“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้
“ข้าจำได้ว่าตนเองยังไม่มีคู่หมายนะเจ้าคะ” นางผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอยออกห่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ายามสหายเข้าใกล้อีก
“ที่ยังไม่มีคู่หมายเพราะเมื่อถึงเวลาก็จะได้กลายเป็นฮูหยินเลยต่างหาก” กล่าวจบเผยหลี่จุนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาต่างจากท่าทางขี้เล่นชอบหยอกเย้านางเช่นทุกครั้ง
“พี่หลี่จุน ท่านบอกข้าก่อนสิเจ้าคะ ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร กลับมาบอกข้าก่อนเจ้าค่ะ” คุณหนูเจียงส่งเสียงร้องเรียกตามหลังบุรุษที่เดินหายลับไปจากสายตาแล้ว
‘พี่หลี่จุนหมายความถึงใคร พี่รองทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวน้องสาวเช่นนาง’ เจียงเซียวเล่อคิดก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตามเดิมพร้อมกับพยายามปัดความสงสัยทิ้งไปทั้งที่ในใจร้อนรน
ด้านเหอซือซือที่ถูกสั่งให้ไปเอาขนมที่โรงครัว ได้แต่เดินชมเรือนแต่ละหลังของจวนตระกูลเจียง เพราะทราบดีว่าขนมอะไรนั่นเป็นแค่ข้ออ้างในการไล่นางเพื่อจะได้สนทนากันตามลำพังต่างหาก
‘คุณชายเผยผู้นั้นคงมิใช่กำลังเล็งน้องสาวสหายอยู่กระมัง’ นางคิดพลางยิ้มกรุ้มกริ่มคล้ายสตรีเจ้าเล่ห์
“เจ้าคงเป็นคุณหนูเหอสินะ” เสียงทุ้มของบุรุษที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้นางชะงักฝีเท้า ในใจพลันเต้นระรัวเพราะความหวาดกลัว ก่อนหน้านี้เคยได้ยินสือหลิวสอนว่าสตรีบุรุษมิควรอยู่ด้วยกันตามลำพัง หากเกิดเรื่องไม่ดีงามก็สามารถถูกบังคับให้แต่งงานกับคนผู้นั้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีใจก็ได้ เพราะการแต่งกับใครสักคนยังต้องเป็นไปตามความเห็นชอบบิดามารดา บุตรสาวไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ ซึ่งนางจะไม่มีวันถูกฝืนใจเช่นนั้นเป็นแน่
‘สตรีบุรุษมิอาจสนทนากันตามลำพังในที่ลับตาคน’ วาจาของสือหลิวทำให้นางไม่หยุดฝีเท้า พร้อมกับรีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้น
พรึ่บ! บุรุษผู้นั้นเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะโผล่มาอยู่ด้านหน้านางอย่างกะทันหันทำให้นางที่รีบร้อนก้าวเดินไม่ทันตั้งตัวชนเข้ากับอีกฝ่ายเข้าเต็มแรง โชคดีที่เขาช่วยรั้งตัวนางไว้ไม่ให้หงายหลังล้มลง
“ขออภัยที่ทำให้ตกใจ แต่เป็นเจ้าเองที่ไม่ยอมหยุดตอนข้าเรียก” เสียงทุ้มที่ดังข้างหูทำให้นางตกใจอีกครั้งก่อนจะรีบผละออกจากอ้อมกอดเขาแล้วถอยห่างออกมาทันที
“ขออภัยเจ้าค่ะ เป็นข้าที่ซุ่มซ่ามเอง” นางกล่าวขอโทษอีกฝ่าย นัยน์ตาเมล็ดซิ่งหลุบลงเล็กน้อย
“ข้าเป็นผู้ใหญ่พอจะไม่ถือสาเจ้า” เขากล่าวก่อนจะมองสตรีที่ยืนก้มหน้าอยู่
‘คนผู้นี้ช่างไม่ละอายเสียจริง เป็นเขามิใช่หรือที่โผล่มาตัดหน้าทำให้ข้าตกใจ’ เหอซือซือต่อว่าบุรุษตรงหน้าในใจ
“ทำสิ่งใดตกที่พื้นหรือ ให้ข้าช่วยหาหรือไม่” เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าห่างจากนางเพียงหนึ่งก้าว กล่าวก่อนจะย่อตัวคุกเข่าลงโดยที่เข่าอีกข้างหนึ่งตั้งชันอยู่ แล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับเงยมองหน้าสตรีที่เอาแต่ยืนก้มหน้าอยู่
“ท่าน!” นางไม่คิดเลยว่าจะได้สบตาบุรุษในท่าทางเช่นนี้ ด้วยความตกใจนางจึงรีบเงยหน้าขึ้นแล้วถอยออกห่าง แต่คนที่คิดจะกลั่นแกล้งนางมีหรือจะปล่อยไป เขารั้งข้อมือกลมกลึงเอาไว้ทั้งสองข้างเพื่อตรึงให้นางยืนอยู่ที่เดิม
“เสี่ยวหลงเปาวันนั้นถูกปากดีหรือไม่” วาจาของบุรุษที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านางทำให้นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม
“ท่าน! เอ่อ...พี่ชายช่างบังเอิญเสียจริงนะเจ้าคะที่ได้เจอกันอีกครั้ง” คนผู้นี้คงไม่ได้โกรธแค้นนางเรื่องเสี่ยวหลงเปาจนตามมาอาฆาตหรอกนะ
“บังเอิญหรือ? หึหึ ข้าก็ไม่คิดว่าแผ่นดินแคว้นฉินต้าหวงจะคับแคบเช่นนี้”
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนดีหรือไม่ ข้าเป็นสตรีหากสนทนากับท่านในท่าทางเช่นนี้ แล้วมีใครมาเห็นคงไม่เหมาะสมนัก” ใกล้ชิดกับบุรุษย่อมเสียหายมากกว่าใกล้ชิดกับสตรี เพราะหากเป็นสตรีนางไม่มีทางที่จะถูกจับแต่งงานด้วยได้
“ก็ได้!” เขาลุกยืนขึ้นแต่สองมือยังคงจับข้อมือกลมกลึงของนางอยู่
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ วันนี้บังเอิญได้พบกัน ข้าต้องขอโทษเรื่องที่แย่งเสี่ยวหลงเปาจากท่านจริง ๆ” นางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายอย่างจริงใจ รูปก็งามหน้าตาก็หล่อเหลาไม่คิดเลยว่าใจคอจะคับแคบเช่นนี้
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