เข้าสู่ระบบเมื่อเหลือเราสองคนที่อยู่ในห้องนี้ ณิรินหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อสั่งอาหารให้เขา “..สั่งของคุณมาด้วยสิ วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว” อันที่จริงไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเขาก็ชอบให้เธอสั่งอาหารมาเผื่อตัวเธอด้วย ความใส่ใจที่แสนเล็กน้อยนี่แหละที่ณิรินมองว่ามันช่างแสนอันตรายมากเหลือเกิน.. ที่ผ่านมาต่อให้เธอจะทำงานหนักมากแค่ไหน นอกจากค่าตอบแทนที่สุดแสนจะคุ้มค่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับจากเขามันคือความเอาใจใส่ที่ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่เธอกลับได้มันมาอย่างสม่ำเสมอ “ค่ะ..หมอฉลามอนุญาตให้ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ” และนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองเดือนสำหรับธีรักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะมันหมายความว่าเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปทำงานและได้มองเห็นณิรินในสายตาตลอดเวลาแล้ว แผลผ่าตัดที่เคยปริแตกของเขามันหายดีไปจนหมดแล้ว..หากแม่ไม่สั่งให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ เขาคงจะไปจากที่นี่ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว “นั่นเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ ในที่สุดผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที..” เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนสายตาของธีร์รักนั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าของณิรินเลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่มาขัดขวางช่วงเวลาหวานละมุนของเขาก็คือเสียงเคาะประตูพร้อมกับหมอฉลามที่เดินเข้ามา “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นไอ้ธีร์ นี่คือการตรวจครั้งสุดท้ายก่อนที่มึงจะออกจากโรงพยาบาลไง” และนี่คงเป็นครั้งแรกที่ธีร์ให้ความร่วมมือในการตรวจเป็นอย่างดี “แผลหายดีแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง..แต่มึงอย่าไปเที่ยวต่อยใครอีกนะโว้ย มีอย่างที่ไหนต่อยเขาแต่ตัวเองดันไส้ติ่งแตก” “อย่ามาปากดีไอ้ฉลาม ไม่งั้นมึงจะได้ทำแผลที่หน้าให้ตัวเองแน่ๆ” ฉลามหัวเราะเบาๆ เขาพยักหน้าเพื่อให้พยาบาลที่ติดตามออกไปก่อน “พรุ่งนี้มึงจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว..ยินดีด้วยก็แล้วกันไอ้ธีร์” อันที่จริงณิรินอยากจะออกไปจากห้องนี้เพื่อให้เขาทั้งสองคนได้พูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัวแต่ดันไม่มีจังหวะให้เธอได้เดินออกไปเลยเนี่ยนะสิ “ว่าแต่กูหายดีแล้วใช่ไหม” หมอฉลามพยักหน้า “เท่าที่ดูอาการของมึง ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ แต่หากยังมีอาการผิดปกติตรงไหนอีก ก็ให้มาที่โรงพยาบาลได้ตลอดเลยนะ” ธีรักษ์ปรายสายตาไปมองหน้าของณิริน ก่อนที่เขาจะอมยิ้มแล้วเอ่ยถามหมอฉลาม “แล้ว..หายดีจนสามารถทำเรื่องอย่างว่าได้เลยรึเปล่า หรือต้องงดเว้นไปก่อน” ณิรินไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงถามคำถามแบบนั้นโดยที่หันหน้ามามองหน้าเธอ..