“รถเป็นอะไรครับ คุณหนูคาเทียร์”
ตะวันเดินลงมาจากคณะเห็นน้องสาวของเพื่อนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ตรงรถของตัวเอง นึกแปลกใจที่เธอมาจอดรถไกลถึงที่นี่ “จะเป็นอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับพี่ไหมคะ”คาเทียร์ตวัดสายตามองแรงเพื่อนของพี่ชายที่เดินหน้าทะเล้นเข้ามาใกล้ รู้ว่าเธอไม่ชอบเขาก็ชอบมาตอแยเธอทุกครั้งที่เจอหน้า “ฉันก็แค่หวังดี เห็นเธอเป็นน้องสาวไอ้เตอร์หรอกนะ” “ไม่ต้องค่ะ เรื่องแค่นี้ฉันจัดการเองได้”แม้ปากจะพูดแบบนั้นออกไป ทั้งที่ในใจเธอยังไม่รู้เลยว่าทำไมรถที่เมื่อเช้าขับมาดี ๆ ถึงได้มาเสียตอนนี้ เธอพยายามสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด “จัดการได้ก็ดี งั้นฉันไปล่ะ แต่ก่อนไปจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว เธอน่าจะต้องอยู่ตรงนี้คนเดียวนะ” ใบหน้าสวยหันมองตามที่เขาบอก ก็พบว่าแทบไม่มีนักศึกษาหลงเหลืออยู่เลย เพราะเธอเสียเวลาอยู่ตรงนี้จนไม่สนใจเวลาว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว พลันใบหน้าเธอก็ค่อยถอดสีลงเรื่อย ๆ ยอมรับว่ากลัวบรรยากาศแบบนี้ มันวังเวงยังไงก็ไม่รู้ คนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากมองอาการของคนตัวเล็กที่กำลังหันมองซ้ายขวาอย่างระแวง เขาทำทีเป็นจะเดินหันหลังไปยังรถช็อปเปอร์คันใหญ่ของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ห่างจากรถของเธอ “ดะ เดี๋ยวสิ”เสียงหวานเอ่ยเรียกเขาเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างชอบใจที่ทำให้เธอต้องขอความช่วยเหลือจากเขาได้ ก่อนจะหันไปมองหน้าเธอที่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้า คายไม่ออก “หืม?”คิ้วสูงเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม เห็นริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น “รถฉันสตาร์ทไม่ติด ช่วยดูให้หน่อย”คาเทียร์กลั้นใจพูดออกไป ใจจริงไม่อยากขอความช่วยเหลือจากเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเธอก็ไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว ก็ต้องกัดฟันให้เขาช่วยเธอก่อน “พูดเพราะ ๆ เป็นไหม จะขอความช่วยเหลือคนอื่นเขาต้องพูดยังไงนะ”เขาแกล้งเอียงใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้เธอ จนคนตัวเล็กสะดุ้งถอยออกห่างจากเขาแทบไม่ทัน คาเทียร์พยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ“พี่ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ” ตะวันระบายยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะเดินผิวปากไปขึ้นรถของเธอและลองสตาร์ทดู โดยมีคนตัวเล็กยืนมองอยู่นอกรถ เธอเห็นเขาสตาร์ทหลายครั้งแต่ก็ไม่ติด ก่อนจะเดินลงมาเปิดฝากระโปรงด้านหน้ารถดู ปรากฎว่ามีควันพวยพุ่งออกมาจนเขาต้องสะบัดหน้าหนี “หม้อน้ำแห้ง ขับรถอะไรของเธอไม่รู้จักเช็คบ้าง” “เมื่อเช้ายังดี ๆ อยู่เลย” “จอดทิ้งไว้ที่นี่แหละ โทรหาช่างให้มาลากไป” “…..” “แล้วเธอจะกลับยังไง?”