LOGINเมื่อลลิชคิดไปถึงเรื่องราวในอดีตที่น่าอับอายอยู่ครู่หนึ่งก็ออกจากภวังค์ความคิดแล้วยกมือกดกริ่งพลางคิดในใจว่าขออย่าให้เขาอยู่ที่นี่เถอะ
เธอรู้ว่าเขาอยู่คอนโดเป็นหลัก เขาไปอยู่คอนโดตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง หนึ่งอาทิตย์เขาจะกลับมานอนบ้านครั้งนึง หรือบางทีก็สองอาทิตย์กว่าเขาจะกลับมานอนบ้าน
ตอนนั้นที่เธอให้การ์ดสารภาพว่าชอบเขาก็เป็นวันที่เขากลับมานอนบ้านพอดี เมื่อสบโอกาสเธอจึงเอาการ์ดให้เขาเสียเลย
ติ๊งต่อง!
หลังจากที่เธอกดกริ่ง จากนั้นไม่นานสาวใช้ในวัยสามสิบห้าปีที่ชื่อว่าสาก็วิ่งมาหน้าบ้านทันที สาที่เห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยจึงเอ่ยถามออกไปด้วยใบหน้าตื่นเต้น
“อ้าวลลิชนั่นเอง ไปไงมาไงถึงได้มาที่นี่ล่ะ”
“ลลิชมีธุระสำคัญจะคุยกับคุณท่านค่ะ คุณท่านอยู่ไหมน้าสา”
“คุณท่านอยู่ข้างในน่ะ เข้ามาสิ” สาเอ่ยพร้อมกับเปิดประตูเล็กให้หญิงสาวได้เข้ามา ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่และหรูหรา
ลลิชที่เห็นโฉมฉายนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งพับเพียบบนพื้นพร้อมกับยกมือไหว้นอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณท่าน”
“อ้าวลลิช ไม่ได้เจอกันนานเลยสบายดีไหม แล้วพ่อเธอสบายดีหรือเปล่า” โฉมฉายเมื่อเห็นเด็กสาวคนที่ตัวเองโปรดปรานก็วางหนังสือแล้วถอดแว่นสายตายาวออก ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้มมีเมตตา
“ก็...” เธอมีสีหน้าลำบากใจที่จะบอกว่าสบายดี เมื่อในความเป็นจริงมันไม่ได้สบายเลยเมื่อนึกไปถึงพ่อของตัวเองที่กำลังป่วย
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าลลิช” โฉมฉายที่เห็นสีหน้าของหญิงสาวซึ่งดูแล้วไม่สบายใจจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความรู้สึกห่วงใย
“คือ...พ่อไม่สบายค่ะคุณท่าน” หญิงสาวเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“สมภพไม่สบาย? แล้วเขาป่วยเป็นอะไร”
“พ่อเพิ่งตรวจเจอเนื้องอกในสมองค่ะ หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วน ถ้าไม่อย่างนั้นพ่อจะตาบอดค่ะ"
“ต้องใช้เงินในการรักษาเยอะใช่ไหม” โฉมฉายถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับเอ่ยถามออกไปด้วยความรู้สึกเข้าใจปัญหาของหญิงสาวตรงหน้าดี
“ต้องใช้เงินในการผ่าตัดสามแสนบาทค่ะคุณท่าน แล้วทีนี้ลลิชก็...” เธอจะบอกว่าไม่รู้จะหาเงินมาจากไหนได้ทัน แต่โฉมฉายก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อนอย่างรู้ว่าเธอจะพูดอะไร
“เธอจะมาขอความช่วยเหลือจากฉันใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ลลิชอยากจะขอยืมเงินคุณท่านก่อน แล้วหลังจากนั้นลลิชจะผ่อนคืนคุณท่านเป็นรายเดือนค่ะ” เธอกัดฟันพูดออกไปเพราะรู้สึกเกรงใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยขอยืมเงินใครมาก่อน
“ฉันจะให้เธอยืมเงินเพื่อไปรักษาพ่อของเธอ” โฉมฉายยกยิ้มเอ่ยด้วยสีหน้าพึงพอใจ แววตาแฝงไว้ด้วยเลศนัย
“ขอบคุณมากค่ะคุณท่าน” เธอเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าดีใจพร้อมกับยกมือไหว้นอบน้อม แววตาสวยเป็นประกายเมื่อคิดว่าพ่อของเธอจะได้รับการรักษาแล้ว
“แต่การยืมเงินต้องมีข้อแม้นะ”
“คุณท่านว่ามาได้เลยค่ะ ลลิชยินดีรับข้อแม้ของคุณท่านได้ทุกอย่างเลยค่ะ”
“เธอจะต้องย้ายไปอยู่กับฮาร์ท” โฉมฉายที่อยากได้ลลิชมาเป็นลูกสะใภ้เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
โฉมฉายเล็งลลิชไว้หลายปีแล้วเพื่อให้เด็กสาวได้มาเป็นคู่ครองของลูกชาย เนื่องจากนางเห็นนิสัยของลลิชมาสิบปีแล้ว ซึ่งนางมั่นใจว่าลลิชเหมาะที่จะมาเป็นภรรยาของลูกชายที่สุดเพราะเธอเป็นเด็กเรียบร้อยและนิสัยดี
เมื่อหนึ่งปีก่อนตอนที่สมภพมาบอกว่าจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น โฉมฉายก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อยเมื่อคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ไม่ได้ดั่งใจหวัง แต่พอมาวันนี้นางก็ไม่คิดว่าสิ่งที่หวังไว้จะหวนกลับคืนมา
“ลลิชจะต้องย้ายไปอยู่กับคุณจิรวินเหรอคะ?” เธอถึงกับตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินข้อแม้ของคุณท่าน
“ใช่ ฉันจะซื้อบ้านแล้วให้เธอกับฮาร์ทได้อยู่ด้วยกัน”
“คือ...” เธอถึงกับพูดไม่ออกเมื่อข้อเสนอนั้นทำเอาเธอลำบากใจเป็นอย่างมาก จะให้เธอไปอยู่กับเขาได้อย่างไรก็ในเมื่อเธอต้องการหลบหน้าเขาเพราะความละอายใจกับเรื่องที่ทำไปเนื่องจากคิดน้อยไป
“ถ้าเธอรับข้อเสนอฉัน ฉันก็จะให้เงินเธอวันนี้เลย”
“...” เธอก้มหน้าเม้มปากครุ่นคิด มือเรียวที่วางอยู่บนตักจิกเข้าหากันแน่นด้วยความคิดไม่ตก แต่อยู่ๆคำพูดของหมอก็ได้ฉายเข้ามาในหัว
‘ถ้าคนไข้ไม่ได้รับการผ่าตัดแล้วปล่อยไว้เรื่อยๆจนเนื้องอกไปกดทับเส้นประสาทตาก็จะทำให้คนไข้ไม่สามารถมองเห็นได้ครับ’
เมื่อคำพูดของหมอได้ฉายวนเข้ามาในหัวซ้ำๆมันจึงทำให้เธอตัดสินโดยไม่ต้องคิดนาน เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างตัดสินใจแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองคุณท่านที่จ้องหน้าเธออย่างรอฟังคำตอบของเธอ
“ตกลงค่ะคุณท่าน” เธอตอบออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นคง สายตาเด็ดเดี่ยวเมื่อคิดไปถึงพ่อของเธอ
“งั้นหลังจากที่พ่อเธอผ่าตัดเสร็จและหายเป็นปกติแล้ว เธอจะต้องย้ายไปอยู่กับฮาร์ททันที”
“ได้ค่ะคุณท่าน”
“งั้นเธอก็บอกเลขบัญชีมา” จากนั้น ลลิชก็บอกเลขบัญชีแล้วโฉมฉายก็จัดการโอนเงินให้เธอทันทีสามแสนบาท
“ขอบคุณมากค่ะคุณท่าน ถ้าอย่างนั้นลลิชขอตัวกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยด้วยท่าทีอ่อนน้อม โฉมฉายพยักหน้ารับรู้ จากนั้นร่างบางจึงลุกจากพื้นแล้วเดินออกจากบ้านไป
เรือนหอหลังใหม่เรือนหอหลังนี้เป็นเรือนหอหลังใหม่ที่พ่อของฮาร์ทเป็นคนซื้อให้หลังจากที่ลลิชบอกว่าจะกลับมาอยู่กับฮาร์ทเหมือนเดิมเมื่องานมงคลสมรสเสร็จสิ้นไป จิรวินกับลลิชก็ได้จดทะเบียนสมรสกันต่อหน้าสื่อมวลชนหลายสำนักที่อยากได้ข่าวของเจ้าของสายการบินหมื่นล้านกับเจ้าสาวคนสวยของเขาเมื่อสองสามีภรรยาเข้ามาในห้องนอน จิรวินที่รู้สึกโหยหาเมียตัวเล็กมานานแล้วก็ไม่รอช้าที่จะรั้งร่างสวยเข้ามาสวมกอดไว้ด้วยความรักแล้วเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวยของเธอที่อยู่ในอ้อมแขน“ทุกอย่างนี้เป็นแผนของลลิชใช่ไหม”“ทีพี่ฮาร์ทยังวางแผนทำให้ลลิชเข้าใจผิดพี่อยู่ได้ตั้งนาน เพราะฉะนั้นลลิชก็ต้องเอาคืนพี่บ้างค่ะ” ยิ้มเย้า“แผนของลลิชทำพี่เกือบตายเลยนะ”“เกือบตายยังไงเหรอคะ”“พอเธอบอกว่าจะแต่งงาน หัวใจของพี่ก็เหมือนกับแตกสลายเลยละ”“สมน้ำหน้า จะได้รู้ไงว่าเวลาที่พี่ทำลลิช ลลิชก็เป็นทุกข์เหมือนกัน”“ขอบคุณมากที่ให้โอกาสพี่ และขอโทษอีกครั้งกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่เคยทำให้เธอเสียใจ”“ถ้าลลิชไม่ได้รู้ความจริงจากปากของชิตากับจันจิ ลลิชก็คงจะไม่มีวันยกโทษให้พี่หรอกค่ะ”“เธอรู้ความจริงจากชิตากับ
“สิ่งที่พี่พูดทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงนะลลิช” หลังจากที่เขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังจนหมดเปลือกแล้ว เสียงทุ้มหนักแน่นก็เอ่ยออกไป ดวงตาของเขาที่จ้องมองเธอนั้นไม่ละไปจากใบหน้าสวยของเธอแม่แต่เสี้ยววิ เพราะเขาอยากให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นจริงทุกอย่าง”“…” หลังจากที่ได้ฟังเขาเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็ลองชั่งใจว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันตรงกับสิ่งที่ชิตากับจันจิได้บอกเธอวันนี้“ในเมื่อเธอได้รู้ความจริงทุกอย่างแล้ว พี่…ยังพอจะมีโอกาสได้เป็นสามีของเธออีกครั้งไหม ถ้าเธอให้โอกาสพี่ พี่ก็จะแต่งงานกับเธอทันทีและพี่ก็จะพาเธอไปจดทะเบียน” เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มเพราะรู้สึกเกรงใจ สายตาที่จ้องมองเธอเต็มไปด้วยการขอร้อง “ลลิชยังยืนยันคำเดิมค่ะ”“เธอ…จะไม่ให้โอกาสพี่ใช่ไหม” สายตาของเขาวูบไหวเมื่อรู้ว่าเธอไม่ให้โอกาสเขา“ใช่”ปึกเสียงของร่างสูงทิ้งตัวนั่งคุกเข่าต่อหน้าเธอพร้อมกับยกมือประนมขึ้นกลางอก ก่อนจะพูดออกไป“ลลิช…พี่รักลลิชนะ ขอโอกาสให้พี่อีกสักครั้งได้ไหม”ลลิชที่เห็นเขาคุกเข่าต่อหน้าเธอและยกมือไหว้ก็ถึงกับตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ก่อนที่เขาจะก้มกราบแทบเท้าของเธอพรึบ!ลลิชที่เห็นเขาทำถึ
ตู๊ด‘ว่าไงลูก’‘แม่ครับ ผมหย่าแล้วนะครับ’‘หย่าแล้ว? นี่มันยังไม่ครบสองปีเลยนะ แล้วลูกจะหย่าทำไม หรือว่าลลิชท้องแล้ว’‘เขายังไม่ได้ท้องหรอกครับ แต่ที่ผมต้องหย่าเพราะคนรักของผมกลับมาแล้ว เขาเป็นรักแรกของผมครับ’‘คนรักของลูก? ใครกัน’‘เขาเคยเรียนมหาลัยเดียวกับผม เป็นรุ่นน้องผมสองปีครับ’‘ลูกไม่คิดว่าตัวเองใจร้ายกับลลิชไปหน่อยเหรอฮาร์ท’‘ก็ผมไม่ได้รักเขานี่แม่ ถึงจะหย่ามันก็ไม่ได้ผิดอะไร’ เขาถึงกับจุกในอกเมื่อแม่ถามแบบนั้น ก่อนที่เขาจะบอกออกไปด้วยความรู้สึกลังเลและน้ำเสียงไม่มั่นคงเมื่อพูดคำว่าไม่ได้รักเธอที่เขาเพิ่งหย่ามาเมื่อครู่‘สี่เดือนที่ลูกอยู่กับลลิช ลูกไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับลลิชเลยเหรอ’เขาชะงักไปพักหนึ่งพร้อมกับหัวใจวูบหวิว ก่อนจะตอบออกไปแบบไม่เต็มเสียง‘ไม่ครับ’เมื่อเขากับจันจิรับประทานอาหารเสร็จ เขาก็ไปส่งจันจิที่คอนโดแล้วกลับบ้านเลยบ้านจิรวิน 20.45 น.เมื่อเขาสูบบุหรี่เสร็จก็กลับเข้ามาในห้องนอน ดวงตาคมจ้องมองไปยังเตียงนอนก็รู้สึกหัวใจโหวงๆเมื่อไม่เห็นคนตัวเล็กนอนอยู่บนนั้นอย่างเช่นสี่เดือนที่ผ่านมาเรียวขายาวก้าวมายืนข้างเตียงฝั่งที่ลลิชเคยนอน ร่างสูงหย่อนกายนั่งลงพลาง
เมื่อลลิชรับยาเสร็จก็เดินออกมาจากโรงพยาบาล จันจิที่เห็นลลิชจึงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม“คุณคือภรรยาของพี่ฮาร์ทใช่ไหม ฉันจันจิค่ะ คุณยังจำฉันได้ไหม”“จำได้ค่ะ แล้วที่คุณถามว่าฉันเป็นภรรยาของคุณจิรวินหรือเปล่า ฉันขอตอบว่าไม่ใช่ค่ะ ฉันกับคุณจิรวินตอนนี้คืออดีตกันแล้ว ฉันกับคุณจิรวินไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ” ลลิชตอบด้วยสีหน้าปกติ“ถ้าฉันไม่กลับมาหาเขา พี่ฮาร์ทคงไม่ต้องหย่ากับคุณ” จันจิพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ถ้ารู้มาก่อนล่วงหน้าว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว เธอคงไม่โทรหาเขาแน่“มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ ก็ในเมื่อคุณจิรวินรักคุณแต่เขาไม่ได้รักฉัน มันก็ถูกแล้วค่ะที่เขาจะหย่ากับฉันแล้วกลับไปหาคุณ”แล้วจันจิก็เอ่ยขึ้น“คุณพอมีเวลาให้ฉันสักยี่สิบนาทีไหมคะ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณค่ะ” “ได้ค่ะ” ลลิชรับคำเสร็จ จากนั้นทั้งสองก็พากันไปนั่งตรงมุมที่ลลิชกับชิตานั่งคุยกันเมื่อครู่เมื่อสองสาวนั่งเรียบร้อยแล้ว จันจิก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน“หลังจากที่พี่ฮาร์ทหย่ากับคุณเสร็จ พี่ฮาร์ทก็พาฉันไปกินข้าว พอกินข้าวเสร็จพี่ฮาร์ทก็ไปส่งฉันที่คอนโด และหลังจากนั้นฉันกับพี่ฮาร์ทก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เพราะเราไม่ได้สานต่อเหมือนกับ
บ้านลลิช ตอนเช้าจิรวินลงจากรถแล้วเดินมาหน้าบ้านของลลิช เมื่อเห็นว่าประตูบ้านล็อก เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเธอทันทีตู๊ด‘ค่ะ’‘ลลิชเธออยู่ไหน พี่มาที่บ้านแล้วเห็นบ้านล็อก’‘วันนี้หมอนัดมาตรวจครรภ์ค่ะ’ วันนี้หมอนัดตรวจครรภ์ ซึ่งอายุครรภ์ของเธอก็ครบห้าเดือนแล้ว‘ทำไมถึงไม่รอไปพร้อมพี่ล่ะ พี่อยากเข้าไปดูหมออัลตร้าซาวด์ลูกด้วย’‘ค่อยดูเดือนหน้านะคะ ขอโทษด้วยที่วันนี้ไม่ได้รอ’‘ไม่เป็นไร แล้วเธอได้เข้าพบหมอหรือยัง’‘เรียบร้อยแล้ว กำลังจะไปรับยาค่ะ’‘หมอบอกว่ายังไงบ้าง’‘เด็กแข็งแรงดีค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง’‘งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับนะ’‘ได้ค่ะ’ สิ้นเสียงหวานเอ่ยชายหนุ่มก็กดวางสายแล้วเดินไปขึ้นรถ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในขณะที่ลลิชเดินไปยังห้องจ่ายยา ชิตาที่เห็นลลิชเดินมาจึงเข้าไปหาพร้อมกับทักทายออกไปด้วยรอยยิ้ม“ลลิช” “อ้าวชิตา เธอก็มาตรวจครรภ์ด้วยเหรอ” ลลิชเอ่ยถามออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนชิตาจะเอ่ยถาม“ใช่ แล้วนั่น…เธอท้องกี่เดือนแล้วล่ะ” “ห้าเดือนแล้ว” ลลิชยิ้มอ่อนๆ“แล้วเธอกับคุณจิรวินกลับมาคืนดีกันแล้วเหรอ”“ยัง แล้วทำไมฉันต้อ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปร่างสูงที่นั่งอยู่บนพื้นข้างเตียงปล่อยหยาดน้ำตาให้หลั่งไหลรินอาบแก้มสากจนผ่านมาหนึ่งชั่วโมง ดวงตาที่เหม่อลอยเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและรวดร้าวเมื่อนึกไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองได้ทำเรื่องแย่ๆไว้กับเธอที่เป็นภรรยาของตัวเอง“แค่ก แค่ก”เสียงไอของคนที่นอนอยู่บนเตียงทำให้เขาได้สติ เขาเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วหยัดตัวยืนขึ้นก็เห็นเธอลืมตา สีหน้าของเธอดูอิดโรยดวงตาแดงช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างยาวนานจ้องมองไปยังใบหน้างดงามที่จ้องหน้าเขาอยู่ จิรวินที่เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอจึงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความเสียใจและปวดร้าวในใจยังคงมีอยู่จนท่วมท้นอยู่ในอก“เธอ…หิวไหม”“…” ลลิชจ้องมองดวงตาของเขาที่แดงก่ำและขอบตาที่บวมช้ำจึงนึกสงสัยว่าเขาร้องไห้เหรอ แล้วร้องไห้ทำไมร่างสูงโน้มตัวลงไปสวมกอดร่างบางเอาไว้แน่นแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้นพร้อมกับหยดน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดหย่อน“พี่ขอโทษลลิช พี่เลว ฮึก…ฮือ…พี่ทำตัวแย่จึงทำให้เธอต้องเสียใจ”“…” ลลิชรู้สึกตกตะลึงที่เห็นเขาร้องไห้หนักขนาดนี้“พี่เลว…ฮึก…ที่ทิ้งเมียทิ้งลูกเพื่อไปหาสิ่งที่ไม่ได้สำคัญกับพี่เลย พี่…เพิ่งมารู้







