ฝีเท้าของลู่ผิงถิงหยุดชะงัก “อย่าเข้ามานะ” เมื่อหนึ่งในนั้นก้าวเข้ามานางก็ชี้นิ้วสั่ง แล้วกดสลักบนแหวน เข็มพิษพุ่งตรงไปที่คนก้าวเท้าเข้ามา ล้มลงพื้นหมดลมหายใจ “ถ้าเข้ามาอีกข้าจะไม่เกรงใจแล้ว” ลู่ผิงถิงข่มขู่พวกนั้นทั้งที่ตอนนี้กลัวจนขาสั่นไปหมด
พวกของเผ่าจงซาเมื่อเห็นว่าสหายร่วมทางหมดลมหายใจ ทั้งที่ไม่มีการต่อสู้ประชิดตัว ก็รู้ว่าสตรีนางนี้ไม่ได้จับง่ายอย่างที่คิด เขาล้อมจับชินอ๋องแม่ทัพใหญ่มาสี่วันแต่ก็ยังไร้วี่แววที่จะจับได้
เมื่อได้รับข่าวจากคนของเมืองหลวง ว่าพระชายาของชินอ๋องตามมา พวกเขาจึงปล่อยข่าวเรื่องชินอ๋องถูกล้อม และปล่อยให้นางเดินทางมาถึงตรงนี้อย่างสะดวก ไม่มีขวากหนามขวางกั้น เพื่อจับนางมาเป็นตัวประกัน ข่มขู่แม่ทัพใหญ่ชินอ๋อง
คนที่เป็นหัวหน้าสั่งการด้วยภาษาที่ลู่ผิงถิงฟังไม่รู้เรื่อง หกเจ็ดคนในนั้นก็แยกตัวออกไป พวกจงซาล้อมเข้ามาหาลู่ผิงถิงเป็นวงกลม
ยิงอาวุธลับที่แหวนไปพวกเขาก็หลบหลีกได้ อาวุธลับของนางสังหารคนได้แค่คนเดียว คนเก้าคนเดินเข้ามาหาพร้อมกัน เริ่มลนลานที่ยิงเข็มพิษไปจนจะหมดแล้ว กลับไม่อาจสังหารเพิ่มได้สักคน
เผ่าจงซาเก้าคนชะงักฝี
ทหารส่วนพระองค์วิ่งเข้ามาล้อมลู่ผิงถิงไว้ กำลังจะจับตัวสตรีตัวเล็กไป หน้ากากทองก็เข้ามาขวางไว้ ไม่ให้ทหารเหล่านั้นจับลู่ผิงถิงไปได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารกับหน้ากากทอง เหล่าขุนนางพากันวิ่งวุ่นหลบตามมุมลู่ผิงถิงเห็นพี่ชายรองดีดบางอย่างใส่พี่ชายหน้ากากทอง ก็รู้สึกเสียใจมาก เขาต้องการสังหารนางจนไม่อยากให้ใครช่วยนางเลยหรือเสียงหน้ากากตกกระทบพื้นลู่ผิงถิงหันไปมองด้วยความตกใจ นางคิดว่าพี่ชายหน้ากากทอง คงนอนกองอยู่บนพื้นไปแล้ว ทว่า...เขายังยืนสง่าอยู่ หน้ากากแบ่งครึ่งร่วงลงพื้น เผยโฉมหน้าหล่อเหลาคุ้นตาลู่หงปินไม่ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้า เปิดเผยโฉมหน้าของหน้ากากทอง เขาไม่อยากหลอกลวงถิงเอ๋อร์อีกต่อไปเขายังไม่ตาย สามีนางยังไม่ตาย เขายืนอยู่ตรงหน้านาง ควรดีใจวิ่งเข้าไปกอด แต่ยามนี้ลู่ผิงถิงนิ่งอึ้ง เขาเอาความรู้สึกนางมาล้อเล่นแบบนี้ได้อย่างไร เขาเห็นนางเป็นตัวตลก เห็นนางเป็นอะไรกันแน่ ไม่บอกนางสักคำปล่อยให้นางเศร้าเสียใจ ทั้งที่ใช้เวลาอยู่กับนางมาโดยตลอด จิตใจเขาทำด้วยอะไรกันนะ“จะ เจ้ายังไม่ตาย” ฮ่องเต้หนุ่มชี้หน้าอนุชามือสั่น
สามวันต่อมาลู่ผิงถิงกลับเข้าเมืองมาแล้ว เนื่องจากมาถึงยามวิการจึงพักที่เรือนมารดาหนึ่งวัน เช้าวันนี้นางกำลังเดินทางไปจวนอ๋องก้าวขาเข้าจวนที่ผูกผ้าแพรสีดำสีขาว ผ้าพลิ้วไหวไปตามสายลม ทั้งจวนดูมืดมนไม่ต่างจากใจของนางซู่เหยาในชุดขาวสะอาดนั่งอยู่หน้าพระโกศ (โลงศพ) ลู่ผิงถิงเดินเข้าไปนั่งลงข้างกายซู่เหยา “เจ้าเห็นเขาแล้วหรือ” นางอยากเปิดฝาพระโกศออก แล้วดูหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย ทว่ากลัวทำใจไม่ได้ซู่เหยาสบเข้ากับสายตาเจ็บปวดของพระชายาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นสตรีคนหนึ่งที่งดงามผ่ายผอมลงในชั่วพริบตา ก็เกิดความเวทนาสงสาร จึงอธิบายเรื่องที่ค้างคาใจอยู่เผื่อจะทำให้พระชายาอารมณ์ดีขึ้นบ้าง “พระชายาความจริงบุตรในท้องหม่อมฉันไม่ใช่บุตรของท่านอ๋อง” ซู่เหยาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ตอนนั้นหม่อมฉันไร้ทางออกคิดสังหารตัวเอง ท่านอ๋องจึงไม่อาจปล่อยหม่อมฉันไว้คนเดียวได้ พวกเราไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน ทุกครั้งที่พบกันมีเพียงเรื่องภารกิจเท่านั้นเพคะ หม่อมฉันเป็นหนึ่งในนักสืบข่าวของท่านอ๋อง หอเฟิ่งหวงเองก็เป็นท่านอ๋องก่อตั้งขึ้นมา ทว่าเรื่องนี้น้อยคนนักที่จะรู้ อีกอย่างช่วงนั้นท่านอ
หันมามองเสียงคุ้นเคย เขาถึงกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนางในตำหนักวังเวงแห่งนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนางคงดีใจที่เขาแสดงท่าทีอ่อนโยนเช่นนี้ ทว่ายามนี้นางไม่อยากเห็นท่าทีเสแสร้งของเขาอีก จี้ฝู่หลิงเม้มริมฝีปากน้ำตาคลอ “ออกไป” เป็นครั้งแรกที่นางกล้าไล่สามีของนางที่เป็นถึงฮ่องเต้ “หม่อมฉันไม่อยากเห็นหน้าพระองค์อีก”ฮ่องเต้หนุ่มข่มความโกรธไว้ ไม่ระบายโทสะที่อัดแน่นใส่ฮองเฮาอีก ชายหนุ่มสะบัดอาภรณ์เดินออกจากตำหนัก ด้วยความรู้สึกหลากหลาย เสียใจ เจ็บปวด สงสาร ห่วงใย ยามเห็นนางร้องไห้แทบขาดใจ เขาคงบ้าไปแล้วที่รู้สึกแบบนั้นกับบุตรสาวของคนที่พยายามโค่นบัลลังก์เขาถ้าไม่เพราะว่าบิดานาง สนับสนุนอนุชาของเขามากกว่าเขาที่เป็นบุตรเขย เขาจะลงมืออย่างเหี้ยมโหดกับบิดานางหรือฮ่องเต้หนุ่มย้อนคิดไปถึงวัยแปดชันษา ยามนั้นเป็นครั้งแรกที่รับรู้ว่ามารดาที่เลี้ยงมาไม่ใช่มารดาที่คลอดเขา ทว่าเป็นเพียงมารดาเลี้ยง ส่วนมารดาแท้ ๆ ของเขานั้นเป็นเพียงนางกำนัลในตำหนักที่ต่ำต้อย พลาดตั้งครรภ์เพราะฮ่องเต้องค์ก่อนเมาคิดมาตลอดว่าตนเองที่เป็นองค์ชายรองกำเนิดจากครรภ์ของกุ้ยเฟย ไม่ได้ต้อยต่ำเหตุใดถึงถูกรังแกข
“ขอบคุณพี่ชายมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้อีกแล้ว” ลู่ผิงถิงเลี่ยงที่จะตอบคำขอของพี่ชายหน้ากากทอง นางอยากปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแต่นางพูดไม่ออก“เฮ้อ...อย่าทำหน้าอมทุกข์แบบนั้นพี่ชายไม่บังคับเจ้าเสียหน่อย อยากกลับเข้าเมืองย่อมได้ แต่เจ้าต้องดื่มยาให้ครบก่อนเพื่อความปลอดภัยของเด็กในครรภ์ ต้องอยู่ที่นี่อีกสามวัน”“เจ้าค่ะ ข้าจะดื่ม”“เป็นเด็กดีอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย”ลู่หงปินกลับมาถึงเรือนตระกูลลู่ ขมวดคิ้วประหลาดใจที่จวนไร้ผู้คน บ่าวรับใช้ในจวนหายไปไหนกันหมดย่างก้าวเข้ามาในเรือนใหญ่ พบกับมารดาเลี้ยงที่ย้ายออกจากจวนไปแล้ว นั่งอยู่คนเดียวที่ห้องโถง เขาเดินเข้าไปคำนับ “คารวะท่านแม่ใหญ่”เวินหลินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ เงยหน้าขึ้นมองตามเสียง เห็นว่าบุตรชายคนรองตระกูลลู่กลับมาแล้ว ก็ควรจะยกหน้าที่ดูแลสามีเก่าให้กับบุตรของเขาเสีย “หงปินพ่อเจ้าถูกพิษ หากอยากแก้พิษก็หาไป๋อิงให้เจอ ข้าหาทั่วเมืองหลวงแล้วแต่ไม่พบ ส่วนพ่อเจ้า...เจ้าก็ดูแลเองเถอะข้าเหนื่อยมาหลายวันแล้ว”ลู่หงปินตาแดงระเรื่อ น้องสาวของเข
สตรีที่โดนกัดกรีดร้องโหยหวน พยายามดิ้นหนีแต่ไม่รู้ จี้ฝู่หลิงเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกดคนใต้ร่างไว้จนอยู่หมัด คนใต้ร่างขยับหนีไม่ได้ปลายลิ้นค่อย ๆ รับรู้รสชาติโลหิต จี้ฝู่หลิงกัดไม่ยอมปล่อยทั้งน้ำตา ใจทรมาน อยากระบายความอัดอั้นทั้งหมดออกมาส่งความเจ็บปวดไปให้สตรีใต้ร่างให้นางรู้ว่า ฮองเฮาจี้ คนนี้ไม่ยอมเจ็บคนเดียวร่างบางถูกแรงหนึ่งกระชากออก ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงมาที่แก้มซ้ายของนาง แรงตบจากฝ่ามือส่งร่างบอบบางล้มลง แก้มด้านขวาแนบพื้นที่เย็นเยียบ แก้มซ้ายเจ็บระบมไปถึงหู จี้ฝู่หลิงใช้ลิ้นเลียโลหิตที่มุมปาก มองสายตาเยือกเย็นของสามีที่มองมา แล้วหัวเราะลั่นทั้งน้ำตา“จี้ฝู่หลิง เจ้าเป็นบ้าหรือไล่กัดคนไปทั่ว”สตรีบนเตียงซ้อนแววตาสั่นระริกขึ้นมองสามีของนาง แลดูน่าสงสารจับใจ“อิงเอ๋อร์ไม่เป็นไรใช่ไหม”เขาดูอ่อนโยนห่วงใยสตรีที่นั่งน้ำตาไหลอยู่บนเตียง โอบกอดปลอบโยนต่อหน้าต่อตาฮองเฮาอย่างนางเขาสงสารสตรีคนนั้นที่ถูกนางกัด แล้วสิ่งที่เขาทำกับนางเล่า เขาไม่สงสารนางบ้างหรือ“ฮ่า ฮ่า ฮ่าฝ่าบาทปวดใจหรือ...ไม่เท่าที่หม่อมฉันเจ็บสักนิด”ร่าง
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ลู่หงปินกลับมาแล้วรออยู่ที่ห้องหนังสือพ่ะย่ะค่ะ” กงกงเอ่ยอยู่หน้าประตูตำหนัก พลางปาดเหงื่อที่ซึมตามไรผม ยามนี้เขามาขัดความเกษมสำราญของฝ่าบาทแล้ว ไม่รู้จะรอดพ้นการถูกลงโทษหรือไม่ว่ากันว่าจักรพรรดิไร้ใจ จริงเสียยิ่งกว่าจริง เขาที่สัมผัสใกล้ชิดฮ่องเต้ หนาวสะท้านกับความโหดเหี้ยมของฮ่องเต้พระองค์นี้ทุกย่างก้าวที่เดินต้องระมัดระวัง พลาดพลั้งไปคือศีรษะถูกบั่นออกจากคอ กงกงจึงเป็นคนหนึ่งที่กุมความลับของฮ่องเต้ไว้อย่างดี ไม่เคยให้หลุดรอดออกจากปากฮ่องเต้หนุ่มเชยคางสตรีบนเตียง “อิงเอ๋อร์เรามีธุระ เจ้ารอก่อนนะเราจะให้ฮองเฮาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”“เพค่ะ ฝ่าบาท” ลู่ไปอิงส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ไปให้บุรุษที่นางรักในห้องทรงอักษร ลู่หงปินคุกเข่ากำหมัด ก้มศีรษะเล็กน้อยเอ่ย “ถวายบังคมฝ่าบาทขอให้พระองค์อายุยืนหมื่นปีหมื่น ๆ ปี”ลู่หงปินได้รับสารลับจากฝ่าบาทวันที่มารดาสิ้นใจก็ออกเดินทางไปตามคำสั่ง หลังจากฝั่งร่างมารดาแล้ว“ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”“ฝ่าบาทเรื่องท่านอ๋องกระหม่อมทำสำเร็จแล้ว แต่ราชครูเฟยหลงกระหม่อมพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุ