ตกค่ำ วันเดียวกัน
ศศินเดินเข้ามาในห้องอย่างมึนงง เขายังไม่ชินนักกับการมีเวนิสาอยู่ร่วมชายคา ไม่ชินกับอากาศเย็นๆ ของแอร์ในห้องด้วย ปกติแล้วเมื่อกลับมาถึงบ้านแบบนี้ เขาต้องรอหลายนาทีกว่าแอร์จะเย็น ตอนนี้เวนิสาหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง หล่อนขยับกายเล็กน้อย คงได้ยินเสียงเขาเดินเข้ามา
“อะไรกัน นอนหลับอะไรป่านนี้ หรือว่าจะไม่สบาย” ถามตัวเองแล้วเดินเข้าไปดู กล้าๆ เกร็งๆ แต่สุดท้ายก็เลื่อนหลังมือไปอังหน้าผากมน มีไออุ่นแผ่ออกมาเล็กน้อย
“ไม่ได้ป่วยแฮะ สงสัยจะเสียเลือดมากจนเพลีย”
ชายหนุ่มนั่งลงข้างเตียง พิจารณาวงหน้างามของคนหลับอย่างทึ่งๆ ใบหน้าเรียวสวยนี่เข้ามาวนเวียนในสมองเขากว่าปีมาแล้ว สลัดอย่างไรก็ไม่พ้น หล่อนเป็นตัวปัญหาที่พาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้ เป็นยัยตัวแสบที่แสนดื้อ น่าจับตีก้นเป็นที่สุด เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เวนิสามีต่อเขามันปกติธรรมดาหรือว่าพิเศษ หล่อนไม่เคยปริปากบอกอะไร แค่แสดงให้เขารู้ว่าหล่อนมีความจริงจังในสิ่งที่ต้องการก็แค่นั้น
“อย่าฝันถึงเรื่องอีโรติก สำหรับเธอกับฉันมันต้องฮาร์ดคอร์เท่านั้น”
ศศินบอกคนหลับเบาๆ โน้มใบหน้าลงไปหาใบหน้างาม เหมือนโดนผิวเนื้อละเอียดลออกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อของหล่อนล่อลวง มันน่าจับน่าจูบเสียนี่กระไร ทว่าก็เหมือนอาบทาด้วยยาพิษร้าย หากเผลอจุมพิตเข้าไปคงได้สิ้นใจตาย
หมับ!
“เฮ้ย! นี่เธอไม่ได้หลับเหรอ” ถามแล้วพยายามแกะแขนของหล่อนที่คล้องรอบคอตัวเองอยู่ ตอนนี้ใบหน้าหล่อนห่างจากเขาแค่คืบเดียวเท่านั้น
“หลับค่ะ แต่ตื่นแล้ว”
คนสวยบอกแล้วลืมตาขึ้นมา ดวงตาสองดวงสานสบกันในระยะประชิด เหมือนมีไอหวานแทรกซึมในบรรยากาศ พาให้ทุกสิ่งอย่างหยุดชะงัก เหมือนมีกลีบกุหลาบพร่างพรมโปรยปราย นาฬิกาดอกไม้หยุดเดินชั่วขณะ และก่อนที่ศศินจะทันรู้ตัว เวนิสาก็ดันใบหน้าเขาเข้าไปหา และเป็นฝ่ายจุมพิตตีตราเสียเอง
“อื้อ...” สองมือของศศินค้ำยันฟูกนุ่ม ได้แต่ครางอู้อี้ด้วยความตื่นตระหนก ความอุ่นร้อนจากริมฝีปากที่แตะกันกำลังสะกิดหัวใจอย่างรุนแรง
สองมือของเวนิสาเลื่อนมาประคองแก้มสาก ยังบดกลีบปากอิ่มเข้ากับริมฝีปากอุ่นร้อน ทาบทับมันไว้เพื่อดื่มด่ำกับรสสัมผัสที่มิเคยพบพาน หัวใจในอกเต้นรัว โลหิตในร่างวิ่งพล่านเหมือนกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากในฤดูแห่งลมพายุ และเป็นเขาที่ดึงกายออกไปก่อน
“อ๊า! เธอทำบ้าอะไรเนี่ย!”