นั่นแหละคือปัญหา คุณหนูแบบเธอเคยใช้บริการรถสาธารณะเสียที่ไหน แต่จะให้เอ่ยปากขอช่วยเขาอีก ก็ไม่กล้า เลยได้แต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่แบบนั้น จนคนตัวสูงจับอาการได้ เขายักคิ้วล้อเลียนอาการของเธอ “ตกลงเอายังไง ใกล้ค่ำแล้วด้วย” “ฉะ ฉันขอกลับด้วยได้หรือเปล่า…คะ” “แต่รถฉันเป็นมอไซค์นะ เธอนั่งได้เหรอ”เขากวาดสายตามองเธอหัวจรดเท้า ดวงตากลมโตหันมองมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเขา แล้วก้มมองสภาพตัวเองตามสายตาของเขา เธออยู่ในชุดนักศึกษา กระโปรงสั้นผ่าข้างขึ้นมา แบบนี้ถ้าต้องไปซ้อนมอไซค์อะไร ๆ คงจะโผล่ออกมา แต่ทว่าจู่ ๆ ตะวันก็ถอดเสื้อช็อปตัวใหญ่ของตัวเองมาผูกเอวเธอไว้ ความใกล้ชิดแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ใจดวงน้อยของเธอเต้นตึกตักอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อผูกเสื้อกับเอวเธอเสร็จ เขาก็เดินนำไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขา ก่อนจะขึ้นไปคร่อมและหันหน้ามามองเธอ“ขึ้นมาสิ” ขาเรียวเหยียบตรงที่พักเท้า เธอพยายามจะไม่จับตัวเขา แต่ทว่าเธอไม่เคยนั่งรถแบบนี้มาก่อน มันเลยดูเก้ ๆ กัง ๆ จนได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากคนตัวสูง “ถ้าเธอไม่จับไหล่ฉัน ชาตินี้เธอก็ขึ้นรถคันนี้ไม่ได้หรอก” สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ความอวดเก่งของตัวเอง เอามือไปจับไหล่ของเขาเอาไว้ แล้วขึ้นไปนั่งท่าหันเอียงข้าง เพราะเธอใส่กระโปรงจะให้นั่งคร่อมไปเลยคงไม่สะดวก เมื่อเห็นว่าเธอนั่งได้ที่แล้ว เขาก็ดึงมือเล็กของเธอมาโอบเอวเขาเอาไว้ ทีแรกคาเทียร์ก็ขัดขืนแต่เขาใช้แรงที่มีมากกว่าดึงเธอมากอดเอวเขาได้สำเร็จ แล้วหยิบหมวกกันน็อคมาใส่ ก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปทันที เพราะความแรงของรถทำให้ร่างเล็กของเธอขยับไปติดกับแผ่นหลังหนาของคนตัวสูง ร่างกายด้านหน้าของเธอแนบไปทุกสัดส่วนกับหลังของเขา แทบไม่เหลือช่องว่างให้แม้แต่มดสักตัวลอดผ่านไปได้ ตะวันต้องขบกรามเข้าหากันแน่น ถึงจะไม่อยากคิดเรื่องลามกตอนนี้ แต่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้นั่งซ้อนท้ายเขาแบบนี้มาก่อน ถึงเขาจะแซวผู้หญิงไปทั่ว แต่ได้ลึกซึ้งจริง ๆ มีเพียงไม่กี่คน การได้ใกล้ชิดกับคาเทียร์ตอนนี้ ทำให้ใจแกร่งของเขาเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ สัมผัสนุ่มนิ่มชิดแผ่นหลังของเขา ไม่บอกก็รู้ว่ามันคืออะไร จะว่าเขาคิดลามกก็ได้แต่เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ ไม่น่าเชื่อเธอมีของดีมากกว่าที่ตาเห็น ส่วนคาเทียร์ต้องนั่งตัวเกร็ง เธอไม่กล้าขยับตัวหนีไปไหน ได้แต่กอดเอวเขาแน่นขึ้นไปอีก เพราะความเร็วที่เขาขับ ทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่หายใจ จนรถติดไฟแดงถึงรู้สึกหายใจได้โล่งมากขึ้น “ขับช้า ๆ หน่อยได้ไหม ฉันกลัว” “ที่กอดฉันแน่นขนาดนี้ เพราะกลัวเหรอ” “ก็ใช่นะสิ ไม่งั้นฉันไม่กอดพี่หรอก อย่าสำคัญตัวเองไปหน่อยเลย“ “หึ เธอยังไม่บอกเลยว่าให้ฉันไปส่งที่ไหน" คาเทียร์ขยับใบหน้าสวยเข้าไปใกล้เขา ถึงจะมีหมวกกันน็อคขวางอยู่ แต่มันก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี"คอนโดฉันที่พี่เคยไปกับพี่เตอร์" เขาพยักหน้า ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าต้องไปส่งเธอที่ไหน เขาเคยไปคอนโดของสามสาวหลายครั้งแล้ว แต่แค่อยากแกล้งเธอเท่านั้น ช็อปเปอร์คันหรูจอดสนิทที่หน้าคอนโดของคาเทียร์ มือเล็กรีบผละออกจากเอวแกร่งทันที เธอใช้มือจับตรงไหล่คนขับ แล้วกระโดดลงจากรถ เอามือลูบผมตัวเองที่ไม่ต้องมองก็พอจะเดาสภาพได้ว่ามันฟูขนาดไหน "ขอบคุณที่มาส่งค่ะ" "เรื่องรถฉันจะโทรหาช่างที่รู้จักให้ วันสองวันก็น่าจะเสร็จ" "...." "มีอะไรอีก?" เขาเห็นเธอยืนมองหน้าเขาไม่ไปไหนสักที เหมือนมีเรื่องจะพูดอะไรกับเขาแต่ไม่กล้า "…..” “ถ้าไม่มีอะไรพูด ฉันจะไปแล้วนะ” “แล้วฉันจะติดต่อพี่ได้ยังไง หากว่ารถซ่อมเสร็จแล้ว” ตะวันมองใบหน้าสวยของคนถาม เขารู้ว่าเธอคงไม่คิดอยากได้ช่องทางการติดต่อของเขาเพราะพิศวาสเขาหรอก เธอเป็นลูกคุณหนูที่คาแรคเตอร์ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ชอบผู้ชายแบบเขาแน่ ๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไรเมื่อเธอพูดประโยคนี้เขาถึงได้รู้สึกใจเต้นตึกตักขึ้นมา “ฉันจะให้ช่างโทรหาเธอ” “แล้วพี่มีเบอร์ฉันหรือไง” “หรือให้พี่ชายเธอจัดการดีไหม ฉันจะบอกให้”“แล้วพี่เขาจะติดต่อกลับมาหากูไหมว่ะ หรือว่ากูควรทำเป็นติดต่อไปหาพี่เขาดี” “กูเชื่อเลย มึงมันบ้าอีเทียร์ ชอบเขาแต่ทำเป็นหยิ่งใส่เขา หยุดคีฟลุคคุณหนูสักทีเหอะ เดี๋ยวจะขึ้นคาน” “ปากเสียอีมิล คนนี้แหละที่เหมาะเป็นพ่อของลูกกู”ดวงตากลมโตเหม่อลอยขึ้นไป ในเมื่อตอนนี้เธอเองก็รู้แล้วว่าเขาก็ชอบเธอ คงไม่แปลกใช่ไหมถ้าเธอจะทักไปหาเขาก่อน อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าก็ได้ “เดี๋ยวคืนนี้กูจะทักไปหาพี่เขาก่อน พวกมึงรอดูกูได้เลย”ทั้งมิลลิและปลายฝนส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “นั่นพวกคาเทียร์นิ นั่งทำอะไรตรงนั้น” คาเตอร์เห็นน้องสาวตัวเองนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนก็หยุดยืนดูและทักขึ้นมา เขาเดินมาจากคณะกับตะวัน ซึ่งก่อนที่คาเตอร์จะทักขึ้นมานั้น ตะวันเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ตรงนั้นนานแล้ว และได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปพูดคุยกับเธอด้วย ก่อนหน้าเขาก็เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้ง อีกทั้งผู้ชายหลายคนก็เคยพูดถึงเธอบ่อย ๆ แต่ทว่าเขากลับไม่รู้สึกอะไร ไม่เหมือนตอนนี้ที่เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่เห็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขากำลังเป็นอะไร ทั้งที่ก่อนหน้าก็ไม่ได้ชอบเธอเสียด้วยซ้ำ เธอเป็นผู้หญิงที่คนละขั้วกับเขาอย่างสิ้นเชิ
คาเทียร์สะบัดหน้าใส่ผู้ชายตรงหน้า เธอรู้หรอกว่าเขาแกล้งถามออกมาให้เธออายเล่น ๆ ที่ถูกเพื่อนทิ้งแบบนี้ แต่เขาคงลืมไปว่าตัวเองก็ไม่มีแฟนเหมือนกับเธอ “รอให้พี่หาแฟนได้ก่อนนะ ฉันถึงจะมีแฟน” “แล้วผู้ชายที่ต่อแถวรอถึงหน้ามหาลัย เธอเอาไปไว้ที่ไหน” ตะวันเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางกวนอวัยวะเบื้องล่าง ทำให้คาเทียร์หมั่นไส้เขาอย่างหนัก“แล้วพี่เกี่ยวอะไรด้วย” “แล้วถ้าฉันไปต่อแถวล่ะ ถึงคิวฉันเธอจะสนใจฉันหรือเปล่า” “สองครั้งแล้วนะ” “สองครั้งอะไร?” “พี่พูดแบบนี้กับฉันสองครั้งแล้วนะ ตอนแรกก็คิดว่าพี่พูดเล่น แต่ตอนนี้ฉันเริ่มเชื่อจริงแล้วนะ” เมื่อวานเขาก็พูดทำนองนี้กับเธอ แต่พอเธอถามเขาก็บอกว่าเธอหลงตัวเอง แล้ววันนี้เขาก็พูดแบบนี้อีก จะไม่ให้เธอคิดได้ยังไงว่าเขาหลงเสน่ห์เธอจริง ๆ “ตอบคำถามฉันมาก่อน” “พี่ก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่ผู้ชายในสเปกฉัน อีกอย่างเราสองคนไม่เหมาะสมกันหรอก ตัวเองยังเคยบอกว่าฉันเป็นคุณหนูเท้าเหยียบไม่ถึงพื้น มาวันนี้พูดแบบนี้ คิดว่าจะหลอกฉันได้หรือไง” “ฮ่า! ฮ่า!”ตะวันขำท่าทางของเธอ ที่ทำปากขมุบขมิบด่าเขา อันที่จริงเขาเริ่มสังเกตุมานานแล้วว่าเธอไม่ได้เหมือนภาพลักษณ์ที่ทุกคนบอก ที่เขาไ
