LOGINในจังหวะนั้น ลูกสุดท้ายของเกม ทีมของจารวีชนะขาดลอย ลูกวอลเลย์หล่นลงพื้น ส่วนเธอเองก็ ทรุดตัวลงล้มไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับกุมข้อเท้าไว้แน่น!
เมฆินทร์ที่นั่งอยู่ถึงกับ หัวใจหลุดหายไป เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนรักล้มไปตรงหน้า เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันทีที่เธอล้มลง พนักงานหนุ่มกลุ่มที่เคยนั่งเชียร์อยู่ข้างสนาม ก็รีบวิ่งกรูเข้ามาหาเธอด้วยความตกใจ
"เฮ้ย! น้องนิเทศ!" หนุ่มคนหนึ่งรีบย่อตัวลง คว้าข้อเท้าขวาของเธอขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว ทันทีที่สัมผัส ข้อเท้าที่บวมและถูกผ้าก๊อซพันไว้ก็เผยให้เห็นรอยแดงช้ำอย่างชัดเจน!
"โอ้โห! ข้อเท้าแดงช้ำไปหมดแล้ว!" หนุ่มอีกคนอุทานด้วยความตกใจ
เขาทำท่าจะ ช้อนร่างเธอขึ้นอุ้ม เพื่อพาเธอออกจากสนาม แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น เงาดำทะมึนของเมฆินทร์ก็พุ่งเข้ามาถึงตัว!
เมฆินทร์ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาใช้มือขวาที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม กดลงบนไหล่ของพนักงานหนุ่มคนนั้นอย่างแรง จนหน้าเขาเหยเกและต้องปล่อยร่างเธอให้ทรุดลงเล็กน้อย
เขาตวัดสายตาที่เย็นชาและดุดันลงไปที่พนักงานหนุ่ม พร้อมแรงบีบที่ไหล่ที่รุนแรงกว่าเดิม เป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ถอยออกไป "ปล่อย!" เสียงทุ้มต่ำที่กร้าวออกมาเต็มไปด้วยอำนาจและความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด
หนุ่มพนักงานรีบผละมือออกจากเธอด้วยความตกใจและหวาดกลัวต่อสายตาของผู้อำนวยการหนุ่มที่แทบจะกินเลือดกินเนื้อเขาอยู่แล้ว พนักงานหนุ่มคนอื่นที่เข้ามารุมล้อมต่างก็ถอยกรูออกไปอย่างเงียบกริบ
เมย์ร้องไห้พร้อมกับก้มลงไป จับข้อเท้าเพื่อนด้วยความตกใจ เธอรู้ดีว่าตอนนี้เพื่อนต้องเจ็บมากๆ "พี่เมฆช่วยด้วย! ช่วยยัยจี๊ดด้วย!" เมย์ร้องไห้ไม่หยุด
เมฆินทร์รีบ ช้อนร่างหญิงสาวขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว โดยที่มือข้างหนึ่งประคองแผ่นหลังบอบบางของเธอไว้ และอีกข้างรองใต้ขาเรียวยาวของเธออย่างทะนุถนอม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและร้อนรน พนักงานและพี่ในทีมต่างพากันตกใจและงุกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อไปถึงรถ จารวีไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แต่ใบหน้าของเธอบ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ขณะที่เมย์เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดพร้อมกับกุมมือเพื่อนไว้แนบแก้ม โดยที่ เมฆินทร์ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ว่าเบื้องหลังความสามารถที่น่าทึ่งนั้น มีความลับและความเจ็บปวดซ่อนอยู่
โรงพยาบาล
เมฆินทร์ขับรถมาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็ว เขาก้าวลงจากรถพร้อมกับอุ้มหญิงสาวที่ใบหน้าซีดเผือดไปถึงห้องฉุกเฉิน โดยมีเมย์วิ่งตามมาติด ๆ
หลังจากพยาบาลนำเธอเข้าไปในห้องตรวจ เมย์ก็นั่งร้องไห้กุมมือตัวเองอย่างตื่นตระหนก ส่วนเมฆินทร์ยืนกอดอกนิ่งอยู่ข้าง ๆ แม้สีหน้าจะพยายามสงบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความกังวลและความฉงนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่นานนัก คุณหมอศัลยกรรมกระดูก วัยกลางคนก็เดินออกมาจากห้องตรวจ
"คุณหมอคะ! เพื่อนหนูเป็นอะไรมากไหมคะ? จะเดินได้ไหมคะ?" เมย์ รีบปรี่เข้าไปถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่ได้
คุณหมอยิ้มบาง ๆ อย่างใจเย็น "ใจเย็นก่อนนะครับ อาการไม่ได้หนักถึงขั้นนั้นครับ คนไข้มีอาการ ข้อเท้าพลิกซ้ำ และมีอาการ อักเสบเฉียบพลัน บริเวณเอ็นยึดข้อเท้าด้านนอก ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมที่เคยบาดเจ็บมาก่อน"
เมย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังกังวลอยู่ "แล้ว... แล้วมันจะหายเป็นปกติใช่ไหมคะ? เพื่อนหนูต้องใส่เฝือกหรือผ่าตัดไหมคะ?"
"ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือใส่เฝือกแข็งครับ เราจะทำการ ประคบเย็นและพันผ้ายืด เพื่อลดอาการบวมอักเสบ จากนั้นก็พักการใช้งานเป็นหลัก ที่สำคัญที่สุดคือ การฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเท้า และการฝึกการรับรู้ตำแหน่งของข้อต่อ เพื่อป้องกันการพลิกซ้ำในอนาคตครับ" คุณหมออธิบายอย่างละเอียด
เมฆินทร์ที่ยืนฟังอยู่ตลอดเวลาขมวดคิ้วแน่น เขาก้าวเข้ามาหาคุณหมอ "หมอครับ ผมสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องสาวผมถึงถามแบบนั้น? ทำไมถึงมีการบาดเจ็บซ้ำอะไรนั่นด้วย"
คุณหมอหันไปมองเมย์และจารวีที่อยู่ในห้อง ก่อนจะหันกลับมาที่เมฆินทร์
"คืออย่างนี้ครับ คนไข้เคยบาดเจ็บข้อเท้ามา ก่อนหน้านี้ ใช่ไหมครับ? ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย ดูจากร่องรอยการอ่อนแรงของเส้นเอ็นและอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ข้อต่อแล้ว บ่งชี้ว่าคนไข้มีภาวะ ข้อเท้าไม่มั่นคง แล้วครับ"
เมย์ พยักหน้าตอบด้วยใบหน้าที่สลด "ใช่ค่ะ... เธอเคยมีปัญหาที่ข้อเท้า แล้วคุณหมอก็สั่งห้ามไปแล้ว ว่าไม่ให้เธอใช้แรงหรือออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ต้องกระโดดหรือลงน้ำหนักซ้ำ ๆ "
คุณหมอส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความปลงตก "งั้นก็แสดงว่าคนไข้รู้ตัวเองอยู่แล้ว ว่าไม่ควร แต่ก็ยังฝืนใช้งานหนัก โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องใช้การกระโดดและการบิดข้อเท้าใช่ไหมครับ?"
เมย์พยักหน้ารับคำอย่างช้าๆ พร้อมกับใบหน้าที่รู้สึกผิดและเสียใจ
เมฆินทร์ ยืนนิ่งราวกับถูกสาป ดวงตาคมกริบมองสลับระหว่างเมย์กับประตูห้องตรวจ เขากำลังงุนงงอย่างถึงที่สุด กับอาการของจารวีที่เป็นอยู่
เธอรู้ตัวว่าข้อเท้าไม่มั่นคง... ถูกหมอสั่งห้าม... แต่ก็ยังลงสนาม... กระโดดตบอย่างบ้าคลั่ง... ภาพการกระโดดที่เย้ายวนและทรงพลังของจี๊ดย้อนกลับเข้ามาในหัวเขา
คำถามตัวโตผุดขึ้นมาในใจ... ทำไม?
"คุณหมอครับ..." เมฆินทร์เรียกด้วยเสียงเครียด "คุณบอกว่าเธอมีภาวะข้อเท้าไม่มั่นคง แล้วนั่น... มันมีผลกระทบอะไรต่ออนาคตของเธอไหม? เธอเล่นกีฬาหนักไม่ได้เลยตลอดชีวิตหรือเปล่า?"
คุณหมอมองเมฆินทร์อย่างพิจารณา "ในระยะยาว หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม ข้อต่อจะเสื่อมเร็วกว่าคนปกติครับ และอาจต้องผ่าตัดรักษาในที่สุด
ที่น่าสงสัยคือ... คนที่มีอาการนี้ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการบาดเจ็บรุนแรงซ้ำ ๆ ที่ต้องใช้เวลานานในการรักษา แต่เธอเก่งมากนะครับที่ยังสามารถเล่นได้ในระดับนั้น แสดงว่าก่อนหน้านี้ เธอต้องเป็นนักกีฬาที่จริงจังมาก่อน จะเกิดอาการบาดเจ็บนี้...
ภาพในหัวผุดขึ้นมาทีละนิด ตั้งแต่ตอนที่เล่นพาราไกลดิ้งที่เกาะล้านหรือจะเป็นตอนนั้นที่เท้ากระแทกลงพื้น! หรือตอนงานเลี้ยงไอ้วิน แต่คุณหมอบอกว่าเหมือนเป็นอาการที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ มานาน เท่ากับว่าเธอมีอาการนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้าหนี้อีกเหรอ...เธอเจออะไรมากันแน่...ทำไมพี่ถึงไม่รู้เรื่องราวของคนที่พี่รักเลยสักอย่าง...? เมฆินทร์คิดในใจและกำหมัดแน่น
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







