เมื่อเห็นเฟิงอ๋องออกจากจวนไปแล้ว แต่ละคนในห้องโถงต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ฉินเยี่ยนฟางรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า เพราะไม่คิดฝันว่า เฟิงอ๋องจะเลือกสู่ขอน้องสาวของตนแทน
“ลูกขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ฉินเยี่ยนฟางลุกขึ้นทำความเคารพ แล้วรีบเดินกลับเรือนฉางเอ๋อในทันที
ฉินเจียวเยี่ยนเห็นอย่างนั้น จึงได้ลุกขึ้นทำความเคารพเช่นกัน “ลูกก็ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
ในโถงหลักจึงเหลือเพียงซ่านเต๋อโหวที่ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหลินซื่อที่กำลังปลาบปลื้มในตัวว่าที่ลูกเขย
ซ่านเต๋อโหวพึมพำ “ไม่ได้การ ไม่ได้การ”
“ไม่ได้การอันใดกันเจ้าคะ” หลินซื่อถามด้วยความแปลกใจ “เยี่ยนเอ๋อร์ของเราน่ารักออกปานนี้ ท่านอ๋องเอ็นดูก็นับว่าเป็นวาสนาแล้วนะเจ้าคะ”
ซ่านเต๋อโหวหมดคำพูด “...”
หลินซื่อรักและเอ็นดูฉินเจียวเยี่ยนอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่า ฉินเจียวเยี่ยนจะดื้อรั้น เอาแต่ใจเพียงใด ย่อมมาจากการตามใจของหลินซื่อทั้งนั้น
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ข้าจะต้องหาอาจารย์มาสอนนาง” ซ่านเต๋อโหวบอกเสียงเข้ม “นางต้องเรียนรู้มารยาท เชี่ยวชาญทั้งพิณ หมากล้อม อักษร และภาพวา
“ทั้งจวนต่างหากเล่าเจ้าคะ” เสี่ยวชิงบอก “คุณหนูก็ทราบดีว่า คุณหนูรองเป็นคนเช่นไร มีแต่ชุนเถาและชุนหลิ่ว สองสาวใช้นั่นที่ทนอยู่ได้”“คุณหนูของข้า ทั้งงดงาม ใจดี เชี่ยวชาญ รอบรู้กว่าใคร และยังได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นท่านหญิงหมิ่นอีกด้วย คุณหนูรองจะเทียบสิ่งใดได้”ฉินเยี่ยนฟางตัดพ้อด้วยความน้อยใจ “แต่เฟิงอ๋องก็เสด็จมาสู่ขอเยี่ยนเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองเลยนะ”เสี่ยวหงถอนหายใจ “ข้าก็ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใด ท่านอ๋องจึงสู่ขอคุณหนูรองแทนจะเป็นคุณหนูของข้า”เสี่ยวชิง “แต่ข้าว่า การที่เฟิงอ๋องมาสู่ขอคุณหนูรองก็ดีนะเจ้าคะ”“ดีอย่างไร?” เสี่ยวหงถามขึ้น“เฟิงอ๋องเป็นเพียงท่านอ๋องเจ้าสำราญ รับเบี้ยหวัดรายปีเพียงเท่านั้น ไม่ได้รับมอบหมายงานใดในราชสำนัก ข้าว่า หากคุณหนูอภิเษกไปก็คงเป็นได้เพียงพระชายาอ๋อง ไม่สามารถเป็นได้สูงกว่านั้นนะเจ้าคะ”ฉินเยี่ยนฟางนิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด เข้าใจความนัยที่เสี่ยวชิงสื่อ“แต่ถ้าคิดอีกที แม้คุณหนูรองจะไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านใด ยังถูกพระทัยเฟิงอ๋องได้เลย” เสี่ยวชิงเอ่ยต่อ “แล้วคุณหนูของข้าที่เป็นถึงท่านห
