ร่างบอบบางที่อยู่ในคราบบุรุษอาภรณ์สีดำทะมึน ส่งยิ้มหวานให้แก่ผู้มีพระคุณด้วยความจริงใจ ในขณะที่สายพระเนตรของจอมมารทรงจับจ้องร่างหนุ่มน้อยตรงหน้าพระพักตร์อยู่ตลอดเวลา ด้วยความสนพระทัยในท่าทางและถ้อยเจรจาที่แปลกประหลาดซึ่งพระองค์มิเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน
“วันหน้าหากได้พบกันอีก ข้าน้อยจะแทนคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้อย่างแน่นอน สิ่งใดที่พี่ชายต้องการให้ช่วยเหลือข้าน้อยยินดีเป็นอย่างยิ่ง” หญิงสาวกล่าวพร้อมก้าวเข้ามาหาในระยะใกล้พลางเอามือป้องปากเอาไว้ “ถ้าข้าได้มีโอกาสมาเมืองนี้อีกนะพี่ชาย” หญิงสาวเอ่ยออกมาเบาๆ พลางส่งเสียงหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่ พระโอษฐ์คลี่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อทรงได้ยินเสียงหัวเราะของหนุ่มน้อยร่างบาง พระองค์พยักพระพักตร์ขึ้นลงติดๆ กันเป็นการยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายบอกกลับมา “เอาละข้าน้อยรบกวนเวลาอันมีค่าของพี่ชายมามากแล้ว ขออำลาตรงนี้เลยก็แล้วกัน จะไปเดินเที่ยวชมงานสักหน่อย” กล่าวพร้อมหันหลังกลับเดินจากไป “เจ้าชื่ออะไร!” สุรเสียงของจอมมารรับสั่งถามดังขึ้นอยู่เบื้องหลัง ร่างระหงในคราบบุรุษหยุดชะงักทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น ดวงตากลมโตภายใต้หมวกผ้าคลุมกลอกกลิ้งไปมา คิดหาชื่อให้กับตัวเองเป็นการใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป “เรียกข้าเสี่ยววาวาก็ได้พี่ชาย” หญิงสาวตอบกลับไปโดยไม่หันกลับมามอง สองขาเดินออกจากบริเวณนั้นทันที “เสี่ยววาวาอย่างนั้นเหรอ!” รับสั่งพึมพำเบาๆ สายพระเนตรจับจ้องอยู่ที่ร่างบอบบางอยู่เช่นนั้นก่อนจะค่อยๆ พระดำเนินออกไปจากบริเวณดังกล่าว ในขณะที่สายพระเนตรยังคงจับอยู่ที่ร่างหนุ่มน้อยเสี่ยววาวาอยู่ตลอดเวลา ภายในงานเทศกาลดังกล่าวคับคั่งไปด้วยผู้คนมากมายจากต่างเมืองและต่างแคว้น ทยอยเข้าเมืองเทียนจิ้นมากันอย่างคับคั่ง เฉินวาวาเดินชมงานด้วยความเพลิดเพลิน พลางมองหาร้านขายอาหารที่เธอพอจะกินอะไรรองท้องได้บ้างก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายบะหมี่ เมื่อกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก “โอ้โฮ..หอม!หอมมาก! หิวจังเลย ท่าทางคงจะอร่อย กินบะหมี่ร้านนี้แหละ หิวจนจะกินวัวได้ทั้งตัวแล้ว” หญิงสาวเอ่ยพึมพำพร้อมรีบตรงปรี่เดินเข้าไปร้านบะหมี่ข้างทางทันที “ว้าว!บะหมี่เกี๊ยวของโปรดแถมมีหมั่นโถแล้วก็ซาลาเปาด้วย” หญิงสาวกวาดสายตามองหน้าตาสีสันของบะหมี่ที่เจ้าของกำลังสาละวนอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้วิธีการใช้เงินในยุคนี้หากต้องจ่ายค่าอาหารหรือซื้ออะไรก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง มือเรียวสวยล้วงเข้าไปในอกเสื้อเพื่อคลำหาถุงเงินของเธอ แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อคลำหาเท่าไรก็หาไม่พบ ร่างระหงหมุนไปรอบตัวทันที พร้อมคลำไปทั่วร่างงาม “อะ... อ้าว... เฮ้ย! งานเข้าแล้วเฉินวาวา เธอดันทำถุงเงินหายคงจะทำตกตอนวิ่งหนีพวกอันธพาลแน่ๆ เสร็จกัน แบกท้องไส้กิ่วเหมือนเดิม” หญิงสาวยืนบ่นพึมพำอยู่ภายในใจ พร้อมเสียงของเถ้าแก่ร้านบะหมี่ดังขึ้น “คุณชายท่านนี้เชิญเข้าไปนั่งในร้านต้องการสั่งอะไรบอกได้เลย บะหมี่ร้านข้ารวมไปถึงอาหารทุกอย่างในร้านอร่อยที่สุดในเมืองเทียนจิ้นเลยนะ” เถ้าแก่ร้านบะหมี่เอ่ยสรรพคุณร้านของตนเองให้หญิงสาวล่วงรู้ “เอื๊อกกก!” เฉินวาวายืนกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหิว ได้แต่ยืนคอตกเพราะไม่มีเงินจ่าย “แหะๆ กะ... ก็อยากลิ้มลองอยู่หรอกนะ... ตะ... แต่บังเอิญวะ... ว่า...” หญิงสาวเอ่ยได้เพียงเท่านั้นพลันต้องหยุดลงเมื่อดวงตากลมโตเห็นมือใหญ่ยื่นบางสิ่งคล้ายใบไม้สีทองอร่ามส่งให้เถ้าแก่ร้านบะหมี่ “เถ้าแก่ ทำบะหมี่ที่ดีที่สุดยกมาให้คุณชายท่านนี้ได้ลิ้มลอง ในร้านมีสิ่งใดที่เลิศรสยกออกมาให้หมด” เสียงดังกล่าวบอกเถ้าแก่เจ้าของร้าน ท่ามกลางความดีใจของเถ้าแก่ผู้นั้น ที่มีลูกค้าใจดีเหมาอาหารในร้านจนหมดด้วยใบไม้ทองคำทำให้เฉินวาวาแหงนหน้าขึ้นมองทันที ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ “พี่ชาย!โห... ทะ... ทำไม... ท่านมา... จ่ายเงินให้ข้าล่ะ... แถมเหมาหมดร้านด้วย” เฉินวาวาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ถ้าข้าเดาไม่ผิดเจ้าวิ่งหนีอันธพาลมาคงทำถุงเงินตก หรือไม่ก็คงหลงลืมนำติดตัวมาด้วยใช่หรือไม่” จอมมารรับสั่งถามกลับไปราวกับตาเห็น เฉินวาวาอ้าปากค้างขึ้นมาทันที ครั้นได้ยินเช่นนั้นเธอยกหัวแม่นิ้วโป้งชูขึ้นมาอีกครั้งด้วยความทึ่งของผู้มีพระคุณ “พี่ชายช่างเป็นคนคาดการณ์อะไรได้แม่นยำเช่นนี้! เป็นจริงดั่งคำของท่านนั่นแหละ ตอนนี้ข้าหิวข้าวจนจะกินวัวกินม้าได้ทั้งตัวแล้ว แถมยังต้องวิ่งหนีอันธพาลพวกนั้นอีกทำให้เสียพละกำลังไปเยอะเลย จนตอนนี้สามารถกินทุกอย่างที่ขวางหน้าได้จนหมดเมืองเลยเชียวแหละ” เฉินวาวาพูดรัวเป็นปืนกลฟังแทบไม่ทัน “ถึงเพียงนั้นเชียวรึ!” จอมมารรับสั่งถามอีกครา “อือ! หิวมากเลย” หญิงสาวกล่าวพร้อมยกแขนทั้งสองข้างกางออกกว้างทำท่าทางประกอบให้อีกฝ่ายเข้าใจความหิวของเธอที่มีอยู่ในขณะนี้ เฉินวาวาอธิบายความหิวของเธอให้ผู้มีพระคุณฟัง ในขณะที่คนฟังได้แต่ส่ายหน้าไปมากับสิ่งที่เธอบอกอยู่ตอนนี้ กิริยาดังกล่าวหาได้รำคาญแต่อย่างใดแต่ตรงกันข้ามฟังแล้วเพลินต่างหากเล่า พร้อมเสียงเถ้าแก่ร้านขายบะหมี่ดังขึ้น “คุณชายทั้งสองเชิญนั่งได้เลยขอรับ อาหารเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว” ครั้นเฉินวาวาได้ยินเช่นนั้นร่างระหงวิ่งตรงดิ่งไปที่โต๊ะซึ่งจัดอาหารเอาไว้ละลานตาไปหมด โดยมีร่างสูงใหญ่ของจอมมารพระดำเนินตามหลังมาติดๆ “วะ... ว้าว... หน้าตาน่ากินจังเลย...” หญิงสาวกล่าวพร้อมหันกลับไปมองจอมมารที่กำลังพระดำเนินตามหลัง ร่างเล็กๆ ตรงเข้าคว้าพระหัตถ์ใหญ่ของจอมมารพร้อมรีบจูงไปยังโต๊ะอาหาร ก่อนจะรีบทรุดกายลงนั่งบนตั่งตัวตรงกันข้าม มือเรียวสวยรีบจัดแจงวางถ้วยชาพร้อมรินน้ำชาออกจากกาให้กับตัวเธอพร้อมยื่นส่งให้พระองค์ “ข้าน้อยขอคารวะพี่ชายที่ช่วยชีวิต มิหนำซ้ำยังเลี้ยงข้าวข้าอีก บุญคุณที่ให้ข้าวให้น้ำในครั้งนี้วันข้างหน้าเสี่ยววาวา จะต้องตอบแทนท่านแน่นอน” หญิงสาวพูดพร้อมยังประคองถ้วยชาถือค้างเอาไว้เพื่อรอผู้มีพระคุณรับน้ำชาจากเธอ พระโอษฐ์คลี่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น พระหัตถ์เอื้อมรับถ้วยชาจากหนุ่มน้อยร่างบอบบาง “ไม่ต้องมากพิธี ข้าเพียงแค่ช่วยเหลือตามสถานการณ์เท่านั้น” รับสั่งตอบกลับไปตามความเป็นจริงพลางยกถ้วยชาสอดใต้ผ้าคลุมยกขึ้นจิบช้าๆ ในขณะที่หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างออกมาทันทีเมื่อผู้มีพระคุณรับถ้วยชาจากเธอขึ้นดื่ม แม่สาวน้อยยกชาขึ้นดื่มด้วยความกระหายก่อนจะเทน้ำชาลงถ้วยยกขึ้นดื่มติดต่อกันอีกสองครั้ง “เฮ้อ! ชื่นใจ หิวน้ำเกือบตาย” หญิงสาวส่งเสียงพึมพำด้วยท่าทีสดชื่นแจ่มใสยิ่งนัก ท่ามกลางสายพระเนตรของจอมมาร ทรงทอดพระเนตรหนุ่มน้อย ที่เอ่ยกับถ้อยคำและท่าทางแปลกประหลาดอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งก็กำลังปรากฏขึ้นอยู่ในขณะนี้ต่อหน้าพระพักตร์ เฉินวาวายกถ้วยบะหมี่มาไว้ตรงหน้าท่าทางดูเก้ๆ กังๆ เสียนี่กระไร เมื่อเธอพยายามจะสอดถ้วยบะหมี่เข้าไปใต้ผ้าคลุมที่ปกปิดอำพรางใบหน้าของเธออยู่ในขณะนี้ ท่าทางที่แสดงออกมาเช่นนั้นทำให้พระองค์ทรงมีรับสั่งออกมาโดยพลัน “หากเจ้าจะกินบะหมี่โดยที่ไม่ยอมถอดหมวกผ้าคลุมออก เห็นทีเจ้าคงต้องอดอาหารมื้อใหญ่นี้เสียแล้วกระมังเสี่ยววาวา มิสู้ถอดหมวกออกเพื่อความสะดวกของเจ้าดีหรือไม่ หากเกรงกลัวอันธพาลเหล่านั้นพบเห็น ข้าจะลงมือจัดการให้เอง” รับสั่งแนะนำหญิงสาว ถ้อยรับสั่งของจอมมารทำให้หญิงสาวได้คิดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “นั่นน่ะสิ! ขืนกลัวใครเห็นวันนี้จะได้กินไหม อีกอย่างตอนนี้หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว” หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ “ขอบคุณพี่ชายที่แนะนำ ข้าลืมคิดไปมัวแต่คิดกังวลไปเอง” หญิงสาวกล่าวคำขอบคุณ เฉินวาวารีบวางถ้วยบะหมี่ลงบนโต๊ะตามเดิม ก่อนจะใช้มือจับหมวกผ้าคลุมที่สวมอยู่ยกออกจากศีรษะของเธอทันทีเผยให้เห็นใบหน้าซีกขวาที่ครอบหน้ากากทองคำเอาไว้ซึ่งมีลักษณะเดียวกับจอมมารไม่มีผิดเพี้ยน แตกต่างตรงลวดลายสลักของเธอเป็นดอกจวี๋ฮวาแต่ของจอมมารเป็นไฟอัคคีพระราชวังจำลองพิธีอภิเษกสมรสในซีรีส์เรื่องดัง ถ่ายทำฉากกราบไหว้ฟ้าดินระหว่างนางมารร้ายตัวเอกของเรื่องและชินอ๋องแห่งแคว้นเทียนโจว ปรากฏขึ้นต่อสายตาของเฉินวาวาด้วยความรู้สึกยากเกินจะบรรยายออกมาได้ ด้วยทุกอย่างตรงกับพิธีที่การทุกอย่างในยุคอดีต ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสถานที่โดยรอบ บรรดาข้าราชบริพารที่ยืนประจำจุดของตน รวมไปถึงตำแหน่งที่ประทับขององค์ฮ่องเต้ล้วนเหมือนกันทุกอย่าง“อะ... อะไรกันนี่!” หญิงสาวในชุดเจ้าสาวโบราณในพิธีเตรียมพร้อมเข้าฉากถึงกับยืนตะลึงไปโดยพลันในขณะที่อู๋ชิงเหยียนก็มีอาการไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย ไม่คาดคิดว่าพิธีแต่งงานในยุคโบราณจะยิ่งใหญ่อลังการถึงขนาดนี้“โอ้โฮ! วาวาเธอนี่โคตรโชคดีเลยให้ตายสิ! ได้เข้าฉากแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการแบบนี้ ราวกับว่าเข้าไปมีชีวิตในซีรีส์เรื่องนี้เลยนะ” แม่ผู้จัดการสาวกล่าวออกมาตามความรู้สึก“ฉันเคยเข้าพิธีแบบนี้มาแล้วกับชินอ๋องแห่งเทียนโจว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ฉันจะได้เข้าพิธีแบบนี้อีก แตกต่างตรงที่คนที่ฉันจะเข้าพิธีในครั้งนี้ไม่ใช่ท่านอ๋องของฉัน”
งานแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรเฉินวาวานั่งเงียบงันอยู่บนรถ SUV ของบริษัทฯ ซึ่งเธอเดินทางมาร่วมงานในฐานะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ของ JCS GOLD MASTER ใบหน้างดงามลึกล้ำถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนเฉิดฉายน่ามองชวนหลงใหลอย่างยิ่งยวด หากแต่ดวงตาคู่สวยกลับมีแต่ความหม่นหมอง ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนก่อน“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากแม่ผู้จัดการสาว บ่งบอกให้รู้ว่าเธอกลุ้มใจกับอาการของเพื่อนรัก“วาวา! ถึงงานแล้วไม่ลงเหรอ นั่งเหม่อมาตลอดทาง ไม่ใช่สิ นั่งเหม่อมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นแบบนี้จะสองอาทิตย์แล้วนะ ถามจริงเถอะ! เมื่อไรอาการแบบนี้จะหายไปจากตัวแกเสียที” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดให้เพื่อนรัก“ไม่หาย! ไม่มีใครรักษาฉันหายหรอกเหยียนเหยียน ป่วยกายรักษาด้วยยาหายได้ แต่ป่วยใจคนที่รักษาได้คือคนรักของฉันเท่านั้น มีเพียงท่านอ๋องคนเดียวที่ทำได้” กล่าวพร้อมหยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาทันที“แปะ!” น้ำตาร่วงหล่นลงมาทันใด“อั้ยยะ! อย่าร้องนะ! อย่าร้อง... ห้ามร้องเด็ดขาดเลย จะต้องเข้าไปในงาน
มณฑลเสฉวน ณ โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องคนไข้พิเศษพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารชินซางยังคงอยู่ในห้วงญาณหลับใหลมาโดยตลอด พระพักตร์หล่อเหลาตราตรึงรัญจวนจิต รับกับขนตางามงอนเป็นแพยาวสวย พระนาสิกโด่งสันสวยขึ้นเป็นสันคม ภายใต้เกศาสีเงินยาวสยายเต็มหมอนที่กำลังถูกนางพยาบาลใช้แปรงหวีพระเกศาสีเงินยาวสยายอย่างเบามือ“ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังอีกเลยเนอะ พระเอกบางคนยังหล่อสู้ไม่ได้เลย เป็นลูกครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ถึงมีเส้นผมสีบลอนด์เงินแบบนี้ สีเงินสม่ำเสมอไม่ใช่สีขาวเพราะผมหงอกก่อนวัยด้วย แถมสูงเกือบสองเมตร หุ่นก็ดี๊ดี... กล้ามเนื้อแน่นไปทุกส่วนเลย เช็ดตัวให้ทีไรมีความสุขจริงๆ เลยนะเธอ” นางพยาบาลสองคนที่ช่วยกันดูแลคนไข้ปริศนา ต่างคุยกันอยู่ใกล้เตียงด้วยความเคลิบเคลิ้มอย่างยิ่งยวดตั้งแต่จอมมารถูกช่วยขึ้นจากน้ำตกในอุทยานแห่งชาติที่เดียวกันกับเฉินวาวา หากแต่พบพระองค์ห่างไกลออกไปนอนหมดสติอยู่ทางต้นน้ำ หลังจากนั้นได้ถูกช่วยจากเจ้าหน้าที่อุทยานนำส่งโรงพยาบาลเฉิงตู หลังพระชายาเข้าทำการรักษาไปแล้วหนึ่งวัน นับ
ร่างระหงตรงดิ่งเข้าสวมกอดนางพยาบาลที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด ในขณะที่อีกฝ่าย อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมนางร้ายหน้าสวยจึงรู้จักชื่อของเธอ สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“คุณเฉินวาวารู้จักชื่อของฉันด้วยเหรอคะ” นางพยาบาลที่เหมือนมู่อิงราวเป็นคนเดียวกันถามทำลายความเงียบหญิงสาวที่กำลังสวมกอดด้วยความดีใจ ยิ้มกว้างพร้อมหยาดน้ำตาก่อนจะปล่อยร่างนั้นออกจากอ้อมกอดของเธอเพื่อสำรวจใบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ครั้นยิ่งมองยิ่งเหมือนมู่อิงในยุคอดีตทำให้เฉินวาวายิ่งหลั่งน้ำตามากขึ้นไปกว่าเดิม“ขอโทษด้วยคะ พอดีคุณเหมือนกับคนที่ฉันรู้จักมากๆ เธอมีชื่อและหน้าตาเหมือนกับคุณพยาบาลไม่มีผิดเพี้ยน ก็เลยทำให้นึกถึงและคิดถึงมากด้วย”หญิงสาวตอบพลางส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมาทันทีนางพยาบาลสาวถึงกับน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที เธอเอื้อมมือไปจับมือเรียวสวยของนางร้ายที่เธอชื่นชอบ พร้อมเอ่ยปลอบโยน“อย่าร้องไห้เลยนะคะ เดี๋ยวคนที่คุณรู้จักถ้ารู้ว่าร้องไห้เพราะคิดถึงแบบนี้จะไม่สบายใจเอาได้ ร้องไห้มากตาบวมเดี๋ยวไม่สวยนะคะ”หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาทันทีเม
ยุคอนาคตมณฑลเสฉวน ณ.โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องพิเศษบัดนี้ร่างงามระหงของเฉินวาวา กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาล หญิงสาวได้กลับคืนสู่ยุคอนาคต และยังคงอยู่บนผืนแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ เธอหลับใหลตั้งแต่อยู่ในอดีตกาลจนกระทั่งกลับมาสู่อนาคตอย่างไม่คาดฝันร่างของเธอถูกพบอยู่บริเวณน้ำตกในอุทยานแห่งชาติในชุดเกราะและสวมหน้ากากทองคำอยู่ด้วยในขณะนั้น แผลจากคมธนูที่ถูกฮ่องเต้แคว้นเยว่ยิงปักถูกร่างนั้น ถูกเย็บและได้รับรักษาเป็นอย่างดีจากแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีใครล่วงรู้ว่าเธอมาปรากฏกายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเพราะเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ในขณะที่การพบนางร้ายหน้าสวยเฉินวาวาเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง เพราะหญิงสาวหายสาบสูญไปนานกว่าหนึ่งเดือน อันเป็นระยะเวลาของโลกอนาคตที่ดำเนินอยู่ ซึ่งแตกต่างจากยุคอดีตที่จากมากาลเวลาในยุคอดีตผ่านไปแล้วหนึ่งปีในขณะที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนักข่าวต่างรอทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น เมื่อข่าวการค้นพบของเฉินวาวา นางร้ายหน้าสว
ฉับพลันสุรเสียงของจอมมารชินซางดังกระหึ่มท่ามกลางทะเลเพลิง“มันผู้ใดหาญกล้าแตะต้องราชินีของข้า!” สุรเสียงของจอมมารดังกึกก้อง พร้อมพระวรกายค่อยๆ ปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลเพลิงที่ลุกโชนท่วมสูงทิวเขาต่อหน้ากองทัพของทั้งสามแคว้นท่ามกลางสายตาของมนุษย์ที่มีมากมายเป็นเรือนแสนของสองฝั่งแม่น้ำ ต่างยืนมองอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นบุรุษสวมอาภรณ์สีนิลกาฬ เกศาสีเงินปลิวยายสยาย ในขณะที่รองแม่ทัพซึ่งล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อเห็นชินอ๋องทรงฟื้นขึ้นดั่งเดิมและปรากฏอยู่ตรงหน้าท่ามกลางทะเลเพลิงอยู่ในขณะนี้“ชินอ๋องทรงฟื้นแล้ว! พระองค์ช่วยพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ฮ่องเต้โฉดผู้นี้กำลังจะจับพระชายาถ่วงน้ำ!” รองแม่ทัพตะโกนแทรกออกไปทันทีและนั่นทำให้ชิงอวิ้นฮ่องเต้ถึงกับชะงักงันเมื่อบุรุษสูงใหญ่ตรงพระพักตร์แท้จริงแล้วคือชินอ๋องผู้วายชนม์ไปแล้วเมื่อสามเดือนก่อนแต่บัดนี้กลับมาปรากฏพระวรกายด้วยร่างที่ยังคงรูปมิเน่าเปื่อยแต่อย่างใด“เป็นไปไม่ได้! คนตายแล้วฟื้นคืนกลับมาอย่างนั้นรึ!” รับสั่งรำพึงรำพันในขณะเดียวกันพระวรกายสูงใหญ่ทะ