[9]
เสี้ยวใจที่ให้มา
_______________
หนุ่มสาวมาพร้อมกันที่ริมบึงใหญ่ แดดยังแรงแต่ร่มไม้สองข้างทางช่วยบังมิให้ร้อนมากนัก ทุกคนทักทายและทำความรู้จักเพื่อนใหม่พอหอมปากหอมคอ รวีกานต์ไม่ได้สงสัยในตัวบิ๊กบอสกับเพื่อนสาว ต่างกับเจ๊หวานที่จับตาดูท่าทีของเวนิสาและศศินไม่วางตา
“ดีจังเลยนะคะ บอสรู้จักยัยวีด้วย” รวีกานต์ท้วง
“อ่าครับ คือ...พ่อผมสนิทกับคุณแม่ของคุณวีน่ะ”
“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง” รวีกานต์ว่าแล้วยิ้ม หันไปมองเพื่อนสาวอย่างค้นคว้า สงสัยตงิดๆ ว่าทำไมเวนิสาถึงไม่บอกเรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรก เจ้าตัวบอกเพียงแค่ว่ามารดาของหล่อนนั้นรู้จักบ้านศิวเขศรเฉยๆ
เวนิสายิ้มเจื่อนๆ ขยับหมวกปีกกว้างบนศีรษะอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เราก็แนะนำตัวกันแล้ว เริ่มปั่นจักรยานดีไหมคะ ปั่นไปรอบบึงสักรอบแล้วค่อยไปหยุดดูดนตรี น่าจะใช้เวลาสักชั่วโมง”
เจ๊หวานแนะ เวนิสาเห็นด้วย เธอหันไปจับจองจักรยานคันเดียวกับเจ๊หวาน
“เจ
“เป็นอะไรอีกล่ะ โกรธละสิ”“ฉันคิดเรื่องงานอยู่ ไม่ต้องพูดอะไรกับฉัน พี่ขับรถไปเถอะ”เมื่อถูกเตะโด่งออกจากความคิดของหล่อน ศศินก็หันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาขับรถ เวนิสาไม่ยอมเอ่ยอะไร เขามั่นใจว่าหล่อนคงโกรธที่เห็นรวีกานต์จุ๊บแก้มเขา แต่เขาไม่ได้ตั้งใจนี่นาหญิงสาวเอาแต่จ่อมจมอยู่กับความคิดร้อยแปดของตัวเอง กระทั่งศศินเลี้ยวรถเข้ามาจอดในบ้านศิวเศขร เธอลงรถแล้วรีบก้าวเข้าบ้าน ไม่สนใจแม้ศศินจะเรียกชื่อไล่หลัง ท่านวศินอยู่บ้านในวันนี้ เธอทักทายตามมารยาท แจ้งว่าขอผ่านมื้อค่ำที่กำลังจะมาถึง แล้วขอตัวขึ้นไปอาบน้ำศศินตามมาติดๆ“นี่! คุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ เธอเป็นอะไรฮะ!” เขาวิ่งขึ้นไปยังบันไดขั้นที่สาม คว้าแขนเวนิสาไว้อย่างแรง“ฉันเจ็บนะ!”“ก็เธอไม่ฟังฉันนี่”“อะไรกัน อะไรกันฮะ! คุยกันดีๆ แกอย่าใช้กำลังสิ” ท่านวศินมีเคือง มองสองคนที่กำลังยื้อยุดกันอยู่บนขั้นบันได“คุณลุงคะ บอกให้เขาปล่อยที หนูจะขึ้นไปอาบน้ำ”“ฉันไม่ปล่อย จนกว่าจะเคลียร์ก
จุ๊บ!“เฮ้ย พี่!?” เธอท้วงเสียงขรม เอามือข้างหนึ่งปิดปากตัวเองไว้ เขาทำอะไรกัน ไม่อายชาวบ้านบ้างหรือ“พวกนั้นจะได้เลิกมองเธอซะที เดินเร็วๆ ล่ะ ฉันไปก่อนนะ”แล้วศศินก็ล่วงหน้าไปก่อน เวนิสาเดินตามมาแต่ไม่ได้เดินเข้าไปขัดจังหวะศศินกับรวีกานต์ พวกเขาแบ่งไอศกรีมให้กันคนละถ้วย กินไปก็หันมองนักร้องบนเวทีเตี้ยๆ ไปด้วย รอยยิ้มสดใสของศศินกระจ่างทั่ววงหน้าเขา เธอไม่ค่อยเห็นเข้ายิ้มแบบนี้บ่อยนัก เต็มที่ก็แค่อมยิ้มน้อยๆ ยามอยู่กับเธอ รวีกานต์คงถูกใจเขาสินะ เขาเคยบอกว่าอยู่ใกล้หล่อนแล้วสบายใจ บางที...