เข้าสู่ระบบพะพายตามมาดูอาการของณิรินด้วยความเป็นห่วง “เราว่าแกไปหาหมอก่อนดีไหม หรือไม่ก็ไปที่ห้องพยาบาลก่อน..” เพราะพะพายรู้ว่างานของณิรินมันยุ่งมาก หากให้ณิรินไปหาหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นไปไมได้อย่างแน่นอน คนบ้างานอย่างณิรินไม่มีทางจะยอมทิ้งงานเพื่อพาตัวเองไปหาหมอแน่ๆ ณิรินพยักหน้า เธอยอมเดินตามพะพายไปที่ห้องพยาบาลของบริษัท “ดูเหมือนว่าเพื่อนหนูจะพักผ่อนน้อยค่ะ มันกินข้าวไม่ได้และก็อาเจียนออกมาด้วย..” หมอที่ประจำเป็นที่ห้องพยาบาลส่งยิ้มให้กับพะพาย มันคือรอยยิ้มที่มากเกินคนรู้จักทั่วไปอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ณิรินพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้บ้าง “เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะ หากแกไม่ไหวก็โทรไปหาเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่งแกกลับบ้านเอง” พะพายกล่าวออกมาพร้อมกับจับมือของณิรินเอาไว้ “อืม ขอบใจแกมาก ไปทำงานเถอะ..” หมอประจำห้องพยาบาลยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อโบกมือลาพะพาย ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับมาหาณิรินที่กำลังนั่งอยู่ “มีอาการอาเจียนมากี่วันแล้วครับ แล้วก็มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยอีกไหม..ยกตัวอย่างเช่นการเวียนศีรษะหรือว่ารู้สึกอย่างอื่น” ณิรินเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อยร่างกายก็เลยรวนไปหมด นั่นจึงทำให้เธอไม่แน่ใจว่าอาการวิงเวียนศีรษะและหน้ามืดของเธอมันเกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่ “ก็มีเวียนหัวค่ะ แล้วก็บางครั้งก็หน้ามืดด้วย..แต่เรื่องการอาเจียนณิรินพึ่งจะเป็นวันนี้วันแรก” หมอประจำห้องพยาบาลจดอาการที่ณิรินบอกเล่าลงไปในกระดาษก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาถามเธออีกครั้ง “มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ” ใบหน้าของณิรินแข็งค้างในทันที หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอรู้สึกชาตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้าเลย “ราวๆ สองเดือนที่แล้วค่ะ..” เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอทำงานหนักและใช้ชีวิตอย่างบ้าคลั่งชนิดที่ว่าไม่ได้พักผ่อนเลย ท่านประธานยังอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะอาการแทรกซ้อนที่ตามมา อีกทั้งเพราะเขาฝืนมาประชุมครั้งหนึ่ง นั่นทำให้แผลผ่าตัดฉีกและวันนั้นเองที่ท่านประธานใหญ่ล่วงรู้ถึงการเข้าโรงพยาบาลของลูกชาย นั่นคือเรื่องใหญ่มากที่สุดในชีวิตของณิรินเลย เพราะเธอถูกท่านประธานใหญ่อบรมอยู่นานถึงเรื่องที่เธอไม่ยอมรายงานเรื่องนี้กับท่าน แน่นอนว่าหลังจากนั้นท่านประธานใหญ่สั่งให้ท่านประธานนอนยาวๆ อยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อรอให้เขาหายดีจริงๆ แล้วค่อยออกมาจากที่นั่น ภาระหนักจึงตกมาที่เธอ เพราะเธอต้องหอบงานไปที่โรงพยาบาลทุกวันเพื่อให้ท่านประธานได้ดูรายงานเรื่องต่างๆ .. ตลอดระยะเวลาสองเดือนนี้ งานมันหนักมากเสียจนเธอลืมเรื่องของตัวเองไปจนหมด.. “หมอแค่สงสัยนะครับ ว่าคุณณิรินอาจจะตั้งครรภ์ ยังไงลองเอาที่ตรวจไปตรวจนะครับ แล้วได้ผลยังไงมาบอกหมอก็ได้ หากว่าคุณณิรินกำลังตั้งครรภ์จริงๆ เดี๋ยวหมอจะแนะนำที่ฝากครรภ์เอง” เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะ เหมือนโดยตบหน้าอย่างแรงจนหน้าชาไปหมด “..ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เธอเก็บที่ตรวจครรภ์ใส่กระเป๋าแล้วเดินออกมาจากห้องพยาบาลของบริษัท นี่มันเรื่องร้ายแรงในแบบที่เธอไม่อยากจะเชื่อและไม่อยากรับยอมรับเลยจริงๆ หากท้องขึ้นมาจริงๆ ..เธอควรทำอย่างไรดีนะ เธอจะเป็นแม่ที่ดีได้รึเปล่า จะสามารถส่งเด็กคนหนึ่งไปถึงฝั่งฝันเหมือนกับที่มือทั้งสองของพ่อ ประคองให้เธอได้เดินไปตามทางรึเปล่า.. “พี่รินคะ..มีรายงานเรื่องงบประมาณที่ผู้จัดการต้องการฝากไปให้ท่านประธานดูหน่อย..” อิมเมจส่งยิ้มพร้อมกับยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้แก่ณิริน “ฝากด้วยนะคะพี่ริน” อิมเมจส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนที่เธอจะเดินจากไป ทิ้งให้ณิรินยืนมองซองเอกสารสีน้ำตาลนั้นเพียงลำพัง อีกเรื่องคือ..เรื่องของท่านประธาน ใจเย็นๆ สิณิริน เรื่องราวมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก และก็ยังไม่มีอะไรมายืนยันว่าเธอท้องสักหน่อย อีกทั้งหากว่าเธอท้องจริงๆ ..เธอในตอนนี้ก็สามารถดูแลเด็กคนนี้ได้ดีอยู่แล้วน่า ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลทั้งนั้น ต่อให้มีปัญหาอะไรก็ตาม เธอจะผ่านมันไปได้ด้วยดี . . “ผมหายดีแล้วครับแม่ แม่ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผมหรอก!!” ณิรินที่กำลังจะยกมือขึ้นมาเคาะประตูห้อง มีอันต้องเก็บมือของตัวเองลงไปก่อน เมื่อเธอได้ยินเสียงความขัดแย้งที่รุนแรงในห้องนั้น “ธีร์..ลูกจะให้แม่มองเห็นลูกเดินเลือดอาบอีกครั้งงั้นเหรอ? แค่อยู่ที่นี่จนกว่าจะหายดีมันยากมากนักรึไง” ธีรักษ์แค่นหัวเราะ “หรือว่านี่เป็นแผนของแม่กันครับ แม่จงใจให้ผมอยู่ที่นี่เพื่อที่แม่จะได้ให้ไอ้สิงหามันจัดการเรื่องที่บริษัทใช่ไหมล่ะ” ท่านประธานใหญ่หลับตาลงช้าๆ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเรื่องของเธอและลูกชายมันถึงได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ “ฟังนะธีร์..อะไรก็ตามที่มันเป็นของลูก มันย่อมเป็นของลูกทั้งจากนี้และตลอดไป ไม่มีใครแย่งมันไปได้ทั้งนั้น..แม่ไม่เข้าใจถึงการกังวลที่มากมายของลูกเลย ทำไมจะต้องเกลียดสิงหามากขนาดนั้นทั้งๆ ที่เด็กคนนั้นอยากกลับไปเป็นเพื่อนกับลูกแทบตาย” ธีรักษ์หลุบตาลงเล็กน้อยเพื่อมองมือของตัวเอง “..แล้วกับแม่ล่ะครับ เพราะว่าแม่ไม่ใช่ของผมตั้งแต่ทีแรก แม่ก็เลยไม่เคยอยู่ข้างผมเลยใช่ไหม” ไปกันใหญ่แล้ว ความขัดแย้งของท่านประธานและท่านประธานใหญ่นั้นนับวันยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในระหว่างที่เธอกำลังยืนอยู่หน้าห้องนั้นอยู่ๆ ประตูห้องก็เปิด..ณิรินมองหน้าเลขาของท่านประธานใหญ่ที่เขายื่นมือไปเปิดประตูให้เธอด้วยแววตาที่เบิกกว้าง ตาลุงนั่นทำแบบนี้ทำไมกันฟะ! “อา..พอดีว่าณิรินเอาสรุปการประชุมเรื่องงบประมาณมาให้ท่านประธานค่ะ..ขออภัยด้วยนะคะที่เสียมารยาท แล้วก็สวัสดีค่ะท่านประธานใหญ่” ภายใต้รอยยิ้มที่ผลิบานราวกับแสงของดวงตะวันนั้น ณิรินไม่เคยรู้สึกอยากร้องไห้กับอะไรมากเท่านี้เลย เลขาของท่านประธานใหญ่มองหน้าเธอพร้อมกับขยับปากเบาๆ ว่า “ขอโทษนะครับณิริน” หากให้เธอเดา เขาเองก็คงไม่อยากให้สองแม่ลูกทะเลาะกันใหญ่โตมากไปกว่านี้ แต่การโยนเผือกร้อนๆ มาใส่มือของเธอนั้นมันใช่เรื่องงั้นเรอะ! “ทำงานได้ดีตลอดเลยนะเลขาณิริน” ณิรินก้มหน้าลงเล็กน้อย “เรื่องการช่วยงานของท่านประธานคือหน้าที่ของณิรินอยู่แล้วค่ะ อ๊ะ..จริงสินี่ได้เวลาสั่งมื้อเย็นให้ท่านประธานแล้ว ท่านประธานใหญ่อยู่ที่นี้เพื่อทานมื้อเย็นด้วยกันดีไหมคะ” “...!!” ท่านประธานกำลังมองหน้าเธอด้วยคำถาม ว่าเธอไปชวนแม่เขาทำไม? ท่านประธานใหญ่หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไปก่อนดีกว่า ฝากดูแลธีร์ด้วยนะณิริน”
หากจะนับกันจริงๆ เขาไม่ได้รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมุมมองที่เขาเห็น นั้นมันเป็นมุมมองของเจ้านายที่มองดูลูกน้อง และเธอที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมยังไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาแบบไหนเธอก็ยังคงยิ้มราวกับว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทว่าที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะเธอคือเลขาของเขายังไงล่ะ และเขาคือเจ้านายของเธอ..ณิรินไม่สามารถทำตัวเป็นเลขาผู้สมบูรณ์แบบของเขาไปได้ตลอดหรอก หากว่าเราอยู่ด้วยกันขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอแสดงนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะรับได้อย่างงั้นเหรอ?“แบบนั้นก็ลองดูสิ ผมเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าคุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพออย่างแน่นอน เราต่างมองกันและทำความรู้จักกันในนิสัยที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะอย่างนั้นก็มาลองดูสิ มาลองทำความรู้จักกันดู แล้วหากว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริง..เราค่อยมาคุยเรื่องลูกกันอีกทีก็ได้”เขากำลังร้องขอสิ่งที่เรียกว่าโอกาส และณิรินเกลียดตัวเองมากเหลือเกินที่ตัวเธอเป็นพวกคนใจอ่อนน่ะหากจะมองในมุมของเขานั้น ตัวของท่านประธานเองก็ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขาแสดงตัวและมีท่าทีที่ชัดเจนในการพยายามอย่างยิ่งที่จะรับผิดชอบเธอ“ได้โปรดนะณิริน คุณจะไม
เป็นเขาที่คิดน้อยมากเกินไป เพราะเราเดินเคียงข้างกันมานานในฐานะของเจ้านายและลูกน้อง เพราะอย่างนั้นสายตาของผู้คนเวลาที่มองมาที่เธอก็จะเกิดภาพจำว่าเธอคือเลขาของเขา..ด้วยเหตุนั้นธีร์จึงเปลี่ยนไปทานมื้อเช้าในร้านอาหารที่เราไม่เคยมาด้วยกัน“ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านใหม่ๆ กันบ้างดีกว่านะณิริน”เธอมองหน้าเขา ก่อนจะมองอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ วันนี้ท่านประธานแตกต่างไปจากทุกวันจริงๆ นั่นแหละ หรือว่าเขามีเรื่องอะไรที่จะพูดคุยกับเธอรึเปล่า“ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านประธานมีอะไรอยากจะพูดกับณิรินไหมคะ”เธอมีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว มีเรื่องมากมายให้ต้องใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะอย่างนั้นเธอไม่มีเวลาที่จะมาคาดเดาความคิดของเขาอีกหรอกธีร์วางช้อนเอาไว้ในจาน เขาประสานนิ้วมือเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังเข้าโหมดจริงจัง“แล้วณิรินไม่คิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันงั้นเหรอ?”เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา“ไม่นี่คะ หากเป็นเรื่องงานณิรินมั่นใจว่าณิรินทำงานได้อย่างดีและไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านจะต้องมาตำหนิณิรินหรอกค่ะ”ธีร์พ่นลมหายใจอ
ในมือของณิรินยังคงถือที่ตรวจครรภ์เอาไว้ เธอหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองข้อแรกวันนี้เธอหยุดและณิรินจัดการปิดโหมดการบินเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องการรับข่าวสารใดๆ ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือว่าเรื่องอะไรก็ตามทีและข้อสองเธอน่าจะต้องเตรียมตัวในเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเกิดมาณิรินล้มตัวนอนลงบนเตียง เธอหลับตาลงช้าๆ แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องที่หนักหนาแต่นี่ช่างน่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับความจริงเลยฝ่ามือเล็กๆ ของณิรินกำลังลูบลงไปเบาๆ บนหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง..หากเป็นเรื่องเงินเธอไม่ได้ติดขัดอะไรเลย ที่ผ่านมาเธอทำงานแบบไม่มีเวลาให้ได้ใช้เงิน ด้วยเหตุนั้นเงินเก็บในธนาคารที่ณิรินมีมันเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูเธอและลูกไปอีกนานหลายปี เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอต้องคิดในตอนนี้คือ..เธอควรวางแผนที่จะใช้ชีวิตระยะยาวของตัวเองและเธอคงไม่อาจทำงานในตำแหน่งที่กำลังยืนอยู่ได้อีกต่อไป..มันคงน่าอึดอัดพิลึก หากเขารู้ว่าเธอท้องและเธอจะทำยังไงดีล่ะในช่วงเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาว่าเด็กในท้องคือลูกใครณิรินไม่ได้คาดหวังให้ท่านประธานมารับผิดชอบเพราะในวันนั้นเธอเองก็
เมื่อเหลือเราสองคนที่อยู่ในห้องนี้ ณิรินหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อสั่งอาหารให้เขา“..สั่งของคุณมาด้วยสิ วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว”อันที่จริงไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเขาก็ชอบให้เธอสั่งอาหารมาเผื่อตัวเธอด้วย ความใส่ใจที่แสนเล็กน้อยนี่แหละที่ณิรินมองว่ามันช่างแสนอันตรายมากเหลือเกิน..ที่ผ่านมาต่อให้เธอจะทำงานหนักมากแค่ไหน นอกจากค่าตอบแทนที่สุดแสนจะคุ้มค่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับจากเขามันคือความเอาใจใส่ที่ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่เธอกลับได้มันมาอย่างสม่ำเสมอ“ค่ะ..หมอฉลามอนุญาตให้ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ”และนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองเดือนสำหรับธีรักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะมันหมายความว่าเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปทำงานและได้มองเห็นณิรินในสายตาตลอดเวลาแล้วแผลผ่าตัดที่เคยปริแตกของเขามันหายดีไปจนหมดแล้ว..หากแม่ไม่สั่งให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ เขาคงจะไปจากที่นี่ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว“นั่นเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ ในที่สุดผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที..”เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนสายตาของธีร์รักนั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าของณิรินเลยแม้แต่น้อยและสิ่งที่มาขั
พะพายตามมาดูอาการของณิรินด้วยความเป็นห่วง“เราว่าแกไปหาหมอก่อนดีไหม หรือไม่ก็ไปที่ห้องพยาบาลก่อน..”เพราะพะพายรู้ว่างานของณิรินมันยุ่งมาก หากให้ณิรินไปหาหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นไปไมได้อย่างแน่นอน คนบ้างานอย่างณิรินไม่มีทางจะยอมทิ้งงานเพื่อพาตัวเองไปหาหมอแน่ๆณิรินพยักหน้า เธอยอมเดินตามพะพายไปที่ห้องพยาบาลของบริษัท“ดูเหมือนว่าเพื่อนหนูจะพักผ่อนน้อยค่ะ มันกินข้าวไม่ได้และก็อาเจียนออกมาด้วย..”หมอที่ประจำเป็นที่ห้องพยาบาลส่งยิ้มให้กับพะพาย มันคือรอยยิ้มที่มากเกินคนรู้จักทั่วไปอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ณิรินพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้บ้าง“เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะ หากแกไม่ไหวก็โทรไปหาเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่งแกกลับบ้านเอง”พะพายกล่าวออกมาพร้อมกับจับมือของณิรินเอาไว้“อืม ขอบใจแกมาก ไปทำงานเถอะ..”หมอประจำห้องพยาบาลยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อโบกมือลาพะพาย ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับมาหาณิรินที่กำลังนั่งอยู่“มีอาการอาเจียนมากี่วันแล้วครับ แล้วก็มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยอีกไหม..ยกตัวอย่างเช่นการเวียนศีรษะหรือว่ารู้สึกอย่างอื่น”ณิรินเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อยร่างกายก็เลยรวนไปหมด นั่นจ
“เท่าที่จำได้กูบอกว่าให้ณิรินไปส่ง แล้วมึงเสนอหน้ามาด้วยทำไมวะไอ้ธีร์”บรรยากาศในรถตอนนี้ดูเหมือนว่าจะร้อนระอุมากกว่าบรรยากาศในห้องทำงานเมื่อครู่อีก เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังพาคุณสิงหาไปที่รถ และเมื่อเธอกำลังจะเดินถึงรถ ท่านประธานก็ตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับเปิดประตูด้านหลังรถเพื่อยัดคุณสิงหาเข้าไปในนั้นแล้วเขาก็สั่งให้เธอขับรถ ส่วนตัวเองเดินเข้ามาเพื่อนั่งข้างคนขับ นี่มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่จนณิรินไม่รู้ว่าเธอจะรับมือกับความแปลกของท่านประธานอย่างไรดี“กูก็อยากไปหาหมอเหมือนกัน พอดีว่ากูไปต่อยหมามาก็เลยเจ็บมือ ทำไม..มีแต่มึงที่ไปหาหมอได้คนเดียวงั้นเหรอ”ตลอดทางทั้งสองคนก็จิกกัดกันไม่ยอมปล่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าทั้งสองคน ทั้งท่านประธานและคุณสิงหาจะไม่ถูกกันแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังเถียงกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเพื่อนกำลังทะเลาะกันมากกว่าแต่ณิรินไม่อยากจะพูดออกไปแบบนั้นหรอก เธอกลัวว่าท่านประธานจะไม่ชอบใจ ว่าแต่การที่เธอพยายามจะหนีท่านประธานออกมานั้นมันไม่ได้ผลอย่างนั้นสินะ เพราะต่อให้เธอพยายามหลบหนีเขามากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามตามติดเธอมากแค่นั้น..แต่ช่าง

![My Engineerรักร้ายนายจอมโหด [ต้าร์พินอิน]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





