[ชูใจ]
~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนน~
“ใบหม่อนวีดีโอคอลมาเหรอ?”
(นี่ชูใจ! เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ) เสียงของใบหม่อนพูดแทรกขึ้นมาทันทีที่ฉันกดรับสาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันโดนเพื่อนรักตะคอกใส่แบบนี้ ในบรรดาพวกเธอ 3 คนใบหม่อนถือว่าเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในกลุ่ม ถ้าฉันเดาไม่ผิดเธอคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วอย่างแน่นอน
“อะ เอ่อ...นี่ใบหม่อนอยู่กับฟองเบียร์เหรอ” ฉันเอ่ยถามปลายสายออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เวลาใบหม่อนโกรธเธอดูน่ากลัวราวกับคนละคนกับใบหม่อนที่ฉันรู้จัก แต่ฉันก็เข้าใจเธอเป็นอย่างดีที่เธอต้องเอ็ดฉันกับฟองเบียร์แบบนี้ก็เพราะเธอเป็นห่วงพวกเรา
(ถ้าเราไม่คาดคั้นเอาความจากเบียร์เราก็คงไม่รู้ว่าเมื่อคืนเพื่อนรักของเราทั้งสองคนไปทำอะไรกันมา)
“อะ เอ่อ”
(ทำไมพวกเธอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกันขนาดนั้นด้วย) ใบหม่อนพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ สลับกับมองมาที่ฉันด้วยสายตาดุดันกว่าทุกครั้ง
“อะ เอ่อคือว่า...”
(เดี๋ยวเราเล่าเอง) ฟองเบียร์ที่นั่งอยู่ข้างกายของใบหม่อนพูดขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ มาให้กับฉัน ฉันจึงทำได้เพียงพยักหน้าให้กับเธอเล็กน้อย และนั่งเงียบๆ สงบปากสงบคำเอาไว้
ในตอนนี้ฉันกับฟองเบียร์ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ใบหม่อนฟัง พร้อมกับสำนึกผิดในความกล้าบ้าบิ่นของตัวเองไปด้วย
(ไอ้บาส ไอ้เลว...คนอย่างมันต้องไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ) ใบหม่อนพึมพำออกมาพร้อมกับลูบลงที่หัวของฟองเบียร์เบาๆ ใบหม่อนมองไปยังใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
คนภายนอกอาจจะดูไม่ออกแต่ฉันที่เป็นเพื่อนสนิทของทั้งสองคนมานานหลายปีมีเหรอที่ฉันจะดูไม่ออกว่าพวกเธอกำลังมีใจให้กันและกันอยู่ เหลือแค่รอเวลาให้ใครเป็นคนพูดก่อนเท่านั้น
(ชูใจเองก็เหมือนกัน ไปทำมันเจ็บขนาดนั้นมันไม่ปล่อยไว้แน่...ช่วงนี้ชูใจต้องระวังตัวเองให้มากๆ นะ) ใบหม่อนเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อนด้วยความเป็นห่วงไม่ต่างกัน
(ขอโทษนะชูใจที่เราทำให้ชูใจต้องลำบากไปด้วยเลย) ฟองเบียร์เอ่ยบอกกับฉันอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ต้องโทษตัวเองเลยนะเบียร์ และก็ไม่ต้องห่วงเราด้วย เราจะดูแลตัวเองอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับเพื่อนรักทั้งสองคนออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับพวกเธอเพื่อหวังว่ามันจะทำให้พวกเธอผ่อนคลายลงได้บ้าง
(ไม่ห่วงไม่ได้หรอก เราเป็นคนดึงชูใจเข้ามาทำให้ชูใจต้องเดือดร้อนไปด้วย)
“ไม่เอาไม่ต้องคิดอะไรแล้วเราเป็นเพื่อนรักกันนะเบียร์ เพื่อนจะช่วยเพื่อนเสมอ...”
(ขอบคุณนะ...เราไม่รู้ว่าจะตอบแทนชูใจกับใบหม่อนยังไงดี ขอบคุณที่ช่วยเหลือเราเสมอมาเลยนะ)
“ไม่ต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้นเพราะทั้งหมดที่พวกเราทำ ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนเลย ขอแค่เราได้เห็นเพื่อนรักของเรามีความสุข และได้อยู่อย่างปลอดภัยแค่นี้ก็พอแล้ว” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าออกไปอีกครั้ง พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับพวกเธอ
(ไม่เอาไม่ต้องดราม่ากันแล้ว...เราอยากรู้เรื่องนี้มากกว่า เมื่อคืนฟองเบียร์มาหาเราที่ห้อง แล้วชูใจล่ะกลับบ้านยังไงเหรอ?)
(นั่นสิเราตกใจแทบแย่ที่เห็นพวกมันตามชูใจไป)
“คะ คือว่าเราหลบพวกมันที่มุมตึกน่ะ พอมั่นใจว่าพวกมันไปแล้วเราเลยรีบหนีออกมา...”
(เราขอโทษ...)
“ไม่เอาไม่ต้องขอโทษเราแล้วนะ เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นเลี้ยงไอติมเราสักโคนก็พอ” ฉันเอ่ยแทรกปลายสายขึ้นมาทันที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าฟองเบียร์จะเอ่ยอะไรกับฉัน
เราทั้งสามคนพูดคุยกันต่ออีกสักพักก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง
~ครืนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนน~
ฉันวางสายจากเพื่อนรักไปได้ไม่นานก็มีเบอร์ที่ฉันไม่คุ้นเคยโทรเข้ามา ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาถือเอาไว้พร้อมกับพิจารณามันอยู่สักครู่...
ตลอดช่วงเช้าของวันนี้ฉันรับสายที่โทรเข้ามาจากพวกแก๊งคอลเซนเตอร์ไม่ต่ำกว่า 2 สายมันทำให้ฉันลังเลอยู่บ้างว่าจะรับดีหรือไม่ แต่ก็เลือกที่จะรับอยู่ดีเพราะนี่อาจจะเป็นเบอร์ของบริษัทสักแห่งที่อาจจะเรียกฉันเข้าไปสัมภาษณ์ก็ได้
“สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับโทรศัพท์ทันทีถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร ก่อนที่ฉันจะเอ่ยทักทายออกไปอย่างเป็นมิตร
(ดิฉันเรียนสายอยู่กับคุณชูใจ บุญทวีใช่รึเปล่าคะ?) ปลายสายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรไม่ต่างกัน แต่คนฟังอย่างฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะคิดว่าคงจะไม่พ้นพวกแก๊งคอลเซนเตอร์อีกตามเคย
“ใช่ค่ะ…”
(ดิฉันเป็นฝ่ายบุคคลของบริษัท…)
ฉันเอ่ยตอบปลายสายกลับไปก่อนที่จะดึงโทรศัพท์ที่แนบหูของตัวเองออก และเตรียมจะกดตัดสายไปแต่โชคดีที่มือของฉันช้ากว่าประโยคที่ปลายสายที่เอ่ยออกมา ทำให้ฉันได้ยินคำพูดของปลายสายเต็มสองหู ‘ใช่แล้ว...นี่คือสายที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดหลายวัน’
“บะ บริษัทอะไรนะคะ?”
(บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปค่ะ ตอนนี้ทางเรามีตำแหน่งเลขานุการที่ยังว่างอยู่ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับที่คุณชูใจสมัครเข้ามา ดิฉันอยากสอบถามค่ะว่าตำแหน่งนี้คุณชูใจสนใจไหมคะ?)
“สนใจค่ะ แต่หนูไม่มีประสบการณ์เลยนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับปลายสายออกไปตามความจริง บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงที่โด่งดังของบริษัทนี้
ถ้าฉันได้ทำงานที่นี่จริงๆ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเพื่อให้ฉันได้นำความรู้ไปต่อยอดในอนาคต แต่ที่ฉันยังลังเลอยู่ในตอนนี้ก็เพราะฉันยังไม่มั่นใจว่าจะทำงานที่ตัวเองไม่คุ้นชินออกมาได้ดีรึเปล่า
(ไม่ต้องห่วงนะคะทางเรามีคนคอยเทรนงานให้คุณอยู่แล้ว ถ้าคุณชูใจสนใจวันจันทร์ที่จะถึงนี้คุณสะดวกเข้ามาสัมภาษณ์ไว้ก่อนไหมคะ?)
“สะดวกค่ะ”
หลังจากนั้นปลายสายก็บอกรายละเอียดต่างๆ กับฉัน ก่อนที่เธอจะกดตัดสายไป ฉันวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะตรงหน้าก่อนที่ฉันจะยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
พี่ตะวันที่พึ่งเดินออกมาจากห้องครัวเห็นฉันกำลังนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวพอดี เธอจึงเดินตรงเข้ามาหาฉันในทันทีด้วยความสงสัยในท่าทีของฉัน
พี่ตะวันว่างอุปกรณ์ลงกับโต๊ะตรงหน้า ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามฉันออกมาอย่างไม่เข้าใจในท่าทีของฉัน ในขณะที่ใบหน้าสวยยังคงส่งยิ้มหวานมาให้กับฉันอย่างเอ็นดู
“หืมมม…ยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่เเล้ว มีอะไรเหรอ?”
“น้องได้โอกาสสัมภาษณ์งานแล้วนะ แต่ว่า…” ฉันเอ่ยบอกกับพี่สาวด้วยน้ำเสียงที่สดใส ก่อนที่ประโยคต่อมาน้ำเสียงของฉันจะดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“มีอะไรรึเปล่า?” พี่ตะวันเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับมือบางของเธอลูบลงที่หัวน้อยๆ ของฉันอย่างเอ็นดู
“ตำแหน่งที่เขานัดให้ไปสัมภาษณ์ อาจจะไม่ตรงกับตำแหน่งที่น้องสมัครไปน่ะจ้ะ”
“แล้วน้องคิดว่าไง? อยากทำรึเปล่า?”
“น้องอยากลองดูจ้ะ”
“ถ้าเลือกแล้วก็ลุยเลยน้องพี่ ไม่ว่าน้องจะเลือกทางไหนพี่ก็จะคอยสนับสนุนน้องเสมอ” พี่ตะวันเอ่ยบอกกับฉันเสียงหวาน พร้อมกับลูบลงที่แก้มของฉันอย่างเอ็นดู
“น้องรักพี่ตะวันที่สุดเลย”
“พี่ก็รักน้อง”
“แม่ค้าบ…” เสียงของเด็กน้อยร้องเรียกแม่ของเขาดังขึ้นมาจากห้องนั่งเล่นทำให้พี่ตะวันและฉันหันไปมองตามเสียงเรียกพร้อมกัน
“พี่ตะวันอบขนมอยู่ใช่ไหมจ๊ะ...เดี๋ยวน้องดูแลเฮคเตอร์เองจ้ะ”
“พี่ฝากด้วยนะ”
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง