Home / รักโบราณ / พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก / บทที่4 แม่ทัพฉีหลิงปรากฏตัว

Share

บทที่4 แม่ทัพฉีหลิงปรากฏตัว

last update Last Updated: 2025-08-12 16:29:46

สองพี่น้องสกุลกัวพัวพันกันอยู่ริมตลิ่ง คนหนึ่งยื้อยุด คนหนึ่งพยายามดิ้นหนี แต่มองจากไกลๆ ประกอบกับเสียงกรีดร้องของกัวจิ้งอีที่หากใครเข้ามาเห็นเหตุการณ์ขณะนี้ย่อมต้องนึกว่ากัวรั่วชิงกำลังพยายามจะผลักพี่สาวตนเองลงสระบัวอยู่แน่นอน

“กัวรั่วชิง! เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไง หยุดเดี๋ยวนี้นะ” โจวจื่อหยวนพลันตวาดลั่น เขาไม่เห็นกัวจิ้งอีในงานเลยออกมาตามหาเผื่อว่าจะพบคนที่ใจคิดถึง กระทั่งเข้ามาพบเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี แต่ไม่ว่าจะร้องห้ามเท่าไรคนสองคนตรงหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะแยกจากกัน

“พี่จื่อหยวน ช่วยข้าด้วย” กัวจิ้งอีส่งเสียงเรียกสามีของน้องสาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ข้าบอกให้เจ้าปล่อยอีเอ๋อร์อย่างไรเล่า”

โจวจื่อหยวนเห็นกัวจิ้งอีเป็นเช่นนั้น ก็ให้ปวดใจเหลือประมาณ และเพื่อจะช่วยเหลือสตรีในดวงใจจากนางจิ้งจอกอย่างกัวรั่วชิง เขาพุ่งกายออกไปราวลูกธนูที่หลุดออกจากแล่ง ชายหนุ่มคลั่งรักคว้าสตรีในดวงใจเข้าสู่อ้อมแขน พร้อมกับผลักคนที่ตนนึกรังเกียจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไปทางสระบัวอย่างไม่ไยดีแทน

“ว้าย!!!”

กัวรั่วชิงไม่อาจต้านแรงผลักของโจวจื่อหยวนได้ นางพลันเสียหลักซวนเซ จนเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะร่วงลงไปในสระอยู่แล้ว

ฉับพลันเสมือนมีลมหอบใหญ่พัดมา ร่างระหงถูกวงแขนแข็งแรงเกี่ยวกระหวัดไว้ได้ทันก่อนจะร่วงหล่นลงไป

รู้ตัวอีกที กัวรั่วชิงก็ถูกใครบางคนพาทะยานไปบนพื้นน้ำราวกับเทพสวรรค์กำลังโบยบินอยู่เหนือนทีเสียแล้ว

ความรู้สึกยามลอยล่องอยู่เหนือสระบัวนั้นทั้งน่าตกใจ และชวนให้คนรู้สึกตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน เพราะตั้งแต่เกิดมา กัวรั่วชิงยังไม่เคยเห็นใครกระโดดไปมาบนใบบัวทั้งที่อุ้มผู้อื่นเอาไว้ด้วยแบบนี้มาก่อน แสดงว่าผู้มีพระคุณของนางคนนี้จะต้องเป็นหนึ่งในบรรดาผู้มีวรยุทธล้ำเลิศที่สุดของแว่นแคว้นอย่างแน่นอน

ยามนางเงยศีรษะขึ้นมอง แสงอาทิตย์สะท้อนบนรูปหน้าคมสันแลคล้ายภาพมายาลางเลือน นางทำได้เพียงเกาะเกี่ยวบุรุษนิรนามผู้นี้เอาไว้ให้แน่นที่สุด แน่นเสียจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะถี่รัวคล้ายกำลังตื่นตระหนก

‘ถ้าพวกเราเคยพบกันมาก่อน ข้าก็คงทึกทักไปแล้วว่าท่านกำลังตกใจมากที่เห็นข้ากำลังจะตกลงไปในสระ’

นางอดคิดเช่นนั้นไม่ได้ และแทนที่จะกลัวชื่อเสียงมัวหมองด้วยถูกบุรุษอื่นที่ไม่ใช่สามีโอบกอดไว้ ทว่าความรู้สึกอุ่นใจกลับหลั่งไหลเข้ามาในอกอย่างประหลาด

‘หรือว่าเขาจะเป็น...อืม ไม่ใช่หรอก คนผู้นี้ออกจะแข็งแรงปานวัว’