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายก็จริง แต่พี่ชายเธอก็จะบ่นที่ปล่อยให้รถหม้อน้ำแห้งไม่ดูแล เรื่องก็จะถึงพ่อกับแม่ แบบนี้เธอก็จะต้องโดนแม่บ่นอีก เผลอ ๆ อาจจะไม่ได้ขับรถอีกด้วยซ้ำ “ฉันไม่อยากให้พี่เตอร์รู้ แต่ถ้าพี่ไม่อยากช่วยก็ไม่เป็นไร เอาเบอร์ติดต่อร้านมาก็ได้ ฉันจะจัดการเอง” “เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับรถเหรอ ขนาดรถหม้อน้ำแห้งยังไม่รู้เลย อย่าทำเก่งเลยดีกว่า” “นี่พี่!!! ฉันพูดด้วยดี ๆ นะ” “จะขอความช่วยเหลือคนอื่น เธอก็ต้องพูดดี ๆ นะถูกแล้ว หรือว่าคุณหนูแบบเธอไม่เคยพูดดีกับใคร” คาเทียร์พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับอารมณ์ของตัวเองที่เริ่มไม่ปกติ เพราะเขาเอาแต่แกล้งเธอไม่หยุด แถมหน้าตาก็ยียวนเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เรื่องรถเธอคงไม่มายืนคุยกับเขาอยู่แบบนี้แน่ ๆ แต่ดูเหมือนเขาจะทำว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าเธอ ที่ทำให้คนแบบเขามีความสำคัญขึ้นมา “เอาโทรศัพท์พี่มา ฉันจะเมมเบอร์ให้” มือหนาของตะวัน ล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้เธอ มองเธอกดเบอร์ใส่เครื่องเขาอย่างใจเย็น ก่อนจะลอบยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าสวยตั้งใจกับสิ่งตรงหน้ามาก กับอีแค่เธอเมมเบอร์โทรศัพท์ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเธอน่ามองนักก็ไ
“รถเป็นอะไรครับ คุณหนูคาเทียร์” ตะวันเดินลงมาจากคณะเห็นน้องสาวของเพื่อนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ตรงรถของตัวเอง นึกแปลกใจที่เธอมาจอดรถไกลถึงที่นี่ “จะเป็นอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับพี่ไหมคะ”คาเทียร์ตวัดสายตามองแรงเพื่อนของพี่ชายที่เดินหน้าทะเล้นเข้ามาใกล้ รู้ว่าเธอไม่ชอบเขาก็ชอบมาตอแยเธอทุกครั้งที่เจอหน้า “ฉันก็แค่หวังดี เห็นเธอเป็นน้องสาวไอ้เตอร์หรอกนะ” “ไม่ต้องค่ะ เรื่องแค่นี้ฉันจัดการเองได้”แม้ปากจะพูดแบบนั้นออกไป ทั้งที่ในใจเธอยังไม่รู้เลยว่าทำไมรถที่เมื่อเช้าขับมาดี ๆ ถึงได้มาเสียตอนนี้ เธอพยายามสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด “จัดการได้ก็ดี งั้นฉันไปล่ะ แต่ก่อนไปจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว เธอน่าจะต้องอยู่ตรงนี้คนเดียวนะ” ใบหน้าสวยหันมองตามที่เขาบอก ก็พบว่าแทบไม่มีนักศึกษาหลงเหลืออยู่เลย เพราะเธอเสียเวลาอยู่ตรงนี้จนไม่สนใจเวลาว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว พลันใบหน้าเธอก็ค่อยถอดสีลงเรื่อย ๆ ยอมรับว่ากลัวบรรยากาศแบบนี้ มันวังเวงยังไงก็ไม่รู้ คนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากมองอาการของคนตัวเล็กที่กำลังหันมองซ้ายขวาอย่างระแวง เขาทำทีเป็นจะเดินหันหลังไปยังรถช็อปเปอร์คันใหญ่ของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ห่างจากร