“ก็คงต้องซวยหน่อยนะ” เมธีตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พลางยักไหล่เล็กน้อย “ด้วยข้อมูลต่าง ๆ ที่พวกเรามีอยู่ในมือเกี่ยวกับนาย มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะทำให้นายต้องหมดอนาคตในอาชีพแพทย์ แล้วบีบบังคับให้นายกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเราอีกครั้ง”
ธาริกาสั่นสะท้านเบา ๆ อยู่ข้างกาย จักรินทร์รับรู้ได้ว่าเธอคงกำลังคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอ และเธอคือคนที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือตัวเขาเองแต่เพียงผู้เดียว เขาเลือกที่จะทำในสิ่งที่ผิดทำนองคลองธรรมมาตั้งแต่ต้น เขาปล่อยให้เรื่องราวเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ แม้ว่าจะมีสิ่งสวยงามมากมายเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองจะสามารถให้อภัยตัวเองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือไม่
“ผมต้องการเวลา” จักรินทร์เอ่ยมองลงไปที่ธาริกา
“ได้สิ แต่เราจะรอ และจำไว้ว่ามันจะง่ายกว่าสำหรับเราที่จะปกป้องนายถ้าเด็กไม่ได้เกิดนอกสมรส เราจะช่วยให้นายคืนดีกับค
ธาริกาไม่ได้ปรารถนาให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ดำเนินไปเช่นนี้เลยสักนิด แม้ว่าเธอจะต้องการให้ทุกสิ่งเป็นไปตามความจริง แต่ในส่วนลึกของจิตใจ เธอก็ยังคงวาดหวังถึงภาพงานแต่งงานที่แสนพิเศษ ไม่ว่าเจ้าบ่าวจะเป็นใครก็ตามเธอรู้ดีว่าจักรินทร์เคยบอกว่าพวกเขาสามารถจัดพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการในภายหลังได้ กระนั้น ความรู้สึกผิดแปลกในใจก็ยังคงวนเวียนอยู่ไม่จางหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอยังไม่รู้เลยว่าบิดามารดาของเธอจะยินดีมาร่วมงานหรือไม่ธาริกาไม่เคยวาดฝันถึงงานแต่งงาน การคลอดลูก หรือแม้แต่ภาพอนาคตที่ไร้เงาของพวกท่านเคียงข้าง การที่จินตนาการเหล่านั้นต้องพลันถูกพรากไปอย่างกะทันหัน สร้างความสับสนในจิตใจของเธอไม่น้อย นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เธอตัดสินใจโทรศัพท์ถึงมารดาในทันทีที่ปิดประตูห้องธาริกาหวังว่ามารดาจะรับสายในครั้งนี้ เธอโหยหาที่จะได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ความคิดถึงท่วมท้นทำให้น้ำตาเอ่อคลอ ธาริกาเลื่อนหารายชื่อด้วยปลายนิ้วที่สั่นระริก จากนั้นก็กดปุ่มโทรออกเสียงสั
“ก็คงต้องซวยหน่อยนะ” เมธีตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พลางยักไหล่เล็กน้อย “ด้วยข้อมูลต่าง ๆ ที่พวกเรามีอยู่ในมือเกี่ยวกับนาย มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะทำให้นายต้องหมดอนาคตในอาชีพแพทย์ แล้วบีบบังคับให้นายกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเราอีกครั้ง”ธาริกาสั่นสะท้านเบา ๆ อยู่ข้างกาย จักรินทร์รับรู้ได้ว่าเธอคงกำลังคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอ และเธอคือคนที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือตัวเขาเองแต่เพียงผู้เดียว เขาเลือกที่จะทำในสิ่งที่ผิดทำนองคลองธรรมมาตั้งแต่ต้น เขาปล่อยให้เรื่องราวเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ แม้ว่าจะมีสิ่งสวยงามมากมายเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองจะสามารถให้อภัยตัวเองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือไม่“ผมต้องการเวลา” จักรินทร์เอ่ยมองลงไปที่ธาริกา“ได้สิ แต่เราจะรอ และจำไว้ว่ามันจะง่ายกว่าสำหรับเราที่จะปกป้องนายถ้าเด็กไม่ได้เกิดนอกสมรส เราจะช่วยให้นายคืนดีกับค
