LOGIN"จะหนีไปไหน! ยัยเมย์ไม่อยู่หรอก! อยู่มันกับพี่นี่แหละ! เอากับพี่ก่อน... ค่อยไปเอากับน้องพี่ ตามคิว!"
<เพี๊ยะ!>
จี๊ดตบเขาซ้ำอีกครั้งด้วยความเกลียดชัง
"ว้าววว...มือหนักซะด้วย! เอาถึงเลือดตกยางออกเลยเหรอเมียจ๋า!... นักตบลูกยางทีมชาติหรือเปล่าเนี๊ยะ" เมฆินทร์ใช้ปลายนิ้วแตะเลือดที่มุมปาก
เขาจับข้อมือเธอกำแน่น แล้วบิดไขว้หลัง ผลักเธอลงบนที่นอนและใช้ร่างของเขาทับไว้
"ชอบแบบนี้เหรอ... ที่รัก ถ้าชอบความรุนแรง พี่จะเล่นให้ถึงใจเลย"
<แคร๊ก!>
เขาฉีกชุดนอนเธอขาดวิ่น "โอ๊ะ โอ... ชุดขาดซะแล้ว!" สงสัยต้องซื้อคืนยัยเมย์...
เขาใช้ริมฝีปากที่หยาบกระด้างและมีกลิ่นเหล้ากัดไปที่หัวไหล่เธออย่างรุนแรง "เจ็บ! ปล่อยนะ! จี๊ดไม่ใช่ของเล่นของพี่!"
เมฆินทร์ไม่สนใจคำร้องขอ เขาล้วงมือเข้าบีบคลึงเนินอกเธอจากด้านหลังอย่างบ้าคลั่ง
แต่ในจังหวะนั้น!.... จี๊ดใช้หัวโขกกลับหลังไปที่จมูกเขาจนเลือดกำเดาไหลอีกรอบ เขาเซถลาตกจากเตียง
จารวีพยายามจะเขย่งเท้าวิ่งหนี แต่เขาจับข้อเท้าที่เจ็บไว้ ทำให้เธอล้มลงกับพื้น เขาคลานไปกดทับเธอไว้ภายใต้ร่างแกร่งของเขา
"อย่าเพิ่งไปสิ! จะรีบไปไหน! มาเริ่มเรียนบทต่อไปก่อน พี่ยังสอนไม่ครบทุกบทเลย...!"
ร่างแกร่งของเขาคร่อมทับร่างของหญิงสาวไว้ เขาฉีกชุดนอนที่เหลือขาดออกจนหมด เหลือไว้แค่ร่างเปลือยเปล่า
เขาใช้มือใหญ่กำข้อมือของเธอไปไว้เหนือศีรษะแล้วจับกดไว้ด้วยมือเดียว มือหนาปลดเข็มขัดและตะขอกางรูดซิบลงอย่างเชื่องช้า แล้วงัดแท่งเนื้อที่แข็งขืนชักรูด แล้วดันตัวขึ้นมา จับเอาแท่งเนื้อมาฟาดที่แก้มของเธอ
"เมื่อกี้ตบหน้าพี่เหรอ!... งั้นพี่ตบด้วยไอ้นี่คืนได้ไหม" เขาใช้แท่งเนื้อฟาดไปที่ปากของเธอเบาๆ
หญิงสาวกัดฟันไว้แน่นด้วยความเจ็บช้ำและโกรธแค้นจนน้ำตาคลอ
"คนรักกันเขาทำแบบนี้เหรอ! พี่ไม่ทะนุถนอมจี๊ดเลยด้วยซ้ำ! ถึงว่าแหละ ใคร ๆ เขาก็บอกว่าจี๊ดเป็นเด็กเลี้ยง มันก็สมควรแล้วที่เขาพูดแบบนั้น!"
"ใครพูด! ไอ้หน้าไหนมันพูด!" เมฆินทร์คำราม
"จะใครก็ตาม ตอนนี้พี่ก็ทำเหมือนกับจี๊ดไม่มีค่าอะไรเลย มันก็ไม่ได้ต่างจากคนพวกนั้นที่เขาเอาจี๊ดไปพูดหรอก!"
"ทำไม! แล้วอยากเป็นเมียพี่! หรืออยากไปเป็นเมียหรือผัวคนอื่นล่ะ!"
"พี่เลิกพูดแบบนี้สักที! สมองส่วนไหนมันทำให้พี่คิดได้ทุเรศขนาดนี้!"
"ทุเรศเหรอ! ทุเรศเหรอ!" เขาใช้ท่อนเอ็นฟาดไปที่ปากของเธอซ้ำ "พูดอีกสิว่าทุเรศ!"
<งับ!>
เธอพยายามงับแท่งเนื้อของเขาด้วยความโมโห แต่เขารีบชักกลับมาทัน
"โห!...เล่นแรงไปไหม...เมียจ๋า...พลาดมาผัวพิการเลยนะ!"
"อย่าพูดคำนี้! จี๊ดขยะแขยง!"
"ขยะแขยงเหรอ!... ฮื้อ...ขยะแขยงเหรอ!" เขาใช้ท่อนเอ็นถูไถไปตามเรือนร่างของเธอ จนมาถึงเนินอก มือหนาจับเนินอกอวบบีบเข้าหากันด้วยมือเดียว แล้วสวนแท่งเนื้อเข้าไปในร่องที่แน่น โยกดันเข้าดึงออก
"พี่เมฆ... จี๊ดเจ็บ" เสียงสะอื้นพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
"จี๊ดเจ็บ...อย่าทำกับจี๊ดแบบนี้" เธอเจ็บปวดจากแรงบีบเนินอก ข้อมือที่ถูกจับกดไว้แน่น ทั้งข้อเท้าที่ยังเจ็บ และความโหดร้ายที่กดทับเธออยู่
เขาไม่สนใจและไม่ใจอ่อนกับเสียงร้องขอ เขายังคงเร่งจังหวะถี่และเร็วขึ้น มือหนาเปลี่ยนจากจับข้อมือมาโอบสองเต้าของเธอ ดันเข้าชิดกัน แล้วสวนกระแทกดันขึ้นรูดลงอย่างบ้าคลั่ง สองมือเรียวกำหมัดทุบไปที่แขนของเขา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านเลย
"ซี๊ด!...อึ๊ อึ๊ อ๊าา!"
จังหวะที่เร็วขึ้นเขาเริ่มกระแทกซ้ำ ๆ อย่างบ้าคลั่ง จนน้ำรักพุ่งกระฉูดขึ้นเต็มหน้าอก ราดไปที่คอจนถึงใบหน้าสวย เขาใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำรักที่เกือบเข้าตาเธอมาปาดลงที่ริมฝีปากเธอ
"ของผัว...อร่อยไหม มีอีกเยอะเลยนะ!"
เธอร้องไห้สะอื้นด้วยความเจ็บปวดไปทั้งตัว ความเจ็บปวดทางร่างกายผสมกับความบอบช้ำทางจิตใจจากการถูกทรยศและทำลายศักดิ์ศรี... ความรักของเธอถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีในค่ำคืนที่โหดร้ายนี้
ขณะที่เธอสะอื้นร่ำไห้จนตัวสั่นเทา เมฆินทร์ไม่ได้มีท่าทีสงสาร เป็นเพราะฤทธิ์เหล้าและความเจ็บปวดจากความเข้าใจผิด ที่ยังครอบงำสติอย่างหนัก เขากลับหยิบถุงยางอนามัยที่ฉกมาจากเพื่อนออกมาจากกระเป๋าที่ตุงบวมนั้น
"จะเอากลิ่นไหนดีนะ? ชอบสตรอว์เบอร์รี่ไหม? พี่จะใช้ยังไงให้หมดดีวะ!" เขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันในโชคชะตาและความภาคภูมิใจที่บ้าบิ่น
จังหวะที่เขากำลังสาละวนอยู่กับการเลือกกลิ่นถุงยาง จารวีที่พอจะขยับตัวได้จึงค่อย ๆ ดันร่างที่บอบช้ำขึ้นมา เธอคว้าผ้าห่มมาปิดร่างกายเปลือยเปล่า และเขย่งเท้าที่เจ็บปวดเพื่อจะหลบหนีเข้าไปในห้องน้ำ การหนีครั้งนี้คือการปฏิเสธเขาอย่างสมบูรณ์
เขาไม่รอช้า พุ่งเข้าคว้าตัวเธอไว้ทันที
"อยากลองในห้องน้ำล่ะสิ? จะเอาไหมล่ะ? เดี๋ยวพี่ทำให้!"
"ไม่เอา!...ไม่เอา!...พี่เมฆ..จี๊ดเจ็บ!"
หญิงสาวร้องไห้ส่ายหน้าพร้อมกับทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดจากข้อเท้าที่ถูกกระชากและจิตใจที่แตกสลาย เธอพยายามเบี่ยงตัวหนีอย่างสิ้นหวัง เมฆินเขาช้อนร่างเธออุ้มกลับมาที่เตียงอย่างทุลักทุเล
"พี่เมฆ!...พี่เป็นอะไร! ...พี่ตั้งสติหน่อยได้ไหม! อย่าทำกับจี๊ดแบบนี้ จี๊ดกลัว!" เสียงสะอื่นเธอวิงวอนขอร้อง
"อย่ากลัวพี่เลย! จะหนีพี่ไปไหน! ไหนบอกว่ารักพี่! จะทิ้งพี่ไปไหน! พี่รักจี๊ดมากรู้ไหม! รักพี่ไม่ได้เหรอ ทำไมจี๊ดใจร้ายกับพี่ขนาดนี้!"
หญิงสาวมองเขาด้วยดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตา เธอไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจคำพูดใด ๆ ของเมฆินทร์เลยแม้แต่น้อย ความกลัวเข้าแทนที่ทุกสิ่ง พี่เมฆคนใจดีของเธอได้หายไปแล้ว
"พี่รักจี๊ดมากนะ... รักพี่ไม่ได้เหรอ?" เขาพยายามใช้ถ้อยคำที่อ้อนวอน แต่การกระทำของเขาในคืนนี้มันขัดแย้งกับคำพูดจนสิ้นเชิง
"จี๊ด... ไม่ได้รัก... คนใจร้ายแบบนี้...พี่เมฆคนเดิมไปไหน!" เธอตอบกลับด้วยเสียงสะอื้นที่แทบจะขาดใจ
"แบบนี้? แบบไหน? พี่มีให้ทุกอย่าง! ทำไม!...มือเย็น ๆ มันสู้เอ็นอุ่น ๆ ของพี่ไม่ได้หรอก! หรือว่าเป็นเพราะพี่ใส่ถุง... จี๊ดเลยไม่ได้รับสัมผัสนั้น!"
ความคิดที่เต็มไปด้วยความเข้าใจผิดและฤทธิ์เหล้าทำให้เขาหลุดคำพูดที่เลวร้ายที่สุดออกมา "ก็ได้! พี่ไม่ใส่ก็ได้! แบบนี้... แบบนี้ ดีไหม!"
พูดจบคำ เขายกร่างเธอขึ้นแล้วดันติดกับผนังห้องอย่างแรง
<ตุบ>
<แค่กๆ >
ความเจ็บปวดจากแผ่นหลังที่ปะทะกับผนังทำให้หญิงสาวแทบสำลัก เมฆินทร์งัดแท่งเอ็นของเขาเข้าสวนในช่องรับอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยไม่มีการเล้าโลมหรือเตรียมพร้อมใด ๆ ทั้งสิ้น
"พ...พี่เมฆ...จี๊ดจุก!!!"
หญิงสาวพยายามดันร่างเขาออกด้วยความเจ็บปวดทรมาน "พี่เมฆ! จี๊ดเจ็บ! อย่าทำกับจี๊ดแบบนี้!" เสียงสะอื้นร้องขออย่างน่าเวทนาของเธอ ไม่ได้ทำให้เขาหยุดการกระทำที่เลวร้ายนี้ได้เลย
"ไม่ชอบเหรอ? พี่ทำให้แล้วไง! จี๊ดอยากได้แบบไหน พี่ทำให้ได้หมดทุกอย่าง!" เขาตะคอกกลับอย่างบ้าคลั่ง
"พี่...พี่...เมามาก! พี่รู้ตัวไหม! ตั้งสติหน่อยได้ไหม!"
"อ้ายยย!"
"พี่เมฆ! จี๊ด... พี่... จี๊ดไม่ไหว... จี๊ดเจ็บ... จี๊ดจุก... หายใจไม่ออก..." เสียงของเธอแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ
เขาไม่สนใจคำพูดใด ๆ สวนกระแทกเข้าไปไม่ยั้งจนร่างของเธอลอย แผ่นหลังเสียดสีกับผนังจนเจ็บแสบไปหมด เขารัวกระแทกเน้น ๆ ย้ำ ๆ ด้วยความบ้าคลั่ง จังหวะเร็วขึ้น ถี่ขึ้น ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเกร็งกระตุก และถึงจุดสุดยอดในทันที
ในขณะนั้น... ร่างของจารวีก็เงียบไป
"จี๊ด!..." เมฆินทร์เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาโอบร่างเธอลงบนที่นอน ทั้งที่ยังมีจุดเชื่อมต่อ ก่อนจะค่อย ๆ ถอดแก่นกายออก
"จี๊ด!... เป็นอะไร!... จี๊ดได้ยินพี่ไหม! ...พี่ขอโทษ... อย่าเงียบแบบนี้สิ!"
ร่างกายของจารวี ทนกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงและการถูกกระแทกอย่างไม่ปรานีไม่ได้อีกต่อไป เธอจุกจนหายใจไม่ทันและหมดสติไปในที่สุด
เมฆินทร์แทบจะสร่างเมาทันทีเมื่อเห็นสภาพของหญิงสาว เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัสไปที่ปลายจมูกของเธอ เมื่อยังรับรู้ถึงลมหายใจแผ่วเบา เขาจึงโล่งใจ แต่ความตื่นตระหนกและความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้าใส่
'นี่เราทำบ้าอะไร! ทำไมเราถึงทำกับจี๊ดแบบนี้! พี่ขอโทษ!'
เขารีบโทรหาเพื่อนที่เป็นหมอทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือแบบลับ ๆ เพราะสิ่งที่เขาทำมันน่าอับอายเกินกว่าจะพาเธอไปโรงพยาบาลได้ หลังวางสาย เขารีบจัดการตัวเอง เก็บถุงยางที่เกลื่อนกลาด ก่อนจะรีบวิ่งไปห้องเมย์เพื่อหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้เธอ
เมื่อเพื่อนหมอมาถึง ตรวจอาการเบื้องต้นแล้วพบว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงในเชิงวิกฤต แต่เมื่อหมอถามสาเหตุ เมฆินทร์กลับตอบตะกุกตะกักจนต้องพูดออกมาอย่างอับอายว่า "เล่นท่ายาก... ส่วนตัว... เลยเป็นแบบนี้..."
หมอใช้มือตบไหล่เขาเบา ๆ "ระวังหน่อยว่ะไอ้เมฆ ท่าไหนที่มันอันตรายก็อย่าไปทำ"
เขารู้สึกกระอักกระอ่วน ทั้งอายเพื่อน ทั้งเป็นห่วงหญิงสาว แต่เลือกที่จะยอมรับความอับอายเพื่อความปลอดภัยของเธอ
สรุปทางการแพทย์ ผู้ป่วยหมดสติจากปฏิกิริยาของระบบประสาทอัตโนมัติ ร่วมกับการบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อนบางส่วน ขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ต้องให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และเฝ้าระวังอาการทางจิตใจอย่างใกล้ชิด
ทันทีที่เพื่อนหมอเปิดประตูออกไปพร้อมกับคำสั่งเสียกำกวม
"เราจัดยาให้แล้วนะ อย่าลืมให้น้องเขากินยาตรงตามเวลาด้วยล่ะ ไปล่ะ"
เมฆินทร์รีบหันไปพูดเสียงเครียดกับแผ่นหลังของเพื่อน
"ไอ้หมอ! นายอย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังนะเว้ย!"
เพื่อนหมอหันกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง แต่แฝงไว้ด้วยความเอือมระอา
"วางใจเถอะน่า เราเป็นหมอนะเว้ย เรามีจรรยาบรรณ ไม่มีหมอคนไหนหรอกที่เอาเรื่องของคนไข้ไปพูดเลย นายเองก็ระวังด้วยล่ะ อย่าไปเล่นท่าพสดารอีก! เราไปละ"
เมื่อเสียงประตูปิดลง ความเงียบที่ทิ้งไว้กลับหนักอึ้งกว่าคำพูดใด ๆ เมฆินทร์หันกลับไปมองหญิงสาวที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง ทั่วทั้งร่างกายของเธอถูกปกคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนา แต่ร่องรอยของความรุนแรงยังคงชัดเจนในอากาศ
เขาทรุดตัวลงข้างเตียงอย่างหมดแรง มือสั่นเทาเอื้อมไปกุมมือของเธอไว้แน่น
"จี๊ด... พี่ขอโทษ" เสียงของเขาแหบพร่าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าแม้เขาจะอ้างความเมา แต่การกระทำนี้มันไม่ได้แตกต่างจากการทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขารู้สึกรังเกียจตัวเองอย่างที่สุดที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่รักด้วยความบ้าคลั่งของตัวเอง
แต่กระนั้น... เมื่อภาพความอ่อนโยนระหว่างจี๊ดกับเมย์แวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง ความเจ็บปวดก็ตีรวนขึ้นมาอีกรอบ เขาควรจะทำตัวอย่างไร? ยอมแพ้? หรือทำลายทุกอย่าง? ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยความสับสนและสิ้นหวัง
เขาค่อย ๆ ยกมือที่กุมไว้ขึ้นมาจูบแผ่วเบา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นรอยช้ำสีม่วงที่ข้อมือของเธอ ซึ่งเป็นร่องรอยจากการกระทำที่บ้าบิ่นของเขาเอง ความเจ็บปวดจากการสำนึกผิดถาโถมเข้าใส่จนน้ำตาคลอ
เมฆินทร์เปิดผ้าห่มดูอย่างระมัดระวัง ข้อเท้าของหญิงสาวบวมแดงอย่างเห็นได้ชัดจากการบาดเจ็บและถูกฉุดกระชาก... เธอร้องขอความเมตตา แต่เขากลับไม่หยุด เขาต้องทำอะไรให้มันเลวร้ายถึงขนาดไหนกัน?
กำปั้นของเขาแน่นขึ้นจนสั่นเทา ใบหน้าซบหน้าลงกับขอบเตียงข้าง ๆ ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดจากการกระทำอันน่ารังเกียจของตัวเอง
ในจังหวะนั้นเอง...
<แกร๊ก!>
เสียงลูกบิดประตูหมุน พร้อมกับการเปิดเข้ามาของใครบางคน
"เมฆ!" เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น...
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







