[ชูใจ]
~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนน~
“ใบหม่อนวีดีโอคอลมาเหรอ?”
(นี่ชูใจ! เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ) เสียงของใบหม่อนพูดแทรกขึ้นมาทันทีที่ฉันกดรับสาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันโดนเพื่อนรักตะคอกใส่แบบนี้ ในบรรดาพวกเธอ 3 คนใบหม่อนถือว่าเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในกลุ่ม ถ้าฉันเดาไม่ผิดเธอคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วอย่างแน่นอน
“อะ เอ่อ...นี่ใบหม่อนอยู่กับฟองเบียร์เหรอ” ฉันเอ่ยถามปลายสายออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เวลาใบหม่อนโกรธเธอดูน่ากลัวราวกับคนละคนกับใบหม่อนที่ฉันรู้จัก แต่ฉันก็เข้าใจเธอเป็นอย่างดีที่เธอต้องเอ็ดฉันกับฟองเบียร์แบบนี้ก็เพราะเธอเป็นห่วงพวกเรา
(ถ้าเราไม่คาดคั้นเอาความจากเบียร์เราก็คงไม่รู้ว่าเมื่อคืนเพื่อนรักของเราทั้งสองคนไปทำอะไรกันมา)
“อะ เอ่อ”
(ทำไมพวกเธอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกันขนาดนั้นด้วย) ใบหม่อนพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ สลับกับมองมาที่ฉันด้วยสายตาดุดันกว่าทุกครั้ง
“อะ เอ่อคือว่า...”
(เดี๋ยวเราเล่าเอง) ฟองเบียร์ที่นั่งอยู่ข้างกายของใบหม่อนพูดขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ มาให้กับฉัน ฉันจึงทำได้เพียงพยักหน้าให้กับเธอเล็กน้อย และนั่งเงียบๆ สงบปากสงบคำเอาไว้
ในตอนนี้ฉันกับฟองเบียร์ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ใบหม่อนฟัง พร้อมกับสำนึกผิดในความกล้าบ้าบิ่นของตัวเองไปด้วย
(ไอ้บาส ไอ้เลว...คนอย่างมันต้องไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ) ใบหม่อนพึมพำออกมาพร้อมกับลูบลงที่หัวของฟองเบียร์เบาๆ ใบหม่อนมองไปยังใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
คนภายนอกอาจจะดูไม่ออกแต่ฉันที่เป็นเพื่อนสนิทของทั้งสองคนมานานหลายปีมีเหรอที่ฉันจะดูไม่ออกว่าพวกเธอกำลังมีใจให้กันและกันอยู่ เหลือแค่รอเวลาให้ใครเป็นคนพูดก่อนเท่านั้น
(ชูใจเองก็เหมือนกัน ไปทำมันเจ็บขนาดนั้นมันไม่ปล่อยไว้แน่...ช่วงนี้ชูใจต้องระวังตัวเองให้มากๆ นะ) ใบหม่อนเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อนด้วยความเป็นห่วงไม่ต่างกัน
(ขอโทษนะชูใจที่เราทำให้ชูใจต้องลำบากไปด้วยเลย) ฟองเบียร์เอ่ยบอกกับฉันอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ต้องโทษตัวเองเลยนะเบียร์ และก็ไม่ต้องห่วงเราด้วย เราจะดูแลตัวเองอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับเพื่อนรักทั้งสองคนออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับพวกเธอเพื่อหวังว่ามันจะทำให้พวกเธอผ่อนคลายลงได้บ้าง
(ไม่ห่วงไม่ได้หรอก เราเป็นคนดึงชูใจเข้ามาทำให้ชูใจต้องเดือดร้อนไปด้วย)
“ไม่เอาไม่ต้องคิดอะไรแล้วเราเป็นเพื่อนรักกันนะเบียร์ เพื่อนจะช่วยเพื่อนเสมอ...”