ศศินดึงมือเวนิสาออกจากสองแก้ม เด้งกายออกห่างร่างหล่อนทั้งที่ใจยังปรารถนา เขานั่งอยู่ปลายสุดของเตียง หายใจหอบแรง จ้องเวนิสาราวกับอยากจะฆ่า หล่อนเหมือนแม่มดตัวน้อย ดูไร้เดียงสาน่ารักแต่ช่างร้ายกาจเหลือเกิน
“แหม...ทำเป็นไม่เคยไปได้ จูบไงคะพี่ขา...จูบเพื่อกระชับความสัมพันธ์ หึๆๆ” เอ่ยราวกับสตรีก๋ากั่นกร้านโลก ทั้งที่เมื่อครู่คือจูบแรกของตัวเองแท้ๆ
“กระชับความสัมพันธ์กับผีน่ะสิ หน้าด้าน!”
“อา...ปากคอช่างร้ายกาจ แต่โบราณว่าไว้ ผู้ชายด่าแปลผู้ชายรักนะคะ”
“เฮอะ! ฉันอยากจะฆ่าเธอต่างหาก”
“ถ้าแบบนั้นคงรักฉันปานจะกลืนกิน ฮ่าๆๆ”
เวนิสาหัวเราะร่า ลุกมาจัดเสื้อผ้าหน้าผมกลบเกลื่อนความอายเขิน
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอจริงๆ” เขาขู่
“รู้แล้วน่า ผู้ชายอะไรแค่จูบก็โกรธด้วย ใช่สิ...ฉันไม่ใช่คนที่พี่อยากจูบใช่ไหมล่ะ โอ๊ย...หงุดหงิด!” ทำตะบึงตะบอนไร้เหตุผลแล้วหนีเข้าห้องแต่งตัว เลื่อนบานประตูกระจกให้ปิดสนิทแล้วเดินไปนั่งลงข้างตู้เสื้อผ้า
หญิงสาวถอนหายใจอย่างปลดปลง เรื่องของหัวใจคงบังคับกันไม่ได้สินะ ต่อให้อยู่ด้วยกัน นอนห้องเดียวกัน แต่ถ้าคนไม่ได้รักกันแล้วละก็ ทำอย่างไรดอกรักก็คงไม่มีวันผลิบาน คู่แข่งของเธอไม่ใช่สาวอื่น ไม่ใช่แม้แต่แม่ดวงตะวันเพื่อนรัก แต่คู่แข่งของเธอคือหัวใจเขา หัวใจที่ไม่ยอมรับรู้ความรู้สึกของเธอเลย
ครืด...
ประตูถูกเลื่อนออกแรงๆ ศศินยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงนั้น เธอเงยหน้าขึ้นมอง ความโกรธยังระบายเต็มใบหน้าเขา
“ขอโทษนะคะ ฉันแค่อยากให้เราคุ้นเคยกันบ้างน่ะ ถึงสิ่งที่ฉันทำอยู่จะทำไปเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง แต่มันคงเลวร้ายถ้าเราไม่ได้รู้สึกคุ้นเคยถึงร่างกายของกันและกัน พี่อาจไม่คิดว่าสำคัญ ผู้ชายอย่างพี่คงไม่มีปัญหา แต่สำหรับผู้หญิงอย่างฉัน ถ้าเวลานั้นมาถึงมันคงไม่ต่างจากการถูกข่มขืน ฉันไม่อยากรู้สึกแบบนั้น ฉันแค่อยากให้เราทำความคุ้นเคยกันไว้จริงๆ”
เธอลุกขึ้นเมื่อเขาเดินเข้ามาหา กลิ่นอายบุรุษช่างรุนแรง เขายืนอยู่ต่อหน้าเธอ ใบหน้าเขายังไม่ทุเลาความโกรธ
“อย่าทำอีก ฉันไม่ชอบ”
“ค่ะ”
“ถ้าเธออยากจูบ เธอต้องขอฉัน”
“คะ?” คราวนี้ความงงเกิดขึ้นกับเวนิสา เขาจะมาไม้ไหนกัน
“ฉันไม่ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ ฉันเกลียดที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้แม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเธอยังอยากอยู่ใกล้ฉัน ต้องเลือกคุยกับฉัน อย่าปิดบัง อย่าสร้างเรื่องให้ประหลาดใจ เข้าใจไหม”
ตกค่ำ วันเดียวกันศศินเดินเข้ามาในห้องอย่างมึนงง เขายังไม่ชินนักกับการมีเวนิสาอยู่ร่วมชายคา ไม่ชินกับอากาศเย็นๆ ของแอร์ในห้องด้วย ปกติแล้วเมื่อกลับมาถึงบ้านแบบนี้ เขาต้องรอหลายนาทีกว่าแอร์จะเย็น ตอนนี้เวนิสาหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง หล่อนขยับกายเล็กน้อย คงได้ยินเสียงเขาเดินเข้ามา“อะไรกัน นอนหลับอะไรป่านนี้ หรือว่าจะไม่สบาย” ถามตัวเองแล้วเดินเข้าไปดู กล้าๆ เกร็งๆ แต่สุดท้ายก็เลื่อนหลังมือไปอังหน้าผากมน มีไออุ่นแผ่ออกมาเล็กน้อย“ไม่ได้ป่วยแฮะ สงสัยจะเสียเลือดมากจนเพลีย”ชายหนุ่มนั่งลงข้างเตียง พิจารณาวงหน้างามของคนหลับอย่างทึ่งๆ ใบหน้าเรียวสวยนี่เข้ามาวนเวียนในสมองเขากว่าปีมาแล้ว สลัดอย่างไรก็ไม่พ้น หล่อนเป็นตัวปัญหาที่พาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้ เป็นยัยตัวแสบที่แสนดื้อ น่าจับตีก้นเป็นที่สุด เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เวนิสามีต่อเขามันปกติธรรมดาหรือว่าพิเศษ หล่อนไม่เคยปริปากบอกอะไร แค่แสดงให้เขารู้ว่าหล่อนมีความจริงจังในสิ่งที่ต้องการก็แค่นั้น“อย่าฝันถึงเรื่องอีโรติก สำหรับเธอกับฉันมันต้องฮาร์ดคอร์เท่านั้น”
ประตูห้องน้ำปิดลงแทนคำตอบที่ศศินควรได้รับ เขายืนอึ้งอยู่หน้าห้องน้ำ อะไรกันเล่า มีเลือดออกขนาดนั้นยังยืนแหกปากอยู่ได้ ไม่เจ็บไม่ปวดบ้างหรืออย่างไร!“กรี๊ดดด!!!”“อะไร! วีนัส! เกิดอะไรขึ้นฮะ!”“เกิดเหตุฆาตกรรมในห้องน้ำ! เลือดโชกมาก ฮือออ...”ศศินส่ายหัวระอา ทั้งถอนหายใจอย่างโล่งอก มั่นใจได้เลยว่าเวนิสายังอยู่รอดปลอดภัย ฟังจากเสียงกรีดร้องนั่นเถอะ“ให้เรียกรถพยาบาลไหม”“ประชดฉันเหรอ! ผู้ชายไม่เคยเข้าใจอะไรหรอกน่า”“แน่นอน ถ้าเธอไม่เป็นอะไร งั้นฉันไปทำงานแล้วนะ อย่าลืมเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุด้วยล่ะ อย่าให้เหลือร่องรอย ไม่งั้นคืนนี้ฉันจะให้เธอนอนในนั้น โอเคนะ!”ศศินร้องผ่านบานประตู เขาถอยออกมาจากตรงนั้น มายืนผูกเนกไทอยู่ข้างเตียง แล้วเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นหัวใจศศินเต้นรัว เวนิสาโผล่ส่วนศีรษะถึงหัวไหล่ขาวๆ ออกมา หน้าตาเต็มไปด้วยหยดน้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แต่หล่อนยังยิ้มทะเล้นน่าตี“อย่าลืมทานมื้อเช้าก่อนไปทำงานน้า ขับรถดีๆ นะคะพ
“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้ลำบาก” คนสวยแต่โทรมเอ่ยขึ้นยืนนิ่งไม่ไหวติง เขาจ้องเธอนิ่งนาน เธอคงโทรมจนน่าตกใจ หรือไม่ก็ เขาคงระอากับตัวภาระอย่างเธอหัวใจของศศินเต้นผิดจังหวะยามได้ยินเสียงอ่อนแรงของเวนิสา หล่อนดูน่าสงสาร น่าทะนุถนอม แต่ว่า...เขาคงถนอมหล่อนไม่ลง เพราะสำหรับเขานั้น เวนิสาคือตัวปัญหาดีๆ นี่เองชายหนุ่มหันกลับไปนอนบนเตียง ตั้งใจว่าคราวนี้จะหลับลึกไม่ลุกขึ้นมาอีก แต่ความตั้งใจของเขาก็มีอันต้องพังยับตุ้บ!“โอ๊ย! ก้นฉัน!!”“นี่!? ฉันจะนอน!”ศศินดิ้นพล่านเตะลมอากาศอย่างขุ่นเคือง นี่แค่คืนแรกนะ ชีวิตเขาคงไร้ความสงบไปอีกสองเดือนกับยี่สิบเก้าวันใช่ไหม!“ฮือ...พี่ขา ฉันตกเก้าอี้...”คนสวยส่งเสียงร้องฮือๆ อย่างน่ารำคาญ มือข้างหนึ่งลูบบั้นท้ายป้อยๆ บอกแล้วว่าการนอนบนอะไรที่เล็กกว่าเตียง เป็นการท้าทายความสามารถของเธอ และในที่สุด เธอก็พ่ายแพ้บิ๊กบอสแห่งศิวเศขรเม้มปากแน่นๆ มองไปที่เวนิสาอย่างข่มใจมิให้ร้องด่าหล่อน ก่อนฝืนใจกวักมือเรียก“คะ?”“จนได้นะ
“ปิดไฟด้วยสิ” เขาสั่งเวนิสาลุกไปปิดไฟดวงใหญ่ เหลือไว้เพียงไฟห้องน้ำ“ปิดให้หมด”“ไม่ ฉันนอนไม่หลับถ้าไม่มีแสงไฟ อีกอย่าง...วันนี้วันแดงเดือด ฉันต้องเข้าห้องน้ำบ่อยแน่ๆ พี่ก็นอนๆ ไปเถอะน่า” บ่นให้เขาอย่างนึกรำคาญ ผู้ชายอะไรจู้จี้ชะมัด มองคนนี่มองแค่ภายในนอกไม่ได้จริงๆ ไม่รู้เธอปลื้มเขาเข้าไปได้ยังไงนะ เจอเขาครั้งแรกเธอคงเมาขี้ตาจนเห็นซาตานเป็นเจ้าชายโอ๊ย...หงุดหงิดตัวเอง!หญิงสาวพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่หลายนาที แปลกที่ว่ามากแล้ว ที่นอนไม่ได้ดั่งใจยิ่งน่าหงุดหงิดกว่า สุดท้ายก็นอนไม่หลับ ลุกมานั่งแช็ตไลน์กับเพื่อนทั้งสอง แช็ตไปแช็ตมา อาการปวดท้องเมนส์ก็กำเริบ ต้องรีบหายามารับประทาน น่าตกใจที่มันเหลือติดกระปุกแค่เม็ดเดียวเท่านั้น แต่นี่วันที่สองแล้ว คงไม่ปวดเท่าวันแรกกระมัง“พี่...หลับแล้วเหรอ” ถามเขาแต่ได้รับเพียงความเงียบ เธอจัดการปิดแช็ตไลน์เพราะนาฬิกาบอกว่าดึกมากแล้ว ศศินหลับง่ายเหลือเกิน เธอนอนลงบ้าง หนาวนิดหน่อยเพราะไม่มีผ้าห่ม แต่ช่างเถอะ เขานอนแล้ว และเธอไม่อยากเข้าไปรื้อข้าวของหาผ้านวมในห้องแ
[2]จูบนี้ที่รอคอย_______________หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าขึ้นแขวน ปากก็บ่นพึมพำให้พรพ่อยอดดวงใจของรวีกานต์ ก็จริงที่เธอเองก็ปลื้มเขาไม่น้อย แต่พอได้ยินวาจาคมกริบปานใบมีดนั้น ก็ชักจะปลื้มไม่ลง ทีกับคนอื่นทำมาดนิ่งสุขุม ติดเย็นชาด้วยซ้ำ ทีกับเธอนี่พร้อมจะเผากันให้ตายด้วยวาจานั่น น่าโมโห!“ทำไมต้องเป็นฉันด้วยก็ไม่รู้ น่าหงุดหงิดจริงๆ” เขาบ่นอย่างระอา“นี่! มีเซ็กซ์กับฉันนี่มันไม่น่ารื่นเริงใจเลยหรือไง ฉันไม่ดีตรงไหนฮะ!”เวนิสามีเคือง เขาพูดอย่างกับเธอหน้าตาน่าเกลียดจนกอดไม่ลงศศินไม่พูด มองหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ใช่...เวนิสาเป็นคนสวย หุ่นดี สมบูรณ์แบบเลยล่ะ และด้วยความสมบูรณ์แบบเกินไปมันทำให้เขาหงุดหงิด หล่อนคงมีหนุ่มๆ ดาหน้ามาจีบเป็นขบวน ทำไมไม่เลือกสักคนในกลุ่มคนพวกนั้น ทำไมต้องเป็นเขาด้วยก็ไม่รู้“ฉันไม่มีอารมณ์ ไปอาบน้ำแล้วนอนซะ”เวนิสาเบะปากใส่ ภารกิจทำลูกเพื่อความอยู่รอดจะไปรอดไหม คืนแรกก็กัดกันเป็นหมาแล้วศศินปรายหางตามองแม่
ณ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่ง ภายในโรงแรมที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากบริษัทศิวเศขรมากนัก รวีกานต์นั่งใจเต้นตึกๆ อยู่ต่อหน้าบิ๊กบอสผู้หล่อเหลา มีสาวๆ มากกว่าห้าโต๊ะจ้องมองมาทางนี้ แน่ล่ะ ทุกสายตามองมาที่เธอราวอยากจะฆ่า แต่รวีกานต์ไม่สนหรอกนะ เชิญอิจฉาให้อกแตกตาย วันนี้ศศินเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น!“ไม่หิวหรือครับ” บุรุษผู้สมบูรณ์แบบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ต่อหน้า เจ้าหล่อนยังไม่ยอมจับมีดขึ้นมาหั่นสเต๊กสักคำ“เอ่อ...ค่ะ หิวค่ะ ฉันแค่ไม่ชินกับความหรูน่ะ” เธอตอบตามจริง มองศศินแล้วหยิบมีดและส้อมตามเขา ค่อยๆ หั่นเนื้อคำเล็กๆ เขาปาก รสชาติของมันแทบจะละลายในปากเลยดีเทียว “โอ...อร่อย”ศศินมีรอยยิ้มบางๆ ไม่เคยเห็นกิริยาอันเปิดเผยของเหล่าสตรีมากนัก เพราะหากเจ้าหล่อนทั้งหลายได้มานั่งตรงหน้าเขาแล้วละก็ ส่วนมากจะสงวนท่าที จะทำทุกวิถีทางให้ดูสมบูรณ์แบบเพื่อคู่ควรกับเขารวีกานต์เริ่มอร่อยกับอาหารในจานของตัวเอง เธอหั่นเนื้อชิ้นโตเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ห่วงสวย“คงถูกปากนะครับ” เขาถามแล
วันนี้อากาศสดใสไร้ลมฝน ศิวเศขร คอร์ปอเรชั่น จำกัด ยังคงเปิดทำการเฉกเช่นวันอื่นๆ วันศุกร์สุดสัปดาห์อย่างนี้ดูเหมือนจะเป็นวันดีๆ ของพนักงานหลายๆ คน ยกเว้นรวีกานต์ เพราะสาวมั่นคนงามอยากให้วันนี้เป็นวันจันทร์ จะได้มาแอบมองบอสใหญ่อีก เขาจะเดินผ่านเธอไปยังลิฟต์โดยสาร เพื่อขึ้นไปยังห้องทำงานที่ชั้นยี่สิบ เธอจะรีบมาก่อนเวลา ทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ล็อบบีด้านล่างเพื่อรอการมาของเขาวันนี้ก็เช่นกัน เขายังคงดูหล่อเหลาเช่นเดิม วงหน้าขาวจัดนั่นประหนึ่งไม่เคยโดนแสงแดด เขาทักทายพนักงานพอเป็นพิธี ไม่ได้คลี่ยิ้ม เพียงแค่ก้มหน้าให้เล็กน้อยยามสบตาคนที่ยืนรอ เธอมองเขาจนเขาเดินเข้าลิฟต์ไป แน่นอนว่าหลังจากนั้นเธอต้องวิ่งสี่คูณร้อยเพื่อไปให้ทันเวลาสแกนบัตรเข้างานของตัวเองใกล้เวลาพักเที่ยง รวีกานต์ด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าห้องบอสใหญ่ เลขาของเขากำลังจัดเก็บแฟ้มงานให้เรียงกันเป็นตั้ง บุรุษร่างผอมแกรน อายุมากกว่าเธอหลายปี หันมามองเธออย่างใคร่รู้ แน่ล่ะ เกือบแปดปีที่ทำงานที่นี่ เธอไม่เคยขึ้นมาถึงชั้นนี้เลยนี่นา“เอ่อ...มีธุระอะไรหรือเปล่าครั
