Masukโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวของจารวี สั่นขึ้นมา เธอเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ 'พี่เมฆ' ก็ถึงกับมือสั่น ใจเต้นรัว ด้วยความตื่นเต้น
เธอพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุด "ฮัลโหลค่ะ พี่เมฆ"
"ฮัลโหลครับ เป็นยังไงบ้างครับ? พี่ยังไม่ได้ถามข่าวคราวน้องจี๊ดเลย อาการดีขึ้นรึยังครับ?"
หญิงสาวยิ้มแก้มปริ่ม "อ๋อ เป็นปกติแล้วค่ะ ขอบคุณพี่เมฆมากนะคะ"
"พี่ได้ยินข่าวจากเมย์ว่าน้องริสาก็เข้าโรงพยาบาลวันเดียวกันนี่ พี่จะไปหาธนาถือโอกาสไปเยี่ยมริสาด้วย แล้วน้องจี๊ดจะไปด้วยกันไหมครับ? เมย์ไม่อยู่ ไปทำธุระกับคุณพ่อคุณแม่ ถ้าไป...ไปพร้อมกับพี่ก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปรับ แชร์โลเคชันมาให้พี่ไว้ก็ได้"
เธอรีบตอบกลับทันที "อ๋อ อย่างนั้นก็ได้ค่ะ พอดีจี๊ดอยู่ข้างนอก ออกมาทำธุระ ก็เลยคิดว่าจะเลยเข้าไปหายัยริสาพอดีเลยค่ะ"
"แล้วใกล้ถึงหรือยังครับ? ถ้ายัง รอเข้าไปพร้อมกับพี่ก็ได้ เดี๋ยวพี่รอรับแถว ๆ ซูเปอร์ฯ ใกล้ ๆ บ้านธนา"
เธอครุ่นคิดเล็กน้อย "อ๋อ อย่างนั้นก็ได้ค่ะ ดีเลย จะได้ไม่ต้องถามทางริสาอีกรอบ วันงานก็ข่อนข้างมืด จำไม่ได้แล้วว่าซอยไหน ขอบคุณมากค่ะพี่เมฆ"
หลังวางสาย หญิงสาวก็ยิ้มแก้มปริ่ม เหมือนเธอได้รับความเอาใจใส่จากผู้ชายคนที่เธอแอบปลื้มมาตลอด ใบหน้าของเธอดูมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ราวกับเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก...
ราว ๆ เกือบสองชั่วโมงต่อมา เสียงเรียกเข้าจากเมฆินทร์ก็ดังขึ้น ในขณะที่จารวีกำลังนั่งดูดชานมไข่มุก พร้อมกับไถมือถือเล่นรออยู่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ต
<คลืด...คลืด...>
เสียงสั่นของโทรศัพท์
"ฮัลโหลค่ะพี่เมฆ... เดี๋ยวจี๊ดเดินออกไปค่ะ"
เธอรีบจัดแจงร่างกายและเสื้อผ้าที่ดูเหมือนพึ่งไปจ่ายตลาดมา ให้ดูเรียบร้อยที่สุด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเบนซ์คันหรูของเขา
"สวัสดีค่ะพี่เมฆ"
"สวัสดีครับ หน้าตาดูสดใสกว่าวันนั้นเยอะเลยนะครับ ต่างจากวันนั้นที่ดูซีดเชียว" เขามองดูจารวีตั้งแต่หัวจรดเท้า "น้องจี๊ดนี่...เป็นคนชิวๆ เหมือนกันนะครับ"
หญิงสาวหัวเราะด้วยความเขินอาย พลางใช้นิ้วปาดไรผมไปทัดที่หูซ้าย "พอเถอะค่ะพี่เมฆ เราเลิกคุยเรื่องที่น่าอับอายของจี๊ดในวันนั้นดีกว่าค่ะ"
"โอเค โอเคครับ" เขาอมยิ้มเล็กน้อย
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปจนถึงหน้าบ้านของธนา ก็เห็นริสา วิ่งออกมารับจารวีด้วยความดีใจ ริสาที่แอบงงที่ทั้งคู่มาด้วยกัน...แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ทั้งสี่คนพูดคุยกันเล็กน้อยและตกลงกันว่าจะจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ กันในคืนนั้น โดยเมฆินทร์ตัดสินใจอยู่ร่วมปาร์ตี้ด้วย
บรรยากาศของปาร์ตี้เล็ก ๆ ดำเนินไปอย่างครื้นเครง แต่หลังจากที่เพื่อนรักอย่างเมฆินทร์และธนาเริ่มตึงเครียดซึ่งอาจเป็นเพราะทั้งคู่เคยมีเรื่องราวในอดีตที่เคยชอบผู้หญิงคนเดียวกัน แต่สุดท้ายเธอคนนั้นก็เลือกคบกับธนาเพื่อนของเขา ทำให้เมฆินทร์ ต้องเป็นฝ่ายถอย หลังจากวันนั้นเขาต้องคอยระวัง เวลาจะคุยกับผู้หญิงคนไหน เพื่อจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำสอง
และครั้งนี้ก็เหมือนกัน เขาที่ต้องการรู้ความรู้สึกของเพื่อนรักอย่างธนา ว่าคิดยังไงกับริสากันแน่ เพราะเขารู้สึกสงสัยตั้งแต่ที่งานเลี้ยงแล้วว่าธนา มีอาการแปลกๆ แล้ววันนี้ เขาก็ได้รู้...
"บ้าบอ...!นี่มันพล๊อตเรื่องอะไรกันวะ...ภาพเมื่อกี้!"
เมฆินทร์ เดินออกมาจากภาพเหตุการณ์ที่ติดตา เขาดันไปเห็นสองลูกเลี้ยงอย่างริสากับธนากำลังนัวเนียกันอยู่ สีหน้าซีดเผือด เต็มไปด้วยความสับสน "อะไรวะ... กะจะยั่วมันเล่นๆ ดันไปรู้ความลับเขาอีก...ไอ้ธนาเอ้ย...งานช้างแล้วแก ไอ้เสือโหย" เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมกับขับรถออกมา จนกระทั่งเห็นร่างของใครบางคนยืนอยู่ข้างป้ายรถเมล์ริมทางเปลี่ยว ๆ
เมฆินทร์เบรกกะทันหัน เขาเห็นจารวี เธอหิ้วกระเป๋าใบเล็ก ๆ และโบกมือให้รถที่วิ่งผ่านไปอย่างอ่อนแรง
"น้องจี๊ด? มาทำอะไรตรงนี้ครับ?"
"อ้าว! พี่เมฆ! คือตอนแรกจี๊ดเรียกรถแล้วนะคะ แต่รถคันนั้นเกิดยางรั่วกะทันหัน จี๊ดเลยต้องมารอโบกรถคันอื่นแทน แถวนี้หายากมากเลย"
เมฆินทร์มองสภาพจารวีที่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวในที่มืด "ขึ้นรถมา! พี่ไปส่ง"
เธอเปิดประตูขึ้นมานั่งข้างคนขับ เธอสังเกตเห็นแววตาของเมฆินทร์ และท่าทางที่กำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาว
เธอเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง "พี่เมฆ... โอเคไหมคะ? จี๊ดว่าพี่ดู... ไม่ค่อยโอเคนะคะ พี่เจออะไรมาเหรอ?"
เขาส่ายหน้า พยายามควบคุมอารมณ์ "ไม่มีอะไรหรอกครับ... แค่เรื่องบ้า ๆ"
จารวีถอนหายใจ "ฟังนะพี่เมฆ... จี๊ดจะบอกความจริงให้พี่รู้... จี๊ดแค่ทำตัวไม่ถูก บรรยากาศมันแปลก ๆ ... จี๊ดไม่อยากเป็นพยานในการทะเลาะกันของเพื่อนเลยขอตัวกลับก่อน... แต่พี่ดูแย่กว่าที่จี๊ดคิดเยอะเลยนะคะ"
ในห้วงความคิดเมฆินทร์ : "นี่เราเล่นได้เนียนขนาดนั้นเลยเหรอเนี้ย...อย่าบอกนะว่าเธอกำลังคิดว่าเราผิดหวังจากริสาอยู่...ช่างเถอะ ตามน้ำไปหน่อยแล้วกัน... เดี๋ยวเสียหน้า"
เมฆินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง... "แย่สิ... พี่เพิ่งเห็นสิ่งที่เพื่อนรักทำกับพี่ต่อหน้าต่อตาเลยแหละ"
"เสียใจด้วยนะคะ... พี่ไม่ควรต้องเจออะไรแบบนี้"
ในห้วงความคิดเมฆินทร์ : "นั่น...ถึงขนาดทำความเสียใจด้วย...ไปกันใหญ่เลยทีนี้ "
เขาหันพวงมาลัยกะทันหัน "ไม่ไปส่งที่คอนโดแล้ว!
วันนี้พี่เซ็งมาก ไป... ไปหาอะไรดื่มที่คลับของวายุดีกว่า! พี่ต้องลืมเรื่องบ้า ๆ นี่ซะ!"
จารวีมองเขาด้วยความกังวลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้า "โอเค..."
เขากดมือถือหาใครสักคน "ฮัลโหล วายุ วันนี้อยู่คลับไหม พอดีมีเรื่องเซ็ง ๆ ว่ะ ว่าจะเข้าไปหาอะไรดื่มหน่อย กำลังไป"
ในห้วงความคิดเมฆินทร์ : "ไหนๆ ก็คิดว่าเราอกหักเพราะชอบริสาแล้ว...เล่นใหญ่ตามน้ำไปก่อนแล้วกัน เดียวค่อยบอกน้อง พอดีเลย... รอบก่อนน้องไม่ได้เที่ยวเข้าโรงพยาบาล หาเรื่องพาไปน่าจะดี คงอยากจะสนุก" ในความคิดเมฆินทร์
พอถึงไนท์คลับ จารวี ที่พลาดโอกาสในครั้งก่อนเพราะมัวแต่เข้าโรงพยาบาล เธอกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อก้มมองดูชุดตัวเอง ความตื่นเต้นทั้งหมดก็ถูกแทนที่ด้วย ความตกตะลึงในความไม่เข้ากัน
ชุดที่เธอสวมใส่อยู่คือ เสื้อเชิ้ตสีครีมตัวใหญ่โคร่ง ที่จงใจปกปิดทรวดทรงจนดูเหมือนเด็กขโมยเสื้อพ่อมาใส่ และที่ทำร้ายจิตใจที่สุดคือ
กางเกงลายช้าง ที่แสนสบายแต่ไม่ควรปรากฏตัวในรัศมี 100 เมตรของคลับหรูระดับนี้ ที่หนักไปกว่านั้นคือ เธอใส่ รองเท้าแตะยางสีฟ้า เพราะเธอออกมาทำธุระที่ไม่สำคัญ การแต่งตัวเลยชิวไปนิดนึง บวกกับรีบมาตามนัดเมฆินทร์ จนลืมไปว่าการแต่งตัวของเธอดูเหมือนคนเพิ่งเดินออกมาจากสวนหลังบ้านหลังดูดชานมไข่มุกมาหมาด ๆ
เธอหยุดกึกอยู่หน้าประตูไนท์คลับ ที่สว่างจ้าไปด้วยแสงนีออนและรถหรูของลูกค้า การแต่งตัวของเธอในตอนนี้ดูเป็นเหมือน 'โลโซพลัดถิ่น' ที่หลงทางเข้ามาในย่านไฮโซอย่างสิ้นเชิง
"พี่เมฆคะ จี๊ดว่าจี๊ดแต่งตัว ดูไม่เข้ากับสถานที่เอาซะเลย... คือ... มันเหมือนจี๊ดเพิ่งลุกจากเตียงมาแล้วเดินลงมาซื้อน้ำเต้าหู้เลยค่ะ" จี๊ดกระซิบเสียงแผ่ว พลางพยายามซ่อนรองเท้าแตะไว้หลังขาตัวเอง
เมฆินทร์ ซึ่งอยู่ในเสื้อเชิ้ตผ้าไหมชั้นดี ที่เนี้ยบกริบจนแทบจะสะท้อนแสง หันมามองจารวีตั้งแต่ศีรษะจรดรองเท้าแตะยางสีฟ้า แล้วก็หลุดยิ้มบาง ๆ ออกมา เป็นรอยยิ้มที่เธอมั่นใจว่ามีความกลั้นขำอย่างแน่นอน "มันก็จริงนะครับ... เหมือนนักท่องเที่ยวที่หลงทาง แต่พี่ว่าไม่เป็นไรหรอก แต่งแบบไหนก็เข้าไปได้"
หญิงสาวมองภาพตัวเองอีกครั้ง ยืนตัวตรงอยู่หน้าคลับหรูหราที่ผู้คนแต่งกายจัดเต็ม เธอตัดสินใจทันที "งั้นพี่เมฆเข้าไปก่อนได้ไหมคะ อย่างน้อย จี๊ดว่าจี๊ดควรให้เกียรติสถานที่แล้วก็คนที่จี๊ดมาด้วยนะคะ แป๊บนึงเดี๋ยวจี๊ดมา"
"งั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่เข้าไปรอข้างในนะ"
"โอเคค่ะ ตามนั้นค่ะ"...
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







