LOGIN"เดี๋ยวฉันไปการเงินกับรับยาก่อน เดี๋ยวฉันมานะ พี่เมฆฝากดูยัยจี๊ดด้วย" เมย์เอ่ย
<คลืด คลืด> (เสียงโทรศัพท์เข้า)
เมฆินทร์ชะงัก "ฮัลโหล..."
"...เมฆ! มีเรื่องเกิดขึ้นกับธนากับริสา! ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่โรงพยาบาล... รีบไปดูหน่อย..เตรียมชุดสำรองไว้ให้ธนาด้วยนะคะ ชุดของเขา... เลอะหมดเลย"
"รู้แล้ว... จะไปดูเดี๋ยวนี้ จีน่าไม่ต้องห่วง" หลังวางสาย ใบหน้าของเมฆินทร์เคร่งเครียดทันที เขาหันไปหาจารวี
"จี๊ด! ตอนนี้ริสาตกบันได... เข้าโรงพยาบาลที่นี่แล้ว!"
"อะไรนะคะ! โรงพยาบาลไหน! ที่นี่เหรอคะ!" จารวีอุทานอย่างตกใจจนลืมความเจ็บข้อเท้า
"ใช่! ฟังนะ... พี่จะรีบกลับไปเอาชุดในรถก่อน วันนี้พี่ใส่เสื้อกีฬาเลยมีชุดสำรองอยู่... จี๊ด... รอพี่อยู่ตรงนี้นะ! อย่าไปไหน!" พูดจบก็รีบวิ่งออกไปทันที
"ริสา... เกิดอะไรขึ้น...!" จารวีพึมพำอย่างเป็นห่วง
ไม่นาน เมฆินทร์ก็รีบกลับมา พร้อมถุงกระดาษใส่ชุดสำหรับธนา เขารีบเดินเข้ามาหาจารวีและประคองไหล่เธอ
"มานี่ จี๊ด"
เมฆินทร์ประคองหญิงสาวที่กำลังเดินเขย่งเท้าจากความตกใจและความเจ็บปวด ขณะที่เธอก็รีบกดโทรศัพท์โทรหาแม่ของริสา
"ฮัลโหลค่ะคุณน้า... ค่ะ... ตอนนี้จี๊ดอยู่หน้าห้องฉุกเฉินกับพี่เมฆค่ะ คุณน้าถึงไหนแล้วคะ? คุณหมอยังไม่ออกมาเลยค่ะ... ไม่ต้องกังวลนะคะ... ริสาถึงมือหมอแล้วค่ะ... โอเคค่ะ... จี๊ดจะรออยู่ตรงนี้ค่ะคุณน้า"
ทันใดนั้น จีน่าก็ปรากฏตัวขึ้น
จีน่าเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าครุ่นคิดและกังวล มือข้างหนึ่งถือ รูปถ่ายใบเล็ก ๆ ที่ธนาทำตกไว้ จีน่าตั้งใจจะเดินเข้าไปหาธนาเพื่อปลอบใจ... แต่ยังไม่ทันถึงตัวเขา
<พรึ่บ!>
"มาทำอะไรตรงนี้! มานี่เลยจีน่า!"
เมฆินทร์คว้าแขนของจีน่า ลากเธอออกไปจากพื้นที่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจสายตาของจารวีที่มองตาม
สายตาของเธอมองตามร่างของเมฆินทร์และจีน่าไป... เธอรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นเขาฉุดกระชากลากจีน่าออกไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่สนใจความรู้สึกเธอแม้แต่น้อย
มุมมืดในโรงพยาบาล
ตัดภาพมาทางเมฆินทร์กับจีน่า ในมุมที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน
"ทำไม... ทำไมรูปนี้มันถึงอยู่กับธนา! มันไม่ถูกต้อง! รูปนี้มันควรอยู่กับเจ้าของอย่างแฟนจีน่าไม่ใช่เหรอ!" เมฆินทร์ถามเสียงเข้ม
"เขาไม่สนใจจีน่าด้วยซ้ำ... ขนาดจีน่ากลับมาเมืองไทยเขายังไม่คิดจะตามมา" จีน่าพูดถึงแฟนที่เป็นเจ้าของค่ายเพลงในเกาหลี
"จีน่า... จีน่าไม่คิดว่าเรื่องมันจะร้ายแรงขนาดนี้... จีน่าแค่... จะแหย่ธนากับน้องต่างสายเลือดเล่น ๆ ว่าเขามีใจให้กันหรือเปล่า ส่วนรูปนี้ที่จีน่าทำหล่นไว้ตอนนั้น..." เธอส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง
"จีน่าไม่คิดว่าธนาจะยังเก็บรูปนี้ไว้ให้... และไม่คิดว่ามันจะทำร้ายเด็กคนนั้นได้ขนาดนี้..."