รวีกานต์อาจสมหวังในความรักคราวนี้ก็เป็นได้___________ดวงตะวันลาลับขอบฟ้า บอกเวลาว่าค่ำเต็มที สาวๆ มาส่งศศินที่รถรวีกานต์ยืนอยู่ข้างประตู ในขณะที่เจ๊หวานกับเวนิสายืนรออยู่ห่างๆ“วันนี้สนุกมากเลย ไม่ใช่การเดตแต่เหมือนเดตยังไงก็ไม่รู้” รวีกานต์ว่าศศินพยักหน้า มีรอยยิ้มบางๆ แต้มแต่งวงหน้าให้ดูน่าหลงใหล เม็ดเหงื่อที่ข้างขมับไม่ได้ทำให้ดูน่ารังเกียจ แต่ทำกลับให้เขาดูเซ็กซี่“งั้นหรือครับ แต่วันนี้สนุกจริงๆ เราน่าจะปั่นรอบบึงอี
เสียงดนตรีแบบน่ารักสดใสดังมาจากเวทีเล็กๆ กลางสวน ผู้คนมากกว่ายี่สิบชีวิตกำลังยืนรับชมพร้อมรอยยิ้ม นักดนตรีวัยรุ่นราวหกเจ็ดคนกำลังเล่นสดอยู่บนเวที เสียงปรบมือดังขึ้นทุกครั้งเมื่อเสียงเพลงจบลง ก๊วนของรวีกานต์มาถึงในตอนที่เพลงจบพอดี ต่างจอดจักรยานไว้ใต้ร่มไม้แล้วนั่งบนอานของมันเพื่อรับชมดนตรี“ปวดฉี่อ่า ไปหาที่ฉี่ก่อนจะแก” เจ๊หวานว่า ปากบอกจะไปฉี่ แต่ตามองไปยังกลุ่มหนุ่มๆ ที่ยืนฟังดนตรีอยู่ไม่ไกลรวีกานต์รู้ทัน “ไปฉี่หรือจะไปอ่อยผู้ชาย ตอบ!”“ไปฉี่ แต่ถ้าอ่อยผู้ชายได้ ฉันก็เอา ไปนะ” ว่าแล้วทิ้งจักรยานให้เป็นภาระคนที่ยังอยู่ ส่วนตัวเองก็เดินเฉียดกลุ่มหนุ่มๆ เพื่อไปห้องน้ำ ยิ้มหวานให้พวกเขาในขณะที่หนุ่มๆ เหล่านั้นได้แต่ทำหน้าขยาด“เจ๊หวานนี่จริงๆ เลย อ่อยไปทั่ว” เวนิสาค่อนขอด มองตามเจ๊คนสวยแล้วอมยิ้มบ้าง “แหม...หนุ่มๆ กลุ่มนั้นมีแต่คนหน้าตาดีแฮะ หน้าเด็กอย่างกับเด็ก ม.ปลายเลย”รวีกานต์ส่ายหน้าระอา“เก็บอาการหน่อย ตรงนี้มีผู้ชายเหลือตั้งคนนะยัยวี”เพื่อนสา
[9]เสี้ยวใจที่ให้มา_______________หนุ่มสาวมาพร้อมกันที่ริมบึงใหญ่ แดดยังแรงแต่ร่มไม้สองข้างทางช่วยบังมิให้ร้อนมากนัก ทุกคนทักทายและทำความรู้จักเพื่อนใหม่พอหอมปากหอมคอ รวีกานต์ไม่ได้สงสัยในตัวบิ๊กบอสกับเพื่อนสาว ต่างกับเจ๊หวานที่จับตาดูท่าทีของเวนิสาและศศินไม่วางตา“ดีจังเลยนะคะ บอสรู้จักยัยวีด้วย” รวีกานต์ท้วง“อ่าครับ คือ...พ่อผมสนิทกับคุณแม่ของคุณวีน่ะ”“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง” รวีกานต์ว่าแล้วยิ้ม หันไปมองเพื่อนสาวอย่างค้นคว้า สงสัยตงิดๆ ว่าทำไมเวนิสาถึงไม่บอกเรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรก เจ้าตัวบอกเพียงแค่ว่ามารดาของหล่อนนั้นรู้จักบ้านศิวเขศรเฉยๆเวนิสายิ้มเจื่อนๆ ขยับหมวกปีกกว้างบนศีรษะอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี“เราก็แนะนำตัวกันแล้ว เริ่มปั่นจักรยานดีไหมคะ ปั่นไปรอบบึงสักรอบแล้วค่อยไปหยุดดูดนตรี น่าจะใช้เวลาสักชั่วโมง”เจ๊หวานแนะ เวนิสาเห็นด้วย เธอหันไปจับจองจักรยานคันเดียวกับเจ๊หวาน“เจ
คนสวยรีบปล่อยแต่โดยดี มันลืมตัวนี่นา เธอทำอะไรไม่ได้หรอก ไม่มีสิทธิ์โกรธเคืองเขากับรวีกานต์ด้วยซ้ำ พวกเขาสนิทกันเร็วเหลือเกิน แน่ล่ะ รวีกานต์เข้าสังคมเก่ง หล่อนคุยสนุกจะตาย ผู้ชายคนไหนก็ชอบหล่อนทั้งนั้น“ขอโทษค่ะ เสื้อเปียกหมดแล้ว”เธอมองรอยเปียกบนเสื้อแล้วขยับกายจะผละจากอ้อมแขน แต่ศศินกลับขืนกายเอาไว้ ไม่ยอมให้เธอหลุดออกมา“เมื่อคืนนอนน้อยไม่ใช่เหรอ หลับสิ ตอนบ่ายไปปั่นจักรยานเดี๋ยวไม่มีแรงนะ”คำแนะเหมือนห่วงใย ทำเอาเวนิสาต้องคลี่ยิ้มสมเพชตัวเอง แต่เอาเถอะ ความห่วงใยย่อมดีกว่าความเกลียดชังอยู่แล้ว“ก็ปล่อยสิคะ จะได้ไปนอนอีกฝั่ง”“นอนเถอะน่า อยากกอดฉันแทบทุกวินาทีไม่ใช่เหรอ เอาสิ กอดเลย วันนี้ฉันใจดี ให้กอดฟรีเลยเอ้า”“แหม...จะได้ไปเที่ยวกับตะวันเลยอารมณ์ดีสินะ น่าหมั่นไส้”คนถูกแขวะไม่ปฏิเสธ เชิญหล่อนคิดเองเออเองเสียให้พอ ผิดบ้างถูกบ้างก็ช่างหล่อนเถิด เขาไม่สนสักนิด“อืม...กอดพี่นี่มีขายไหมนะ อยากซื้อกลับบ้านจัง”หลับตาพริ้มแล้วเอ่ยออกมาอย่าง
เวนิสาเงียบไปเมื่อได้ฟัง มันก็จริงละนะที่เขาพูด แต่เธอพยายามไม่นึกถึงมัน และแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เธอเอาแต่ทำตามความฝันของตัวเอง ไม่เคยเหลียวแลมารดา ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าท่านทำงานหนักหรือเปล่า“แม่เธอ...ขายบริษัทหมดแล้ว เหลือแค่ห้าง V&V เหมือนว่าท่านจะโดนโกงนะ ต้องหาเงินมาใช้หนี้แทนอะไรทำนองนั้น”ปากกาในมือเวนิสาหล่นลงบนโต๊ะ เธอหันมองศศินอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ฉันได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันน่ะ แม่เธออาจโดนฟ้องถ้าใช้หนี้ไม่ทัน ท่านไว้ใจคนในบริษัทมากเกินไป ตอนนี้...ท่านคงกำลังวิ่งเต้นหาเงินใช้หนี้อยู่”“จริงหรือคะ ทำไมแม่ไม่เคยบอกอะไรฉันเลยล่ะ”“บอกแล้วเธอจะช่วยอะไรได้ล่ะ ตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องทำ นอกจากหาเงินมาใช้หนี้ ก็คือบริหารห้าง V&V ให้ดีที่สุด อย่างน้อยมันก็ทำให้ท่านไม่ดูแย่ในวันที่ธุรกิจตัวอื่นๆ หลุดมือไป ห้างนั้นน่ะ ลูกค้าเยอะที่สุดในประเทศแล้ว”เวนิสาเริ่มหนักใจ ทำไมเธอไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ มารดาตั้งใจปกปิดหรือว่าเป็นเธอเองที่ไม่ยอมใส่ใจ“งานบริหารนี่ยากมากไหมคะพี่”