ทันทีที่ธาริกาเห็นกลุ่มคนเหล่านั้น ร่างกายของเธอก็พลันแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็งอยู่ข้างกายเขา จักรินทร์สังเกตเห็นว่าเธอดูหวาดกลัวมากกว่าปกติ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจนักว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง บางทีอาจเป็นเพราะบรรยากาศอึดอัดภายในงานเลี้ยงแห่งนี้ก็เป็นได้ในเวลานี้เอง จักรินทร์ก็ตระหนักได้ว่าธาริกาเองก็คงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เขากำลังเผชิญอยู่เช่นกันความหวาดหวั่น…ความกังวลใจ…เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าคนพวกนี้จะปรากฏตัว พวกเขารู้เรื่องงานเลี้ยงนี้ได้อย่างไร และที่สำคัญมาที่นี่ทำไม“จักรไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ชายร่างสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มเอ่ยทักทาย“พี่พงศ์ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพี่ที่นี่อีก” จักรินทร์ตอบกลับไปอย่างเสียไม่ได้“อะไรกัน จะให้พลาดโอกาสทองที่จะได้เจอน้องชายของฉันได้ยังไงกัน ไม่มีทางเสียล่ะ”สมาชิกครอบครัวที่ใกล้ชิดของจักรินทร์นั้นไม่ได้อยู่ในแวดวงสังคมของเขาม
ในที่สุด งานเลี้ยงช่วงต้นก็จบลง จักรินทร์และธาริกาก็เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณที่แขกคนอื่น ๆ รวมกลุ่มกัน ธาริกาเดินเคียงข้างเขา เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยจึงเผลอจับชายเสื้อโค้ทของเขาไว้แน่น พลางสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนสนิท“ไหวหรือเปล่า ที่รัก” จักรินทร์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมโน้มตัวลงมาจูบแก้มเธอเบา ๆ “ให้ฉันไปเอาเครื่องดื่มมาให้ไหม น้ำมะนาวโซดา น่าจะสดชื่นดีนะ”ธาริกาส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันสบายดีค่ะ แค่กำลังมองหาเอวาน่ะค่ะ”เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “อ้อ เอวา เพื่อนสนิทเธอนี่เอง อยากให้ฉันช่วยหาไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเธอก็คงมา”“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรก็บอกฉันนะ”จักรินทร์พาหญิงสาวไปยังเคาน์เตอร์บาร์ เขาสั่งไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว และสั่งเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เธอ แม้ว่าเธอจะบอกว่าไม่ต้องการอะไรก็ตาม“มันจะช่วยให้เธอรู้สึกเหมือนได้ทำอะไรบ้าง ฉันว่าการมีเครื
จักรินทร์ตัดสินใจว่าจะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์อีกครั้ง เขานำเรื่องนี้มาปรึกษากับธาริกา หลังจากที่โทรศัพท์พูดคุยกับบิดาของเธอ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องการแสดงให้ทุกคนประจักษ์ ว่าเขาภาคภูมิใจเพียงใดที่ได้คบหากับเธอ และต้องการประกาศความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันทว่าพอได้ลองปรึกษาหารือกัน กลับได้ข้อยุติว่ายังไม่ถึงเวลาอันสมควรที่จะประกาศเรื่องการตั้งครรภ์ อย่างน้อยก็มิใช่ในห้วงเวลานี้การประกาศข่าวดีเรื่องทายาทตัวน้อยในครรภ์ในเวลานี้ อาจจะนำมาซึ่งความสนใจใคร่รู้ และการจับจ้องจากผู้คนภายนอกมากจนเกินไปและธาริกายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยให้โลกภายนอกได้รับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อครอบครัวของเธอเองก็ยังมิอาจยอมรับเรื่องนี้ได้ในส่วนลึกของจิตใจ ธาริกาแอบหวังว่าบิดามารดาจะมาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้หลังจากถูกบิดาไล่ออกจากบ้าน ธาริกาพยายามส่งข้อความ และโทรศัพท์ติดต่อท่านทั้งสอง หากแต่ทุกช่อ
“เธออยากกลับไปนอนพักก่อนไหม”“ฉันอยากอยู่ข้างนอกมากกว่าค่ะ”“ได้เลย ฉันจะปลุกเธอตอนที่จะเลือกอาหารเย็นละกัน”จากนั้นเขาก็ปล่อยหญิงสาวไว้ที่ห้องนั่งเล่น ส่วนเขาขึ้นไปที่ห้องทำงาน เขาต้องเตรียมใจโทรหาบวรพจน์ รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องโกรธเขามาก ซึ่งเขามีสิทธิ์ที่จะโกรธ แต่แค่หวังว่าบวรพจน์จะรับฟัง แม้ว่าจะไม่ยอมรับคำขอโทษของในตอนแรกก็ตามร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานและหยิบโทรศัพท์ออกมา จ้องหน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลาหลายวินาทีก่อนที่จะกล้ากดโทรออกเขาต้องทำสิ่งนี้เพื่อธาริกาโทรศัพท์ดังหลายครั้งก่อนที่บวรพจน์จะรับสาย จักรินทร์รอคอยด้วยใจจดจ่อ ลุ้นว่าอีกฝ่ายจะยอมรับสายหรือไม่โชคดีที่บวรพจน์ยอมกดรับ และสิ่งแรกที่จักรินทร์ได้ยินคือเสียงตะคอกด้วยความโมโหสุดขีด“หมอจักรินทร์ ถ้าไม่ให้เหตุผลดี ๆ ว่าทำไมฉันควรคุยกับนายในห้าวินาทีนี้ ฉันจะวางส