เมฆินทร์ดึงจีน่าเข้ามาในอ้อมกอด เพราะเข้าใจความเจ็บปวดที่เพื่อนเคยสูญเสียลูกไป จีน่าซบหน้าพร้อมกับน้ำตา ลงที่แผงอกของเมฆินทร์ด้วยความเจ็บปวด เมฆินทร์ที่รับรู้ความรู้สึกของเธอได้ดี เขาใช้มือลูบศีรษะและแผ่นหลังของจีน่าเพื่อปลอบโยน
"เมฆ... ฝากขอโทษเด็กคนนั้นด้วยนะ จีน่าไม่คิดว่าการกลับมาของจีน่ามันจะทำร้ายพวกเขาได้ขนาดนี้" เธอปล่อยโฮออกมาแล้วซบหน้าร้องไห้กับความรู้สึกผิดที่ทำให้เรื่องราวเป็นแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องร้ายแรง
หน้าห้องฉุกเฉิน
จารวรยังคงยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สายตาเธอเหลือบมองไปยังมุมมืด ภาพที่เธอเห็นคือ เมฆินทร์ยืนกอดกับจีน่า ซบกัน... เธอรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนมีดบาดลึกในหัวใจ
คนที่บอกว่ารักเธอยืนกอดกับผู้หญิงคนอื่น แต่เธอก็เลือกที่จะละเลยในตอนนี้ เพราะที่นี่คือโรงพยาบาลและเธอยังเป็นห่วงริสาที่กำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน เธอพยายามข่มความรู้สึกตัวเองไว้ อย่างทรมาน
ภายในห้องพักฟื้นของริสา
ริสากำลังนอนพักฟื้น จารวีที่จะเข้ามาเยี่ยมเพื่อนหลังจากที่หมออนุญาตให้ย้ายริสามาพัก
"รูปนี้ผลอัลตร้าซาวด์... ที่ริสาถือไปถามธนาก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ... มันไม่ใช่ของธนา..." เสียงของเมฆินทร์ดังขึ้น
จารวีที่เพิ่งเดินเข้ามา ดวงตาเบิกกว้างถึงขีดสุด สีหน้าซีดเผือด
"พะ... พี่เมฆ!" เธออุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอหันไปมองเมฆินทร์ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ในห้วงความคิดของจารวี "รูปในมือคุณจีน่าที่ร้องไห้กอดกับพี่เมฆคือ... รูปอัลตร้าซาวด์"
จารวีที่ 'ไม่' ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดถึงกับช็อก เธอก้าวยืนนิ่ง ๆ อ้าปากค้างแล้วหันไปมองเมฆินทร์อีกครั้งด้วยความสับสนเพราะคิดว่ารูปนั้นเป็นของเมฆินทร์
เธอรีบผละออกจากเตียงคนไข้ เธอเดินอย่างรวดเร็วไปยังประตู โดยไม่หันกลับไปมองใครอีก "ฉัน... ขอตัวก่อนนะริสา!"
ในห้วงความคิด "พี่เมฆกับคุณจีน่าเขา... นี่เราเป็นอะไรในสายตาเขา? ไม่สิ!... เราต้องฟังจากปากพี่เมฆ!...ไม่..ไม่!"
เธอเดินออกมาจากห้องพักฟื้นอย่างรวดเร็ว เมื่อห่างจากห้องพอสมควร มือเรียวยกขึ้นมาปิดปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น และที่ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
ความเจ็บปวดจากการที่ความลับของจีน่าถูกเปิดเผย และภาพที่เห็นเธอกอดกับเมฆินทร์...เธอแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เธอเดินก้มหน้าร้องไห้ เก็บเสียงสะอื้นอย่างน่าสงสารที่สุด ไปตามทางเดินยาว ๆ ของโรงพยาบาล
<คลืด คลืด>
เสียงเรียกเข้าจากเมฆินทร์ดังอย่างไม่ลดละ แต่เธอกลับเลือกที่จะปล่อยให้มันดับไป เธอเดินเขย่งเท้าต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาพร่ามัวไปด้วยม่านน้ำตา เดินดุ่ม ๆ ออกจากตัวอาคารหลักของโรงพยาบาล มุ่งหน้าไปยังทางเท้าบริเวณจุดจอดรถรับ-ส่ง ราวกับร่างกายกำลังเคลื่อนที่โดยไม่มีจิตวิญญาณควบคุม
จังหวะนั้นเอง! ในขณะที่เธอกำลังก้าวเท้าที่เจ็บปวดลงบนพื้นถนน โดยไม่ทันสังเกตว่ามีรถพยาบาลคันหนึ่งกำลังรีบแล่นเข้ามา...
<เอี๊ยดดดด!>
เสียงเบรกดังลั่น ไฟหน้าสาดใส่ร่างของเธอที่ยืนเหม่อลอยอยู่กลางทาง
<พรึ่บ!>
ร่างของเธอถูกกระชากดึงอย่างแรงจนเซถลาเข้าสู่อ้อมกอดของใครคนหนึ่งที่โผล่มาจากไหนไม่รู้
"จี๊ด! แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ! เกือบโดนรถชนแล้วนะ!" เมย์ตวาดเสียงดังลั่นพร้อมทั้งโอบกอดเพื่อนไว้แน่นด้วยความตกใจ ใบหน้าของเมย์ซีดเผือดไม่ต่างกัน ความกลัวแผ่ซ่านในดวงตา
"แกไปไหนมา ฉันตามหาแกตั้งนาน โทรหาก็ไม่รับ! รู้ไหมว่าริสา... ฉันเพิ่งไปเยี่ยมริสามา! โทรหาแกก็ไม่รับ โทรหาพี่เมฆ พี่เมฆบอกว่าริสาอยู่โรงพยาบาล! ฉันพึ่งไปเยี่ยมนางมา แล้วรีบวิ่งตามออกมานี่! แกกลับไปพักก่อนนะ!" เมย์รัวคำพูดออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ พยายามซ่อนความสั่นเทาในน้ำเสียง
"ฉันจะกลับคอนโดเลย แกส่งฉันขึ้นรถตรงนี้ก็พอ" จารวีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าและเย็นชาอย่างน่าใจหาย
"ได้ยังไง! ฉันเป็นห่วงแก! ที่แกต้องอยู่ในสภาพนี้... ส่วนนึงมันเป็นความผิดของฉันด้วย! ฉันจะทิ้งแกได้ยังไง! แกกลับไปพักที่บ้านฉันนะ! แม่โทรมาบอกกำชับฉัน ว่าให้ดูแลแกเป็นอย่างดี! แกอยากให้ฉันโดนแม่ดุเหรอ!"
เมย์พูดจบก็ประคองร่างที่สั่นเทาของจารวีให้เดินตามเธอไป คำพูดที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างแท้จริงและคำขู่ที่ชวนให้คิดไม่ตก ทำให้เธอทำได้เพียงจำใจทำตามเมย์
ในจังหวะนั้น เมฆินทร์ที่วิ่งตามมา เห็นภาพของสองคนกำลังยืนโอบกอดกันอยู่ข้างทาง โดยมีรถพยาบาลจอดเบรกเอี๊ยดอยู่ไม่ไกล
ภาพตรงหน้า ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ถึงความเป็นห่วงเป็นเพื่อนเกินกว่าเหตุของเมย์... ขนาดริสาที่นอนเจ็บอยู่ เมย์ยังไม่ฟูมฟาย ทั้ง ๆ ที่อาการของริสามันรุนแรงยิ่งกว่าจี๊ดในตอนนี้ที่เจ็บข้อเท้า
ทั้งๆ ที่ทั้งสามคนเป็นเพื่อนรักกัน แต่ทำไมเมย์ถึงฟูมฟายตอนเห็นจี๊ดเจ็บข้อเท้า เขารู้สึกถึงความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ พยายามที่จะไม่คิดมาก
<คลืด คลืด>
บนสทนาทางโทรศัพท์เมฆินทร์-เมย์
เสียงโทรศัพท์จากเมฆินทร์ดังขึ้นอีกครั้ง
"ฮัลโหล...พี่เมฆ" เมย์รับสาย
"เมย์รออยู่ตรงนั้นแหละ พี่เห็นเราแล้ว เดี๋ยวพี่ขับรถไปรับ"
"โอเค ๆ ค่ะ" เมย์วางสายแล้วหันมาบอกเพื่อนรัก "รออยู่ตรงนี้แหละแก เดี๋ยวพี่เมฆมารับ"
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







