Share

บทที่ 134

Author: โม่เสียวชี่
ทันทีที่เสียงของฮูหยินหลินดังขึ้น หลินยวนก็ล้มตัวลงคุกเข่ากับพื้นทันที "ไม่เอานะ! ท่านแม่! อย่าขับไล่เสี่ยวชุ่ยไปเลย! นางไม่ได้ตั้งใจ นางไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น!"

เฉียวเนี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกขำไม่น้อย "คำพูดของแม่นางหลินหมายความว่าอย่างไร? หรือจะสื่อว่าข้าเป็นคนสั่งสอนให้นางพูดเช่นนั้นงั้นหรือ?"

หลินยวนชะงักไปชั่วครู่ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยน้ำตา นางส่ายหน้าไปมาอย่างทุกข์ใจแล้วร้องขอฮูหยินหลินด้วยความเจ็บปวด "ไม่ใช่นะเจ้าคะ ข้า...ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น เพียงแต่เสี่ยวชุ่ยยังเด็ก ยังไม่ประสีประสาจึงพูดจาไม่สมควรไป ท่านแม่เชื่อใจข้าเถอะ ต่อไปข้าจะอบรบนางให้ดี! ท่านแม่... ขอร้องล่ะ อย่าขับไล่เสี่ยวชุ่ยไปเลย..."

แต่ไหนแต่ไรมา ทุกครั้งที่หลินยวนร้องไห้ ฮูหยินหลินมักจะใจอ่อนเสมอ

แต่วันนี้ บางทีอาจเป็นเพราะเสี่ยวชุ่ยได้ลำเส้นที่ฮูหยินหลินไม่อาจยอมรับได้ ฮูหยินหลินจึงไม่ได้ใจอ่อนเหมือนเช่นเคย กลับมองหลินยวนด้วยสายตาที่เต็มไปความเข้มงวด "แค่เป็นนางบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น ยวนเอ๋อร์ เจ้าต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยหรือ?"

ฮูหยินหลินรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า เพื่อเพียงแค่นางบ่าวคนหนึ่ง หลินยวนทำมากเก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1272

    เมืองหลวงของแคว้นถัง เจริญรุ่งเรืองนักถนนจูเชวี่ยกว้างขวางจนสามารถให้รถม้าสิบคันวิ่งเคียงกันได้ ทั้งสองฝั่งเรียงรายด้วยร้านค้าอันโอ่อ่า ชายคาและไม้คานแกะสลักอย่างประณีตกลิ่นของผ้าไหมแพรพรรณ เครื่องทองเงินหยก และเครื่องเทศจากต่างแดนผสมคลุ้งอยู่ในอากาศเย็นของต้นฤดูหนาว ก่อเกิดเป็นกลิ่นหอมฟุ่มเฟือยและเป็นเอกลักษณ์ผู้คนเบียดเสียดเดินขวักไขว่ แต่งกายงดงาม เสียงตะโกนขายของของพ่อค้า เสียงล้อรถม้า เสียงดนตรีจากโรงเตี๊ยม รวมกันกลายเป็นทะเลแห่งความจอแจอึกทึกเมืองหลวงของแคว้นถังที่มีตระกูลมู่ซึ่งร่ำรวยที่สุดในใต้หล้าอยู่ด้วยนั้น ช่างน่าตะลึงนัก“ความรุ่งเรืองในเมืองหลวงของแคว้นถัง นับเป็นอันดับหนึ่งของใต้หล้า” เสียงของมู่ซ่างเสวี่ยดังขึ้นข้างกาย แฝงไว้ด้วยความภาคภูมิที่แทบสังเกตไม่ออกวันนี้เขาเปลี่ยนมาใส่เสื้อคลุมไหมสีม่วงเข้ม ที่คอเสื้อและชายแขนเสื้อประดับลวดลายเมฆเงินสลับซับซ้อน เอวห้อยเหรียญเหล็กนิล ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ กลมกลืนไปกับทิวทัศน์อันหรูหรานี้โดยสมบูรณ์เห็นได้ชัดว่า เมืองหลวงของแคว้นถังแห่งนี้ มิได้เป็นเพียงเมืองหลวงของแคว้นถังเท่านั้นหากยังเป็นหน้าตาของตระก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1271