จักรินทร์กลับถึงบ้าน ใช้เวลาไม่นานนักในการหาธาริกา หญิงสาวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับโกโก้ร้อนที่ยังคงมีควันลอยอยู่เหนือขอบถ้วย และหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ในมือเขายิ้มให้ตัวเอง เธอดูสมบูรณ์แบบเหลือเกินที่นั่งอยู่ตรงนั้น มันทำให้เขาจินตนาการได้ว่าตัวเองกลับบ้านมาหาเธอแบบนี้ทุกวันแต่แล้วเธอก็มองขึ้นมา และสิ่งที่ปรากฏในดวงตาของเธอไม่ใช่ความสงบ แต่เป็นความโกรธทำเอาเขาตกใจ ร่างสูงเดินมาทรุดนั่งลงข้างหญิงสาว“ที่รัก เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”“คุณหมอไม่แม้แต่จะทิ้งโน้ตไว้ให้ฉัน” น้ำเสียงน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด“ฉันไม่ได้…อะไรนะ” คำกล่าวโทษของหญิงสาวทำให้จักรินทร์สับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก เธอคาดหวังให้เขาทิ้งโน้ตไว้ให้เธอเหรอ“คุณหมอไม่ได้ทิ้งโน้ต หรือแม้แต่ส่งข้อความ ตอนที่คุณหมอออกไปทำงาน คุณหมอรู้ว่าฉันรู้สึกยังไงเมื่อคืน”น้ำเสียงและสีหน้าแง่งอนเกือบทำเอาจักรินทร์แ
“เอวา ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มตรงไหน มันรู้สึกเหมือนมีเรื่องมากมายเต็มไปหมด”“งั้นก็เริ่มจากเรื่องที่เธอสบายใจก่อน หรือว่าอยากบอกฉันไหมว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน”เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน ในอกพลันสะท้าน“ตอนที่ฉันบอกพ่อแม่ พวกท่านตกใจมาก ฉันรู้สึกแย่เพราะ...เธอก็รู้ ฉันไม่อยากทำให้พวกท่านผิดหวัง พ่อบอกว่าฉันทรยศความไว้วางใจของพวกท่าน เขายังคิดว่าคุณหมอจักรินทร์หลอกฉัน”เอวาขมวดคิ้ว “แล้วเธอเชื่อแบบนั้นไหม”ธาริส่ายหัว “ไม่ ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นเลย แต่ว่า...ฉันก็เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงคิดแบบนั้น คุณหมอจักรินเป็นเจ้านายฉันและมีอำนาจที่จะทำอะไรก็ได้”เอวาพยักหน้า “ใช่ นั่นคือเหตุผลที่ฉันกังวลมาตั้งแต่แรก ฉันว่าเธอควรพูดเรื่องนี้กับคุณหมอจักรินทร์นะ อย่างเช่นย้ายแผนกหรือว่าเปลี่ยนที่ทำงานอาจช่วยให้พ่อแม่เธอรู้สึกดีขึ้นกับเรื่องนี้”“คงยาก ตอนนี้พวกท่านแค่อยากให้ฉันทำเห
รุ่งเช้า ธาริกาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสับสน สัมผัสได้ถึงความไม่คุ้นเคยจากสัมผัสของเครื่องนอน ราวกับว่าเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อวานเพิ่งจะเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง หากแต่ในคราวนี้ เธอพอจะประมวลเหตุการณ์ได้ว่าตนเองอยู่ที่ใด และเพราะเหตุใดเธออยู่ในห้องนอนของจักรินทร์ นอนอยู่บนเตียงนุ่มของเขาภายใต้ผ้าห่มผืนหนาหลายชั้น หากแต่ไร้ร่องรอยของเจ้าของห้อง แม้จะลุกขึ้นนั่ง และกวาดสายตาสำรวจไปทั่วห้อง ก็ยังคงไม่พบแม้แต่เงาของชายหนุ่มธาริกาเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา หวนนึกถึงเวลาที่ล่วงเลยไป ป่านนี้คงจะสายโด่งจนจักรินทร์ออกไปทำงานแล้วกระมัง หากแต่ไร้ซึ่งข้อความใด ๆ จากเขา และเมื่อลุกขึ้นจากเตียง เดินสำรวจไปทั่วห้อง ก็กลับไม่พบว่าไม่มีโน้ตข้อความใด ๆ ทิ้งไว้ให้เธอทั้งสิ้นธาริกาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่สิ่งที่เกิดขึ้น กลับทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจมากยิ่งกว่าเดิมในส่วนลึกของจิตใจ เธอปรารถนาให้เขาแสดงออกให้เห็นว่ารักและใส่ใจเธออย่างแท้จริง