เมื่อเห็นเฟิงอ๋องออกจากจวนไปแล้ว แต่ละคนในห้องโถงต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ฉินเยี่ยนฟางรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า เพราะไม่คิดฝันว่า เฟิงอ๋องจะเลือกสู่ขอน้องสาวของตนแทน“ลูกขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ฉินเยี่ยนฟางลุกขึ้นทำความเคารพ แล้วรีบเดินกลับเรือนฉางเอ๋อในทันทีฉินเจียวเยี่ยนเห็นอย่างนั้น จึงได้ลุกขึ้นทำความเคารพเช่นกัน “ลูกก็ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”ในโถงหลักจึงเหลือเพียงซ่านเต๋อโหวที่ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหลินซื่อที่กำลังปลาบปลื้มในตัวว่าที่ลูกเขยซ่านเต๋อโหวพึมพำ “ไม่ได้การ ไม่ได้การ”“ไม่ได้การอันใดกันเจ้าคะ” หลินซื่อถามด้วยความแปลกใจ “เยี่ยนเอ๋อร์ของเราน่ารักออกปานนี้ ท่านอ๋องเอ็นดูก็นับว่าเป็นวาสนาแล้วนะเจ้าคะ”ซ่านเต๋อโหวหมดคำพูด “...”หลินซื่อรักและเอ็นดูฉินเจียวเยี่ยนอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่า ฉินเจียวเยี่ยนจะดื้อรั้น เอาแต่ใจเพียงใด ย่อมมาจากการตามใจของหลินซื่อทั้งนั้น“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ข้าจะต้องหาอาจารย์มาสอนนาง” ซ่านเต๋อโหวบอกเสียงเข้ม “นางต้องเรียนรู้มารยาท เชี่ยวชาญทั้งพิณ หมากล้อม อักษร และภาพวา
“ถ้าเช่นนั้น ท่านอ๋องโปรดรอสักครู่ หม่อมฉันจะให้คนไปนำเทียบชะตาของเยี่ยนเอ๋อร์มานะเพคะ” หลินซื่อพยักหน้าส่งสัญญาณให้จางหมัวมัวรีบไปดำเนินการ ก่อนที่เฟิงอ๋องจะเปลี่ยนพระทัย“เรื่องตรวจดวงชะตาแปดอักษร ข้าจะจัดการเอง ฮูหยินฉินมิต้องเป็นกังวล” เซียวชิงเฟิงยกชาขึ้นมาจิบดับกระหาย พลางมองใบหน้าหวานหลากอารมณ์ของฉินเจียวเยี่ยนอย่างอารมณ์ดีคิ้วบางดั่งกิ่งหลิวขมวดแน่นราวกับคิดไม่ตกเหตุใดจึงมาสู่ขอข้าเล่า?หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องในคืนนั้น นี่ ข้าอร่อยจนท่านอ๋องติดใจจนอยากจะกลับมากินซ้ำเลยหรือ?ดวงตาจิ้งจอกกลอกไปมาอย่างใช้ความคิดไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าติดใจก็น่าจะมาสู่ขอข้านานแล้วสิ...แล้วเพราะอะไรกันล่ะ? โอ๊ย คิดไม่ออก...เอาเป็นว่า ทำแบบนี้ คนสวยลำบากใจนะฉินเจียวเยี่ยนยกมือขึ้นทัดปอยผมที่ใบหู พลางหยัดกายหลังตรง แล้วสางผมไปมาอย่างมีจริตจะก้านเฮ้อ คนมันสวย จะห้ามใจอย่างไรไหวเข้าใจ ๆ เซียวชิงเฟิงเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อได้ยินความค
ซ่านเต๋อโหวถามซ้ำด้วยความตื่นเต้น “เอ่อ เรื่องนี้ ท่านอ๋องแน่พระทัยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เซียวชิงเฟิงยิ้มละมุนยิ่งขับให้ใบหน้าเย็นชาดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น “ข้าแน่ใจดีแล้ว จึงได้มาแจ้งท่านโหวและฮูหยินฉินโดยตรง”ทำไมจางหมัวมัวไม่นำขนมมาให้ท่านแม่บ้างนะ มีแต่น้ำชาจะอยู่ท้องหรือไร?“เช่นนั้น กระหม่อมจะเตรียมเทียบชะตาของฟางเอ๋อร์ เพื่อแลกดวงชะตาแปดอักษรนะพ่ะย่ะค่ะ”บรรดาซื่อจื่อทั้งหลาย ต้องขออภัยด้วย ว่าที่ลูกเขยคนนี้ของเขาชนะอย่างขาดลอย...เซียวชิงเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่ฉินเจียวเยี่ยนยกจอกน้ำชาขึ้นจิบอย่างจำใจ เพราะบนโต๊ะไม่มีของกินอื่นเลย“ข้าต้องการสู่ขอฉินเจียวเยี่ยน บุตรสาวคนรองของท่านต่างหาก”“พรวด!!” ฉินเจียวเยี่ยนพ่นน้ำชาออกมาในทันทีที่ได้ยิน “แค่ก แค่ก แค่ก”สู่ขอใครนะ!?“เยี่ยนเอ๋อร์!” หลินซื่อรีบลูบหลังบุตรสาวอย่างเป็นห่วงระคนตื่นเต้นดีใจแทนวาสนาด้ายแดงเคลือบทองพันชั่งกำลังจะตกเป็นของบุตรสาวนางแล้ว!!ซ่านเต๋อโหวตกตะลึง “เอ่อ ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ”มิใ
ที่โถงหน้าของจวนซ่านเต๋อโหวฉินเจียวเยี่ยนที่เร่งรุดเข้ามา เอ่ยเรียก “เฟิงอ๋อง”พร้อมยอบกายทำความเคารพอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปนั่งข้างมารดาอย่างเงียบ ๆเซียวชิงเฟิงนั่งเป็นประธานหลักเคียงข้างเจ้าบ้านอย่างซ่านเต๋อโหว ดวงตาดอกท้อพินิจร่างบอบบางในชุดอาภรณ์สีชมพูอ่อนตลอดทั้งร่างคลุมด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาว ดูอ่อนหวานราวกับดอกเหมยท่ามกลางหิมะโปรยเซียวชิงเฟิงปัดเศษฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงตรงแขนเสื้อเบา ๆ ก่อนจะเอ่ย “เอาล่ะ เมื่อมากันพร้อมหน้าแล้ว ข้าก็จะขอกล่าวในคราวเดียว ข้ามาจวนซ่านเต๋อโหวในวันนี้ เนื่องจากมีธุระที่สำคัญเป็นอย่างมากจะแจ้งให้พวกท่านทราบ”นี่ ท่านอ๋องหาว่า ข้ามาช้า จนทำให้ทุกคนต้องรอใช่หรือไม่?ฉินเจียวเยี่ยนหรี่ตา ยู่ปากอย่างไม่ใคร่พอใจนัก สวนทางกับอีกคนที่ได้ยินเสียงประชดของนาง กลับยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว“ข้าเห็นว่า ช่วงสองสามวันนี้ จวนของท่านมีแต่บรรดาแม่สื่อมาเยือนมากมายนัก”ซ่านเต๋อโหว “ด้วยขุนนางต่างเห็นความสามารถของบุตรสาวคนโตของกระหม่อม จึงได้ส่งแม่สื่อมาทาบทามพ่ะย่ะค่ะ ท่าน
