LOGINวันแข่งขันกีฬามาถึง ทุกแผนกต่างตื่นเต้นกับรางวัลใหญ่ที่รออยู่ ส่วนจารวีก็มาพร้อมกับพี่ ๆ ที่แผนกในชุดกีฬาประจำทีมสี เพื่อให้คนครบตามจำนวน โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ลงสนามจริง
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน จนกระทั่งการแข่งขันวอลเลย์บอลใกล้เริ่ม มะปราง ผู้เล่นตัวจริงที่เตรียมลงแข่งเกิดปวดท้องรอบเดือนอย่างกะทันหัน ไม่สามารถลงเล่นได้
"น้องจี๊ด! ช่วยลงสนามแทนมะปรางหน่อยสิ! คนไม่พอแล้ว ที่เหลือดูจากสังขารป้าๆ ก็น่าจะไม่ไหว สงสารเขา" พี่คนหนึ่งในทีมเรียกเธอด้วยความร้อนรน "เอาน้องนี่แหละพอดีเลย เล่นได้อยู่ใช่ไหม?"
จารวีทำหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด "เออ...คือว่า..."
"ไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! เอาลงไปให้มันครบๆ คน ตีผิดตีถูกก็ช่าง!"
ในจังหวะที่จารวีเดินลงสู่สนาม เสียงกองเชียร์ก็ดังฮือฮาขึ้น ทุกคนต่างตะลึงกับความสวยและรูปร่างสูงเพรียวของเด็กฝึกงานคนนี้ ที่ดูโดดเด่นท่ามกลางผู้เล่นวัยทำงาน
เมฆินทร์ ซึ่งปกติไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ได้เดินเข้ามาในสนาม ในเสื้อกีฬาของบริษัทที่เน้นรูปร่างสง่า หล่อคม และสมส่วนของเขา เขาเดินตรงไปนั่งที่ Stand ชมการแข่งขัน
"ปีนี้มาด้วยเหรอคะ ผอ.?" รดา ฝ่ายบุคคลเดินเข้ามาทักทาย "ท่านประธานกับท่านรองไม่มาเหรอคะ?"
เมฆินทร์ส่ายหน้า "ไม่ว่าง พวกท่านไปดูงานที่เชียงใหม่"
"รับเครื่องดื่มอะไรไหมคะ เดี๋ยว รดาให้เด็กเอามาให้"
"ไม่ครับ พวกคุณตามสบายกันเลย"
ในจังหวะนั้น สายตาของเมฆินทร์เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในสนาม ที่ยืนอยู่กับทีมของเขา "เล่นกับเขาด้วยเหรอเนี่ย? ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย ไหนดูซิ ขอชมหน่อย" เขาพึมพำกับตัวเอง
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น เธอดูเก้ ๆ กัง ๆ และไม่มั่นใจอย่างเห็นได้ชัด ลูกบอลพุ่งมาหาเธอก็ไม่กล้ารับ ปล่อยให้ลูกหล่นไปต่อหน้าต่อตา ทุกคนข้างสนามต่างพากันโห่เล็กน้อย พี่ ๆ ในทีมรีบเข้ามาปลอบ
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เอาใหม่ เอาใหม่" พวกเขาเข้าใจว่าเธอเป็นแค่ตัวแทนที่ไม่ได้ซ้อมจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
จนกระทั่ง...
ฝั่งตรงข้ามตบลูกข้ามฝั่งมา เธอกลับใช้เท้า เตะลูกวอลเลย์ขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉย! ทุกคนในสนามต่างอึ้ง หนุ่ม ๆ ข้างสนามพากันหัวเราะครึกครืน
"ว้าววว...ขาวโบ๊ะเลย" หนุ่มพนักงานที่นั่งอ่านกิน
เมฆินทร์ที่นั่งมองอยู่ก็อมยิ้มกอดอก "ขายาว ๆ นี่มันก็เป็นประโยชน์เหมือนกันนะเรา" เขายิ้มและคิดอย่างสนใจ
ในจังหวะต่อมา ลูกวอลเลย์พุ่งมายังฝั่งเธออีกครั้ง จารวีซึ่งอยู่ในตำแหน่งมือตั้ง กลับใช้สองมือเซตลูกอย่างคล่องแคล่วราวกับผู้เล่นอาชีพ!
"เล่นเป็นเหรอเนี่ยน้องจี๊ด?" เพื่อนร่วมทีมพากันงง
เธอเพียงยิ้มบาง ๆ ไม่พูดอะไรมาก ความตึงเครียดของเธอเริ่มคลายลง และเริ่มเล่นเข้าขากับทีมได้อย่างกลมกลืน
เมฆินทร์บน Stand เริ่มสนใจมากขึ้น "เซตลูกเลยเหรอ?...ไม่ธรรมดาน่ะเรา" เขาพึมพำกับตัวเอง
จากที่นั่งกอดอกกลายเป็น นั่งกุมมือลุ้น ว่าเธอจะอยู่รอดถึงจบเกมหรือไม่ แต่ก็เกินคาด...
ในจังหวะที่เธออยู่ในตำแหน่งหน้าเน็ต เมื่อมือเซตส่งลูกขึ้น จี๊ดกลับ กระโดดตบโดยสัญชาตญาณ ลูกพุ่งฝังจมไปกับพื้นอีกฝั่งหนึ่ง! ทุกคนในสนามต่างอึ้งไปตาม ๆ กัน ก่อนจะกระโดดดีใจและวิ่งเข้ามากอดเธอ
กลุ่มพนักงานหนุ่มๆ ข้างสนามต่างพากันส่งเสียงฮือฮาและผิวปาก
"เฮ้ย! มึงเห็นไหมวะ! น้องเขาแรงดีว่ะ กูอยากพิสูจน์แรงน้องเขาอ่ะ! ตบโคตรหนัก แถม... สรีระดีจัดๆ เลยว่ะ...มึงดูดิ มึงดูอก ดูเอว ...โอ๊ยยย!... กูอยากจะบ้า!"
"โหย! กระโดดที... เด้ง!ซะกูอยากเป็นเสื้อให้น้องเขาใส่ ยิ่งเหงื่อออก ยิ่งสวยสัด!"
"โอ๊ย... เซ็กซี่มาก ถ้าได้อยู่ทีมเดียวกันนะ กูจะเซตให้ทุกครั้งเลย!"
เมฆินทร์ที่นั่งมองอยู่บน Stand ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เขาถึงกับ กำมือจนขึ้นขาว พร้อมกับข่มหายใจเพื่อเรียกสติ เขาตวัดสายตาที่เย็นชาและดุดันไปทางกลุ่มหนุ่ม ๆ ข้างสนามที่กำลังคุยกันเสียงดัง ทำให้กลุ่มนั้นเงียบเสียงลงไปเล็กน้อย
เขาพยายามดึงสายตาตัวเองกลับมาที่สนาม แต่ภาพของเธอที่กระโดดตบที่เย้ายวนก็ยังคงติดตา ภาพถึงความเย้ายวนร้อนผุดขึ้นมาในหัวของเขา เขาต้องดึงสติตัวเองกลับมาอีกครั้งด้วยความยากลำบาก... 'เด็กนี่ก็ช่างยั่วอารมณ์ผู้ชายได้โดยไม่ตั้งใจจริงๆ!'
"อะไรกันเนี่ย! นี่มันระดับมือตบระดับประเทศเลยไหมเนี่ย! มา ๆ สู้ ๆ กันต่อ!"
จารวีเริ่มผ่อนคลายและเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ เธอเล่นได้ทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการบล็อกลูกที่หน้าเน็ต การกระโดดตบหลอก หรือแม้แต่จังหวะเสิร์ฟ เธอก็ไม่ได้ใช้ข้อมือเสิร์ฟแบบคนเล่นไม่เป็น แต่กระโดดเสิร์ฟตบอย่างมืออาชีพ จนคนที่ซ้อมอยู่ทุกวันยังงง
"โธ่น้องจี๊ด! เล่นเก่งขนาดนี้ทำไมไม่บอก! รู้อย่างนี้เอามาซ้อมด้วยตั้งแต่แรกแล้ว เสียดาย... งั้นอยู่ต่อเลยไหมล่ะ? ฝึกงานจบแล้วมาทำงานที่นี่ต่อเลย!"
เกมดำเนินไปจนถึง เกมสุดท้าย และทีมของเธอก็เป็นฝ่ายชนะอย่างขาดลอย
ช่วงพักเที่ยง บริษัทได้จัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มไว้พร้อมเสร็จสรรพ หลังทานข้าวเสร็จ จารวีเดินไปเข้าห้องน้ำ เธอยืนอยู่หน้ากระจกพร้อมกับ เขย่งเท้าขวาเบา ๆ คลายความปวดที่ข้อเท้า ในใจครุ่นคิดบางอย่าง
เมฆินทร์เดินตามมาดักรอยังทางเดินหน้าห้องน้ำ
"ว้าวว...จี๊ดของพี่เป็นนักกีฬาเก่าเหรอเนี๊ยะ? พี่ว่าเสื้อทีมมันตัวเล็กไปไหม? ใครเป็นคนสั่งตัดทำไมตัวเล็กขนาดนี้ เดี๋ยวพี่จะจัดการคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้!"
"มีอะไรหรือเปล่าคะ ผอ.?" จารวีถามอย่างห่างเหินด้วยความน้อยใจ
"อย่าเรียกเหินห่างแบบนั้นสิครับ ทำไมถึงเรียกพี่แบบนั้น อยู่กันแค่สองคนเอง งอนอะไรพี่... ฮึ๊!"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นจี๊ดขอตัวนะคะ จะรีบไปเตรียมตัวลงสนาม" จารวีพูดจบก็ รีบก้าวเท้าเดินออกไป ท่าทางของเธอดู เหมือนเขย่งเท้าเล็กน้อย แต่ด้วยความสูงเพรียวและจังหวะที่รวดเร็วทำให้เมฆินทร์ยังไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติอย่างชัดเจน
"ว้าว... นักกีฬาเก่าจริง ๆ ด้วย แล้วนักกีฬาในร่มหรือกลางแจ้งล่ะครับ? พี่ได้ทั้งในร่มและกลางแจ้งเลยนะ ยิ่งตื่นเต้นพี่ยิ่งชอบ" เขาตะโกนตามหลัง
เธอหยุดหันกลับมามองเขา พึมพำกับตัวเองแล้วเดินจากไป "หื่น!...สมองมีแต่เรื่องบ้ากาม!"
เมฆินทร์ยืนยิ้มส่ายหน้า มองแผ่นหลังของเธอด้วยสายตาที่เอ็นดู
"เดี๋ยวพี่ไปเชียร์อีกนะครับ...คนเก่งของพี่" เขาพึมพำกับตัวเอง
เมื่อใกล้ถึงเวลาลงสนาม นักกีฬาต่างเตรียมพร้อม จี๊ดมองเห็นผ้าก๊อซและน้ำมันนวดวางอยู่ เธอจึงเอ่ยขอ "อันนั้น จี๊ดใช้ได้ไหมคะ?"
"ได้สิ เอาไปพันแขน พันขาเหรอ ได้หมด"
ในจังหวะที่เธอยืนอยู่กับกลุ่มนักกีฬา หนุ่ม ๆ ต่างพากันมองรูปร่างสูงเพรียวและเอวคอดของเธอ ภาพที่เธอรวบผมขึ้นเผยให้เห็นต้นคอและเหงื่อที่ซึมตรงไรผมยิ่งทำให้เธอดูเซ็กซี่น่ามอง
กลุ่มพนักงานหนุ่มๆ ที่นั่งรอลงสนามฟุตบอลพูดคุยกันเสียงดัง
"เฮ้ยๆ มึง น้องนิเทศใช่ไหมที่เขาพูดกันว่าแจ่มๆ อ่ะ คนนั้นป่าววะ"
"เออว่ะ สวยว่ะ...กูไปอยู่ไหนมาวะ! ทำไมพึ่งเจอ... ไม่คิดว่าจะดูเซ็กซี่ขนาดนี้ ยิ่งเหงื่อออกยิ่งสวย"
"จีบได้ไหมวะ แข่งเสร็จขอเบอร์ดีกว่าว่ะ"
เมฆินทร์ได้ยินบทสทนา เขาพยายามข่มลมหายใจไว้ เมื่อหันไปมองเธอก็พบว่าเธอดูน่ามองและน่าหลงใหลตามที่หนุ่ม ๆ คุยกันจริง ๆ
เขาสังเกตเห็นเธอที่กำลัง ใช้ผ้าก๊อซพันรอบข้อเท้าขวาของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ด้วยความที่เขาก็ชอบเล่นกีฬา มองแค่แว๊บเดียวเขาก็รู้
สัญชาตญาณคนที่เล่นกีฬา มือกับเท้ามักจะไปเร็วกว่าสมอง กว่าคนทั่วไป อย่างตอนที่เธอใช้เท้าเตะลูกฟุตบอลบอลขึ้นเหมือนกัน หรือแม้กระทั้งตอนที่เธอดึงเขาให้หลบพ้นเสาโคมไฟที่กำลังจะล้ม ในงานของวินวันนั้น ร่างกายของเธอมันสังการโดยสัญชาตยาณ
"นักกีฬาจริง ๆ ด้วย แถมยังเล่นดีอีกต่างหาก ไม่ธรรมดานะเนี่ย...แฟนเรา" เขาพึมพำพร้อมกับยิ้มด้วยความหลงไหล
เกมดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึง เกมที่สอง ที่ผลเสมอกัน 1 ต่อ 1 ต้องมีการตัดสินใน เซตที่สาม
จารวีเริ่มขยับข้อเท้าถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เมฆินทร์สังเกตเห็นอาการนั้น เธอไม่ได้ดูเหนื่อยอะไรมาก แต่เธอกำหมัดแน่นและ บิดข้อเท้าไปมาเพื่อคลายความตึง เขานั่งสังเกตอยู่พักใหญ่
ทันใดนั้น เสียงดังจากด้านหลังก็ดังขึ้น "แฮ่...!"
"ปีนี้มาด้วยเหรอคะพี่เมฆ" เสียงใสของเมย์เอ่ยถาม
"พี่ต่างหากที่ต้องถามเรา ว่ามาทำไม?"
"ทำไมอ่ะ มาไม่ได้เหรอ?"
"ก็เปล่า ปกติก็ไม่เห็นชอบมาไม่ใช่เหรอ"
"ก็กะว่าจะมาชวนยายจี๊ดไปเที่ยว หาเพื่อนเที่ยวช่วงนี้ไม่มีเลย กะว่าจะมาสอยตัวไปหลังจากงานกีฬาเสร็จ ปล่อยให้นางไปเที่ยวเป็นเพื่อนน้องเถอะนะพี่เมฆนะ ให้อยู่ทำไม ไม่ใช้พนักงานประจำก็ไม่ใช่"
เมฆินทร์ไม่สนใจคำพูดของน้องสาว เขาเอาแต่มองการแข่งขัน ส่วนเมย์ก็หันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนรัก
"อะไรของพี่เนี่ย เมย์กำลังคุยด้วยอยู่นะ ทำไมไม่สนใจ แล้วยัยจี๊ดไปไหนเนี่ย"
แล้วสายตาเธอก็ไปหยุดที่เพื่อนรักซึ่งกำลังลงแข่งในสนาม เมย์ในตอนนั้นตาเบิกกว้าง หัวใจเธอหล่นวูบ!
"เฮ้ย!...หลบ!...ยัยเมย์อย่าบังพี่ดิ!"
เมย์รีบ วิ่งลงไปอย่างหน้าตาตื่น จาก Stand ชั้นบน แต่ก็ไม่ทัน...
ในจังหวะนั้น ลูกสุดท้ายของเกม ทีมของจารวีชนะขาดลอย ลูกวอลเลย์หล่นลงพื้น ส่วนเธอเองก็ ทรุดตัวลงล้มไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับกุมข้อเท้าไว้แน่น!...
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