คฤหาสน์ ศิวเศขร เวลา 21:30 นาฬิกาศศินลงรถมาด้วยความสงสัย รถของบ้านโน้นเพิ่งขับสวนรถเขาออกไป เขาจำได้ดี มาทำไมดึกดื่นมืดค่ำขนาดนี้ก็ไม่รู้ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในคฤหาสน์หลังงามปานวังเจ้าชาย แม้ปราสาทจะกว้างใหญ่แต่ความอบอุ่นไม่ค่อยมีมากนัก นั่นเพราะทุกเวลานาทีของเขามีค่ายิ่ง เขาเลยไม่ค่อยได้อยู่บ้านเพื่อทำหน้าที่ลูกที่ดี“มาแล้วเหรอ วันนี้กลับเร็วนะ”บุรุษสูงวัยในชุดลำลอง นั่งไขว่ห้างอย่างมีมาดอยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรด บนโต๊ะตรงหน้ายังมีกาน้ำชาลายสวยตั้งวางไว้ ถ้วยชาสองใบเล็กๆ วางไว้ห่างจากกัน ใบหนึ่งนั้นปรากฏว่ามีไอร้อนลอยขึ้นมาให้เห็น“บ้านโน้นมาอีกแล้วหรือครับ จะมาจับผมรีดน้ำเชื้ออีกหรือไง” ถามอย่างเคืองๆ“เฮ้อ...ฟังแกพูดเข้าสิ ปากจัดยิ่งกว่ากรรไกรผ่าตัดซะอีก”ศศินเมินคำประชดของบิดาเสีย เขาถอดสูทพาดไว้ตรงพนักเก้าอี้ แล้วนั่งลงตรงข้ามท่าน โซฟาบุผ้าไหมลายสวยไม่ได้ทำให้อารมณ์เขาดีขึ้นมาเลย“ตอบผมก่อนสิครับ”วศิน ศิวเศขร มองบุตรชายยิ้มๆ รู้ละว่าสิ่งใดจะเกิดยามท่านเอื้อนเอ่ย
“สงวนมาสามสิบปี ไข่แดงยังอยู่ไม่โดนจิ้มสักที คนสวยเครียดค่ะเจ๊” เวนิสาคร่ำครวญ ความสมบูรณ์แบบเกินไปก็ทำให้ผู้ชายขยาด คงคิดเอาว่าสวยๆ อย่างนี้น่าจะมีแฟนแล้วเลยไม่มีใครกล้าจีบ ให้ตายสิ!“ว่าไปนั่น ฉันว่าอีกไม่นานแกคงเสร็จคุณนายแม่ โดนจับแต่งงานกับอีตาเจ้าของสเปิร์มชัวร์!” รวีกานต์เอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ“แหม...ถ้าเขายอมแต่งฉันก็แต่งนะ คนนี้น่ะข้อยกเว้น โอ้ว! คนอะไร หล่อ รวย ตัวสูงด้วย ปากน่าจูบอีกต่างหาก โอ๊ย...อยากจะพลีร่างให้เดี๋ยวนี้เลย”เวนิสาทำหน้าเคลิ้มฝัน สองเพื่อนรักส่ายหน้าทำท่าแขยง ก่อนจะหยิบน่องไก่ชิ้นหนึ่งยัดเข้าปากชะนีสายหื่น“พูดซะอยากจะเห็นหน้าเลย บอกมาซิ เขาเป็นใคร”กะเทยร่างหมีถามมา แต่เวนิสาส่ายหน้าพรืด“บอกไม่ได้ เดี๋ยวโดนฟ้อง แม่บอกว่าเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เอาเรื่องบ้าๆ นี่ไปขอให้เขาช่วย ฉันต้องปิดเป็นความลับ ห้ามเปิดเผยว่าเขาเป็นใคร แต่ว่า...ถ้าเอ่ยชื่อออกไปใครๆ ก็คงรู้จัก เพราะเขาฮอตมาก!”“เฮ้อ...เกิดเป็นคนรวยนี่ดีจริงๆ ทำอะไรเพี้ยนๆ ได้หน้าตาเฉย เอ