ฉับ!!เสียงดาบตวัดลงบนตอไม้ ผ่าตอไม้หนาออกเป็นสองส่วนในดาบเดียว ก่อนที่เจ้าของดาบจะหมุนตัวไปฟันตอไม้อื่นที่วางเรียงรายรอบตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศษไม้ร่วงกระจายลงพื้นสวยงามดาบยาวถูกเสียบเก็บเข้าไปในฝักดาบอย่างช่ำชอง ร่างสูงโยนฝักดาบให้คนสนิทที่ยืนรอรายงานอยู่ด้านข้างไอสังหารเย็นเยียบที่แผ่ปกคุลมพื้นที่ฝึกซ้อมค่อยจาง บรรดาองครักษ์ค่อยหายใจได้คล่องคอ เมื่อเห็นเซียวชิงเฟิงเก็บดาบ หยางเซิงก้าวมาส่งผ้าสะอาดให้อย่างรู้หน้าที่เซียวชิงเฟิงหยิบผ้าสะอาดมาเช็ดมือ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง เพื่อจิบชา “ว่ามา...”“พ่ะย่ะค่ะ” ตงไฮ่ก้าวออกมา ก่อนจะเริ่มรายงาน “จากที่กระหม่อมสืบมา คุณหนูรองจวนซ่านเต๋อโหวเพิ่งผ่านพิธีปักปิ่นไปเพียงสองเดือน อุปนิสัยทั่วไป เป็นคนโง่เขลา เอาแต่ใจ ไร้คุณธรรม และมักจะอิจฉาคุณหนูใหญ่อยู่เสมอพ่ะย่ะค่ะ”เซียวชิงเฟิงตวัดตามอง “... ข้อมูลมีเพียงเท่านี้?”“เมื่อครู่เป็นเพียงข้อมูลจากการสอบถามผู้คนรอบตัวของคุณหนูรองพ่ะย่ะค่ะ”“หมายความว่า เจ้ามีข้อมูลอื่นอีก?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ลอบเข้าไปสำรวจที่จวนซ่านเต๋อโหว ภายในห
“เจ้าได้ยินเสียงดีดพิณเมื่อครู่หรือไม่? ที่ดังมาจากเรือนเหมยฮวาน่ะ”“ได้ยินสิ แทบจะทนฟังเสียไม่ได้ แค่เดินผ่าน ข้ายังต้องรีบปิดหูแล้ววิ่งหนีออกมา”“เหตุใดจึงต่างกันปานนี้ ทั้งคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองต่างมีอาจารย์ซ่งมาสอนดีดพิณเหมือนกันไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงมีฝีมือที่แตกต่างกันเพียงนี้”“แต่จะว่าไป ฮูหยินใหญ่เป็นบุตรสาวตระกูลขุนนาง แต่ฮูหยินรองเป็นเพียงบุตรสาวตระกูลพ่อค้า จะมาเทียบกันได้อย่างไรเล่า?”“อย่าว่าแต่ดีดพิณเลย คราวก่อน ข้าเข้าไปช่วยทำความสะอาดที่เรือนเหมยฮวา การเขียนอักษรและวาดภาพของคุณหนูรองก็ไม่อาจเทียบคุณหนูใหญ่ได้เลย”“เจ้าจะเทียบได้อย่างไร คุณหนูใหญ่มีอายุมากกว่าคุณหนูรองตั้งสี่ห้าปี”“แต่ตอนที่คุณหนูใหญ่อายุเท่าคุณหนูรองในตอนนี้ ก็เชี่ยวชาญ ทั้งพิณ หมากล้อม อักษร และวาดภาพแล้วนา”“คุณหนูใหญ่อาจจะมีพรสวรรค์ก็เป็นได้”“หรืออีกที คุณหนูรองอาจจะพยายามไม่มากพอ”เสียงหัวเราะชอบใจของบรรดาสาวใช้ที่กำลังนินทาเรื่องของเจ้านายดังไปทั่วลานซักล้างเด็กสาวคนหนึ่งที่บังเอิญมาเก็บว่าวหลังต้นไม้ต้นใหญ่ กำลังหลั่งน
ชุนหลิ่ว “นั่นสิเจ้าคะ คุณหนูไม่เสียดายหรือเจ้าคะ? ทั้ง ๆ ที่คืนนั้น...”“อย่าได้เอ่ยถึงอีก คืนนั้นไม่เกิดสิ่งใดขึ้นทั้งนั้น เข้าใจหรือไม่?” ฉินเจียวเยี่ยนดุเสียงเข้ม เพราะไม่อยากให้ผู้ใดมาได้ยินทั้ง ๆ ที่เรื่องในค่ำคืนนั้นได้จบลงไปแล้ว เฟิงอ๋องเองก็ไม่กล่าวถึงอีก นางเองก็ควรจะปล่อยให้เป็นความฝันหนึ่งตื่นด้วยเช่นกันชุนเถาและชุนหลิ่วรับคำเสียงอ่อน สีหน้าหงอยเหงา “เจ้าค่ะ”ฉินเจียวเยี่ยนถอนหายใจหนัก ๆ อีกครั้ง “ชุนหลิ่ว เจ้าเอาขนมกุ้ยฮวากลับมาด้วยใช่หรือไม่?”“เจ้าค่ะ”“เอาขนมมาป้อนข้าหน่อย” ฉินเจียวเยี่ยนเปลี่ยนเรื่องพูดคุย เพื่อทำให้บรรยากาศกลับมาผ่อนคลายเหมือนเดิมชุนหลิ่ว “เจ้าค่ะ”ชุนหลิ่วรีบเดินมาคุกเข่าข้างเตียง เช็ดมือจนสะอาด แล้วจึงหยิบขนมกุ้ยฮวาป้อนถึงปากของฉินเจียวเยี่ยน ในขณะที่ชุนเถาก็ยังคงออกแรงนวดต่อไป“ถ้าเช่นนั้น คุณหนูคิดว่า คุณหนูใหญ่จะได้ออกเรือนกับผู้ใดกันเจ้าคะ?” ชุนเถาคิดตาม แล้วถามขึ้นอย่างปล่อยวาง
“ได้คู่ครองที่ดีแล้วอย่างไร?” ฉินเจียวเยี่ยนปิดตำราในมือลง “พวกนางมั่นใจได้อย่างไรว่า พี่หญิงได้คู่ครองที่ดีแล้ว ชีวิตหลังออกเรือนจะดีตามไปด้วย”“คุณหนูหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?” ชุนหลิ่วสงสัย “การได้ออกเรือนกับซื่อจื่อหรือขุนนางที่สูงศักดิ์ ย่อมมีชีวิตที่ดีแน่นอนนี่เจ้าคะ”“บุรุษสามารถมีสามภรรยาสี่อนุได้มิใช่หรือ?” ฉินเจียวเยี่ยนย้อนถาม “ได้คู่ครองที่ดีไม่ได้เป็นการรับประกันว่า จะมีชีวิตที่ดี สุดท้าย สตรีออกเรือนก็ต้องไปตบตีแย่งชิงความโปรดปรานของบุรุษในเรือนหลังอยู่ดี”ชุนเถา ชุนหลิ่ว “...”เหตุใดวันนี้ พวกนางจึงไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณหนูพูดเลยนะฉินเจียวเยี่ยนเห็นสีหน้างุนงงของสาวใช้จึงได้แต่หัวเราะแห้งในสมัยโบราณที่บุรุษเป็นใหญ่เช่นนี้ อธิบายเรื่องความเท่าเทียมไปก็คงไม่มีประโยชน์ นางจึงกางตำราในมือมาอ่านต่อชุนหลิ่วยังคงไม่ยอมแพ้ “แต่คุณหนูไม่เดือดร้อนบ้างเลยหรือเจ้าคะ? ที่มีแต่คนมาสู่ขอคุณหนูใหญ่เช่นนี้”“เหตุใดต้องเดือดร้อนด้วยเล่า?” ฉินเจียวเยี่ยนพลิกตัวมานอนคว่ำอ่านตำราในมือต่ออย่างสบายใจ “ชุนเถา มานวดหลังให้ข้าที”