    เมื่อได้ฟังคำพูดของเฉียวเนี่ยน พี่สิบก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปทางอิ๋งชีบนใบหน้าของเขามีหน้ากากสั่งทำพิเศษปิดบังอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่กลับปิดความอาฆาตที่แผ่ออกมาจากลึกในดวงตาไม่มิดในฐานะองครักษ์ เขาคุ้นเคยกับกลิ่นอายเช่นนี้ดีนี่คือกลิ่นอายที่ก่อเกิดจากการก้าวออกมาท่ามกลางสมรภูมิเลือดและกองซากศพ ซึมลึกอยู่ในกระดูกและโลหิต ยิ่งกว่าคนที่ออกรบมาทั้งชีวิตเสียอีกต่อให้พยายามปิดบังเพียงใด ก็ไม่อาจกลบได้...เห็นพี่สิบไม่พูดอะไร เฉียวเนี่ยนจึงกล่าวต่อ “สำนักราชาโอสถ นอกจากจะรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้อื่นแล้ว ยังมีหน่วยข่าวกรองและกำลังทหารของตนเองด้วย อิ๋งชีคือหัวหน้าหอหอบุปผาเร้นลับ นอกจากเขาแล้ว ครานี้ข้ายังพาคนมาด้วยมากมาย พี่สิบไม่รู้สึกตัวเลยหรือเจ้าคะ?”เมื่อได้ฟังเฉียวเนี่ยนพูดดังนั้น พี่สิบก็หันมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้ตัวแต่กลับไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียวหากเฉียวเนี่ยนไม่ได้โกหกละก็ ฝีมือการซ่อนตัวของพวกนั้นช่างยอดเยี่ยมเหลือเกินถึงจะสู้ฝีมือของอิ๋งชีไม่ได้ แต่เกรงว่าก็ไม่น่าจะด้อยไปกว่านั้นนัก“ดังนั้นพี่สิบ” เฉียวเนี่ยนพูดขึ้นอีกครั้ง “ท่านห้ามข้าไม่ได้หรอก”ในที่สุดสายตาของพี่สิบก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1270

    พี่สิบไปที่ครัว เตรียมกับข้าวทั้งเนื้อและผักให้เฉียวเนี่ยนเขาถืออาหารมาถึงหน้าห้องของเฉียวเนี่ยน อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆแม้จะเป็นเพราะไม่มีทางเลือก แต่ที่เขากักขังเฉียวเนี่ยนไว้โดยพลการ ก็นับว่าไม่สมควรอยู่บ้างดังนั้น เสียงที่เอ่ยออกมาจึงแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนอย่างประหลาด “เนี่ยนเนี่ยน พี่สิบทำอาหารให้เจ้าด้วยนะ ลองชิมดูสิ”ภายในห้องไม่มีเสียงตอบรับพี่สิบคิดว่าแน่ล่ะ เฉียวเนี่ยนต้องกำลังโกรธเป็นแน่ จึงยกมือข้างหนึ่งที่ว่างอยู่มาเปิดประตูเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ตรงโต๊ะในมือถือถ้วยชา สีหน้าเรียบเฉย ไม่แม้แต่จะมองพี่สิบสักนิดท่าทางเช่นนี้ ชัดเจนว่าโกรธแน่ๆพี่สิบก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดอยู่บ้าง ยิ้มออกมา “ฝีมือพี่สิบนี่ถึงกับทำให้พี่สะใภ้สิบชมไม่หยุดเลยนะ มา ลองชิมหน่อย”พูดไปพลาง เดินเข้าไปในห้องไปด้วยทว่าไม่ทันคาดคิด กลับมีฝุ่นร่วงลงมาจากคานไม้เก่าด้านบนกะทันหันร่างหนึ่งในเงามืดบนคาน ดำหม่นราวปีศาจไร้น้ำหนัก พุ่งทะยานลงมาโดยไร้สัญญาณ!ความเร็วของการเคลื่อนไหวทิ้งไว้เพียงเงาเลือนลาง พร้อมกลิ่นหอมของสมุนไพรที่แปลกประหลาดและรุนแรง ปั่นป่วนอากาศในห้องที่ไม่ได้รับก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1269

    รู้ว่าพี่สิบเป็นห่วงตนเอง รอยยิ้มบนใบหน้าเฉียวเนี่ยนก็เข้มขึ้นเล็กน้อย “พี่สิบวางใจเถอะ บัดนี้ข้าคือเจ้าสำนักราชาโอสถ”ได้ยินดังนั้น พี่สิบยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไปเขาจ้องเฉียวเนี่ยนอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอยพักใหญ่จึงค่อยเอ่ย “จะ เจ้าว่าอะไรนะ? จะ เจ้าบอกว่าเป็นเจ้าสำนักราชาโอสถ?”“อืม” เฉียวเนี่ยนพยักหน้าหงึกๆ “ตอนนี้ข้าเก่งมากเลย ทั้งวิชาแพทย์ก็เก่ง ทั้งการถอนพิษก็เก่ง หากข้าไปแคว้นถัง ก็ต้องช่วยพี่ใหญ่ได้แน่!”พี่สิบมองเฉียวเนี่ยนอยู่พักหนึ่ง กว่าปฏิกิริยาจะตามทันก็เหมือนจะเข้าใจในความหมายของนางในที่สุดแต่ก็ยังโบกมือ “ไม่ได้! ไปไม่ได้!”“พี่สิบ!”“ไม่มีการต่อรอง!” พี่สิบขมวดคิ้วแน่น “ต่อให้วิชาแพทย์เจ้าเก่ง การถอนพิษก็เก่ง แล้วจะมีประโยชน์อะไร? หากถูกคนตระกูลมู่จับตัวไป เจ้าคิดบ้างไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น? พวกมันอยากให้เจ้าไปหาสมบัติ จะให้หาอย่างไร? ใช้เนื้อเจ้าหรือใช้เลือดเจ้า?”ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเฉียวเนี่ยนก็เปลี่ยนสีโดยไม่รู้ตัวนางนึกถึงท่านย่าทวดเหยาวั่งซู และก็นึกถึงท่านอาจารย์เสิ่นม่อด้วยแต่พี่สิบยังคงยืนกราน “บอกความจริงให้เจ้ารู้เลยแล้วกัน! ที่พี่ใหญ่ให้ข้าอยู่เมือ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1268

