Masuk‘แรกเริ่มเดิมที ผมไม่ใช่สตอล์กเกอร์ตามติดชีวิตพระเอกในนิยายหรอก ไม่ใช่และไม่มีทางเป็นพวกน่าขนลุกแบบนั้นด้วย แต่จุดเริ่มต้นมาจากตรงนี้ต่างหาก...’
“สวัสดีครับ~ สวัสดีทุกคน~”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งสวมโค้ทน้ำตาลยาวกล่าวทักทายอย่างแจ่มใส เขาส่งยิ้มให้กับกล้องจำนวนมากไม่ต่างจากพวกดารานักแสดง มือข้างหนึ่งยกขึ้นโบกให้เหล่าแฟนคลับที่มายืนรอตามทางกั้น โดยรอบๆ ตัวเขาต่างมีชายสวมชุดสูทดำเดินคุ้มกันให้
แน่นอนว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญอย่างลูกทนายความ และเป็นคนดังในโลกโซเชียลอีกต่างหาก บางทีอาจเป็นเพราะด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา หรือไม่ก็เพราะความอัธยาศัยดีเลยได้ชื่อเสียงกับแรงอวยมหาศาล
“เฮ้ย! ไอ้หมอนั่นลอดเข้าไป!”
สตาฟตะโกนขึ้นเมื่อมีคนหลุดไปตรงทางเดิน ชายสวมฮู้ดซึ่งลอดเข้ามาถือมีดตรงไปหวังแทงปลิดชีวิตเป้าหมาย แต่ชั่วขณะชายสูทดำที่คุ้มกันหลังก็หันกลับไปจับข้อมือไว้ได้ทัน แล้วยกเท้ายันเข่าจนคนปองร้ายล้มลงกองกับพื้น
“เกือบไปแล้วเชียว”
เขาถอนหายใจพูดด้วยท่าทางเอือมระอา
‘ก่อนหน้าจะมาถึงจุดนี้ ผมไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้มาแต่แรก แต่เป็นโลกยุคปัจจุบัน 20XX ผมก็แค่ชายโสดอายุ 32 ปี ทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้ไอ้ลูกคุณหนูบ้านรวยคนหนึ่งที่ต่างประเทศ มีทักษะการต่อสู้ที่จัดว่าดีเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ต้องมาตายเพราะพิษจากโรคระบาดยุคนั้น’
“ผมจะไม่รอดใช่ไหม? คุณยมบาล”
ชายหนุ่มนอนราบบนเตียงในห้องพิเศษโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง น้ำเสียงเขานั้นเรียบนิ่งอย่างกับคนหมดอาลัยตายอยาก หญิงสาวสวมชุดขาวตามเครื่องแบบพยาบาลยืนจัดแจงของต่างๆ ไม่ห่าง เธอผงะไปชั่วครู่ก่อนจะหันมาตอบ
“ฉันพยาบาลค่ะ”
ชายหนุ่มได้ยินคำตอบแบบนั้นก็ถึงกับหัวเราะเบา “อย่าทำหน้าเครียดสิครับ แค่หยอกเองหน่า~ คุณพยาบาล~” เธอส่ายหน้าอ่อนเล็กน้อยก่อนตอบกลับด้วยท่าทางจริงจัง
“เราจะทำการรักษาคุณให้เต็มที่ค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องห่วง”
‘ผมได้กลับมาที่ประเทศบ้านเกิดและช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ลาจากโลกไปแบบเงียบเหงา ไม่มีใครมาเยี่ยมแม้แต่เพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง แต่นั่นไม่แปลกหรอก เพราะว่าทุกคนน่ะไม่ตายไปก็ป่วยเหมือนผม’
‘นั่นคือจุดจบของผมในโลกก่อนหน้า...’
‘แต่เหมือนว่าผมจะยังใช้ชีวิตไม่คุ้มแฮะ’
ทุกอย่างมืดไปนานพักใหญ่จนพอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป ชายหนุ่มมองรอบๆ เห็นว่าเป็นห้องนอนธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ข้าวของต่างๆ มีเยอะมากจนดูรกไปหน่อย อย่างกับว่าที่นี่มีคนอาศัยอยู่มาอย่างยาวนาน
‘ที่นี่มัน...ที่นี่ไหนวะ!?’
เครื่องหมายคำถามลอยเด่นอยู่เหนือหัว ก่อนเขาจะเหลียวไปข้างๆ ก็พบกระจกบานยาวที่เห็นทั้งตัว สายตามองเข้าไปพบชายผมยาวดำสวมเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงขายาวดำสะท้อนกลับมา เขาลองขยับตัวนิดๆ หน่อยๆ ด้วยความงวยงง และแน่นอนว่าภาพเงาในนั้นขยับตาม
มือเสยผมยาวขึ้นพร้อมเก๊กหน้าหล่อใส่ เปลี่ยนมาจับคางกระตุกยิ้มกระชากใจ ปิดท้ายด้วยขยิบตาขวาก่อนจะชะงักไป
‘เวร... มัวแต่เล่น ว่าแต่ตรูมาอยู่ในร่างไอ้หล่อที่ไหนวะเนี่ย?’
“ลูก วันนี้พ่อต้องออกไปส่งต้นฉบั—”
ชายสวมแว่นคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาถึงกับนิ่งค้างไปทันที ครั้นเจอลูกชายตนกำลังเก๊กหน้าใส่กระจกอยู่ และดูเหมือนว่าจะทำมาพักหนึ่งแล้วด้วย แต่คนที่ตกใจไม่ได้มีแค่ผู้มาเยือน ตัวเขาเองก็เช่นกัน
“เอ่อ… ทำไมไม่เคาะประตู…ครับ?”
“โทษที ไม่ใช่สิ! แกเป็นใครเนี่ย!?”
‘ฉิบหายล่ะ!’
“ผมก็ลูกคุณไง”
“ลูกฉันไม่พูดสุภาพโว้ย! ไอ้ตัวปลอม!”
‘ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่รอด แต่พอโดนจับมาสอบสวนเลยถือโอกาสเล่าทุกอย่างไปตามความจริงแบบคร่าวๆ ยังไงก็ไม่ถึงกับบอกว่ามาจากโลกอื่นหรอก เพราะดูจากสภาพแวดล้อมกับการแต่งกายแล้ว นี่ไม่น่าใช่ยุคสมัยที่ศิวิไลซ์ทางด้านเทคโนโลยี คงเต็มไปด้วยความเชื่อศาสนา (เดาล้วนๆ) ’
‘เพราะงั้นการบอกว่าเป็นคนจากต่างมิติต่างโลก แน่นอนว่ามันออกจะเชื่อยากแล้วเสี่ยงโดนใส่ร้ายเป็นพ่อมดแม่มดอะไรพวกนั้น แบบ...เหมือนกับในหนังหรือซีรีส์ต่างประเทศพวกนั้นอะแหละ’
“สรุปแล้ว คุณตื่นมาก็มาอยู่ที่นี่ในร่างนี้แล้วสินะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบกลับไปรัวๆ หลังจากพยายามอธิบายให้เข้าใจง่าย ที่สำคัญคือไม่ล่อแหลมที่จะถูกหาว่าบ้ามากที่สุด คนตรงหน้าซึ่งคาดว่าเป็นพ่อเจ้าของร่างนี้นั่งครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกลอกตากลับมามองเขาแล้วถามอย่างจับผิด
“นี่ลูกคงไม่ได้แกล้งเล่น เพราะอยากให้พ่อคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่หรอกใช่ไหม?”
‘พูดอะไรวะครับพ่อ’ คนถูกถามคิดในใจพลางยิ้มค้างไปครู่หนึ่ง
“ลูกคุณเป็นคนแบบไหนเนี่ย?”
“แปลกพอๆ กับคุณนั่นแหละ แต่ก็ไม่คนที่แย่อะไร”
“งั้นเหรอครับ”
‘โอเค ลูกเขาต้องเป็นคนที่แย่ถึงขนาดเทียบกับผมได้’
ณ ตอนนี้ทั้งสองพ่อลูก (ปลอม) นั่งอยู่ในห้องรับแขกกว้างขนาดกลางๆ ท่าทางอีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะไม่ได้ต่อต้านและไม่ได้หาว่าเขาบ้าอะไร เหตุที่ยอมรับฟังอาจเป็นเพราะนี่เป็นร่างของลูกเขา ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคิดว่าจะเอายังไงต่อก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“คุณพอจะบอกอะไรเกี่ยวกับลูกคุณได้ไหม?”
อีกฝ่ายชายหางตามองแล้วตอบกลับ “ลูกฉันชื่อ ‘คาเลน แบรนดอน’ อายุประมาณ...เอ่อ สัก 20 ปีได้มั้ง ตอนนี้กำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่”
‘ไม่ ไม่ ไม่! จะมาอยู่ร่างคนอื่นทั้งทีทำไมต้องได้เรียนอีกเนี่ยนะ! บ้าไปแล้วรึไง!?’
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
“ครับ สบายมากครับ~”
ชายต่างโลกในร่างคนแปลกหน้าตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม (ขมขื่น) แต่ขณะเดียวกันสีหน้ากลับตึงสุดๆ เพราะจากนี้ไปเขาจะต้องหาทางใช้ชีวิตในโลกนี้ให้ได้ซะแล้ว โลกที่เขาไม่รู้จักแล้วยังได้มาอยู่ร่างลูกของนักเขียนที่ไหนก็ไม่รู้อีกต่างหาก
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ใช้ชีวิตในฐานะคาเลนมาเป็นเวลา 5 ปี โดยพักอาศัยอยู่กับ ‘คาเบิล แบรนดอน’ ซึ่งเป็นพ่อเจ้าของร่างนี้เอง แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่จนเคยชินมากแล้ว แต่ก็ยังหาความจริงเกี่ยวกับเหตุผลที่เขาหลุดมายังโลกนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ช่าง มีสิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มแน่ใจดีเลยคือ…
‘นี่มันโลกนิยายแน่ๆ!’
ชายหนุ่มนึกคิดพร้อมกับทิ้งตัวนอนลงบนเตียงกว้าง ‘ผมจำได้ว่าคาเบิล แบรนดอนเป็นหนึ่งในตัวละครลับจากนิยายเรื่อง ‘นักล่าสาปบาป’ เป็นเรื่องที่อ่านนานแล้วแถมอ่านไม่จบด้วย’
‘เนื้อเรื่องคร่าวๆ คือพระเอกเป็นฮันเตอร์มากฝีมือมีอาการเสพติดการล่าภูต แต่เขาไม่ได้พยายามจะหาทางรักษานิสัยเสพติดแปลกๆ นี้หรอก กลับกัน สิ่งที่เขาอยากรักษาคือคำสาปที่อยู่ในตัวเขาเองต่างหาก ตอนจบยังไม่ทราบเพราะผมอ่านไม่ถึง แล้วก็ชัดเลยว่ายุคนี้มีเทคโนโลยีล้ำๆ เต็มไปหมด ผมเพิ่งเห็นจรวดบินผ่านไปด้วยเมื่อกี้ (ประชด) ’
‘เอาล่ะ ชีวิตฉิบหายกว่าเดิมแล้วค้าบท่าน~’
ก๊อกๆ ๆ ๆ
“นี่ ออกมาคุยด้วยหน่อย”
เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงพ่อกล่าวเรียก ตอนนี้เขาเผลอคิดด้วยซ้ำว่าตนเป็นลูกของชายคนนี้ไปแล้วจริงๆ คาเลนยันตัวลุกเดินออกจากห้องไปหาคาเบิลที่ชั้นล่าง เขานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามชายวัยกลางคนสวมแว่นกรอบบางในห้องรับแขก จากนั้นเป็นฝ่ายออกปากถามธุระก่อนทันที
“มีอะไรเหรอ?”
“วันนี้นายช่วยไปชวนฮันเตอร์คนหนึ่งมาเจอฉันหน่อย”
“ใคร?”
“บิทเทอ โลฮาส”
‘แค่พูดถึงชื่อนั้นก็ขนลุกแล้วนะเนี่ย ชื่อของคุณพระเอกพูดน้อยต่อยหนักคนนั้น’
“คุณเป็นนักเขียนไม่ใช่เหรอ มีเหตุผลปริศนาซ่อนเงื่อนอะไรถึงได้ต้องคุยมากับฮันเตอร์กันเนี่ย?”
“เขาก็แค่มีส่วนช่วยในงานของฉันน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
‘เท่าที่จำได้ในช่วงต้นเนื้อเรื่อง พระเอกกับคาเบิลไม่ได้เจอกันช่วงนี้หนิ เดี๋ยวสิ...ถ้านี้เป็นโลกเป็นนิยายจริง ตอนนี้เนื้อเรื่องมันถึงไหนแล้ววะเนี่ย ...ช่างเถอะ’
‘บางทีถ้าไปเจอพระเอกกับตัวอาจจะได้รู้อะไรดีๆ ก็ได้’
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะลองไปชวนดู”
ชายหนุ่มตกปากรับคำไปแล้ว พอถึงช่วงเย็นวันนั้นเขาก็ออกจากบ้านเดินทางไปยังเขตที่บิทเทอน่าจะเป็นคนรับผิดชอบ ฝีเท้าย่างสวนกับผู้คนจัดการกิจวัตรตนเอง ภาพเหล่านี้เคยแปลกตาสำหรับเขาเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ตอนนี้มันกลับเป็นบรรยากาศที่คุ้นชินไปเสียแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลมองบ้านเรือนเรียงเป็นแนวยาวตามทาง รวมถึงรถม้าสัญจรผ่านกันไปมาบนถนนกว้าง
คาเลนเหลียวมองตรอกซอยข้างทางก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าไป แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าซึ่งปรายมองมาอย่างเยือกเย็น เจ้าของสายตาคู่นี้เป็นชายผมบลอนด์ขาวสวมใส่เครื่องแบบฮันเตอร์ยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่ คาเลนยืนนิ่งตรงนั้นครู่หนึ่งอย่างตกตะลึง
เพราะนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาเจอคนหน้าตาดีนอกจากตัวเอง (ความมั่นคือลาภอันประเสริฐ)
‘เวร… เมื่อกี้มันจังหวะตกหลุมรักเหรอ?’
ชายหนุ่มนึกในใจแล้วกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากเรียกชายตรงหน้า
“คุณคือบิทเทอ โลฮาสใช่ไหม?”
“มีธุระอะไร?”
“คาเบิลฝากให้ผมพาคุณไปคุยกับเขาที่บ้านน่ะ”
“ไม่คุย”
บิทเทอตอบปฏิเสธทันทีทันใดพร้อมกับหันหลังเดินเข้าตรอกไปอย่างไม่แยแส ปล่อยให้คาเลนที่ยืนอยู่ตรงปากทางตรอกมองตามซะอย่างนั้น
‘ไอ้พระเอกเหี้ยนี่!’
โฮ่งๆ ๆ“อะไร? แกก็ตื่นเต้นเหรอไอ้ตูบ~”คาเลนว่าพลางยืนเท้าเข่ามองเจ้าร็อตไวเลอร์พิลึกนี่วิ่งวนตรงหน้าบ้าน ดูจากสภาพแวดล้อมปลอดโปร่งและห่างไกลจากผู้คน ที่นี่คงเป็นนอกเมืองเกือบเข้าเขตป่า ชายหนุ่มออกมาสูดอากาศเพราะหลังจากโดนเข็มอาร์ลีนไปหลายเล่มก็หลับยาว ใช้เวลาเพียงคืนเดียวแผลจึงหายดีแต่ไอ้ที่ว่าดีก็ดี ไอ้ที่ว่าแย่ก็แย่ แย่คืออะไรล่ะเหรอ?เปรียบเทียบง่ายๆ คือคนเราโดนฉีดยาเข็มเล็กๆ ยังปวดแขนขนาดนั้น แต่เข็มที่เขาโดนน่ะยาวเท่าศอกแทงจนทะลุหนังไปแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นคงไม่ต้องพูดถึงความปวดความชาเลย เพราะทั้งแขนและขาใช้การตอนนี้เหมือนมีไฟฟ้าช็อตตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ช่าง ตอนนี้เขาหายดีแล้วคาเลนนึกไปเรื่อยพลางยื่นมือไปลูบหัวหมาออดอ้อนก่อนจะกล่าว“ฉันสัญญาว่าจะไม่แย่งอาหารแกกินอีก”โฮ่ง!เขาพูดแซวตัวเอง แต่จริงๆ ส่วนหนึ่งก็แอบรู้สึกผิดนิดหน่อย ถึงจะไม่แน่ใจว่านี่มันหมาปกติจริงไหม แต่ถ้าเจ้าร็อตไวเลอร์ตัวนี้ไม่ช่วยไว้เมื่อวานนี้ เขาคงโดนอาร์ลีนแทงเข็มจนตัวพรุนไปแล้ว ขณะเล่นกับเพื่อนใหม่เพื่อนหมา ราวินกับบิทเทอก็เดิน
เฮ้อ~คาเลนซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงถอนหายใจยาว สายตามองเพดานห้องอย่างว่างเปล่า อเนจอนาถใจราวกับว่าเขากำลังทำบางอย่างพลาดไป ใช่...เขาทำพลาด พลาดมากๆ ความพลาดอันเกิดมาจากความหิวตัวเองที่เกินพิกัดอีกด้วย ระหว่างปลงจิตก็เหลียวมองข้างเตียงพบเจ้าร็อตไวเลอร์ตัวใหญ่แลบลิ้นห้อยอยู่ข้างๆ‘ไอ้หมาเวร…’คนป่วยนอนเตียงมองหมาตัวนี้อย่างระแคะระคายใจ บอกว่าความผิดหมาก็ไม่ใช่ จะโทษความหิวตัวเองก็เหมือนเป็นคนขาดความยับยั้งชั่งใจ (ในการกิน) เกินไป“เพราะแกเลยทำให้ฉันเป็นคนกินอาหารหมา... เดี๋ยวสิ?”คาเลนพูดหลังเพิ่งสังเกตบบางอย่างได้เอาตอนนี้ เขาหรี่ตาจ้องสิ่งผิดปกติที่เห็นจากตัวเจ้าหมาร็อตไวเลอร์‘คงไม่ใช่ว่าไอ้ตูบนี่...’“ช่างเถอะ ฉันคงตาฝาดแหงๆ ”เจ้าหมาเอียงหัวมองแล้วส่ายหางเดินสี่ขาออกจากห้องไป อาการเขาดีขึ้นมากแล้วแต่ยังมีไข้อ่อนๆ อยู่นิดหน่อย ใช่แล้ว เขาเห็นอะไรแบบนี้ได้ต้องเป็นเพราะไข้แน่ๆ คาเลนลุกขึ้นจากเตียงสาวเท้าออกไปยังห้องกว้าง ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นห้องรับแขก ดูเหมือนท
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นรับรู้ได้ว่าร่างตนนั้นหนักอึ้งเหลือหลาย ภาพพร่าๆ ที่ทอดสายตามองตอนนี้คือเพดานห้องขาวหมอง ไม่นานทัศนวิสัยก็ปรับชัดครั้นกะพริบตาอีกครั้งสองครั้ง เขานอนนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะกลอกมองรอบๆ ตัว พบว่าราวินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ เขา“ฉันสลบไปเหรอ?”“ครับ”อัศวินตอบกลับด้วยท่าทีเรียบเฉยเช่นเดิม“งั้นเหรอ? คงทำเอานายกับบิทเทอลำบากแย่เลยสินะ”“ใช่ แกทำ”สิ้นคำพูดนั้นจึงปรายมองตามเสียงอันคุ้นเคย คนกล่าวก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณพระเอกซึ่งยืนกอดอกพิงกำแพงฝั่งตรงข้ามเตียงที่เขานอนอยู่ นัยน์ตาสีฟ้าใสฉายแววไม่พึงใจไม่คิดปกปิด คาเลนซึ่งอาการยังไม่คงตัวมากเพียงหลุบมองลงอย่างรู้สึกผิดและเมื่อยล้า“ขอโทษ”“...”บิทเทอไม่ได้ตอบกลับอะไร ถึงกระนั้นถ้าสังเกตจากบรรยากาศอึมครึม เขารู้สึกได้เลยว่าตอนนี้พระเอกกำลังโกรธไม่น้อยเลยทีเดียว“ครั้งแรกเรื่องคำสาปย้อนกลับ แกไม่บอกฉันแต่ให้รามุสรู้ก็ยังพอให้อภัย แต่คราวนี้แกอาการกำลังแย่ แต่เลือกไม่บอกทั้งหมอนั่นหรือฉัน ปล่อยให้ตัวเองเป็นลมล้มพับไปแบบนั้น… ทำไม? แกอยากตายตั้
TW :: Trafficking (การค้ามนุษย์) / Emesis (อาเจียน) / Misogyny (การเหยียดผู้หญิง)‘อาร์ลีน’ หญิงเลอโฉมโดดเด่นแต่ไร้ค่า ด้วยตำหนิใหญ่หลวงเธอนั้นคือชาติกำเนิดอันเป็นทาสจากแดนสงคราม จึงง่ายดายนักที่นางจะถูกนำมาตีราคาในการแย่งชิง ไม่ว่าชาวบ้าน อัศวิน ขุนนางหรือเศรษฐี หากได้บังเอิญเห็นค่าหน้าค่าตานี้เข้าก็ต่างพากันหลงใหลโงหัวไม่ขึ้น เมื่อขายออกจึงพ้นจากทาสกลายเป็นนางบำเรอผู้นำตระกูลเอิร์ล‘ตุ๊กตาบำเรอ’ ฉายาที่ถูกตั้งให้ภาพความทรงจำเหล่านี้แล่นวนเวียนอยู่ในหัวคาเลนบ่อยครั้ง เกิดอย่างควบคุมไม่ได้ และง่ายที่จะทำให้เขาประสาทเสียกับสิ่งที่รับรู้ โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกส่งมายามเขาหลับใหลตอนนี้มันกำลังจะเริ่มฉายหนังชีวิตต่ออีกครั้ง…เวลากลางวันภายในห้องกว้าง อาร์ลีนนั่งเย็บปักผ้าเช็ดหน้าอยู่ริมหน้าต่างอย่างประณีต นัยน์ตาสีฟ้าสวยกลมโตจดจ่อกิจกรรมตรงหน้า มือบางค่อยๆ บรรจงถักทอด้ายบางสร้างลวดลายทีละนิด นี่คงเป็นงานอดิเรกเดียวที่เธอสามารถทำเพื่อคลายเครียดได้บัดนี้ชีวิตข
ระหว่างที่สองเท้าก้าวตามทางเท้า คาเลนก็หัวเราะกับตัวเองเหมือนคนบ้า บิทเทอซึ่งเดินข้างๆ มองอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนั้น แต่ไม่คิดจะถาม สาเหตุที่เขาทำตัวเหมือนคนสติหลุดนั่นเป็นเพราะหญิงสาวซึ่งวิ่งชนตนเมื่อกี้เธอคือ ‘นางร้าย’ นิยายนักล่าสาปบาป‘ไม่คาดฝันเลยแฮะว่าจะเจอที่เมืองธานแถมเร็วอีกต่างหาก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ภาพลักษณ์เธอดูใสซื่อกว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก คิดว่าจะดูร้ายๆ แต่ไหงออกมาอย่างกับสาวน้อยเรียบร้อยคนหนึ่ง ว่าแต่…เธอชื่ออะไรนะ? จำหน้าตาได้แต่ดันจำชื่อไม่ได้เนี่ยสิ?’ระหว่างเดินไปคิดไป ฝีเท้าต้องหยุดครั้นถูกกระตุกคอเสื้อรั้งไว้ ชายผมยาวดำชะงักพลันถอยเท้ากลับมายืนข้างๆ บิทเทอที่เป็นคนดึง “ถึงคอกม้าแล้ว” เสียงเรียบว่าพร้อมปรายนัยน์ตาสีฟ้ามอง เขาคงจะเหม่อคิดเยอะเกินไปเลยเกือบได้เป็นเด็กหลงทางแล้ว ดีที่คุณพระเอกใจดีจูงกลับมา“เดี๋ยวผมจะไปเช่าม้าให้นะครับ”คาเลนส่งเงินให้ราวินที่อาสาไปจัดการเช่าม้าให้ ปล่อยบิทเทอกับเขารออยู่ด้วยกันสองต่อสอง คุณพระเอกคาบบุหรี่ออกมาจากซองจุดสูบด้วยไม้ขีดเสร็จสรรพ
รุ่งสางมาถึงในที่สุด ราวินนั่งเอนหลังพิงพนักในห้องรับแขกทั้งคืน รับรู้ได้ทันทีว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าหรืออะไร แต่อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ได้หลับเอาแรงไปเยอะแล้วเลยไม่มีอาการง่วงใดๆ“ทำท่าทำทางเหมือนตัวเองเป็นรูปปั้นไปได้”เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกให้อัศวินปรายนัยน์ตามรกตมอง จึงพบว่าเป็นคาเลนที่ตอนนี้สารรูปดู…ไม่จืดเท่าไร ทั้งตาคล้ำ เสียงแหบ ไหนจะผมยุ่งเหยิง เป็นลักษณะของคนเพิ่งตื่นและนอนน้อยอย่างแท้จริง“นอนไม่หลับเหรอครับ?”“ก็...นิดหน่อย”เจ้าของบ้านยักไหล่ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงข้ามเขา“งั้นคุณควรหลับอีกสักหน่อย”“ฮะๆ ๆ ๆ ถ้านายพูดแบบนั้น ฉันจะนอนจริงๆ แล้วนะ”“ดีครับ ตอนนี้น่าจะประมาณตี 1 หลับเอาแรงต่อเถอะ”“...”ชายผมยาวดำไม่ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่ทอดสายตามองคู่สนทนา ก่อนต่อมาเขาจะถอนหายใจแล้วเปลี่ยนอิริยาบถตนเองจากนั่งเป็นนอนไปกับโซฟากว้าง เหยียดแข้งเหยียดขาพาดแขนเ



![เพียงชั่ววูบเดียว [MPREG]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



