อาหลี่เห็นพระชายาไม่เอ่ยคำใดก็ออกมาส่งหมอชาวบ้าน เดินกลับมาในห้องพี่สาวคนนั้น พระชายาก็ยังยืนนิ่งอยู่ท่าเดิม พระชายาต้องเสียพระทัยขั้นไหนจึงได้นิ่งงันไปเช่นนี้
“พระชายาเพคะ” อาหลี่เรียกเบา ๆ แล้วเอาเสื้อคลุมไหล่ที่หยิบมาจากรถม้าสวมให้พระชายา
อากาศหนาวมากแต่ยังเหน็บหนาวไม่เท่าใจของลู่ผิงถิง เสื้อคลุมที่อาหลี่ห่มให้ไม่ทำให้นางรู้สึกอุ่นขึ้นมาสักนิด
พี่เสี่ยวซีเป็นดังพี่สาวที่ปกป้องดูแลนางมาตั้งแต่ยังเยาว์ คอยช่วยปิดบังความผิดยามหนีมารดาไปเที่ยวนอกจวน คอยให้คำปรึกษาแนะนำ หนึ่งปีที่มารดาหมดสติ ก็มีเพียงพี่เสี่ยวซีที่อยู่เป็นเพื่อนพูดคุย
พี่ใหญ่จากนางไปคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้พี่เสี่ยวซีจะจากนางไปอีกคนหรือ
ไม่จริง ไม่จริง ใช่ มันต้องไม่จริง นางยังมีความหวังพี่เสี่ยวซีต้องไม่ตาย
“อาหลี่เจ้าไปต้มยามาให้ข้า” ความมั่นใจเหลือน้อยเต็มทนเมื่อเห็นลมหายใจแผ่วเบาของพี่เสี่ยวซี สั่งการอาหลี่ไปน้ำตาไหลไปอย่างห้ามไม่อยู่
“เพคะพระชายา”
อาหลี่เห็นพระชายาเศร้าหมองเพราะบ่าวคนหนึ่ง ทำให้นางเศร้าใจตามไปด้วย ตั้งใจต้มยาให้พี่สาวคนนั้นและหวังว่าพี่สาวจะไม่จากพระชายาไป
ลู่ผิงถิงสั่งให้อาหลี่ดูแลเสี่ยวซี จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในห้องของมารดา นั่งลงที่ตั่งข้างเตียงเงียบ ๆ แล้วเช็ดน้ำตาตัวเองเป็นครั้งคราว นางเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่ต้องเห็นคนที่นางรักจากไปทีละคน
“อิงเอ๋อร์พี่รองเอายามาให้แม่ใหญ่ตามคำสั่งแม่เล็ก”
ลู่ผิงถิงเช็ดน้ำตา แล้วหันกลับไปหาลู่หงปินด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่เปิดเผยอารมณ์เศร้าหมองออกมาให้ลู่หงปินเห็น พี่รองของนางคนนี้ ออกไปทำการค้านอกจวนมาตลอด แม้กระทั่งวันแต่งงานของนางเขายังไม่กลับมา
ดูเหมือนพี่รองจะเพิ่งกลับเข้าจวนมาวันนี้ นับว่าประหลาดที่เขามาที่นี่ “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ พี่รอง”
“เมื่อครู่พี่ออกจากวัง ทูลขอฝ่าบาทแล้ว พรุ่งนี้หมอหลวงจะมาดูอาการแม่ใหญ่ วันนี้เจ้าก็พักที่จวนลู่ไม่ต้องกลับจวนอ๋องแล้ว อยู่ดูแลแม่ใหญ่เถิด”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นพี่ขอตัวก่อน”
ลู่ผิงถิงพยักหน้าเล็กน้อย มองแผ่นหลังกว้างของพี่ชายต่างมารดาเดินห่างออกไป นางไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงรู้สึกว่าการมาเยือนของพี่รองครั้งนี้มีแผนการบางอย่าง
พี่รองไม่เคยนำยามาให้มารดา เพราะทุกครั้งจะเป็นบ่าวของลู่ไป๋อิงหรือไม่ก็ลู่ไป๋อิงมาเอง
ลู่ผิงถิงใช่เข็มเงินทดสอบพิษ หนึ่งปีมานี้สั่งเสี่ยวซีไว้ให้รอบคอบเรื่องยาของมารดา เพราะนางไม่ไว้ใจคนในตระกูลลู่ จึงให้เสี่ยวซีแอบต้มยาที่แอบไปเก็บมาจากหุบเขาหลังจวนในยามวิกาล และได้นำสมุนไพรมาตากแห้ง ลักลอบเก็บไว้ที่เรือนท้ายจวน เพื่อให้สะดวกกับเสี่ยวซีในการต้ม
ถึงแม้ยาที่พี่รองนำมาให้จะไม่มีพิษ แต่ลู่ผิงถิงก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี นางเข้าไปนำสมุนไพรบางส่วนออกมา แล้วเอาไปให้อาหลี่ต้มอีกหม้อ
เมื่ออาหลี่ทำทุกอย่างเสร็จก็เข้ามาในห้องฮูหยินใหญ่ลู่ “พระชายาจะเสวยสิ่งใดไหมเพคะ”
“ไม่ละ เจ้ากลับจวนอ๋องไปรายงานพ่อบ้านเสียหน่อย วันนี้ข้าจะค้างจวนลู่”
“เพคะพระชายาหม่อมฉันจะรีบไปรีบกลับเพคะ”
อาหลี่เร่งเดินทางกลับจวนอ๋องเนื่องจากเป็นห่วงว่าพระ ชายาจะได้รับอันตราย หลังจากที่เข้าไปสัมผัสบรรยากาศแปลกประหลาดในจวนลู่ ก็พอคาดเดาได้ว่าพระชายาอยู่ที่จวนแห่งนั้นต้องยากลำบากไม่น้อย
มิเช่นนั้นฐานะบุตรภรรยาเอกของพระชายาจะได้มาอาศัยอยู่ที่เรือนซอมซ่อแบบนั้นได้อย่างไร
อาหลี่คิดไว้แล้วว่า เรื่องนี้ต้องรายงานท่านอ๋องเท่านั้น พ่อบ้านจางจะช่วยอะไรพระชายาได้ แม้จะไม่แน่ใจว่าท่านอ๋องจะช่วยพระชายาได้หรือไม่ แต่ท่านอ๋องเป็นบุรุษมีตำแหน่ง จวนลู่คงจะเกรงใจบ้างไม่มากก็น้อย
เมื่ออาหลี่มาถึงจวนก็สั่งห้องครัวเตรียมห่ออาหารเพื่อนำไปให้พระชายาที่จวนลู่
ถามพ่อบ้านจางได้ความว่าท่านอ๋องยังไม่กลับจากหอเฟิ่งหวง อาหลี่จึงตรงดิ่งไปที่นั่น
นางขอพบท่านอ๋องแต่ยังคงถูกกีดกันอยู่ด้านนอก หนึ่งชั่วยามผ่านไปอาหลี่ก็ยังรออยู่ตรงนั้น จนกระทั่งท่านอ๋องเดินออกมา นางจึงรีบวิ่งเข้าไปคุกเข่ารายงานทุกสิ่งที่นางรับรู้และเล่าสิ่งที่นางคาดเดา
“เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนพระชายาเถิด ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวอย่างที่เจ้าคิดหรอก ข้าจะกลับจวนพักผ่อนวันนี้เหนื่อยเหลือเกิน”
อาหลี่ผิดหวังอย่างมาก นางก้มหน้านิ่งรอจนท่านอ๋องไปแล้ว จึงลุกขึ้นและเร่งเดินทางไปจวนลู่
ทางด้านลู่ผิงถิงเดินไปห้องนั้นทีห้องนี้ที ห่วงมารดาทั้งยังห่วงพี่เสี่ยวซี จึงทำให้เทียวไปเทียวมาระหว่างสองห้องอยู่แบบนั้น
ใจของลู่ผิงถิงไม่ดีเอาเสียเลย รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ด้านนอกเรือนมีเสียงดังสวบสาบ ลู่ผิงถิงเริ่มระมัดระวังตัว ตอนนี้นางอยู่ห้องพี่เสี่ยวซีและเป็นห่วงมารดาที่อยู่อีกห้องมาก
เสียงย่ำเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ลู่ผิงถิงมองหาอุปกรณ์ที่สามารถป้องกันตัวได้ นางจับแจกันดินเผาเก่า ๆ ใบหนึ่งขึ้นมาแล้วไปแอบยืนอยู่ข้างประตู
เมื่อประตูถูกเปิดนางก็เหวี่ยงแจกันใส่ศีรษะของคนที่มาเยือนทันที บุรุษชุดดำผู้นั้นถูกแจกันฟาดศีรษะล้มลงพื้น
ลู่ผิงถิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ ทว่ายังไม่ทันที่นางจะหายดีใจ ก็มีบุรุษชุดดำอีกคนก้าวเข้ามา ในมือของเขาถือมีดสั้น แววตาที่มองมามีแต่ความโหดเหี้ยม ขาเรียวถอยหลังหนึ่งก้าว คนผู้นั้นก็ก้าวตามมาหนึ่งก้าว
จวบจนลู่ผิงถิงเสียหลักถอยชนโต๊ะ มีดในมือบุรุษชุดดำก็จ้วงแทงลงมาที่ลู่ผิงถิงทันที
.......................................
เอาแล้วใคร อยากฆ่าลูกฉันเนี้ย
ครานี้ผู้ที่มารินสุราเป็นนางกำนัลตัวน้อย ไม่รู้ว่านางประหม่าหรืออย่างไร จึงทำสุราหกราดอาภรณ์ของมู่เซียวเซ่อจนเปียกปอน “ขออภัยท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ หม่อมฉันสมควรตายเพคะ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย”นางคุกเข่าคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซียวเซ่อคร้านจะใส่ใจนางกำนัลตัวเล็กจึงลุกขึ้นยืน “เสด็จพี่ กระหม่อมขอตัวไปเปลี่ยนอาภรณ์”“อืม เราก็จะไปสุขาเช่นกัน” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง เหลือเพียงจี้ฮองเฮานั่งอยู่ลำพัง จิตใจสั่นไหวเมื่อพบกับมู่เซียวเซ่ออีกครั้ง ความรักที่ถูกกดลึกไว้ในอก และความทรงจำเก่า ๆ ได้เอ่อล้นขึ้นมาวันนั้นนางจำได้ดี เป็นงานเลี้ยงต้อนรับชัยชนะของท่านพ่อ และเป็นวันที่นางพลาดพลั้งอย่างไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็มีฝ่าบาทนอนอยู่ด้านข้าง เราทั้งสองไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ ผู้คนจำนวนมากพบเห็นเรื่องนี้ทำให้จี้ฝู่หลิงไม่มีหน้าไปพบเจออดีตคนรักอีก ยอมอภิเษกกับฝ่าบาททั้งที่ใจไร้รักเริ่มแรกฝ่าบาทเอาอกเอาใจ ทำดีกับจี้ฝู่หลิงทุกอย่าง ทว่า...วันคืนดี ๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อบิดาของนางถูกสังหารในสนามรบ เขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นเหมือนสัตว์ป่าดุร้าย ทรมานนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนนาง
สามวันผ่านไป ลู่ผิงถิงยังดูแลมารดาอยู่จวนตระกูลลู่ พวกบิดายังไม่กลับมาได้ยินว่าพากันออกไปท่องเที่ยวทิศประจิม และดูทำเลการค้าเพื่อขยายกิจการร้านเสื้อผ้าลู่ผิงถิงเดินไปที่เรือนใหญ่พบกับบ่าวที่เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีเข้าพอดี จึงเรียกให้เข้ามาช่วยทำความสะอาดในห้องโถง พอบ่าวคนนั้นทำเสร็จออกไป คุณหนูใหญ่อย่างนางก็โวยวายว่าปิ่นปักผมหาย บอกให้บ่าวในเรือนช่วยกันตามหา ปรากฏว่าอยู่ที่ห้องของบ่าวที่เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีไม่ได้ใส่ร้ายบ่าวคนนั้น เพียงแต่ใช้ปิ่นราคาหนึ่งร้อยตำลึงล่อตาล่อใจ หากนางไม่หยิบไปลู่ผิงถิงก็ไม่อาจลงโทษได้ แต่ครั้งนี้นางหยิบไปจึงหนีไม่พ้น เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีไปกี่ครั้งต้องถูกเอาคืนเป็นสองเท่า ไม่ยอมให้พี่เสี่ยวซีเจ็บปวดคนเดียวแน่ ส่วนลู่ไป๋อิง รอก่อนเถอะจะจับตีให้ก้นลายเลยหนึ่งปีมานี้คงเรียนรู้กับฮูหยินรองมาก จึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เมื่อก่อนน่ารักเชื่อฟัง หลังจากนางย้ายมาเรือนท้ายจวนน้องสาวก็เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาน้องสาวเสแสร้ง หรือเป็นแบบนี้มานานแล้วจัดการบ่าวคนนั้นเสร็จก็เข้าไปในห้องบิดา ค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับคดีของพี่ชายใหญ่มีอยู่วันหนึ่ง ลู่ผิงถิงบังเอิญได้ยินบิดาคุยกับพี่ชายคนรอ
คนมาใหม่สวมหน้ากากสีทองพาดเฉียงครึ่งหน้า อาภรณ์สีน้ำเงินโบกสะบัดยามลอยตัวลงมา ฝีเท้าแตะพื้นแผ่วเบาบ่งบอกว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง“บาดเจ็บตรงไหนรึไม่” เขามองสำรวจเด็กน้อยตรงหน้า เมื่อเห็นว่ามีเพียงร่องรอยฟกช้ำก็ถอนสายตากลับ“นี่ท่าน” ลู่ผิงถิงจำเขาได้ นางเคยพบเจอคนผู้นี้ยามไปเก็บสมุนไพรที่หุบเขาหลังจวน ตอนนั้นเขาบาดเจ็บสาหัสนางช่วยใส่ยาให้เขา และพาเขาไปหลบในที่ปลอดภัย นางดูแลจนเขาฟื้น จำได้ว่าวันนั้นกลับจวนผิดเวลา ถูกบิดากักบริเวณให้อยู่แค่เรือนท้ายจวนถึงครึ่งเดือน“เจอกันอีกแล้วนะเด็กน้อย” ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากทักทายสตรีตัวเล็กตรงหน้า “ไปหาที่หลบให้ดี พี่ชายจะโชว์ความร้ายกาจให้เจ้าดู”เขาเริ่มต่อสู้กับคนชั่ว เพียงไม่กี่กระบวนท่าชายที่สวมหน้ากากก็กดบุรุษชุดดำไว้บนพื้น เขาใช้เชือกมัดมือมัดเท้าบุรุษชุดดำ แล้วลากออกไปทิ้งไว้ในห้องเก็บฟืน“ขอบคุณมาก” ลู่ผิงถิงเอ่ยขอบคุณเมื่อพี่ชายหน้ากากทองกลับเข้ามาในห้อง“ขอบคุณเพียงคำพูดจะนับอะไรได้ ไม่สู้เจ้า...ขอบคุณเป็นอย่างอื่น” ชายหนุ่มแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัยลู่ผิงถิงไม่สนใจเขา ขอบคุณนางก็ขอบคุณไปแล้ว นางมองร่างไร้วิญญาณของพี่เสี่ยวซี ดวงตากลมโตแดงก่
ลู่ผิงถิงมีน้ำตาซึมออกมาทางหางตา เสียดายที่ไม่อาจเอาคนผิดที่อยู่เบื้องหลัง การทำร้ายพี่ชายใหญ่มาลงโทษได้ กลับเป็นนางที่ต้องตายก่อนศัตรู ดวงตากลมโตหลับตารอรับความเจ็บปวดจากปลายมีด ทว่านางกลับไม่รับรู้ถึงความเจ็บนั้น ไหล่ทั้งสองถูกสองมือเล็กกำแน่น ลู่ผิงถิงลืมตาขึ้นมา เห็นพี่เสี่ยวซีที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน ยืนบังปลายมีดไว้ให้นาง ร่างของพี่เสี่ยวซีค่อย ๆ ทรุดลงพื้น ยามเสี่ยวซีรู้สึกตัวขึ้นมา ก็เห็นว่าคุณหนูของนางตกอยู่ในอันตรายพอดี จึงพยุงร่างที่เจ็บระบมลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ตะเกียกตะกายมาขวางปลายมีดสั้น ที่กำลังแทงลงบนผิวหนังคุณหนูไว้ได้ ในวินาทีสุดท้าย นางไม่เสียดายชีวิต ขอเพียงคุณหนูมีชีวิตอยู่ ทำในสิ่งที่คุณหนูอยากทำ นางรู้ตัวเองดีว่าบาดเจ็บครั้งนี้ ตัวเองไม่อาจรอดพ้นความตายได้ จึงใช้ร่างกายที่เหลือลมหายใจสุดท้ายนี้ ช่วยชีวิตคุณหนูของนาง “คุณหนู” เสียงเรียกแผ่วเบาปานกระซิบ ลู่ผิงถิงรู้สึกหัวใจขาดเลือดไหลเวียน นางรีบย่อตัวลงประคองพี่เสี่ยวซีไว้ในอ้อมกอด มือที่ประคองแผ่นหลังเต็มไปด้วยของเหลวสีแดงเข้ม น้ำตาลู่ผิงถิงไหลพราก หัวใจราวกับถูกเข็มทิ่มแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พี่เสี่ยวซีข้า.
ลู่ผิงถิงลูบไล้กายบุรุษชุดดำด้วยความรังเกียจ ใจของนางเต้นตึกตัก ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลัวจนฉี่แทบราด ทว่าต้องสู้เพื่อเอาตัวรอด เป้าหมายของนางคือมีดสั้นที่เอวของเจ้าหน้าเหี้ยมนั่น นิ้วเรียวยาวไล่วนจากแผงอกลงมาหน้าท้อง เมื่อมือนางเข้าใกล้เป้าหมาย บุรุษชุดดำก็คว้าจับไว้อย่างกับรู้ความคิดนาง บุรุษชุดดำหายใจติดขัดวาบหวิว เขาคว้ามือซุกซนของนางมาวางตรงเจ้าโลกของเขา คิดว่าที่นางอ้อยอิ่งอยู่หน้าท้องคงอยากจับ ก็ให้นางได้จับให้หนำใจ “อยากจับตรงนี้หรือข้าอนุญาต และข้าขอจับตรงนั้นของเจ้า” มือหนายื่นไปหวังบีบเคล้นก้อนกลมโตสองก้อน คะเนด้วยตาน่าจะเต็มไม้เต็มมือและนุ่มมาก แค่คิดอาวุธลับของเขาก็ผงาดขึ้น เขากำลังฝันหวานถึงเรือนร่างอ้อนแอ้นหอมหวาน โดยไม่รู้เลยว่ามีดสั้นได้ตกอยู่ในมือของสตรีตัวเล็กแล้ว ลู่ผิงถิงจ้วงมีดสั้นแทงฝ่ามือที่ยื่นมาหวังลวนลาม มีดปักคากลางฝ่ามือ “โอ๊ย” บุรุษชุดดำร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เผลอเพียงนิดเดียว สตรีผู้นี้ก็แผงฤทธิ์เดชใส่จนเขาต้องเจ็บตัว บุรุษชุดดำโมโหมาก ยกฝ่ามือข้างไม่บาดเจ็บฟาดแก้มนุ่มขาวนวลของสตรีตรงหน้า คนงามล้มลงพื้นมุมปากมีเลือดซึมออกมา ร่างกำยำตามไปคว้าปลายคางมาบี