    สำหรับคำพูดของมู่ซ่างเสวี่ย ฉู่จืออี้ไม่ได้ใส่ใจมากนักในสายตาของเขา คนตระกูลมู่ไม่น่าไว้วางใจ รวมถึงมู่ซ่างเสวี่ยด้วยท้ายที่สุดแล้ว ตอนนั้นเซียวเหิงก็จากไปพร้อมกับคนตระกูลมู่ แต่ตอนนี้กลับโยนความผิดทั้งหมดให้แก่องค์ชายสอง เรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดนี้จะมีความลับมากน้อยเพียงใด ยังไม่อาจทราบได้ศพสองร่างในห้องถูกยกออกไปแล้ว คราบเลือดก็ถูกเช็ดจนสะอาด แต่ในอากาศยังคงอบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือดจางๆทุกหยาดทุกหยด ล้วนกระตุ้นประสาทของฉู่จืออี้อย่างรุนแรงฉู่จืออี้เก็บซ่อนความเย็นชาในดวงตา หันไปทางมู่ซ่างเสวี่ย แล้วเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่พักผ่อนเถิด คืนนี้เหล่านักลอบสังหารคงไม่กลับมาอีกแล้ว”มู่ซ่างเสวี่ยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ขอบคุณฉู่จืออี้อีกครั้ง “เรื่องคืนนี้ ขอบคุณท่านอ๋องมาก”ฉู่จืออี้แย้มยิ้มมุมปาก แล้วหมุนกายกลับเข้าห้องของตนไปรุ่งขึ้นขบวนออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่เห็นได้ชัดว่าภายในแถวมีคนหายไปหลายคน เป็นพวกที่ออกไปตามล่านักลอบสังหารเมื่อคืนคงไปแล้วไปลับสินะ?ดวงตาของฉู่จืออี้มืดครึ้ม แต่เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ขึ้นรถม้าตามเดิมขณะเดียวกัน ที่เมืองอู้ในแคว้นจิ้ง ฝนโปรยปราย

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1267

    คืนนี้ เกรงว่าจะไม่สงบแล้วยามดึกสงัด สถานีพักม้าทั้งแห่งจมอยู่ในความเงียบงันฉู่จืออี้นอนบนเตียงโดยยังไม่ถอดเสื้อผ้า ข้างมือวางดาบสั้นที่ชักออกจากฝักแล้วแสงจันทร์ลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้ สาดเงาระยับลงบนพื้นทันใดนั้น เสียง "แคร้ก" เบาๆ ดังขึ้นจากบนหลังคา คล้ายกระเบื้องที่ถูกเหยียบฉู่จืออี้ลืมตาขึ้นทันที กลั้นลมหายใจ พลิกตัวลงจากเตียงอย่างไร้เสียงขณะเดียวกัน ห้องของมู่ซ่างเสวี่ยที่อยู่ติดกันดังเสียงทึบขึ้นหนึ่งครั้ง แล้วตามด้วยเสียงการต่อสู้!ฉู่จืออี้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย พุ่งออกจากห้องถีบประตูห้องมู่ซ่างเสวี่ยเปิดออกทันทีในห้อง มีชายชุดดำสามคนกำลังรุมโจมตีมู่ซ่างเสวี่ย หนึ่งในนั้นฟันดาบยาวเฉียดแขนเสื้อของมู่ซ่างเสวี่ยจนขาด เลือดสดไหลรินลงตามแขนฉู่จืออี้พุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดั่งสายฟ้าฟาดแทงเข้าหานักลอบสังหารที่อยู่ใกล้ที่สุดนักลอบสังหารคนนั้นตอบสนองไว หมุนตัวขึ้นมาป้องกัน แต่ไม่ทันเห็นว่าดาบของฉู่จืออี้เปลี่ยนทิศกลางคัน แทงทะลุคออีกคนที่แอบจู่โจมอยู่ด้านข้างเลือดพุ่งกระเซ็นเปื้อนกระดาษหน้าต่าง ราวดอกเหมยสีแดงผลิบานมู่ซ่างเสวี่ยฉวยโอกาสตอบโต้ ดาบอ่อนในมือพลิ้วดั่งงู

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status