(ขอบคุณนะ...เราไม่รู้ว่าจะตอบแทนชูใจกับใบหม่อนยังไงดี ขอบคุณที่ช่วยเหลือเราเสมอมาเลยนะ)
“ไม่ต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้นเพราะทั้งหมดที่พวกเราทำ ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนเลย ขอแค่เราได้เห็นเพื่อนรักของเรามีความสุข และได้อยู่อย่างปลอดภัยแค่นี้ก็พอแล้ว” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าออกไปอีกครั้ง พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับพวกเธอ
(ไม่เอาไม่ต้องดราม่ากันแล้ว...เราอยากรู้เรื่องนี้มากกว่า เมื่อคืนฟองเบียร์มาหาเราที่ห้อง แล้วชูใจล่ะกลับบ้านยังไงเหรอ?)
(นั่นสิเราตกใจแทบแย่ที่เห็นพวกมันตามชูใจไป)
“คะ คือว่าเราหลบพวกมันที่มุมตึกน่ะ พอมั่นใจว่าพวกมันไปแล้วเราเลยรีบหนีออกมา...”
(เราขอโทษ...)
“ไม่เอาไม่ต้องขอโทษเราแล้วนะ เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นเลี้ยงไอติมเราสักโคนก็พอ” ฉันเอ่ยแทรกปลายสายขึ้นมาทันที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าฟองเบียร์จะเอ่ยอะไรกับฉัน
เราทั้งสามคนพูดคุยกันต่ออีกสักพักก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง
~ครืนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนน~
ฉันวางสายจากเพื่อนรักไปได้ไม่นานก็มีเบอร์ที่ฉันไม่คุ้นเคยโทรเข้ามา ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาถือเอาไว้พร้อมกับพิจารณามันอยู่สักครู่...
ตลอดช่วงเช้าของวันนี้ฉันรับสายที่โทรเข้ามาจากพวกแก๊งคอลเซนเตอร์ไม่ต่ำกว่า 2 สายมันทำให้ฉันลังเลอยู่บ้างว่าจะรับดีหรือไม่ แต่ก็เลือกที่จะรับอยู่ดีเพราะนี่อาจจะเป็นเบอร์ของบริษัทสักแห่งที่อาจจะเรียกฉันเข้าไปสัมภาษณ์ก็ได้
“สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับโทรศัพท์ทันทีถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร ก่อนที่ฉันจะเอ่ยทักทายออกไปอย่างเป็นมิตร
(ดิฉันเรียนสายอยู่กับคุณชูใจ บุญทวีใช่รึเปล่าคะ?) ปลายสายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรไม่ต่างกัน แต่คนฟังอย่างฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะคิดว่าคงจะไม่พ้นพวกแก๊งคอลเซนเตอร์อีกตามเคย
“ใช่ค่ะ…”
(ดิฉันเป็นฝ่ายบุคคลของบริษัท…)
ฉันเอ่ยตอบปลายสายกลับไปก่อนที่จะดึงโทรศัพท์ที่แนบหูของตัวเองออก และเตรียมจะกดตัดสายไปแต่โชคดีที่มือของฉันช้ากว่าประโยคที่ปลายสายที่เอ่ยออกมา ทำให้ฉันได้ยินคำพูดของปลายสายเต็มสองหู ‘ใช่แล้ว...นี่คือสายที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดหลายวัน’
“บะ บริษัทอะไรนะคะ?”
(บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปค่ะ ตอนนี้ทางเรามีตำแหน่งเลขานุการที่ยังว่างอยู่ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับที่คุณชูใจสมัครเข้ามา ดิฉันอยากสอบถามค่ะว่าตำแหน่งนี้คุณชูใจสนใจไหมคะ?)
“สนใจค่ะ แต่หนูไม่มีประสบการณ์เลยนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับปลายสายออกไปตามความจริง บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงที่โด่งดังของบริษัทนี้
ถ้าฉันได้ทำงานที่นี่จริงๆ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเพื่อให้ฉันได้นำความรู้ไปต่อยอดในอนาคต แต่ที่ฉันยังลังเลอยู่ในตอนนี้ก็เพราะฉันยังไม่มั่นใจว่าจะทำงานที่ตัวเองไม่คุ้นชินออกมาได้ดีรึเปล่า
(ไม่ต้องห่วงนะคะทางเรามีคนคอยเทรนงานให้คุณอยู่แล้ว ถ้าคุณชูใจสนใจวันจันทร์ที่จะถึงนี้คุณสะดวกเข้ามาสัมภาษณ์ไว้ก่อนไหมคะ?)
“สะดวกค่ะ”
หลังจากนั้นปลายสายก็บอกรายละเอียดต่างๆ กับฉัน ก่อนที่เธอจะกดตัดสายไป ฉันวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะตรงหน้าก่อนที่ฉันจะยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
พี่ตะวันที่พึ่งเดินออกมาจากห้องครัวเห็นฉันกำลังนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวพอดี เธอจึงเดินตรงเข้ามาหาฉันในทันทีด้วยความสงสัยในท่าทีของฉัน
พี่ตะวันว่างอุปกรณ์ลงกับโต๊ะตรงหน้า ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามฉันออกมาอย่างไม่เข้าใจในท่าทีของฉัน ในขณะที่ใบหน้าสวยยังคงส่งยิ้มหวานมาให้กับฉันอย่างเอ็นดู
“หืมมม…ยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่เเล้ว มีอะไรเหรอ?”
“น้องได้โอกาสสัมภาษณ์งานแล้วนะ แต่ว่า…” ฉันเอ่ยบอกกับพี่สาวด้วยน้ำเสียงที่สดใส ก่อนที่ประโยคต่อมาน้ำเสียงของฉันจะดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“มีอะไรรึเปล่า?” พี่ตะวันเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับมือบางของเธอลูบลงที่หัวน้อยๆ ของฉันอย่างเอ็นดู
“ตำแหน่งที่เขานัดให้ไปสัมภาษณ์ อาจจะไม่ตรงกับตำแหน่งที่น้องสมัครไปน่ะจ้ะ”
“แล้วน้องคิดว่าไง? อยากทำรึเปล่า?”
“น้องอยากลองดูจ้ะ”
“ถ้าเลือกแล้วก็ลุยเลยน้องพี่ ไม่ว่าน้องจะเลือกทางไหนพี่ก็จะคอยสนับสนุนน้องเสมอ” พี่ตะวันเอ่ยบอกกับฉันเสียงหวาน พร้อมกับลูบลงที่แก้มของฉันอย่างเอ็นดู
“น้องรักพี่ตะวันที่สุดเลย”
“พี่ก็รักน้อง”
“แม่ค้าบ…” เสียงของเด็กน้อยร้องเรียกแม่ของเขาดังขึ้นมาจากห้องนั่งเล่นทำให้พี่ตะวันและฉันหันไปมองตามเสียงเรียกพร้อมกัน
“พี่ตะวันอบขนมอยู่ใช่ไหมจ๊ะ...เดี๋ยวน้องดูแลเฮคเตอร์เองจ้ะ”
“พี่ฝากด้วยนะ”
วันต่อมา...Café of Love (coffee and bakery) “พี่ตะวันพาเฮคเตอร์กลับบ้านก่อนก็ได้นะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ต้องไปซื้อของทำหมูกระทะด้วยนี่...”“ส่วนร้านไม่ต้องห่วงเดี๋ยวน้องเก็บร้านให้เองจ้ะ” ฉันเอ่ยบอกกับพี่สาวคนสวยออกไปเสียงอ่อน ฉันยื่นซองใส่เงินที่เราขายได้ในวันนี้ให้กับร่างบางตรงหน้า พร้อมกับส่งยิ้มให้กับเธออย่างมีความสุข“ขอบคุณจ๊ะ”วันนี้มีลูกค้าเข้าร้านตลอดทั้งวันถึงจะรู้สึกเหนื่อย แต่พอเห็นจำนวนเงินที่ได้ฉันก็หายเหนื่อยแล้วตั้งแต่บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปติดต่อฉันมา ฉันก็รู้สึกว่าภูเขาที่มันเคยวางอยู่บนอกของฉันถูกยกออกไปแล้ว ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก“พี่อยู่ช่วยน้องก่อนดีกว่าเราจะได้กลับพร้อมกัน”“วันนี้เรามีปาร์ตี้หมูกระทะกันนะจ๊ะ ถ้าพี่ตะวันไม่ไปเตรียมสถานที่ตอนนี้พี่ธีร์กับเด็กๆ กลับมาคงจะหิวแย่...ทำความสะอาดแค่นี้เองน้องทำได้สบายอยู่แล้วค่ะ” ฉันยกเหตุผลร้อยแปดขึ้นมาอธิบายให้กับร่างบางตรงหน้าของเธอได้ฟัง วันนี้เรามีนัดกินหมูกระทะกันที่บ้านสวน เพื่อตอนรับพี่ธีร์เพื่อนของพี่ตะวันและยังเป็นเจ้าของบ้านสวนที่พวกเรากำลังเช่าอยู่ในขณะนี้ เขาพึ่งจะกลับมาจากการไปทำงานที่ต่างประเทศซ
[ชูใจ] ~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนน~“ใบหม่อนวีดีโอคอลมาเหรอ?”(นี่ชูใจ! เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ) เสียงของใบหม่อนพูดแทรกขึ้นมาทันทีที่ฉันกดรับสาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันโดนเพื่อนรักตะคอกใส่แบบนี้ ในบรรดาพวกเธอ 3 คนใบหม่อนถือว่าเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในกลุ่ม ถ้าฉันเดาไม่ผิดเธอคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วอย่างแน่นอน“อะ เอ่อ...นี่ใบหม่อนอยู่กับฟองเบียร์เหรอ” ฉันเอ่ยถามปลายสายออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เวลาใบหม่อนโกรธเธอดูน่ากลัวราวกับคนละคนกับใบหม่อนที่ฉันรู้จัก แต่ฉันก็เข้าใจเธอเป็นอย่างดีที่เธอต้องเอ็ดฉันกับฟองเบียร์แบบนี้ก็เพราะเธอเป็นห่วงพวกเรา(ถ้าเราไม่คาดคั้นเอาความจากเบียร์เราก็คงไม่รู้ว่าเมื่อคืนเพื่อนรักของเราทั้งสองคนไปทำอะไรกันมา)“อะ เอ่อ”(ทำไมพวกเธอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกันขนาดนั้นด้วย) ใบหม่อนพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ สลับกับมองมาที่ฉันด้วยสายตาดุดันกว่าทุกครั้ง“อะ เอ่อคือว่า...”(เดี๋ยวเราเล่าเอง) ฟองเบียร์ที่นั่งอยู่ข้างกายของใบหม่อนพูดขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ มาให้กับฉัน ฉันจึงทำได้เพียงพยักหน้าให้กับเธอเล็กน้อย และนั่งเงียบๆ สงบปากสงบคำเอาไ
“…” แววตาที่ดุดันของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ชูใจไม่กล้าที่จะปริปากพูดอะไรออกมาเลย หญิงสาวมองสำรวจร่างสูงตรงหน้าอย่างถือวิสาสะชายหนุ่มสวมชุดสูทดูมีภูมิฐาน ผิวกายขาวเนียนละเอียดดูยังไงเขาก็ไม่น่าจะใช่พวกเดียวกันกับกลุ่มชายฉกรรจ์หน้าตาน่ากลัวพวกนั้นที่กำลังวิ่งไล่ตามเธอมา แต่ถึงอย่างนั้นจะให้ชูใจไว้ใจเขาได้ยังไงในเมื่อเธอไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย เขาจะเข้ามาช่วยเธอฟรีๆ โดยไม่หวังอะไรตอบแทนจริงๆ น่ะเหรอ…“อ่อยดายเเล้วค่ะ…” (ปล่อยได้แล้วค่ะ) ชูใจเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับพยายามดันอกแกร่งของเขาออกห่างจากร่างบางเธอ ‘สถานการณ์ในตอนนี้ฉันไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น’ ชูใจทำได้แค่บอกกับตัวเอง“…” ชายหนุ่มยกมือออกจากริมฝีปากสวยได้รูปของหญิงสาวตรงหน้าอย่างว่าง่าย เขามองไปยังร่างบางนิ่งๆ ก่อนที่มุมปากของเขาจะแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย การกระทำของเขาทำให้ชูใจเริ่มไม่ไว้ใจคนตรงหน้า ชูใจรวบรวมความกล้าก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้“ฉันจะออกไปค่ะ”“แน่ใจเหรอว่าพวกมันไปแล้ว?”“ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะ” ชูใจเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ“เธอจะออกไปทั
00.00 น.~ครืนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนนน~“อื้อออ…” เสียงครางเบาๆ ดังขึ้นมาจากร่างบางที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ก่อนที่มือของเธอจะเอื้อมขึ้นไปเปิดไฟบริเวณหัวเตียงทันทีที่ไฟภายในห้องสว่างร่างบางของชูใจก็ค่อยๆ ขยับมือบางของตัวเองขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงอย่างอ้อยอิ่ง ในขณะที่ดวงตาของเธอยังคงปิดสนิทอยู่“ชูใจ””เบียร์…!” ชูใจเอ่ยถามออกมาด้วยความร้อนใจพร้อมกับดวงตาของเธอเบิกโพรงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย เธอมีลางสังหรณ์ว่ากำลังเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นกับเพื่อนรักเธอ“เกิดอะไรขึ้นเบียร์?”ปกติแล้ววเพื่อนรักของเธอไม่เคยโทรมาเวลานี้ และคนที่เกรงใจคนอื่น ไม่ค่อยยอมรับความช่วยเหลือจากใครถ้าตัวเองไม่ไหวจริงๆ อย่างฟองเบียร์ไม่มีทางโทรหาเธอในเวลานี้โดยที่ไม่มีเรื่องด่วนอย่างแน่นอน(ช่วยเราด้วยชู…เรากลัว ฮืออออ…)“ตอนนี้เบียร์อยู่ที่ไหน?” ร่างบางขยับลุกขึ้นนั่งในทันทีพร้อมกับคิ้วเรียวของชูใจขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามปลายสายออกไปทันทีด้วยความเป็นห่วง ชูใจคิดว่าในตอนนี้เธอควรช่วยเพื่อนเสียก่อน ส่วนรายละเอียดว่ามันเกิดอะไรขึ้นค่อยถามเ
มหาวิทยาลัยวันสอบวันสุดท้ายของเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัย ทุกคนต่างมาที่นี่เพื่อตามล่าหาความฝันของตัวเองในเมืองหลวงแห่งนี้ หลังสอบเสร็จนักศึกษาหลายๆ คนต่างก็เตรียมตัวกลับภูมิลำเนาของตัวเองบางส่วนก็เตรียมตัวออกไปปาร์ตี้เพื่อฉลองหลังสอบเสร็จกับเพื่อนๆ ทำให้ช่วงเย็นในรั้วมหาวิทยาลัยดูเงียบเหงาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีนักศึกษาบางส่วนที่ยังคงนั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนบริเวณลานกิจกรรมใต้อาคารเรียนรวม“เฮ้ออออ…!!!”“นี่ชูใจ…ยังไม่มีบริษัทติดต่อกลับมาอีกเหรอ?” ใบหม่อนเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง พวกเธอต่างรู้ดีในยุคที่ข้าวยากหมากแพ้เเบบนี้จะหางานทำสักที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย“ยังเลยอะ…” ชูใจพึมพำออกมาเสียงหงอย พร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่มนของเพื่อนรักอย่างอ้อนๆ“ลองหาที่ใหม่ดูดีไหมเดี๋ยวเราช่วย” ใบหม่อนลูบลงที่หัวน้อยๆ ของเพื่อนสาวเบาๆ พร้อมกับเอ่ยบอกกับหญิงสาวเสียงใสอย่างที่เธอชอบทำมาตลอด“อือ…เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ชูใจส่งยิ้มหวานให้กับเพื่อนสาวก่อนที่เธอตอบกลับไป“หม่อนเชื่อว่าคนเก่งอย่างชูใจต้องได้งา