อาหลี่มาถึงจวนตระกูลลู่แล้ว ทว่าประตูกลับปิดเงียบ นางพยายามเคาะหลายครั้งก็ไม่มีคนเปิดลางสังหรณ์ไม่ดีก่อเกิดขึ้นในใจของอาหลี่ พระชายาอยู่ในจวนเพียงลำพัง กลัวก็แต่จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในเรือนท้ายจวนอาหลี่เดินอ้อมกำแพงจวนลู่ เพื่อหาวิธีเข้าไปด้านในให้เร็วที่สุด และแล้วก็หาวิธีเข้าจวนลู่ได้ ใบหน้ากลมมนแหงนมอง ดอกกุ้ยฮวาที่บานเต็มต้น กิ่งของมันแผ่เข้าไปในจวนลู่พอดิบพอดี แบบนี้อาหลี่ก็สามารถปีนต้นไม้ แล้วกระโดดลงไปได้ ไม่รอช้ารีบปีนต้นไม้ขึ้นไปบนกำแพงทันทีทางด้านลู่ผิงถิงพลิกกายหลบปลายมีดแหลมคมไว้ได้ จากนั้นรีบวิ่งอ้อมไปหลังเตียงของเสี่ยวซี ทำให้ยามนี้มีเตียงกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษชุดดำผู้นั้น “ใครส่งเจ้ามา”“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”“เขาจ้างเจ้าเท่าใดข้าให้เจ้าสองเท่า” ลู่ผิงถิงเริ่มหว่านล้อม นางเห็นว่าบุรุษผู้นั้นทำท่าครุ่นคิดก็รีบเอ่ยเสริม “สังหารข้าที่เป็นพระชายาชินอ๋อง เจ้าคิดว่าจะหนีการจับกุมรอดหรือ ไม่สู้รับเงินจากข้าแล้วหนีไป”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชินอ๋องเสเพลผู้นั้นจะมีปัญญามาทำอะไรข้าได้
อาหลี่เห็นพระชายาไม่เอ่ยคำใดก็ออกมาส่งหมอชาวบ้าน เดินกลับมาในห้องพี่สาวคนนั้น พระชายาก็ยังยืนนิ่งอยู่ท่าเดิม พระชายาต้องเสียพระทัยขั้นไหนจึงได้นิ่งงันไปเช่นนี้“พระชายาเพคะ” อาหลี่เรียกเบา ๆ แล้วเอาเสื้อคลุมไหล่ที่หยิบมาจากรถม้าสวมให้พระชายาอากาศหนาวมากแต่ยังเหน็บหนาวไม่เท่าใจของลู่ผิงถิง เสื้อคลุมที่อาหลี่ห่มให้ไม่ทำให้นางรู้สึกอุ่นขึ้นมาสักนิดพี่เสี่ยวซีเป็นดังพี่สาวที่ปกป้องดูแลนางมาตั้งแต่ยังเยาว์ คอยช่วยปิดบังความผิดยามหนีมารดาไปเที่ยวนอกจวน คอยให้คำปรึกษาแนะนำ หนึ่งปีที่มารดาหมดสติ ก็มีเพียงพี่เสี่ยวซีที่อยู่เป็นเพื่อนพูดคุยพี่ใหญ่จากนางไปคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้พี่เสี่ยวซีจะจากนางไปอีกคนหรือไม่จริง ไม่จริง ใช่ มันต้องไม่จริง นางยังมีความหวังพี่เสี่ยวซีต้องไม่ตาย“อาหลี่เจ้าไปต้มยามาให้ข้า” ความมั่นใจเหลือน้อยเต็มทนเมื่อเห็นลมหายใจแผ่วเบาของพี่เสี่ยวซี สั่งการอาหลี่ไปน้ำตาไหลไปอย่างห้ามไม่อยู่“เพคะพระชายา”อาหลี่เห็นพระชายาเศร้าหมองเพราะบ่าวคนหนึ่ง ทำให้นางเศร้าใจตามไปด้วย ตั้งใจต้มยาให้พี่สาวคนนั้นและหวังว่าพี่สาวจะไม่จากพระชายาไปลู่ผิงถิงสั่งให้อาหลี่ดูแลเสี่ยวซี จากนั้นนางก็เ
เสี่ยวซีกำลังถูกเฆี่ยนด้วยแส้หวาย แผ่นหลังบอบบางมีเลือดซึมออกมาจากอาภรณ์เป็นรอยแส้ในตอนที่มาถึงเสี่ยวซีกำลังจะสติดับวูบลง ทว่าตอนนี้นางดูเหมือนจะข่มความเจ็บปวดไว้ ไม่ยอมให้ตนเองหมดสติ ลู่ผิงถิงเข้าไปกอดเสี่ยวซีไว้ ไม่ให้แส้ที่เต็มไปด้วยโลหิตฟาดลงบนแผ่นหลังบางนั้นได้อีก ทำให้บ่าวผู้นั้นยั้งมือไม่ทัน ฟาดไปที่แผ่นหลังของลู่ผิงถิง“คุณหนูบ่าวไม่ได้ตั้งใจ ยกโทษให้บ่าวด้วยเจ้าค่ะ”ร่างบางของลู่ผิงถิงสะดุ้งโหยง ยามหวายกระทบแผ่นหลัง แสบร้อนมาก เพียงครั้งเดียวยังเจ็บเพียงนี้ แล้วพี่เสี่ยวซีโดยไปตั้งหลายครั้งจะทนได้อย่างไร สายตามาดร้ายจับจ้องใบหน้าบ่าวที่ลงมือ พอดีกับที่สตรีร่างเล็กในอ้อมกอดขยับ ลู่ผิงถิงจึงเลิกสนใจบ่าวคนนั้น ได้แต่เก็บไฟโทสะทั้งหมดไว้ในใจ และก้มมองเสี่ยวซีที่อยู่ในอ้อมกอดเสี่ยวซีลืมตาขึ้นเล็กน้อยพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไร้เสียง นางเจ็บมากเจ็บจนน้ำตาเม็ดเล็กเกลี้ยงเกลาไหลออกมา อยากปลอบใจคุณหนูที่แววตาแดงก่ำ แต่นางไม่มีแรงแม้แต่จะพูด ภาพรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาของคุณหนูค่อย ๆ พร่ามัวลงส่งรอยยิ้มเจ็บปวดให้เสี่ยวซีทั้งน้ำตา คนในอ้อมกอดสลบไปแล้ว ใจของลู่ผิงถิงสั่นสะท้าน พี่เสี่ยวซ
มู่เซียวเซ่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลือบมองเตียงแม้แต่น้อย“ดะ...” เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป ไม่สิจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ นางยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเลย เขาจะไปทั้งอย่างนี้ได้ไงแค่เริ่มขยับปากประตูก็ปิดลงแล้ว นางเรียกเขาไว้ไม่ทัน และเรื่องที่นางคาดหวังก็ยังไม่สำเร็จสักพักคนตัวเล็กก็พาตัวเองลุกจากเตียงได้ นางนั่งบิดลำตัวอยู่บนเตียงไปมา เพื่อไล่ความเมื่อยล้าจากการนอนนิ่งอยู่นาน“พระชายา” อาหลี่ที่คอยปรนนิบัติพระชายาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวหลังจากท่านอ๋องออกไปจึงรีบเข้ามาใบหน้าน้อย ๆ แดงก่ำ หุบยิ้มไม่ลงเมื่อเห็นว่าอาภรณ์ของผู้เป็นนายไม่เรียบร้อยลู่ผิงถิงก้มมองตัวเองแล้วรีบจัดระเบียบอาภรณ์ให้เข้าที่ รู้สึกอับอายที่อาหลี่ต้องมาเห็นนางในสภาพเช่นนี้ ช่างเถิดไม่จำเป็นต้องอธิบาย เข้าหอคืนแรกถ้าเขาไม่อยู่ห้องหอน่าอับอายกว่าเยอะอาหลี่ปรนนิบัติพระชายาสวมเสื้อผ้า พอคิดถึงใบหน้าแดงเรื่อของพระชายาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ไปเถิดเพคะ ท่านอ๋องน่าจะรอนานแล้ว”“เหตุใดเขาต้องรอข้าด้วยเล่า”“ได้เวลาเสวยยามเช้าแล้วเพคะ”“อ้อ เป็นเช่นนี้...งั้นไปกัน” ลู่ผิงถิงประหม่าเล็กน้อย ไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกับส