LOGINภาพที่เห็นคือความเสียใจที่ท่วมท้นของน้องสาวเขา และการดูแลเอาใจใส่ที่มากเกินกว่าคำว่า 'เพื่อน' มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกผลักให้เป็นคนนอกอย่างสมบูรณ์
ทำไมภาพนี้ถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน ความหวงแหนและหึงหวงที่ซ่อนอยู่ภายในเริ่มบิดเบือนการรับรู้ของเขา
เขาเดินตามขึ้นไปส่งที่ห้อง และได้ยินบทสนทนา "ทำไมให้ฉันมานอนห้องนี้ล่ะ ฉันจะนอนกับแกยัยเมย์"
"ไม่เอา ฉันกลัวนอนดิ้นแล้วจะทับขาแก กลัวแกจะเจ็บ นอนห้องนี้แหละ แม่บอกว่าให้เตรียมห้องให้แกต่างหาก ฉันไลน์มาบอกป้ากับเด็กในบ้านไว้แล้ว เขาจัดเตรียมไว้ให้หมดแล้ว" เมย์ตอบกลับด้วยความอ่อนโยน แต่คำพูดนี้กลับยิ่งตอกย้ำความสับสนให้เมฆินทร์
ขณะนั้นเองสายของริสาโทรเข้ามาบอกว่าลืมของสำคัญอยู่ที่คอนโดจารวี และฟังจากน้ำเสียงแล้วน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมาก เมย์จึงอาสาจะไปเอาให้
"ยัยจี๊ด แกพักอยู่ที่นี่แหละ ฉันกลับไปเอาให้ยัยริสาเอง ไหนจะต้องย้อนกลับไปโรงพยาบาลอีก แกจะไปยังไง ยิ่งเจ็บข้อเท้าอยู่ พอดีเลยจะได้เอาเครื่องในมาให้แกด้วย" เมย์กระซิบเบา ๆ ตอนพูดถึงเครื่องในตามประสาสาว ๆ
เมฆินทร์ยืนมองโดยไม่รู้บทสนทนาทั้งหมด ภาพสุดท้ายที่เขาสลักไว้ในสมองคือ เมย์กระซิบข้างหู และใช้มือลูบไรผมของหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อซึมในดวงตา
ความคิดที่มืดมัวและสิ้นหวังพุ่งเข้าในหัว
'ทำไมจี๊ดถึงไม่มีแฟน ทั้งที่เธอก็ดูสวย น่าหลงไหลขนาดนี้ หรือว่าคนที่อยู่ในใจจี๊ดที่เคยบอกตอนนั้นก็คือ... '
ภาพจากตอนอยู่เกาะล้านที่สองสาวหยอกล้อกันอย่างใกล้ชิดไหนจะตอนที่เมย์ร้องไห้ฟูมฟายเมื่อเห็นจารวีเจ็บข้อเท้าเมื่อครู่นี้ อีกทั้งความเฉยชาที่หญิงสาวมีต่อเขาในวันนี้ ... มันชัดเจนเกินไปสำหรับจิตใจของเขาตอนนี้
เขารับความจริงที่เขาปั้นแต่งขึ้นมาเองในหัวไม่ได้ ความเจ็บปวดที่ถูกคนรักไม่สนใจและหันไปหาน้องสาวของเขามันรุนแรงเกินกว่าจะทน เขาล่าถอย เดินออกมาเงียบๆ และขับรถออกจากบ้านไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ด้านจารวีที่มองตามหลังไปรู้สึกน้อยใจจนใจสลาย คนที่บอกว่ารักกลับไม่สนใจ ไม่ถามไถ่แม้แต่นิดเดียว ว่าเธอเป็นอย่างไร เขาเลือกที่จะทิ้งเธอไปหาผู้หญิงคนนั้น...จีน่า...จากที่เธอร้องไห้ฟูมฟาย เมฆินทร์คงเป็นเธอมาก...
ขณะที่นอนอยู่ในห้อง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ของวันนี้ของ เมฆินทร์และจีน่า และสิ่งที่เขาทำในตอนนี้ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ในห้วงความคิด 'นี่เราเป็นแค่ตัวแทนของใครหรือเปล่า... กับคนนั้น ทำไมเขาห่วงใย อ่อนโยน ทีกับเรา เขาแทบไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ นอกจากเวลาที่เขาอยาก....หรือคำว่าเด็กเลี้ยง นั้นมันคือความจริง เราเป็นได้แค่นั้นจริงเหรอ?'
เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจและรู้สึกไร้ค่า จนเผลอหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาในที่สุด...
ไนท์คลับของวายุ
เมฆินทร์มาถึงไนท์คลับอย่างไม่คิดชีวิต ตรงไปหา วายุ "วันนี้ลมอะไรหอมมาวะ" วายุทัก
วินกับปกรณ์ที่นั่งอยู่มีสีหน้าสำนึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เคยทำผิดกับเพื่อนก่อนหน้านี้
"นั่งก่อนเว้ย... มีอะไรหรือเปล่า ดูไม่ค่อยสบายใจปรึกษาพวกกูได้ พวกกูยินดีทำทุกอย่างเพื่อไถ่โทษกับสิ่งที่ทำผิดกับมึงกับน้องเขาไว้เว้ย" วินเอ่ยอย่างจริงใจ
เมื่อเห็นสีหน้าของเมฆินทร์ที่ย่ำแย่มาก วายุจึงถาม "มึงเป็นอะไรวะ น้องเขายังไม่หายโกรธเรื่องนั้นเหรอ!"
"เคลียร์กันแล้ว... แต่มันมีเรื่องที่หนักกว่านั้น" เมฆินทร์ตอบเสียงแหบ
"ทำไม... อย่าบอกนะว่ามีมือที่สาม คงไม่ใช่ไอ้คุณสิงห์....ลูกชายเจ้าของรีสอร์..." วายุถาม
"เบียร์!...ชื่อเบียร์" เมฆินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
"เออ...จะเบียร์! จะช้าง! ห่าเหวช่างมันเถอะ... อะไรทำให้มึงหนักใจวะ!"
"ถ้าเกิดมันไม่ได้มีมือที่สามเข้ามา... แต่กูเป็นมือที่สามเองจะทำยังไงวะ"
วินวางแก้วเหล้าลงอย่างแรง "อะไรของมึงวะไอ้เมฆ มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ ดูยังไงก็รู้ว่าน้องเขาชอบมึง"
เมฆินทร์นั่งเงียบ วายุจึงเร่งเร้า "มีอะไรก็รีบพูดดิวะ!"
"มึงเคยคิดสงสัยไหมว่า .... ทำไมน้องกูกับจี๊ดถึงไม่มีแฟน!"
"ก็มึงหวงน้องสาวมั้ง" วินสวน
"มันต้องมีคนเข้ามาจีบบ้างดิวะ!... กู...กูคิดว่าคู่แข่งของกูคือเมย์ว่ะวายุ!"
<แค่กๆ!!!>
วายุสำลักเหล้าจนไอค่อกแค่ก "นี่มึงพูดบ้าอะไรของมึง! น้องเมย์ น้องมึงเนี่ยนะ! เมขลาเนี่ยนะ! บ้าไปแล้ว...มึงคิดอะไรอยู่!"
"กูก็ไม่อยากจะคิด แตสิ่งที่กูเห็นและความรู้สึกในตอนนี้มันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยเว้ย จี๊ดเคยบอกกูว่าเขามีคนในหัวใจ... กูก็หลงดีใจ นึกว่าเป็นตัวเอง... แต่สภาพวันนี้ที่กูเห็นมันก็ชัดเจน"
ปกรณ์ที่เงียบมานานตัดสินใจพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิด "เออ พวกมึง... ฟังกูนะ... ไม่ใช่ว่าไอ้เมฆมันคิดไปเองหรอก วันนั้นที่ไปงานไอ้วิน กูเห็นน้องเมย์นั่งลงสวมรองเท้าให้น้องจี๊ด... เหมือนเจ้าชายกำลังสวมรองเท้าแก้วให้เจ้าหญิง กูแซวเล่นๆ ว่าเป็นสายวาย... ไม่คิดเลยว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องจริง"
คำพูดของปกรณ์เหมือนเป็นการตอกย้ำและทำให้ความเข้าใจผิดของเมฆินทร์กลายเป็น 'ความจริง' ในชั่วขณะ เขายกเหล้าดื่มซ้ำ ๆ ราวกับน้ำเปล่า ความเจ็บปวดที่เหมือนการถูกปฏิเสธ และการมีคู่แข่งเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองทำให้เขาสิ้นหวัง เขาไม่สามารถสู้หรือยอมถอยได้ในสถานการณ์นี้
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรโว้ย! ทำไมมันต้องเกิดกับกูด้วย!" เขาตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด
วายุร่วมดื่มเป็นเพื่อน เมฆินทร์ดื่มเอาดื่มเอาจนเมาหนัก วินกับปกรณ์ทำได้แค่นั่งปลอบใจ
เมื่อเมฆินทร์เมาจนแทบจะเดินไม่ไหว เขาลุกขึ้นเซถลาไปทางโต๊ะ
"จะไปไหนเว้ยไอ้เมฆ นั่งก่อน!" วินถาม
"จะกลับบ้าน!"
"กลับได้ไงวะแกเมาขนาดนี้!"
"ขับไม่ไหว มึง.... มึง... ก็ไปส่งกูดิวะ พวกมึง!... มึง!...ไอ้ตัวต้นเรื่อง!"
"เออ ๆ พวกกูรู้เว้ยว่าพวกกูผิด ยอมรับผิด กูขอโทษเว้ย"
ก่อนที่พวกเขาจะออกไป เมฆินทร์เริ่มล้วงกระเป๋าเพื่อนทุกคน "ของพวกมึงไซส์ไหนวะ เอามาให้กูทั้งหมดเลย" เขาเมาจนขาดสติและฉกถุงยางอนามัยของเพื่อนทุกคนไปใส่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองจนกระเป๋าตุง
การกระทำนี้แสดงถึงความตั้งใจที่มืดมัวและบ้าบิ่นที่ต้องการจะพิสูจน์หรือทำลายบางสิ่งบางอย่าง ปกรณ์จึงพยุงเขาออกจากไนท์คลับไปส่งที่บ้าน
"สรุปมึงจะกลับบ้านหรือกลับคอนโดวะ" ปกรณ์ถาม
"กูบอกว่าบ้าน! มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ!...ไอ้ตัวสร้างเรื่อง" เมฆินทร์เมาจนพูดไม่เป็นภาษา
"เออๆ...บ้านก็บ้าน"
ที่บ้านของเมฆินทร์
จารวีกำลังนอนหลับในความมืด เมฆินทร์เปิดประตูเข้ามาอย่างเงียบเชียบและใช้ร่างที่เต็มไปด้วยฤทธิ์เหล้าและความแค้นกระโดดขึ้นคร่อมเธอ
"ว้ายย!!!"
จารวีสะดุ้งสุดตัวและผลักเขาออก เธอใช้เท้าข้างที่กำลังเจ็บข้อเท้าถีบเขาไปจนตกเตียงด้วยสัญชาตญาณ
<ตุบ!>
"โอ๊ยยย!"
ความเจ็บปวดแปลบแล่นไปที่ข้อเท้าทำให้เธอร้องออกมาด้วยความทรมาน เธอรีบเปิดไฟหัวเตียงก็พบว่าเป็นเมฆินทร์ที่นอนกองอยู่บนพื้น
"พี่เมฆ! พี่เข้ามาทำไม! แล้วมาทำอะไรแบบนี้!"
เมฆินทร์หัวเราะเยาะทั้งน้ำตา ดวงตาแดงก่ำด้วยความผิดหวังในตัวเองและทุกสิ่ง
"พี่ก็เข้ามาหาสุดที่รักของคนอื่นไง! ทำไมพี่เข้ามาไม่ได้เหรอ! กลัวใครเห็น... หรือว่ากลัวยัยเมย์เห็น!"
"ก็กลัวทุกคนนั่นแหละเห็น! นี่พี่จะทำอะไร!"
"จะทำอะไรล่ะ! คิดว่าพี่มานั่งสวดมนต์ขอพรกับเทพเทวดาเหรอ!"
"พี่เป็นอะไร! ทีตอนจี๊ดเจ็บพี่ไม่เห็นจะสนใจ! พี่ยังออกไปแบบหน้าตาเฉยไม่สนเลยว่าจี๊ดจะเป็นยังไง! นี่เหรอคนที่รักกัน!" จี๊ดระเบิดความเจ็บปวดจากเหตุการณ์เมื่อตอนค่ำหัวออกมา
"ใครจะไม่สน! ใครจะไม่ห่วงเมียตัวเอง!" เขาพูดออกมาอย่างเต็มปากด้วยความเจ็บปวดร้าวลึก "อ้อ!...พี่พูดผิดแล้ว! ต้องพูดว่าเมียคนอื่น!เอ๊ะหรือว่าผัวคนอื่น!"
"พี่อย่ามาหาเรื่อง! ถ้าพี่เมาพี่ก็กลับไปคอนโดพี่เลย จี๊ดจะพักผ่อน!"
"จะรีบไล่พี่ออกไปจากชีวิต... จะได้มีความสุขกับยัยเมย์ว่างั้น! พี่มาเอาคนรักของน้องทำเมีย พี่มันเลวพอไหม!" เขาเดินเข้ามาหาเธออย่างคุกคาม
<เพี๊ยะ!>
เธอตบเขาอย่างแรงจากคำพูดที่ดูถูกเธอและน้องสาวของเขา
"พี่พูดบ้าอะไร! พี่อย่ามาหยาบคายกับจี๊ดนะ! พี่ยังจะดูถูกน้องสาวตัวเองอีก! นี่พี่เป็นพี่ชายประสาอะไร!"
"ใช่! พี่เป็นพี่ชายประสาอะไร มาเอาผู้หญิงของน้องทำเมีย! พี่ยังไม่เข้าใจเลยว่าพี่เป็นพี่ชายประสาอะไร!"
"พี่คุยไม่รู้เรื่องแล้ว! ออกไปเลย! ออกไปหาจีน่าของพี่เลยไป! ไปหึง ไปหวง ไปซบกัน กอดกันไกล ๆ เลยไป!" จี๊ดจี้ไปที่บาดแผลของตัวเอง
"อย่ามานอกเรื่อง จารวี! พี่กำลังคุยเรื่องของเธอ! ไม่ต้องมาดึงจีน่าเข้ามาเกี่ยว!"
"แตะต้องไม่ได้เลยหรือไง ทะนุถนอมเขามาก รักเขามาก งั้นก็รีบไปหาเขาสิ ไปรักไปเทิดทูนกันไกล ๆ เลยไป!"
"นี่รีบไล่ผัวตัวเองออกไปจากชีวิต...จะได้รีบไปเป็นผัวหรือว่าเมีย...ยัยเมย์ล่ะ!"
"หยาบคาย!...พี่... พี่พูดไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ! ออกไปเลยนะ! ...ถ้าพี่ไม่ไป จี๊ดจะไปเอง!"
จารวีพยายามจะเขย่งเท้าออกจากห้อง แต่เขาคว้าเอวเธอ กระชากลากเหวี่ยงเข้าไปในห้องจนตัวลอยอย่างรุนแรงโดยไม่สนใจข้อเท้าที่บาดเจ็บ
"จะหนีไปไหน! ยัยเมย์ไม่อยู่หรอก! อยู่มันกับพี่นี่แหละ! เอากับพี่ก่อน... ค่อยไปเอากับน้องพี่ ตามคิว!"....
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