ไม่ทันให้โฉมงามได้คิดจนจบกระบวน ชายหนุ่มนิรนามก็พานางข้ามมาถึงอีกฝากฝั่งหนึ่งอย่างปลอดภัย

เขาค่อยๆ ปล่อยให้นางเป็นอิสระอย่างนุ่มนวล แตกต่างจากรูปโฉมที่แลดูแกร่งกร้าว ถึงยามนี้พอกัวรั่วชิงได้มองผู้มีพระคุณอย่างเต็มตา ก็ยิ่งรู้สึกว่าเคยพบเห็นใบหน้านี้มาก่อน เพียงแต่นึกเท่าไร ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอะเจอกันเมื่อใด

หลังจากพิจารณาเสื้อผ้าอาภรณ์ของบุรุษตรงหน้า แล้วเห็นหยกโลหิตสลักลายกิเลนประดับอยู่ตรงข้างเอวเขา นางพลันเข้าใจได้ทันทีว่าผู้ที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือตนคือซื่อจื่อจิ้งกั๋วกง หวงเชียนเล่อ หรืออีกฐานะหนึ่งที่ผู้คนต่างเรียกขานว่า ผู้บัญชาการกองทัพพิทักษ์ประจิม แม่ทัพฉีหลิงนั่นเอง

“ผู้น้อยขอขอบคุณท่านแม่ทัพที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ บุญคุณในครั้งนี้กัวรั่วชิงได้จดจำไว้ในใจแล้ว”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่คุณหนู เอ่อ...” พอเห็นทรงผมอย่างคนออกเรือนของนาง เขาพลันอึกอักขึ้นมา แล้วค่อยเปลี่ยนสรรพนามเรียกขาน “ฮูหยินไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

“หากไม่นับแขน อย่างอื่นข้าสบายดี” กัวรั่วชิงพูดพลางลูบไปตรงบริเวณที่ถูกเล็บของกัวจิ้งอีจิกผ่านเนื้อผ้า ไม่กล้าเปิดออกดูต่อหน้าบุรุษอื่น

“ข้าทำเจ้าเจ็บรึ” หน้าตาคมเข้มดูประหม่าขึ้นทันใด

“มิได้”

“จริงสิ จะเป็นข้าไปได้อย่างไร ย่อมเป็นฝีมือของนางจิ้งจอกกับบุรุษโง่เยี่ยงลาผู้นั้นนั่นแหละ”

“ทะ...ท่านแม่ทัพ” ตั้งแต่เกิดเรื่องจนต้องแต่งเข้าสกุลโจว นี่เป็นครั้งแรกที่กัวรั่วชิงได้ยินคนเรียกสองคนนั้นอย่างดูแคลนแบบนี้

‘นี่ข้าไม่ได้หูฟาดไปใช่หรือไม่’

“ตกใจอันใด อ่อ...เจ้าคงคิดไม่ถึงละสิว่าในแคว้นหานจะมีบุรุษที่ฉลาด มองคนได้ทะลุปรุโปร่งเยี่ยงข้าหวงเชียงเล่ออยู่อีกคน ขอบอกไว้เลยนะ ไม่ได้มีแค่ข้าหรอกที่มองออกว่าอันไหนกรวด อันไหนทับทิม เพียงแต่เจ้าอยู่ท่ามกลางเหล่าสตรีเบาปัญญา และมิได้หวังดีก็เท่านั้น”

“...” กัวรั่วชิงเม้มปากปากแน่น ทั้งที่รู้สึกตื้นตัน ไม่คิดว่าจะมีคนที่ยังมองนางในแง่ดี แล้วยังพูดจาให้ท้ายกันขนาดนี้เหลืออยู่ ถึงยามนี้นางจะระอาโจวจื่อหมิงมากเพียงใด แต่ไม่ว่าอย่างไรสตรีที่ดีก็ไม่อาจสนับสนุนให้ผู้อื่นตำหนิสามีของตนอย่างเปิดเผย นางจึงทำได้เพียงยืนฟังเงียบๆ

‘หวังว่าท่านจะเข้าใจข้า’

เห็นท่าทางคล้ายอึดอัดใจของนาง หวงเชียนเล่อจึงนึกขึ้นมาได้ว่าควรประหยัดถ้อยคำ ถึงอย่างไรกัวรั่วชิงก็แต่งงานให้โจวหมิงจื่อไปแล้ว การที่เขาพูดจาดูแคลนสามีให้ภรรยาฟังก็ไม่ใช่เรื่องที่สัตบุรุษควรทำ ดีไม่ดีคนที่จะโดนรังเกียจ เพราะพูดจาโจมตีใส่ไคร้บุรุษของผู้อื่นอาจเป็นเขาเสียเอง

‘หวังว่าเจ้าจะไม่เกลียดข้าไปแล้วนะ’

หวงเซียนเล่อไม่เคยรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เยี่ยงนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าเขาต้องพูดอะไรบ้างแล้ว

“ข้าแค่ทนไม่ได้ที่เห็นบุรุษรังแกสตรี ทั้งยังเห็นผู้อื่นดีกว่าภรรยา เลยอาจจะพูดจาล่วงเกินสามีของเจ้าไป หวังว่าฮูหยินจะไม่ถือสา”

“ผู้น้อยมิกล้า”

นางจะไปกล้าถือสาผู้มีพระคุณได้อย่างไรเล่า

“แต่ว่า...ถึงยังไงข้าก็ไม่ถอนคำพูดหรอกนะ” หวงเชียนเล่อยืดอก แหงนหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างไม่กริ่งเกรง กัวรั่วชิงเห็นเช่นนั้นก็อดมีรอยยิ้มไม่ได้ นางพลันหลุบตาลง แล้วตอบกลับเขาอย่างจริงใจ

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ รั่วชิงไม่มีทางตำหนิท่านแม่ทัพแน่”

หวงเชียนเล่อก้มหน้าลงมองดวงหน้าพริ้มเพราที่ประดับรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจคล้ายมีลมวสันต์ผัดผ่าน ทั้งอบอุ่นอ่อนโยน ชุ่มฉ่ำ และชวนให้คันยุบยิบในหัวใจเหลือประมาณ

เหตุใดหนอสตรีที่งดงามทั้งภายนอก และภายในจะต้องมาเจอเรื่องบัดซบ และเล่ห์เหลี่ยมของคนทะเยอทะยาน จนต้องกลายมาเป็นภรรยาของชายโง่งมพรรค์นั้นด้วย

‘โจวจื่อหมิง ไอ้คนตาต่ำ’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่130 ความร้อนรุ่มในศาลาสวนไผ่

    หูจวี๋เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสน่หา “ได้ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้ง” เขาค่อยๆ โน้มใบหน้าลง บรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากของกัวลี่ลี่อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบที่ดูดดื่มและร้อนแรงตามความรู้สึกที่ได้ยินมาจากห้องหอ ใช้ความชำนาญที่สั่งสมมาเพื่อปลุกเร้าความรู้สึกที่ซ่อนเร้นของนาง มือของเขากอดประคองเอวบางไว้แน่น แต่ไม่ได้ล่วงเกินไปมากกว่านั้นกัวลี่ลี่ส่งเสียงครางเบาๆ ในลำคออย่างห้ามไม่อยู่ นางสับสนกับความรู้สึกที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ความรู้สึกที่ก่อตัวนี้ทำให้นางร้อนรุ่ม และรู้สึกดีมากจนต้องตอบสนองหูจวี๋หูจวี๋รับรู้ถึงการตอบสนองที่ไร้เดียงสาของกัวลี่ลี่ เขาหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ ลิ้นของเขา ลาดเลียริมฝีปากนุ่มอย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน เพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามความตื่นเต้นที่ก่อตัว เขาใช้มือข้างหนึ่งโอบประคองเอวบางไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็เลื่อนไปเชยคางมนของนาง ให้แหงนเงยรับจูบของเขาอย่างเต็มที่กัวลี่ลี่รู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟวาบหวามพุ่งขึ้นจากปลายเท้าไปสู่ศีรษะ ตัวอ่อนยวบยาบจนต้องเกาะบ่าแข็งแรงของหูจวี๋ไว้แน่น นางแทบไม่เหลือสติที่จ

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่129 เสียงรักร้อนเร่าที่เล็ดลอด

    ทว่าความอ่อนโยนของน้ำอุ่น และกลิ่นหอมของกลีบดอกไม้กลับไม่ได้ช่วยให้ไฟปรารถนาของหวงเชียนเล่อลดลง มีแต่จะยิ่งคิดเตลิดไปไกล ร่างกายส่วนล่างของเขาที่แนบชิดกับนางเริ่มแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง เขาซบหน้าลงกับลำคอขาวผ่องแล้วขบเม้มอย่างยั่วยวน พลางเคลื่อนฝ่ามือร้อนลงไปลูบไล้เนินเนื้ออ่อนนุ่มที่อยู่ใต้น้ำอย่างเชื่องช้า“ท่านพี่... ท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ” กัวรั่วชิงถามเสียงสั่น เพราะความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง“อยู่กับเจ้าไม่เหนื่อยเลย สบายกว่าตอนไปรบเยอะ” เขาตอบอย่างหนักแน่น พลางพลิกนางให้หันหน้ามาหาตนเอง แล้วก้มลงบรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มอย่างดูดดื่ม ก่อนจะช้อนขาเรียวของนางข้างหนึ่งขึ้นมาพาดบ่าอย่างคล่องแคล่วหวงเชียนเล่อไม่รอช้า ใช้แรงจากสะโพกดันแก่นกายเข้าสู่ร่องสวาทของนางอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง น้ำในอ่างกระฉอกสาดกระเซ็น เมื่อทั้งคู่เริ่มเคลื่อนไหว เขาจับเอวบางไว้มั่น แล้วกระแทกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะภายในอ่างน้ำอุ่นที่เปรียบเสมือนรังรักอีกแห่งหนึ่ง“อ๊ะ... เชียนเล่อ... เชียนเล่อ...” กัวรั่วชิงเรีย

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่128 ยังอวบอวลด้วยความปรารถนา

    หวงเชียนเล่อรู้ว่านางกังวลอะไร แต่นี่คือจวนแม่ทัพในเมืองหลวง คนที่ใหญ่ที่สุดที่นี่คือเขา เรื่องธรรมเนียมหยุมหยิม หากเขาเห็นว่าไม่ควรใส่ใจ ก็คือไม่จำเป็นต้องเคร่งครัด“ชิงเอ๋อร์... ไม่ต้องคิดมาก ยอมให้ข้ารักเจ้าอีกก็พอ” เขาคำรามเสียงต่ำ พลางใช้ลิ้นไล้เลียยอดถันสีชมพูที่ตั้งชันอยู่บนเนินอกอิ่มอย่างยั่วยวน เขาดูดดึงอย่างรุนแรงจนกัวรั่วชิงส่งเสียงครางหวานซ่านออกมาชายหนุ่มที่ถูกความต้องการกัดกินไม่คิดจะรอนาน เขาจัดท่าทางให้นางอ้าขาออกเล็กน้อย ก่อนจะกดแก่นกายใหญ่โตอันแข็งขืนเข้าสู่ช่องทางรักที่เพิ่งถูกใช้งานไปเมื่อคืนอย่างช้าๆ การรุกรานที่ช้าแต่หนักแน่น ทำให้กัวรั่วชิงต้องจิกผ้าปูเตียงด้วยความเสียวซ่านที่รุนแรงกว่าครั้งแรก“อ๊ะ... ท่านพี่... มัน... มันแน่น” นางกระซิบเสียงสั่น“มันควรเป็นเช่นนี้” หวงเชียนเล่อยิ้มกริ่มอย่างสมใจ แล้วเริ่มขยับสะโพกในจังหวะที่รุนแรงและเร่าร้อนมากขึ้น แก่นกายแกร่งเข้าลึกสุดลำทุกจังหวะ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วห้องหอ บ่งบอกถึงความหลงใหลอย่างเต็มที่“อ๊า... ท่าน

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่127 เสน่หาล้นเรือน

    หวงเชียนเล่อซบหน้าลงกับไหล่ของนางด้วยความอ่อนล้าปนความสุขสม เขายังคงไม่ถอดถอนกายออกมา ร่างทั้งสองแนบชิดเป็นหนึ่งเดียว ท่ามกลางกลิ่นหอมของเครื่องหอมมงคลและแสงเทียนสีแดงที่ส่องสว่างจนเกือบจะดับมอดลง“ขอบคุณที่อดทนเพื่อข้า ชิงเอ๋อร์” เขาพึมพำกับนางด้วยความรักใคร่ และรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของค่ำคืนนี้เท่านั้นรอจนกระทั่งลมหายใจของทั้งคู่เริ่มกลับมาเป็นปกติ หวงเชียนเล่อจึงค่อยถอนตัวออกมาอย่างช้าๆ หวงเชียนเล่อเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของภรรยา ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยไฟแห่งความปรารถนาซึ่งยิ่งแรงกล้าหลังการร่วมรักครั้งแรก เขาไม่รอช้าที่จะบรรจงจุมพิตที่เต็มไปด้วยความเสน่หา ร้อนแรงกว่าครั้งใดๆ ที่เคยมีมา บดเบียดริมฝีปากลงไปอย่างหนักหน่วงและดูดดื่ม ลิ้นร้อนสอดประสานเข้าไปตักตวงความหอมหวานอย่างไม่รู้จักพอกัวรั่วชิงตอบรับจูบนั้นอย่างโหยหา มือของนางยกขึ้นประคองใบหน้าของเขาไว้ จูบนี้ไม่ใช่แค่การแสดงความรัก แต่เป็นการยืนยันความผูกพันที่ร้อนแรงและลึกซึ้งยิ่งกว่าคำมั่นสัญญาใดๆครั้นจุมพิตจนร่างอ่อนระทวยไปทั้งร่าง หวงเชียนเล่อจึงค่อยตัดใจลุกขึ้น

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่126 คืนรัญจวน ตรึงใจมิรู้ลืม

    ครั้นเห็นนางสงบลงแล้ว เขาก็เคลื่อนกายขึ้นทาบทับ พลางยกตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยๆ สอดแทรกตัวตนของเขาเข้าไปในร่องสวาทของนางอย่างช้าๆกัวรั่วชิงนิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด นางกัดริมฝีปากแน่นจนซีดเผือด “อูย... เจ็บ...” นางกระซิบเสียงสั่นเครือหวงเซียนเล่อหยุดชะงักทันที เขาก้มลงมองใบหน้าของนาง แล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยริมฝีปากของนางอย่างอ่อนโยน เพื่อให้นางหายเกร็ง“อดทนหน่อยนะชิงเอ๋อร์... ข้าจะไปอย่างช้าๆ” เขากระซิบปลอบโยน ก่อนขยับกายเข้าออกอีกครั้งอย่างแผ่วเบาเพื่อให้นางปรับตัวได้ เขาก้มลงจุมพิตซอกคอและลาดไหล่ ไล่ลงมาจนถึงปทุมถันคู่งาม เขาดูดดึงขบกัดเบาๆ บนยอดสีชมพูจนนางสะท้าน ขณะที่ขยับสะโพกส่งลำเอ็นเข้าไปในร่องสวาทพร้อมกันแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นทำให้กัวรั่วชิงต้องจิกเล็บลงบนหลังของเขาแน่น หวงเซียนเล่อสอดแก่นกายเข้าลึกขึ้นเรื่อยๆ จนสุดลำ เมื่อฝากฝังตัวตนใหญ่ยาวนั้นเข้าไปจนหมดแล้ว เขาจึงค่อยๆ โอบกอดร่างระหงที่สั่นระริกเอาไว้แน่นและพึมพำกับนางว่า “ชิงเอ๋อร์ เจ้าอดทนได้ดีมาก”ดวงตาของกัวรั่วชิงเปียกชื้นด

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่125 ผูกพันรักใต้แสงเทียน

    เมื่อประตูห้องหอสีแดงถูกปิดลง เสียงอึกทึกจากงานเลี้ยงฉลองด้านนอกก็เลือนหายไปจนเหลือเพียงความเงียบสงบ กัวรั่วชิงนั่งรออยู่บนเตียงไม้สลักที่ปูด้วยผ้าไหมสีแดงสด มือทั้งสองข้างประสานกันแน่นบนหน้าตัก แม้นี่จะเป็นครั้งที่สองที่นางได้เข้าพิธีแต่งงาน แต่ความรู้สึกกลับต่างกันลิบลับชุดแต่งงานที่ประดับประดาอย่างหรูหรานั้นหนักอึ้ง ทั้งความประหม่าและความอับอายทำให้ใบหน้าของกัวรั่วชิงแดงเรื่อไม่ต่างจากสีของชุด หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องนั่งนิ่งๆ เช่นนี้จนกว่างานเลี้ยงด้านนอกจะสิ้นสุดในที่สุดหวงเชียนเล่อก็หลีกหนีจากแขกเหรื่อที่พยายามขอดื่มสุราร่วมกับเขาเหล่านั้นจนได้ เขาเปิดประตู แล้วส่งสัญญาณให้กัวลี่ลี่ที่ยืนรอรับใช้กัวรั่วชิงอยู่นั้นออกไปกัวลี่ลี่ยิ้มบางๆ แล้วเดินออกจากห้องหอไป โดยไม่ลืมปิดประตูให้เรียบร้อยยามนี้ห้องหอถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงและอบอุ่นเหลือเพียงเงาร่างของบ่าวสาว หวงเชียนเล่อเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ครั้นหยุดยืนตรงหน้ากัวรั่วชิง เขาก็ยกก้านคันชั่งหยกขึ้นมา ค่อยๆ ใช้มันเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกอย่างอ่อนโยน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status