วันต่อมา...
Café of Love (coffee and bakery)
“พี่ตะวันพาเฮคเตอร์กลับบ้านก่อนก็ได้นะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ต้องไปซื้อของทำหมูกระทะด้วยนี่...”
“ส่วนร้านไม่ต้องห่วงเดี๋ยวน้องเก็บร้านให้เองจ้ะ” ฉันเอ่ยบอกกับพี่สาวคนสวยออกไปเสียงอ่อน ฉันยื่นซองใส่เงินที่เราขายได้ในวันนี้ให้กับร่างบางตรงหน้า พร้อมกับส่งยิ้มให้กับเธออย่างมีความสุข
“ขอบคุณจ๊ะ”
วันนี้มีลูกค้าเข้าร้านตลอดทั้งวันถึงจะรู้สึกเหนื่อย แต่พอเห็นจำนวนเงินที่ได้ฉันก็หายเหนื่อยแล้ว
ตั้งแต่บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปติดต่อฉันมา ฉันก็รู้สึกว่าภูเขาที่มันเคยวางอยู่บนอกของฉันถูกยกออกไปแล้ว ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“พี่อยู่ช่วยน้องก่อนดีกว่าเราจะได้กลับพร้อมกัน”
“วันนี้เรามีปาร์ตี้หมูกระทะกันนะจ๊ะ ถ้าพี่ตะวันไม่ไปเตรียมสถานที่ตอนนี้พี่ธีร์กับเด็กๆ กลับมาคงจะหิวแย่...ทำความสะอาดแค่นี้เองน้องทำได้สบายอยู่แล้วค่ะ” ฉันยกเหตุผลร้อยแปดขึ้นมาอธิบายให้กับร่างบางตรงหน้าของเธอได้ฟัง วันนี้เรามีนัดกินหมูกระทะกันที่บ้านสวน เพื่อตอนรับพี่ธีร์เพื่อนของพี่ตะวันและยังเป็นเจ้าของบ้านสวนที่พวกเรากำลังเช่าอยู่ในขณะนี้ เขาพึ่งจะกลับมาจากการไปทำงานที่ต่างประเทศซึ่งกินเวลายาวนานถึง 3 เดือน
“เอาแบบนั้นเหรอ?”
“ใช่จ้ะ”
“งั้นพี่กับเฮคเตอร์กลับก่อนนะ”
“จ้า...”
“~~คนสวยต้องมองนานๆ ลา ล่า ลั้ลลา ลา~~” ฉันกำลังถูพื้นภายในร้านพร้อมกับร้องเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข หลังจากที่ฉันเก็บทุกอย่างเข้าที่แล้ว ฉันจึงหันไปมองผลงานของตัวเองอีกครั้งเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนออกจากร้าน
คาเฟ่กับบ้านสวนของฉันอยู่ห่างกันเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ปกติแล้วฉันจะเดินกลับบ้านมากกว่าที่จะใช้รถสาธารณะอยู่แล้ว เพราะมันทั้งประหยัดและก็ได้ออกกำลังกายด้วย ฉันเป็นวัยรุ่นที่กำลังสร้างตัวอะไรประหยัดได้ฉันก็ทำหมดนั่นแหละ...
“กูหามึงตั้งนานมาอยู่ที่นี่เอง”
“...ไอ้บาส” ฉันเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือของตัวเองก่อนจะมองไปยังคนตรงหน้า ดวงตากลมโตของฉันเบิกโพรงขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ ฉันร้องเรียกร่างสูงพร้อมกับมองไปยังชายฉกรรจ์อีก 2 คนที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างกระวนกระวายใจที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกมันอีกครั้ง
“ซึ้งใจจริงๆ ที่มึงยังจำกูได้ แถวนี้มีรถพลุกพล่านเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า กูอยากจะคุยกับมึงแบบสองต่อสองมานานแล้ว” บาสน้องชายของฟองเบียร์เอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับใช้สายตาแทะโลมมองมาที่ฉันอย่างโจ่งแจ้ง การกระทำของร่างสูงตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยจนฉันต้องค่อยๆ ขยับถอยห่างจากพวกมัน
“แต่ฉันไม่ได้อยากคุยกับแก” ฉันเอ่ยบอกกับพวกเขาออกไปพร้อมกับมองหาทางหนีทีไล่ไว้ให้กับตัวเอง ถ้าเป็นเรื่องกำลังฉันคงจะสู้พวกมันไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าให้ฉันใช้หัวคิดในช่วงเวลาที่ขับขันแบบนี้ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ‘คิดสิ คิดสิชูใจ จะทำยังไงดี’
“หน้าตาก็สวย แต่ปากคอเราะร้าย ต้องแบบนี่สิกูถึงชอบมึง”
“เหรอ?” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับค่อยก้าวเข้าไปหาบาสที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากฉันเท่าไหร่นัก
“หึหึ ทำตัวเป็นเด็กดีแบบนี้...กูก็ชอบเหมือนกัน” ร่างสูงตรงหน้าพูดขึ้นพร้อมกับเตรียมจะก้าวเข้ามาหาฉัน
“แต่ฉันไม่ชอบ” ฉันยกยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงเรียบ พร้อมกับฟาดกระเป๋าผ้าในมือของตัวเองใส่หน้าชายหนุ่มเต็มแรง ก่อนที่ฉันจะวิ่งออกไปในทันทีไม่รอให้พวกมันได้ทันตั้งตัว
“อี ชู ใจ”
“...” ฉันวิ่งต่อไปทันทีโดยไม่ได้หันกลับไปสนใจกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังวิ่งตามฉันมา แต่แล้วเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับฉัน...
“กรี๊ดดดดดด~~” ฉันพยายามวิ่งให้ไวที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้แล้ว แต่เหมือนว่ามันจะช้าเกินไปเอวบางของฉันถูกแขนแกร่งของบาสโอบรัดเอาไว้ ก่อนที่มันจะพยายามฉุดกระชากลากฉันเข้าข้างทางที่เป็นป่ารกทึบ
“ปล่อยฉันนะ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย กรี๊ดดดดด~~”
“ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอกอีชูใจ”
“กรี๊ดดดดด~~ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ฮือออออ~~” ฉันพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของชายหนุ่ม พร้อมกับร้องตะโกนขอความช่วยจากใครสักคนที่อาจจะบังเอิญผ่านมาแถวนี้
ตุบ!!!
“ฮ่าฮ่าฮ่า สะใจโว้ย” บาสทุ่มฉันลงกับพื้นหญ้าตรงหน้าอย่างแรง ทำให้ฉันทั้งเจ็บและจุกจนไม่สามารถออกแรงขัดขืนร่างสูงตรงหน้าได้ ในขณะที่คนที่ทำให้ฉันมีสภาพเป็นแบบนี้ยังคงยืนหัวเราะออกมาอย่างสะใจอยู่อย่างนั้น
“ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย” ฉันพึมพำออกมาอย่างหมดแรงพร้อมร้องไห้ออกมาอย่างกับคนที่หมดทางสู้
“ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอกอีชูใจ”
“ฮือออออ~~”
“ตอนแรกกูก็อยากจะให้มึงเป็นเมียกูแค่คนเดียว แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้วลูกน้องกูอีกสองคนก็คงอยากได้มึงเป็นเมียเหมือนกัน”
“ฮึก! มะ ไม่นะ ฉันขอร้องล่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้ร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจนตัวโยน ตอนนี้ฉันไม่มีแรงเหลือมากพอที่จะช่วยตัวเองด้วยซ้ำ
“ยอมกูตั้งแต่แรกก็จบไปแล้ว อยากเล่นตัวดีนักมึงก็ต้องเจอแบบนี้นี่แหละ” บาสเอ่ยบอกกับฉันอย่างสะใจ ก่อนที่มันจะย่อตัวนั่งลงคล่อมร่างบางของฉันเอาไว้
“ไม่นะ ช่วยด้วย...”
“ไม่มีหมาตัวไหนเข้ามาช่วยมึงหรอก” บาสเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบอย่างกับคนเหนือกว่า
ตุบ!!!
“หมาอย่างกูนี่ไง”
ร่างของไอ้บาสถูกใครบางคนถีบจากทางด้วยหลัง แรงกระแทกทำให้มันกระเด็นไปไกลอยู่พอสมควร ทำให้เห็นหน้าบุคคลที่เข้ามาช่วยฉันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ‘เป็นเขาอีกแล้ว’
บาสหันกลับมามองบุคคลที่มาใหม่อย่างเอาเรื่อง ก่อนที่ดวงตาของมันจะเบิกโพรงด้วยความตกใจทันทีที่เห็นว่าร่างสูงตรงหน้าของมันเป็นใคร
“อึก!!! คุณสกาย” บาสร้องเรียกร่างสูงตรงหน้าออกมาด้วยความตกใจ
“รังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้มึงนี่สุภาพบุรุษจริงๆ เลยนะ”
“คะ คือว่าผม...”
ตุบ!!!
ชายหนุ่มที่ชื่อ ‘สกาย’ ถีบเข้าที่ยอดอกแกร่งของไอ้บาสเต็มแรง พร้อมกับเดินเข้าไปเหยียบอกของมันเอาไว้อย่างแรง ก่อนที่เขาจะย่อตัวลงไปจ้องมองหน้าชายหนุ่มที่นอนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉยจนดูน่ากลัว
“ไว้ชีวิตผมด้วยครับคุณสกาย อีนี่มันทำร้ายผมก่อนนะครับ” ไอ้บาสพยายามอธิบายให้กับร่างสูงตรงหน้าของมันฟัง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล ยิ่งบาสพูดมันก็ยิ่งทำให้ร่างสูงตรงหน้ามีท่าทีที่เปลี่ยนไป มุมปากของเขาแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่ชายหนุ่มจะพึมพำออกมาเสียงเรียบ...
“คืนนั้นเป็นพวกมึงเองสินะ”
“ครับ?”
“ในเมื่อมึงรู้จักชื่อกู มึงก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างกูทำอะไรกับพวกมึงได้บ้าง...”
“คะ ครับ” บาสเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม
“ฮือออออ~~” ชูใจร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายพร้อมกับค่อยๆ ขยับตัวออกห่างจากพวกเขาอย่างหวาดกลัว
“...” ชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยฉันไว้หันมามองที่ฉันด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองร่างสูงที่นอนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
“ถ้าครั้งนี้มึงรอดไปได้ และมึงยังกลับมาวุ่นวายกับผู้หญิงคนนี้อีก กูจะไม่ปล่อยชีวิตที่ไร้ค่าของพวกมึงไปอีก...” เขาเอ่ยบอกกับบาสเสียงแข็ง ก่อนจะหันกลับไปออกคำสั่งกับลูกน้องของเขาที่จับกุมลูกน้องของไอ้บาสอยู่เสียงเรียบ
“เอามันไปจัดการ...”
“ครับนาย”
ลูกน้องของเขาลากบาสและลูกน้องออกไป ก่อนที่ชายหนุ่มที่มาใหม่จะเดินเข้ามาย่อตัวนั่งลงข้างๆ ฉัน มือหนาพยายามจะเอื้อมเข้ามาจับไหล่มนของฉัน แต่ด้วยความหวาดกลัวทำให้ฉันค่อยๆ ขยับถอยห่างออกจากเขา
“ฮือออออ~~ ยะ อย่านะ...” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว ถึงเขาจะช่วยฉันไว้เป็นครั้งที่ 2 ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไว้ใจเขาได้
“ฉันมาช่วยเธอไม่ได้จะมาทำร้ายเธอ เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง มือหนาของเขาลูบลงที่ไหล่มนของฉันเบาๆ
“ฮือออออ~~” ฉันโผล่เข้ากอดร่างสูงตรงหน้าในทันทีพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร เขาเองก็กอดตอบฉันไว้แน่นเช่นกัน มือหนาลูบลงที่แผ่นหลังบางของฉันเบาๆ อย่างต้องการจะปลอบประโลมฉัน
“ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่แล้วจะไม่มีใครทำร้ายเธอได้”
“ฮือออออ~~ ฉันกลัวมากเลย ฮือออออ~~” ฉันร้องไห้ออกมาจนตัวโยน พร้อมกับกอดร่างสูงตรงหน้าให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอ้อมกอดจากคนแปลกหน้าจะอบอุ่น และทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยได้ถึงขนาดนี้
“ไม่เป็นไร...เธอไม่เป็นไรแล้วนะ”
“ฮึกกกก ฮือออออ~~” ฉันร้องไห้พร้อมกับกอดเขาอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนที่ฉันจะค่อยๆ คายอ้อมกอดออกจากเขา
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยถามฉันออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล พร้อมกับมือหนาของเขาเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มนุ่มนิ่มของฉันอย่างเบามือ
“เจ็บท้อง...” ฉันตอบร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน
“เดินไหวไหม?”
“ไหวค่ะ” ฉันตอบร่างสูงตรงหน้ากลับไปพร้อมกับค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ถึงมันจะไม่ได้เจ็บเท่ากับช่วงแรกๆ ที่โดนทุ่มแล้ว แต่มันก็ยังทำให้ฉันรู้สึกเจ็บและจุกอยู่บ้าง
“ว๊ายยยยยยย~~” ฉันร้องออกมาเสียงหลงด้วยความตกใจทันทีที่ชายหนุ่มตรงหน้าอุ้มฉันขึ้นแนบอก ก่อนที่เขาจะพาฉันเดินออกไปยังรถหรูของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกล
“ฉันแค่จะพาเธอออกไปข้างนอก ไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอหรอกน่า...”
“...” ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลฉันจึงเลือกที่จะเงียบ และปล่อยให้เขาอุ้มฉันออกไปโดยที่ไม่ได้ขัดขืนอะไรเขาอีก
“คุณจะพาฉันไปไหนคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับหันไปมองร่างสูงที่กำลังขับรถหรูของตัวเองออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“ไปหาหมอไง...สภาพเธอแบบนี้ยังจะให้ฉันพาไปไหนได้อีกถ้าไม่ใช่ที่โรงพยาบาล”
“ฉันไม่เป็นอะไรเลยค่ะ เจ็บนิดเดียวเองเดี๋ยวก็หายค่ะ” ฉันพยายามเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดออกไปเลย เขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถของโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉันเท่าไหร่นัก
“...” ร่างสูงลงจากรถไปทันทีโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ก่อนที่เขาจะเดินมาเปิดประตูฝั่งที่ฉันนั่งพร้อมกับช้อนตัวของฉันขึ้นแนบอก และเขาก็พาฉันเดินเข้าไปยังห้องฉุกเฉินที่อยู่ไม่ไกลโดยที่ฉันเองไม่ทันได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
วันต่อมา...Café of Love (coffee and bakery) “พี่ตะวันพาเฮคเตอร์กลับบ้านก่อนก็ได้นะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ต้องไปซื้อของทำหมูกระทะด้วยนี่...”“ส่วนร้านไม่ต้องห่วงเดี๋ยวน้องเก็บร้านให้เองจ้ะ” ฉันเอ่ยบอกกับพี่สาวคนสวยออกไปเสียงอ่อน ฉันยื่นซองใส่เงินที่เราขายได้ในวันนี้ให้กับร่างบางตรงหน้า พร้อมกับส่งยิ้มให้กับเธออย่างมีความสุข“ขอบคุณจ๊ะ”วันนี้มีลูกค้าเข้าร้านตลอดทั้งวันถึงจะรู้สึกเหนื่อย แต่พอเห็นจำนวนเงินที่ได้ฉันก็หายเหนื่อยแล้วตั้งแต่บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปติดต่อฉันมา ฉันก็รู้สึกว่าภูเขาที่มันเคยวางอยู่บนอกของฉันถูกยกออกไปแล้ว ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก“พี่อยู่ช่วยน้องก่อนดีกว่าเราจะได้กลับพร้อมกัน”“วันนี้เรามีปาร์ตี้หมูกระทะกันนะจ๊ะ ถ้าพี่ตะวันไม่ไปเตรียมสถานที่ตอนนี้พี่ธีร์กับเด็กๆ กลับมาคงจะหิวแย่...ทำความสะอาดแค่นี้เองน้องทำได้สบายอยู่แล้วค่ะ” ฉันยกเหตุผลร้อยแปดขึ้นมาอธิบายให้กับร่างบางตรงหน้าของเธอได้ฟัง วันนี้เรามีนัดกินหมูกระทะกันที่บ้านสวน เพื่อตอนรับพี่ธีร์เพื่อนของพี่ตะวันและยังเป็นเจ้าของบ้านสวนที่พวกเรากำลังเช่าอยู่ในขณะนี้ เขาพึ่งจะกลับมาจากการไปทำงานที่ต่างประเทศซ
[ชูใจ] ~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนน~“ใบหม่อนวีดีโอคอลมาเหรอ?”(นี่ชูใจ! เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ) เสียงของใบหม่อนพูดแทรกขึ้นมาทันทีที่ฉันกดรับสาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันโดนเพื่อนรักตะคอกใส่แบบนี้ ในบรรดาพวกเธอ 3 คนใบหม่อนถือว่าเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในกลุ่ม ถ้าฉันเดาไม่ผิดเธอคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วอย่างแน่นอน“อะ เอ่อ...นี่ใบหม่อนอยู่กับฟองเบียร์เหรอ” ฉันเอ่ยถามปลายสายออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เวลาใบหม่อนโกรธเธอดูน่ากลัวราวกับคนละคนกับใบหม่อนที่ฉันรู้จัก แต่ฉันก็เข้าใจเธอเป็นอย่างดีที่เธอต้องเอ็ดฉันกับฟองเบียร์แบบนี้ก็เพราะเธอเป็นห่วงพวกเรา(ถ้าเราไม่คาดคั้นเอาความจากเบียร์เราก็คงไม่รู้ว่าเมื่อคืนเพื่อนรักของเราทั้งสองคนไปทำอะไรกันมา)“อะ เอ่อ”(ทำไมพวกเธอต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกันขนาดนั้นด้วย) ใบหม่อนพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ สลับกับมองมาที่ฉันด้วยสายตาดุดันกว่าทุกครั้ง“อะ เอ่อคือว่า...”(เดี๋ยวเราเล่าเอง) ฟองเบียร์ที่นั่งอยู่ข้างกายของใบหม่อนพูดขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ มาให้กับฉัน ฉันจึงทำได้เพียงพยักหน้าให้กับเธอเล็กน้อย และนั่งเงียบๆ สงบปากสงบคำเอาไ
“…” แววตาที่ดุดันของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ชูใจไม่กล้าที่จะปริปากพูดอะไรออกมาเลย หญิงสาวมองสำรวจร่างสูงตรงหน้าอย่างถือวิสาสะชายหนุ่มสวมชุดสูทดูมีภูมิฐาน ผิวกายขาวเนียนละเอียดดูยังไงเขาก็ไม่น่าจะใช่พวกเดียวกันกับกลุ่มชายฉกรรจ์หน้าตาน่ากลัวพวกนั้นที่กำลังวิ่งไล่ตามเธอมา แต่ถึงอย่างนั้นจะให้ชูใจไว้ใจเขาได้ยังไงในเมื่อเธอไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย เขาจะเข้ามาช่วยเธอฟรีๆ โดยไม่หวังอะไรตอบแทนจริงๆ น่ะเหรอ…“อ่อยดายเเล้วค่ะ…” (ปล่อยได้แล้วค่ะ) ชูใจเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับพยายามดันอกแกร่งของเขาออกห่างจากร่างบางเธอ ‘สถานการณ์ในตอนนี้ฉันไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น’ ชูใจทำได้แค่บอกกับตัวเอง“…” ชายหนุ่มยกมือออกจากริมฝีปากสวยได้รูปของหญิงสาวตรงหน้าอย่างว่าง่าย เขามองไปยังร่างบางนิ่งๆ ก่อนที่มุมปากของเขาจะแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย การกระทำของเขาทำให้ชูใจเริ่มไม่ไว้ใจคนตรงหน้า ชูใจรวบรวมความกล้าก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้“ฉันจะออกไปค่ะ”“แน่ใจเหรอว่าพวกมันไปแล้ว?”“ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะ” ชูใจเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ“เธอจะออกไปทั
00.00 น.~ครืนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนนน~“อื้อออ…” เสียงครางเบาๆ ดังขึ้นมาจากร่างบางที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ก่อนที่มือของเธอจะเอื้อมขึ้นไปเปิดไฟบริเวณหัวเตียงทันทีที่ไฟภายในห้องสว่างร่างบางของชูใจก็ค่อยๆ ขยับมือบางของตัวเองขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงอย่างอ้อยอิ่ง ในขณะที่ดวงตาของเธอยังคงปิดสนิทอยู่“ชูใจ””เบียร์…!” ชูใจเอ่ยถามออกมาด้วยความร้อนใจพร้อมกับดวงตาของเธอเบิกโพรงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย เธอมีลางสังหรณ์ว่ากำลังเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นกับเพื่อนรักเธอ“เกิดอะไรขึ้นเบียร์?”ปกติแล้ววเพื่อนรักของเธอไม่เคยโทรมาเวลานี้ และคนที่เกรงใจคนอื่น ไม่ค่อยยอมรับความช่วยเหลือจากใครถ้าตัวเองไม่ไหวจริงๆ อย่างฟองเบียร์ไม่มีทางโทรหาเธอในเวลานี้โดยที่ไม่มีเรื่องด่วนอย่างแน่นอน(ช่วยเราด้วยชู…เรากลัว ฮืออออ…)“ตอนนี้เบียร์อยู่ที่ไหน?” ร่างบางขยับลุกขึ้นนั่งในทันทีพร้อมกับคิ้วเรียวของชูใจขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามปลายสายออกไปทันทีด้วยความเป็นห่วง ชูใจคิดว่าในตอนนี้เธอควรช่วยเพื่อนเสียก่อน ส่วนรายละเอียดว่ามันเกิดอะไรขึ้นค่อยถามเ
มหาวิทยาลัยวันสอบวันสุดท้ายของเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัย ทุกคนต่างมาที่นี่เพื่อตามล่าหาความฝันของตัวเองในเมืองหลวงแห่งนี้ หลังสอบเสร็จนักศึกษาหลายๆ คนต่างก็เตรียมตัวกลับภูมิลำเนาของตัวเองบางส่วนก็เตรียมตัวออกไปปาร์ตี้เพื่อฉลองหลังสอบเสร็จกับเพื่อนๆ ทำให้ช่วงเย็นในรั้วมหาวิทยาลัยดูเงียบเหงาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีนักศึกษาบางส่วนที่ยังคงนั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนบริเวณลานกิจกรรมใต้อาคารเรียนรวม“เฮ้ออออ…!!!”“นี่ชูใจ…ยังไม่มีบริษัทติดต่อกลับมาอีกเหรอ?” ใบหม่อนเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง พวกเธอต่างรู้ดีในยุคที่ข้าวยากหมากแพ้เเบบนี้จะหางานทำสักที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย“ยังเลยอะ…” ชูใจพึมพำออกมาเสียงหงอย พร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่มนของเพื่อนรักอย่างอ้อนๆ“ลองหาที่ใหม่ดูดีไหมเดี๋ยวเราช่วย” ใบหม่อนลูบลงที่หัวน้อยๆ ของเพื่อนสาวเบาๆ พร้อมกับเอ่ยบอกกับหญิงสาวเสียงใสอย่างที่เธอชอบทำมาตลอด“อือ…เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ชูใจส่งยิ้มหวานให้กับเพื่อนสาวก่อนที่เธอตอบกลับไป“หม่อนเชื่อว่าคนเก่งอย่างชูใจต้องได้งา