LOGIN"อยู่นี่...นี่เอง"
เสียงทุ้มนุ่มที่เธอคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งเฮือกและหันขวับไป
ร่างสูงโปร่งของเบียร์ ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ เขารีบเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบเหมือนกลัวเธอจะหายไป
"พี่เห็นว่าน้องหายไปนาน เลยออกมาตามหา" เบียร์กล่าวอย่างอ่อนโยน "ตรงนี้มันเย็นแล้วนะครับ กลับรีสอร์ทดีกว่าไหม พี่เป็นห่วง"
จี๊ดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เสียงนั้นไม่ใช่คนที่เธอหวาดกลัว เธอพยายามฝืนยิ้ม
"ขอบคุณค่ะ... พี่เบียร์"
เบียร์นั่งลงบนโขดหินอีกก้อนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป เขาเห็นสร้อยคอแต่เลือกที่จะไม่สนใจ
"ไม่ต้องฝืนนะครับ ถ้าการคิดถึงมันเจ็บปวด ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของทะเลและสายลมไปก่อนก็ได้... อะไรที่มันยังแก้ไขไม่ได้ ก็แค่พักมันไว้"
คำพูดที่ดูเหมือนสุภาพอ่อนโยนของเบียร์ทำให้เธอรู้สึกปลอดขึ้นมาบ้าง การให้เกียรติทำให้เธอรู้สึกนึกถึงพี่เมฆคนเดิมขึ้นมา แต่ภาพนั้นก็ถูกทับซ้อนด้วยใบหน้าเมฆินทร์คนใจร้ายขึ้นมาทันที
เธอหันกับมองไปยังสร้อยคอที่วางอยู่บนโขดหิน สายตาของเธอมองดูสร้อยด้วยความเจ็บช้ำและอาลัยอาวอนอย่างสุดใจ
(!)
"จี๊ด!"
เมฆินทร์มาถึงหาดลับ...แต่ก็ช้าไปก้าวนึง เขาวิ่งตรงมายังโขดหินและตะโกนเรียก แต่ก็ไร้วี่แวว สายตาเขาเหลือบไปแสงสะท้อนกับพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
<สร้อย!>
"มาที่นี่จริง ๆ ด้วย"
เขาหยิบสร้อยขึ้นมาดูและกำไว้แน่น เพราะเธอได้ทิ้งของที่เขาให้ไว้ เขามองดูสร้อยด้วยความเจ็บปวด แต่ความเจ็บนี้ก็ยังไม่ถึงครึ่งของเธอที่เขาได้ทำไว้ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าเธอมาที่นี้
ณ รีสอร์ท
หลังจากนั้นไม่นาน เบียร์ก็พาหญิงสาวกลับมายังตัวรีสอร์ท เขาเสนอเครื่องดื่มอุ่น ๆ ให้เธอ
"ดื่มนี่หน่อยนะครับ จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและผ่อนคลาย" เบียร์ยื่นแก้วชาสมุนไพรสีอ่อนให้
หญิงสาวรับแก้วมาด้วยความขอบคุณ เธอไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อยในความหวังดีของเขา "ขอบคุณค่ะพี่เบียร์"
เธอจิบชาอย่างช้า ๆ ก่อนจะรู้สึกว่าร่างกายที่อ่อนล้ากลับรู้สึกผ่อนคลาย... มากเกินไป... ราวกับมีม่านบาง ๆ มาบดบังการรับรู้ของเธอ มันไม่ใช่ความง่วง แต่มันคือ ความพร่ามัว
เธอรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยเมื่อกำลังเดินตามเบียร์เข้าสู่ล็อบบี้ แต่เธอพยายามประคองตัวเองไว้...นี่คงเป็นเพราะความเหนื่อยล้า...
ณ ล็อบบี้
เมฆินทร์พุ่งตรงเข้าไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาแดงก่ำ "ผมไม่สนกฎบ้า ๆ ของคุณ บอกมา ตอนนี้...!"
ทันใดนั้น...
คนที่เขาตามหาก็เดินมากับผู้ชายคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเธอเห็น เมฆินทร์ ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายของเธอถึงกับแข็งทื่อ ความหวาดกลัว ทำให้เธอสั่นไปทั้งตัวจนภาพทุกอย่างเริ่มบิดเบี้ยว
เบียร์ เห็นปฏิกิริยาของหญิงสาว เขาสบตากับเมฆินทร์ และมองไปยังสร้อยคอในมือของอีกฝ่าย ในห้วงความคิดของเบียร์ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ในห้วงความคิดของเบียร์ : คุณเมฆินทร์... คุณนี่เองที่ทำให้เธออยู่ในสภาพนี้! บ้าที่สุดจะมาทำไมตอนนี้!
ดวงตาของจารวีล็อกอยู่กับเมฆินทร์... และสร้อยคอที่เปื้อนฝุ่นในมือเขา มันคือหลักฐานการทำลายความรักของเธอ
เมฆินทร์ทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
"จี๊ด... กลับกับพี่เถอะนะ..." เมฆินทร์เอื้อมมือออกไปหาเธออย่างช้า ๆ
<ฟึ่บ!>
เธอที่สติพร่ามัวและร่างกายเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เห็นมือของเขาเป็นเพียงกรงเล็บ ที่กำลังจะฉุดรั้งเธอไปสู่ความมืดมิด เธอรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ผลักมือของเมฆินทร์ออกไปอย่างรุนแรง
"ไม่! ไม่เอา!" เสียงของเธอแหบพร่าด้วยความตื่นตระหนก
<ผลัก!>
เมฆินทร์ที่ถูกผลักออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว รู้สึกเหมือนถูกมีดนับร้อยเล่มกรีดลงบนหัวใจ นี่คือการปฏิเสธที่โหดร้ายที่สุด!
ในขณะเดียวกัน หญิงสาวก็เซถลาด้วยความวิงเวียนเพราะฤทธิ์ของชาและแรงที่ใช้ผลักเขา
<หมับ!>
เบียร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเพียงก้าวเดียว รับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขนได้อย่างพอดิบพอดีและแน่นหนา
หญิงสาวก้มหน้าซ่อนตัวเข้ากับอกของเบียร์อย่างสั่นเทา เหมือนลูกนกที่กำลังหลบภัยจากพายุ
ภาพผู้หญิงที่เขารัก... หวาดกลัวเขาจนตัวสั่นเทา... ปฏิเสธการสัมผัสของเขา... และไปอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่น! เมฆินทร์แทบใจสลายและทรุดลงกับพื้น เขาเหมือนหายใจไม่ออกในตอนนี้ หัวใจของเขาถูกบดขยี้อย่างรุนแรงที่สุดในชีวิต
ในจังหวะที่เบียร์โอบกอดจารวีแน่นเพื่อปลอบประโลม... เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเมฆินทร์ ใบหน้าของเบียร์ปรากฏรอยยิ้มมุมปากเพียงเสี้ยววินาที... รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพอใจและชัยชนะอย่างลับ ๆ
เมฆินทร์รู้สึกถึงความหนาวเหน็บที่พุ่งตรงเข้าสู่แกนกลางหัวใจ ความหวาดหวั่น ว่าภายใต้หน้ากากผู้ชายแสนดีนั้น กำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้
เบียร์มองเมฆินทร์อย่างใจเย็น "น้องจี๊ด... ให้พี่จัดการตรงนี้เองนะครับ"
แล้วเขาก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับเมฆินทร์โดยตรง สีหน้าของเขามีร่องรอยความไม่พอใจอย่างชัดเจน
"คุณเมฆินทร์ครับ... ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้องการไปกับคุณ... และผมขอแจ้งให้ทราบว่า ในฐานะผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของ 'น้องจี๊ด'... ผมจะไม่ยอมให้คุณคุกคามเธออีกต่อไป"
ในขณะที่เมฆินทร์กำลังจะพุ่งเข้าใส่ด้วยความบ้าคลั่ง...
พนักงานต้อนรับคนเดิมก็รีบเดินตรงเข้ามาทันทีด้วยท่าทีที่ดูเหมือนเป็นมืออาชีพ แต่เป็นการ สกัดกั้นอย่างตั้งใจ
"ขออภัยด้วยค่ะคุณเมฆินทร์!" พนักงานพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล "เดี๋ยวก่อนค่ะ! คุณต้องเซ็นเอกสารยืนยันข้อมูลส่วนตัวและรับกุญแจห้องก่อนค่ะ ไม่เช่นนั้นการจองห้องพักจะไม่สมบูรณ์ และเราต้องขอความกรุณาให้ข้อมูลสำหรับบันทึกการเข้าพักด้วยค่ะ"
พนักงานยื่นเอกสารและปากกามาให้ตรงหน้าเมฆินทร์อย่างแนบเนียน ทำให้เมฆินทร์ถูกตรึงไว้กับพื้นที่เคาน์เตอร์ เขาต้องก้มลงเซ็นเอกสาร ในขณะที่...
เบียร์มองเมฆินทร์ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยชัยชนะอย่างเงียบ ๆ แล้วหันหลัง พาจี๊ดที่ยังคงซบอยู่ในอ้อมแขนของเขาเดินหายลับไปจากล็อบบี้อย่างช้า ๆ โดยไม่มีใครตามได้ทัน
เมฆินทร์เงยหน้าขึ้นมาเมื่อเซ็นเอกสารเสร็จ สิ่งที่เขาเห็นคือความว่างเปล่า หัวใจของเขาจมดิ่งสู่ความมืดมิด เขาถูกขัดขวาง... ถูกปฏิเสธ... และถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา!
ขณะที่เมฆินทร์ถูกพนักงานรีสอร์ทตรึงอยู่กับเคาน์เตอร์ด้วยเอกสาร วายุและเมย์ก็เพิ่งจะก้าวเข้ามาในล็อบบี้
วายุเห็นเมฆินทร์ยืนหันหลัง กำสร้อยคอแน่น และมีสีหน้าเหมือนกำลังจะระเบิดอารมณ์ เขารีบก้าวเข้าไปหา แต่เท้าต้องชะงักเมื่อผ่านมุมเสาใกล้ห้องเก็บของ เขาได้ยินเสียงพนักงานชายสองคนกำลังซุบซิบกันอย่างออกรส
"มึงว่าคนนี้จะรอดไหมวะ..."
"กูว่าไม่รอดว่ะ ธรรมดาแหละ... ตอนนี้กลายเป็นลูกชายเจ้าของรีสอร์ทแล้วหนิ ไม่ต้องทำอะไรมาก มีคนมาประเคนให้ถึงที่" พนักงานอีกคนหัวเราะแห้ง ๆ
"พูดแล้วก็อิจฉาว่ะ ไม่น่าเลยเนาะ สวย ๆ แจ่ม ๆ ขนาดนี้ ดูคุ้นหน้านะ ใช่คนนั้นไหมว่ะ ที่เป็นนางแบบ อึ๋ม ๆ สวย ๆ อ่ะ"
"เออ กูก็ว่าใช่นะ ที่ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำตอนนั้นน่ะ ได้ข่าวว่านางแบบตัวจริงมาไม่ได้ ก็เลยใช้ทีมงาน... ขนาดแค่ทีมงาน ยังสวยสัดขนาดนี้ เห็นแล้วอิจฉาคุณเบียร์เลยว่ะ"
"คุณเบียร์!"
ชื่อนี้ดังชัดเจนในโสตประสาทของวายุ เขาจำได้ติดหูทันที เพราะมันคือชื่อที่เขามักจะเรียกผิด ๆ ถูก ๆ แต่ครั้งนี้เขาได้ยินชัดเจนไม่มีพลาด วายุเบิกตากว้างด้วยความตกใจ!
เขาไม่รอช้า พุ่งตัวเข้าไปในล็อบบี้ทันที
"ไอ้เมฆ!" วายุตบไหล่เพื่อนเสียงดัง "เจอน้องจี๊ดหรือยัง! ไอ้คุณเบียร์นั่นมันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นว่ะ! เมื่อกี้กูได้ยินพนักงานคุยกัน!"
เมฆินทร์หันมาหาเพื่อนอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขายังคงเคร่งเครียดและสับสน
"มึงเห็นจี๊ดใช่ไหม? อยู่ห้องไหน? มึงได้ยินอะไร? บอกมา!" เมฆินทร์พยายามจับใจความพร้อมกับหันไปมองพนักงานที่เพิ่งเซ็นเอกสารเสร็จ
เขาตรงไปหาเคาน์เตอร์อีกครั้ง "บอกผมมาว่าไอ้เบียร์พาคนของผมไปห้องไหน!"
พนักงานต้อนรับที่เพิ่งถูกวายุ กระชากความลับเบื้องหลังออกไปเริ่มมีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ยังคงยึดมั่นในหน้าที่
"ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะคุณลูกค้า เราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของลูกค้าท่านอื่นได้ค่ะ"
เมฆินทร์กำหมัดไว้แน่นจนนิ้วซีดขาว เขากำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความคลั่ง...
<หมับ!>
เมย์ที่ตามมาทัน คว้าแขนของพี่ชายไว้แน่น แล้วรีบลากเขาออกมาจากเคาน์เตอร์ทันที ก่อนที่เขาจะทำลายข้าวของ
"พี่เมฆ! พี่เมฆ! ฟังเมย์นะ... แล้วก็ตอบคำถามมาตามความจริง ห้ามปิดบัง! เชื่อใจเมย์นะ! ตั้งสติก่อน!" เมย์จับไหล่พี่ชายทั้งสองข้าง จ้องเข้าไปในดวงตาที่แดงก่ำของเขา "ตอบความจริงนะ..."
เมย์ลดเสียงลงต่ำแต่หนักแน่น
"พี่เมฆกับจี๊ด... มีอะไรกันแล้วใช่ไหม"
คำถามที่น้องสาวยิงมาตรง ๆ อย่างไม่คาดฝันทำให้เมฆินทร์อึ้งจนพูดไม่ออก ความอับอายและความผิดทำให้เขาหลบสายตา
"ตอบมาสิพี่!" เมย์เร่งเร้า
"ชะ... ใช่" เมฆินทร์ตอบเสียงเบาหวิว ราวกับยอมรับความผิดที่ไม่อาจแก้ไข
เมย์หายใจติดขัดเล็กน้อย ก่อนจะถามคำถามต่อไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือแต่เด็ดขาด
"แล้ว... เคยป้องกันไหม"
"ยัยเมย์!... ถามอะไร!" เมฆินทร์พยายามตำหนิเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
"ตอบเมย์มา! ความจริงเท่านั้น!"
เมฆินทร์หลับตาลงอย่างทรมาน ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว "บางครั้ง... ก็ไม่ได้ป้องกัน..."
"แม่ต้องฟังจากปากพี่...ยัยจี๊ดรู้ทีหลัง..
จะได้ไม่มาว่าเมย์ได้"
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







