังไล่จูบนางทางด้านหลังประทับตราตั้งแต่เรือนผม ท้ายทอย หัวไหล่ แผ่นหลังนวลเนียนฝ่ามือร้อนลวกยังจับกระชับเอวคอดกิ่ว ลูบไล้วกวนตรงหน้าท้องแบนราบ จนซ
บรรยากาศตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายทันที จ้าวเหว่ยยิ้มอ่อน วงแขนยิ่งกระชับ “หากบอกว่าใช่”ซานซานให้รู้สึกขนลุกชูชัน “เราตกลงกันแล้วว่าไม่มีเรื่องงมงายไร้สาระ หากยังเอ่ยเช่นนี้ เห็นทีหม่อมฉันคงไม่สะดวกแล้ว”จ้าวเหว่ยหัวเราะในลำคอเอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้ากล้า”ซานซานแค่นยิ้ม “จ้องนาน สี่หีบ!”“...”สมเป็นนาง...ไม่ว่าเรื่องใดยิ่งไม่เคยนึกหวั่น นอกจากไม่กลัวหรือเขินอายยังกล้าท้าทาย...แน่นอนว่าจ้าวเหว่ยไม่มีทางปล่อยซานซานไปสามีที่ห่างเหินการร่วมรักกับภรรยาเนิ่นนานปี เมื่อเจอกันอีกทีไม่พุ่งกายเข้าใส่ก็คงมิใช่คนปกติเขายังไม่ลืมย้ำเสียงหนัก“เจ้าปรนนิบัติข้าได้แค่คนเดียว เข้าใจหรือไม่?”“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ รีบๆ ทำเถิด”แม้เอ่ยเช่นนั้น แต่ร่างระหงอ้อนแอ้นกลับนอนนิ่งแข็งทื่อบุรุษยกยิ้มเอ็นดูแวบหนึ่งก่อนก้มหน้าลงจรดริมฝีปากตนกับนางแผ่วเบาคล้ายภมรหยอกเย้ากลีบบุปผาซานซานพลันเบิกตากว้าง รู้สึกได้ว่ากลีบปากอีกฝ่ายร้อนมากๆ จนอาจจะลวกปากนางได้อึดใจก็เปลี่ยนเป็นกะพริบตาถี่ๆ เพราะรู้สึกได้ถึงจุมพิตที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ต่อมาก็กลายเป็นรุกล้ำแต่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เรียวลิ้นร้อนชื้นตวัดออกมาจากปากชายเหนือร่างเข้า
ความอุ่นร้อนจากวงแขนและแผงอกแผ่ซ่านรอบกายทันใด ซานซานพลันตัวแข็งทื่อ ใบหน้าร้อนผ่าว ใบหูแดงก่ำ ท่าทางประหนึ่งสาวน้อยแรกแย้มเพิ่งเข้าหอครั้งแรกเพราะห่างเหินรสสัมผัสและการร่วมรักมานานปี ทั้งยังเป็นชายอื่นมิใช่สามี ไม่เกร็งก็คงไม่ใช่และนางก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงยินยอมให้เขาง่ายดายในขณะที่กำลังสั่นระริกทั้งตัว หัวใจเต้นตุบๆ แทบทะลุอก ซานซานยังได้ยินเจ้าของวงแขนเอ่ยเสียงเครียด“เจ้าไม่ควรทำตัวเยี่ยงนี้ และยิ่งมิใช่หญิงขายเรือนร่าง”“แน่นอนว่าหม่อมฉันมิใช่ แต่ในเมื่อเป็นพระบัญชา ไยต้องคิดมากเล่า”“เจ้า...” รัชทายาทหนุ่มนึกเข่นเขี้ยวเหลือเกิน “เรื่องเช่นนี้ เจ้าควรคิดให้มาก เข้าใจหรือไม่?”ซานซานได้ฟังพลันนิ่งเงียบไปหากศักดิ์ศรีของนางที่ต้องรักษาคือสิ่งที่สามารถยึดเหนี่ยวบุรุษใจร้ายให้เห็นค่า มิสู้ทำลายศักดิ์ศรีนั้นทิ้งไปเสียหากต้องแย่งชิงบุรุษไร้ใจกับสตรีแสนดีเช่นซูเหยานางคงทรมานจนตาย หากสะสมเงินทองได้มากพอก็ออกจากวังไปเป็นเจ้าสำนักดูแลสมุนมารเหตุผลอันหลากหลายประการ ซานซานพลันสรุปได้ว่า รัชทายาทหนุ่มตรงหน้านับได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ไม่เลวหึ! เป็นสตรีที่ดีแล้วอย่างไร สามีก็ทิ้งไปอยู่ดี