Masukข้าวหอมใช้เวลาเก็บของไม่นานก็เดินไปหายายที่ร้านขายกะทิสด เธอสั่งหัวและหางกะทิเป็นจำนวนมาก เพื่อให้พอกับขนมที่เธอจะทำขายในวันพรุ่งนี้ ก่อนกลับบ้าน ข้าวหอมติดต่อกับเจ้าของแผงว่าเธอจะเช่าแผงของยายต่อในระยะยาว ทำให้เจ้าของแผงดีใจไม่น้อยที่ไม่ต้องหาคนเช่าใหม่ เพราะยายสาอายุมากแล้วเลยไม่ค่อยได้ออกมาขายขนม เจ้าของแผงกลัวว่าแผงของเธอจะว่างเปล่าหากยายสาไม่มา
ข้าวหอมจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งปีเต็ม เธอไม่อยากจ่ายเงินรายเดือนให้ยุ่งยาก ข้าวหอมจึงเลือกเช่าแบบรายปีแทน เธอไม่รู้ว่าขนมของเธอจะขายดีหรือเปล่า อย่างน้อยข้าวหอมก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องหาเงินค่าเช่าแผง“กลับบ้านกันเถอะลูก” ยายสาบอกเมื่อเห็นว่าข้าวหอมจัดการเอกสารเช่าแผงเสร็จแล้ว
“ได้ค่ะยาย ไปกัน” ข้าวหอมเดินเคียงข้างยายไปช้า ๆ สองมือเล็กของเธอยังคงถือถุงกะทิหนักหลายกิโลเอาไว้อยู่
“ค่ำนี้อยากกินอะไรล่ะ ยายจะทำให้กิน” ยายสากลัวว่าหลานสาวจะเหนื่อยจึงอาสาที่จะทำอาหารด้วยตัวเอง
“ไม่เป็นไรค่ะยาย ข้าวหอมทำเองดีกว่า ยายอยากกินอะไรก็บอกได้นะคะ” ข้าวหอมยิ้มแป้น
“ยายกินได้หมดนั่นแหละลูก ทำมาเถอะ” ยายสาแย้มยิ้มชราตอบ
“ถ้าอย่างนั้นทำแกงไก่กับนึ่งปลา นึ่งผักดีไหมคะ ข้าวหอมจะได้ตำน้ำพริกให้ยายกินด้วย”
“ได้สิ ถ้ามีอะไรให้ยายช่วยก็บอกนะลูก” ยายสาบอกอย่างอาทร
“ยายนั่งดูทีวีรอกินก็พอค่ะ ข้าวหอมทำได้”
เสียงใสของหลานสาวทำให้ยายสาอดยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งไม่ได้ ทั้งสองใช้เวลาเดินทางกลับจากตลาดไม่นานนัก เมื่อถึงบ้าน ข้าวหอมลงไปส่งยายให้นั่งดูทีวีรอเธอระหว่างทำมื้อเย็นพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นข้าวหอมก็เดินกลับไปเก็บของที่ซื้อมาลงจากรถเข้าไปไว้ในห้องครัวต่อและเริ่มทำอาหารเย็นทันทีเสียงฮัมเพลงเบา ๆ ระหว่างทำอาหารของข้าวหอมดังมาให้ยายสาได้ยิน เธออดอมยิ้มขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ หลายปีแล้วที่บ้านอันเงียบเหงาแห่งนี้ไม่มีเสียงเพลงของข้าวหอม ยายสารู้สึกดีไม่น้อยเมื่อญาติเพียงคนเดียวกลับมาอยู่ด้วย เธอรู้ดีว่าอายุของเธอในตอนนี้ไม่สามารถดูแลหลานสาวได้เหมือนเมื่อก่อน แต่อย่างน้อยยายสาก็สามารถเป็นกำลังใจให้หลานสาวคนเดียวของเธอได้ความจริงแล้วยายสาเคยเห็นสายตาเหม่อลอยของข้าวหอม เพียงแต่ยายสาไม่อยากถามเรื่องที่ข้าวหอมปิดบังเอาไว้ นงคราญลูกสาวยายสาเองก็เคยมีอาการแบบนี้ตอนที่พาข้าวหอมกลับมาให้เธอเลี้ยง เพียงแต่นงคราญนั้นอาการหนักกว่าข้าวหอมมากนัก เธอทั้งร้องไห้และต่อว่าด่าทอพ่อของข้าวหอมยกใหญ่ที่ไร้ความรับผิดชอบ ถึงแม้ยายสาจะไม่รู้ว่าพ่อที่แท้จริงของข้าวหอมเป็นใคร แต่จากรูปร่างหน้าตาของข้าวหอม ยายสาก็คิดว่าเขาน่าจะหล่อเหลาเอาการมากเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นข้าวหอมคงไม่หน้าตาสวยหวานได้ถึงขนาดนี้ ไหนจะความสูงของเธอที่ตอนนี้สูงกว่านงคราญถึงหนึ่งช่วงศรีษะอีก ยายสาจึงคิดว่าพ่อของข้าวหอมน่าจะรูปร่างดีกว่าผู้ชายทั่วไปเป็นแน่ข้าวหอมทำอาหารเสร็จในเวลาต่อมา เธอนั่งกินข้าวกับยายอย่างสบายใจ ข้าวหอมกินไปคิดไปว่าจะทำขนมอะไรบ้างในวันพรุ่งนี้ เธอไม่รู้ว่าลูกค้าที่นี่ชอบกินขนมแบบไหนบ้าง เพราะไม่ได้อยู่กับยายเสียหลายปี“ยายจ๋า คนแถวนี้เขาชอบกินขนมอะไรเหรอคะ” ข้าวหอมตักน้ำพริกกับผักนึ่งให้ยาย
“อืม… ก็ขนมที่ยายเคยขายตอนข้าวหอมเด็ก ๆ นั่นแหละลูก” ยายสาเองก็ไม่เคยสังเกตว่าลูกค้าของเธอชอบอะไร ตลอดเวลาที่ขายขนมมาหลายปี ยายสาก็มักจะทำขนมสลับกันไป
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าวหอมทำสังขยาใบเตย ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด สี่อย่างพอไหมจ๊ะยาย ข้าวหอมอยากลองตลาดก่อน” ข้าวหอมถามพร้อมรอยยิ้ม
“ได้สิลูก ไม่ต้องทำมากมายนักหรอก แค่สี่อย่างก็ขายให้หมดก็พอแล้ว” ยายสายิ้มตอบ
สองยายหลานกินไปคุยไปจนกระทั่งอิ่ม ข้าวหอมให้ยายไปอาบน้ำพักผ่อน ส่วนเธอเข้าครัวนำอาหารที่เหลือไปเก็บและล้างทำความสะอาดของในครัว ก่อนจะไปอาบน้ำพักผ่อนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้เช้าข้าวหอมต้องตื่นมาเตรียมขนมตั้งแต่ตีสามเจ็ดโมงเช้าวันต่อมา ข้าวหอมพายายไปขายของที่ตลาดด้วย เธอเป็นห่วงกลัวว่ายายจะเหงา ในเมื่อตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ข้าวหอมก็จะไม่ปล่อยให้ยายต้องอยู่คนเดียวอีก ตอนนี้ในตลาดยังไม่ค่อยมีคนมามากนัก ส่วนใหญ่พวกเขาจะมาเดินตลาดกันช่วงเจ็ดโมงครึ่ง ข้าวหอมจึงมีเวลาจัดแผงขายของและนำขนมใส่ถุงเอาไว้ก่อน“อ้าว ยาย วันนี้เปลี่ยนแม่ค้าสาวสวยมาขายแทนเหรอจ๊ะ” ลูกค้าประจำของยายสาถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง เมื่อสองวันก่อนเธอมาตลาดก็ไม่เห็นยายสามาขายของ เธอจึงนึกว่ายายสาป่วยเสียอีก
“หลานสาวกลับมาอยู่ด้วยจ๊ะ วันนี้มีขนมสี่อย่าง เอาอะไรดีจ๊ะ” ยายสาตอบกลับอย่างคุ้นเคยกับลูกค้าเป็นอย่างดี
“เอาสังขยาใบเตยสี่ชิ้นจ๊ะ” ลูกค้าหยิบเงินสี่สิบบาทออกมาจากกระเป๋า ราคาขนมพวกนี้ไม่เคยขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว
“นี่ค่ะคุณป้า” ข้าวหอมนำขนมใส่ถุงยื่นให้ลูกค้าวัยกลางคนพร้อมรอยยิ้มหวาน
“ขอบใจมากจ๊ะหนู วันหลังป้าจะมาอุดหนุนใหม่นะลูก”
“ขอบคุณมากค่ะ” ข้าวหอมยิ้มกว้างออกมาเมื่อเธอกำลังจะมีลูกค้าประจำ
ข้าวหอมขายของที่ตลาดจนถึงเก้าโมงเช้า ขนมทั้งสี่อย่างของเธอที่นำมาก็หมดเสียที ข้าวหอมเก็บข้าวของใส่ตะกร้ายกกลับไปที่รถ เธอให้ยายสารออยู่ที่ร้านเพื่อแวะซื้อของกลับไปเก็บไว้ที่บ้านเพิ่มอีกหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
กิจวัตรประจำวันของข้าวหอมยังคงไม่แตกต่างจากวันแรกที่กลับมาถึง เธอทำขนมไปขายทุกวันไม่เว้นวันหยุด ส่วนยายสาก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอบ้างเป็นบางวัน หลังจากเห็นว่าข้าวหอมคุ้นเคยกับลูกค้าประจำของเธอแล้ววันนี้ข้าวหอมมีลูกค้าใหม่มาซื้อขนมที่ร้านเป็นจำนวนมาก เป็นเพราะลูกค้าเก่าที่พูดกันปากต่อปากว่าขนมไทยข้าวหอมไม่หวานเกินไป พวกเธอจึงสามารถกินได้โดยไม่กลัวอ้วนเลยแม้แต่น้อย ข้าวหอมนึกขอบคุณอลันในใจที่เขาเองก็ไม่ชอบของหวาน เธอจึงปรับปรุงและพัฒนาฝีมือการทำขนมมาตลอดหลายปี“วันนี้ยายไม่มาด้วยเหรอคะแม่ค้า” แม่บ้านคนหนึ่งที่ชอบกินขนมของเธอถาม
“ฉันอยากให้ยายพักผ่อนบ้างน่ะค่ะ เลยให้ยายอยู่ที่บ้าน” ข้าวหอมตักขนมไปบอกไป
“อือ… ดีนะที่หนูมาขายแทนยาย พี่สาวเห็นยายอายุมากแล้วก็นึกห่วงอยู่” เมื่อก่อนเธอไม่ได้มาซื้อบ่อยมากนัก เพราะยายทำหวานเกินไป
“ขอบคุณที่เป็นห่วงยายนะคะ ชิ้นนี้หนูแถมให้ค่ะ” ข้าวหอมแถมขนมให้ลูกค้าเพิ่มไปอีก
“ขอบใจมากจ๊ะ พรุ่งนี้จะมาอุดหนุนอีกนะจ๊ะ” ลูกค้ายิ้มกว้างก่อนเดินจากไป
ลูกค้าคนอื่นที่รอคิวอยู่ต่างสั่งขนมกันคนละชิ้นสองชิ้น ข้าวหอมใช้เวลาไม่นานก็ขายขนมของวันนี้หมด เธอรีบเก็บของและซื้ออาหารกลับไปกินที่บ้านกับยายในช่วงสายของวันแทน เพราะบางครั้งข้าวหอมก็กลัวยายจะเบื่ออาหารฝีมือของเธอขณะที่กำลังกินข้าวกันอยู่ ยายสาที่สังเกตหลานสาวมาหลายวันตัดสินใจเอ่ยปากถามในสิ่งที่เธอสงสัยมาตลอด“ข้าวหอม หลานมีอะไรในใจหรือเปล่าลูก” ยายสาส่งสายตาห่วงใยไปให้หลานสาว
“หืม? ทำไมยายถามแบบนี้ล่ะคะ” ข้าวหอมขมวดคิ้วอย่างสงสัย เธอไม่รู้มาก่อนว่ามีหลายครั้งที่ตัวเองเหม่อลอยจนยายสงสัย
“ยายเห็นข้าวหอมเหม่อลอยจนเกือบเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งแล้ว มีอะไรก็บอกยายได้นะลูก เรามีกันแค่สองคน ข้าวหอมไม่จำเป็นต้องปิดบังยายหรอก” ยายสายิ้มบางบอก
“ยาย… ฮึก… หนูขอโทษค่ะ” ข้าวหอมกลั้นน้ำตาอย่างสุดชีวิต แต่น่าเสียดายที่พอเห็นสายตาของยายที่มองมา ข้าวหอมก็บ่อน้ำตาแตกเสียแล้ว
กว่าที่ข้าวหอมจะเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับอลันจบ น้ำตาของข้าวหอมก็เหือดแห้งแทบไม่เหลืออีกต่อไป“เฮ้อ ในเมื่อไม่มีวาสนาต่อกัน หลานถอยออกมาก็ดีแล้วลูก ต่อไปยายจะเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างข้าวหอมเองนะ เลิกคิดมากได้แล้ว” ยายสาแย้มรอยยิ้มชราบอกหลานสาว
“หนูทราบแล้วค่ะยาย ต่อไปข้าวหอมจะเข้มแข็งและดูแลยายให้ดีค่ะ” ข้าวหอมฝืนยิ้มส่งให้ยายสาก่อนจะขอตัวเก็บสำรับอาหารที่เพิ่งกินก่อนหน้านี้
ยายสาได้แต่มองตามหลังหลานสาวคนเดียวด้วยความห่วงใย เธอไม่คิดว่าหลานสาวตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพแทบไม่ต่างกับลูกสาวเธอเลย ยังดีที่หลานสาวของเธอไม่ถึงกับเสียใจอะไรมากนัก คงเพราะข้าวหอมถูกสอนให้รู้จักปล่อยวางและมองความจริงมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก มีหลายครั้งที่ข้าวหอมถามถึงพ่อแม่ ยายสาก็บอกข้าวหอมไปตามตรงโดยไม่ได้ปิดบังอะไร ทำให้ข้าวหอมมีจิตใจแข็งแกร่งกว่าเด็กทั่วไปข้าวหอมกลายเป็นแม่ค้าขนมคนสวยของตลาดในอำเภอท่าแพโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ลูกค้าชายหญิงมากมายต่างชอบขนมไทยรสชาติแปลกใหม่และไม่หวานเกินไปของข้าวหอมจนขนมแทบจะไม่พอขาย จากที่เคยทำวันละสี่อย่าง ข้าวหอมก็ต้องเตรียมขนมมาขายเป็นวันละสิบอย่างแทนยายสาช่วยหลานสาวเตรียมขนมในช่วงบ่ายทุกวัน เพื่อที่รุ่งเช้าวันต่อไป ข้าวหอมจะได้นำขนมที่เตรียมเอาไว้ทำต่ออีกนิดหน่อยแล้วนำไปขายตลาดเท่านั้นรายได้จากการขายขนมของข้าวหอมถึงแม้จะไม่ได้มากมายเหมือนตอนทำงานในเมืองกรุง แต่ข้าวหอมกลับได้รับรอยยิ้มและความสบายใจมากกว่าหลายเท่านักเสียงหัวเราะคิกคักของผู้ใหญ่และเด็กอย่างอเล็กซ์ ยิ่งสร้างความอับอายให้กับข้าวหอมมากกว่าเดิมเสียอีก เธออดค้อนใส่อลันที่กำลังยิ้มแป้นอยู่ไม่ได้ กว่าที่พวกเขาจะทานมื้อเที่ยงกันเสร็จ เวลาก็ผ่านไปนานเกือบสองชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะทุกคนไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับโรงแรมแต่แรก พวกเขาจึงไม่อยากเร่งรีบอะไรนัก ช่วงบ่ายจึงเป็นการเลือกซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้ยายสากับข้าวหอมเกือบทั้งหมด อลันสนุกกับการจับข้าวหอมแต่งตัวไม่น้อย เขาเลือกชุดน่ารัก ๆ ให้เธอไปลองเปลี่ยนจนข้าวหอมเริ่มไม่พอใจ เธอมุ่ยหน้าอย่างงอน ๆ เมื่อต้องเดินกลับไปกลับมาเหมือนหุ่นลองชุดให้อลันดูบ่อย ๆ จนกระทั่งอลันเลือกซื้อจนหนำใจแล้ว ข้าวหอมถึงได้หยุดการลองชุดจำนวนมากเสียที อเล็กซ์เองก็สนุกกับการมองดู
หลังจากพวกเขากินข้าวเช้าเสร็จ กลุ่มของพวกเขาก็พากันเดินช้า ๆ ออกไปดูร้านรวงใกล้กับโรงแรมตามที่อเล็กซ์ขอเอาไว้เมื่อวานนี้ ยายสาที่อายุมากแล้วแต่ยังแข็งแรงดีก็เดินไปกับพวกเขาด้วยเช่นกัน นานมากแล้วที่ยายไม่ได้ออกมาพบเห็นบรรยากาศแบบนี้ อเล็กซ์ที่ถูกอลันอุ้มอยู่ก็ชี้นิ้วเล็ก ๆ ให้พ่อของเขาพาไปร้านขายของเล่น ห่วงยางและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการเล่นบริเวณชายหาด“ลูกจะลงไปดูเองไหมครับ อยากได้อะไรก็บอกพ่อ” อลันถามลูกชายที่ยังอยู่ในอ้อมแขน“ได้คับพ่อ ผมขอดูเองก่อนคับ” อเล็กซ์พยักหน้าพร้อมยิ้มรับคำอลัน อลันวางลูกชายลงกับพื
ข้าวหอมที่กำลังเข้าห้องน้ำอยู่ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีจิ้งจอกตัวหนึ่งกำลังซุ่มรอเธออยู่ที่หน้าประตูอย่างเงียบ ๆ พอเธอทำธุระเสร็จก็ล้างมือและเปิดประตูห้องน้ำออกมา“ว้าย ใครน่ะ” ข้าวหอมอดร้องออกมาอย่างตกอกตกใจไม่ได้ เมื่ออยู่ ๆ ก็มีคนกอดรัดเธอจากด้านหลังในตอนเผลอ“ชู่… ผมเองครับที่รัก ขอผมกอดคุณหน่อยนะข้าวหอม ผมคิดถึงคุณจริง ๆ” อลันด้านหน้ากระซิบเบา ๆ ข้างหูของข้าวหอมทั้งที่ยังกอดรัดเธออยู่จากด้านหลัง“ปล่อยฉันนะคุณ” ข้าวหอมดิ้นรนเบา ๆ เพราะกลัวว่าลูกจะตื่นมาเห็นพฤติกรรมของอลัน อลันไม่สนใจคำพูดของข้าวหอม ตอนนี้เขาได้กลิ่นกายหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของข้าวหอมลอยกรุ่นอยู่แล
อเล็กซ์นั่งเล่นบนเก้าอี้ไม่นานก็ชวนอลันไปเล่นก่อปราสาททราย เขามีของเล่นที่โลแลนไปซื้อมาให้จากร้านไม่ห่างจากโรงแรมนักก่อนหน้านี้ เพราะของเล่นอเล็กซ์ที่บ้านมีแต่พวกของเล่นใช้ถ่านหรือไม่ก็ตัวต่อเลโก้ อลันจึงบอกให้โลแลนไปหาของมาให้ลูกชายอีก นักท่องเที่ยวหลายคนมองดูสองพ่อลูกพร้อมรอยยิ้ม พวกสาว ๆ หลายคนอดเสียดายคนหล่ออย่างอลันไม่ได้ที่มีครอบครัวแล้ว เพราะอลันวันนี้สวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมถึงสามเม็ดโชว์แผงอกล่ำของเขาและกางเกงขาสั้น ส่วนอเล็กซ์ก็แต่งตัวไม่ต่างจากพ่อของเขานักเช่นเดียวกัน มีเพียงข้าวหอมที่สวมชุดเดรสยาวคลุมขาสบาย ๆ ตามที่เธอชอบเท่านั้นที่ไม่ได้แต่งตัวเหมือนสองพ่อลูก“แดดยังร้อนอยู่เลยนะครับเจ้านาย” โลแลนอดเป็นห่วงอาการป่วยของอลันไม่ได้“ไม่เป็นไร ฉัน
“พ่อคับ แม่คับ คืนนี้ผมขอนอนด้วยได้ไหมคับ” อเล็กซ์ยิ้มกว้างถามพ่อกับแม่ระหว่างที่กำลังนั่งพักกันหลังจากเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ในห้องนอนเสร็จ“หืม? ลูกไม่นอนกับแม่เหรอครับคืนนี้” ข้าวหอมก้มหน้าถามลูกชายที่นั่งตรงกลางระหว่างเธอกับอลันบนโซฟาในห้องรับแขก“ผมอยากนอนกับพ่อแม่ไม่ได้เหรอคับ” อเล็กซ์น้ำตารื้นขึ้นมาทันที เมื่อคิดว่าตัวเองจะไม่ได้นอนกับพ่อแม่อย่างที่เคยฝันเอาไว้“ชู่… ไม่ร้องนะครับลูก พ่อกับแม่จะนอนด้วยนะครับ” อลันยกมือใหญ่มาลูบหัวลูกชายอย่างปลอบโยน เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของลูกแม้แต่หยดเดียว“
เมื่อกลับถึงบ้าน อเล็กซ์ที่เห็นพ่อถูกแม่ประคองเข้ามาก็รีบวิ่งเข้าไปเกาะขาพร้อมกับเงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้นถามอลันอย่างเป็นห่วง“พ่อคับ พ่อเป็นยังไงบ้างคับ” เสียงเล็ก ๆ เอ่ยถามด้วยสายตาห่วงใย“พ่อดีขึ้นมากแล้วครับ มาให้พ่อชื่นใจหน่อยเร็ว” อลันปล่อยมือออกจากแขนของข้าวหอมแล้วก้มลงไปฟัดแก้มอูมสองข้างของลูกชายอย่างคิดถึง“เอาล่ะ ๆ รีบมานั่งพักกันก่อน อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว” พัชรีเห็นพวกเขาออกันอยู่ที่หน้าประตูบ้านก็รีบกวักมือเรียกให้เข้ามานั่งดี ๆ ด้านใน“อเล็กซ์ให้คุณพ่อเดินดี ๆ ก่อนครับลูก” ข้าวหอมบอกลูกชายที่กอดคออลันแน่นอยู่ตอนนี้“คับแม่” อเล็กซ์ปล่อยอ้อมแขนเล็กออกอย่าง