และนั่นคือสาเหตุที่เธอรีบเบนสายตาไปมองทางอื่น ณิรินกำลังทำเหมือนกับว่าเธอหูตึงจนไม่ได้ยินคำถามของเขา ฉลามมองหน้าของธีรักษ์และเลขาณิรินสลับกันไปมา และเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของไอ้ธีร์ เขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าทั้งสองคนจะต้องมีซัมติงกันอย่างแน่นอน “เรื่องนั้นทำได้สิ หากไม่โลดโผนหรือว่าเล่นท่ายากจนเกินไปน่ะ กูไปก่อนนะมีคนไข้ที่ต้องไปตรวจอีกเยอะเลย” ธีรักษ์ส่งยิ้มที่มุมปากให้กับฉลาม งานของเขาก็ยุ่งส่วนงานของไอ้ฉลามยิ่งยุ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะอย่างนั้นถึงแม้ว่าเราทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ก็หาเวลามาเจอกันได้ยากมากเหลือเกิน “ได้ยินแล้วใช่ไหมณิริน..” ณิรินสะดุ้งเล็กน้อยกับคำถามนั้นของท่านประธาน เธอคาดเดาถึงเจตนาของเขาไม่ออกเลย ว่าทำไมเขาถึงได้เอ่ยถามเธอเช่นนั้น “..ณิรินไม่ทราบว่าท่านถามถึงเรื่องไหน..?” “ก็เรื่องที่หมอฉลามบอกว่าผมแข็งแรงดีและสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในวันพรุ่งนี้ไงล่ะ..ยังมีเรื่องไหนให้คิดอีกอย่างนั้นหรือณิริน” เธอหน้าแดงในทันทีที่ถูกเขาถามเช่นนั้น ณิรินรีบหันหลังให้เขาทันทีเพื่อมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่าง เธอหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง อย่ามาเสียสติตอนนี้เด็ดขาดเลยนะณิริน.. “อะ..อา อย่างนั้นเองสินะคะ” ธีร์ลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหาณิริน..เขาสวมกอดเธอจากทางด้านหลังแล้ววางคางเอาไว้บนไหล่เล็กๆ นั่น ฝ่ามือค่อยๆ ลูบไล้ไปตามเรียวแขนของเธอเบาๆ “แต่ผมกลับ..กำลังคาดหวังในเรื่องที่คุณคิดอยู่นะณิริน” อ้อมกอดของเขามันช่างอบอุ่นและชวนให้เธอรู้สึกสั่นไหวไปหมด เขากอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน ฝ่ามือที่แข็งแรงค่อยๆ ลูบไล้ไปตามลำตัวของเธออย่างระมัดระวัง เขาไม่แน่ใจว่าณิรินในวันนี้จะผลักไสหรือว่าวิ่งหนีเขาไปอีกรึเปล่า เพราะอย่างนั้นธีรักษ์จึงรอคอยอย่างใจเย็น แต่ทว่าจนแล้วจนรอดเธอกลับไม่ผลักไสเขาออกไป..หรือว่าในบางทีณิรินอาจจะยอมรับเขาบ้างแล้วก็เป็นได้ เธอหลับตาลง และระหว่างเราหลังจากนั้นก็ไม่มีคำพูดอะไรอีกเลย บอกตามตรงว่าวันนี้มันช่างเป็นวันที่หนักหนามากสำหรับเธออีกหนึ่งวัน เธอเหนื่อยและการได้อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นของใครสักคนมาโอบกอดเพื่อปลอบประโลมความรู้สึกเมื่อยล้า มันถือเป็นเรื่องราวดีๆ ของวันเลยก็ว่าได้ แค่ตอนนี้เท่านั้นที่เธอจะไม่ต่อต้านและผลักไสเขาออกไป..ก็แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนั่นแหละน่า . . วันนี้ณิรินลาหยุด เธอลาหยุดในรอบปี เพื่ออยู่กับตัวเองเพราะเธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าวันนี้จะลองใช้ที่ตรวจครรภ์ดู เมื่อวานนี้เธอแวะร้านขายยาเพื่อซื้อที่ตรวจมาเพิ่มอีกสองอัน ณิรินต้องการความแน่ใจและเพื่อไม่ให้มันเกิดเรื่องผิดพลาด เธอควรตรวจซ้ำหลายๆ ครั้งเพื่อความแน่ใจ หมอบอกว่าตรวจตอนเช้าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากที่สุด วันนี้ณิรินจึงตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า เพื่อทำสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของเธอ ถ้าท้องก็ไม่เป็นไร หรือว่าไม่ท้องก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรเธอก็พร้อมที่จะยอมรับมัน ณิรินจัดการทำตามที่ข้างกล่องแนะนำ ตอนนี้เธอจึงกำลังรอคอยผลที่กำลังจะออกมา.. ขีดที่หนึ่งผ่านไป และ..ขีดที่สองที่มันจางมากเสียจนเธอมองแทบไม่เห็น มือของณิรินเริ่มสั่น เอาจริงๆ เธอมีคำตอบให้กับตัวเองมาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ ว่าเธออาจจะกำลังท้องอยู่ เพราะวันนั้นท่านประธานไม่ได้ป้องกันและเธอเองที่มัวแต่ทำงานจนลืมจัดการเรื่องของตัวเอง.. เพราะอย่างนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกหากว่าเธอจะท้องจริงๆ น่ะ เพียงแต่สิ่งที่มันยากจะยอมรับคือเธอดันท้องลูกของท่านประธาน คืนนั้นมันไม่มีความชัดเจนใดๆ ในความสัมพันธ์ของเรา..นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ณิรินคิดว่าเธอไม่ควรเอาเรื่องนี้ไปบอกเขาอย่างเด็ดขาด
หากจะนับกันจริงๆ เขาไม่ได้รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมุมมองที่เขาเห็น นั้นมันเป็นมุมมองของเจ้านายที่มองดูลูกน้อง และเธอที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมยังไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาแบบไหนเธอก็ยังคงยิ้มราวกับว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทว่าที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะเธอคือเลขาของเขายังไงล่ะ และเขาคือเจ้านายของเธอ..ณิรินไม่สามารถทำตัวเป็นเลขาผู้สมบูรณ์แบบของเขาไปได้ตลอดหรอก หากว่าเราอยู่ด้วยกันขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอแสดงนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะรับได้อย่างงั้นเหรอ?“แบบนั้นก็ลองดูสิ ผมเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าคุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพออย่างแน่นอน เราต่างมองกันและทำความรู้จักกันในนิสัยที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะอย่างนั้นก็มาลองดูสิ มาลองทำความรู้จักกันดู แล้วหากว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริง..เราค่อยมาคุยเรื่องลูกกันอีกทีก็ได้”เขากำลังร้องขอสิ่งที่เรียกว่าโอกาส และณิรินเกลียดตัวเองมากเหลือเกินที่ตัวเธอเป็นพวกคนใจอ่อนน่ะหากจะมองในมุมของเขานั้น ตัวของท่านประธานเองก็ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขาแสดงตัวและมีท่าทีที่ชัดเจนในการพยายามอย่างยิ่งที่จะรับผิดชอบเธอ“ได้โปรดนะณิริน คุณจะไม
เป็นเขาที่คิดน้อยมากเกินไป เพราะเราเดินเคียงข้างกันมานานในฐานะของเจ้านายและลูกน้อง เพราะอย่างนั้นสายตาของผู้คนเวลาที่มองมาที่เธอก็จะเกิดภาพจำว่าเธอคือเลขาของเขา..ด้วยเหตุนั้นธีร์จึงเปลี่ยนไปทานมื้อเช้าในร้านอาหารที่เราไม่เคยมาด้วยกัน“ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านใหม่ๆ กันบ้างดีกว่านะณิริน”เธอมองหน้าเขา ก่อนจะมองอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ วันนี้ท่านประธานแตกต่างไปจากทุกวันจริงๆ นั่นแหละ หรือว่าเขามีเรื่องอะไรที่จะพูดคุยกับเธอรึเปล่า“ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านประธานมีอะไรอยากจะพูดกับณิรินไหมคะ”เธอมีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว มีเรื่องมากมายให้ต้องใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะอย่างนั้นเธอไม่มีเวลาที่จะมาคาดเดาความคิดของเขาอีกหรอกธีร์วางช้อนเอาไว้ในจาน เขาประสานนิ้วมือเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังเข้าโหมดจริงจัง“แล้วณิรินไม่คิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันงั้นเหรอ?”เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา“ไม่นี่คะ หากเป็นเรื่องงานณิรินมั่นใจว่าณิรินทำงานได้อย่างดีและไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านจะต้องมาตำหนิณิรินหรอกค่ะ”ธีร์พ่นลมหายใจอ
ในมือของณิรินยังคงถือที่ตรวจครรภ์เอาไว้ เธอหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองข้อแรกวันนี้เธอหยุดและณิรินจัดการปิดโหมดการบินเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องการรับข่าวสารใดๆ ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือว่าเรื่องอะไรก็ตามทีและข้อสองเธอน่าจะต้องเตรียมตัวในเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเกิดมาณิรินล้มตัวนอนลงบนเตียง เธอหลับตาลงช้าๆ แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องที่หนักหนาแต่นี่ช่างน่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับความจริงเลยฝ่ามือเล็กๆ ของณิรินกำลังลูบลงไปเบาๆ บนหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง..หากเป็นเรื่องเงินเธอไม่ได้ติดขัดอะไรเลย ที่ผ่านมาเธอทำงานแบบไม่มีเวลาให้ได้ใช้เงิน ด้วยเหตุนั้นเงินเก็บในธนาคารที่ณิรินมีมันเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูเธอและลูกไปอีกนานหลายปี เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอต้องคิดในตอนนี้คือ..เธอควรวางแผนที่จะใช้ชีวิตระยะยาวของตัวเองและเธอคงไม่อาจทำงานในตำแหน่งที่กำลังยืนอยู่ได้อีกต่อไป..มันคงน่าอึดอัดพิลึก หากเขารู้ว่าเธอท้องและเธอจะทำยังไงดีล่ะในช่วงเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาว่าเด็กในท้องคือลูกใครณิรินไม่ได้คาดหวังให้ท่านประธานมารับผิดชอบเพราะในวันนั้นเธอเองก็
เมื่อเหลือเราสองคนที่อยู่ในห้องนี้ ณิรินหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อสั่งอาหารให้เขา“..สั่งของคุณมาด้วยสิ วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว”อันที่จริงไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเขาก็ชอบให้เธอสั่งอาหารมาเผื่อตัวเธอด้วย ความใส่ใจที่แสนเล็กน้อยนี่แหละที่ณิรินมองว่ามันช่างแสนอันตรายมากเหลือเกิน..ที่ผ่านมาต่อให้เธอจะทำงานหนักมากแค่ไหน นอกจากค่าตอบแทนที่สุดแสนจะคุ้มค่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับจากเขามันคือความเอาใจใส่ที่ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่เธอกลับได้มันมาอย่างสม่ำเสมอ“ค่ะ..หมอฉลามอนุญาตให้ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ”และนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองเดือนสำหรับธีรักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะมันหมายความว่าเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปทำงานและได้มองเห็นณิรินในสายตาตลอดเวลาแล้วแผลผ่าตัดที่เคยปริแตกของเขามันหายดีไปจนหมดแล้ว..หากแม่ไม่สั่งให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ เขาคงจะไปจากที่นี่ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว“นั่นเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ ในที่สุดผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที..”เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนสายตาของธีร์รักนั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าของณิรินเลยแม้แต่น้อยและสิ่งที่มาขั
พะพายตามมาดูอาการของณิรินด้วยความเป็นห่วง“เราว่าแกไปหาหมอก่อนดีไหม หรือไม่ก็ไปที่ห้องพยาบาลก่อน..”เพราะพะพายรู้ว่างานของณิรินมันยุ่งมาก หากให้ณิรินไปหาหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นไปไมได้อย่างแน่นอน คนบ้างานอย่างณิรินไม่มีทางจะยอมทิ้งงานเพื่อพาตัวเองไปหาหมอแน่ๆณิรินพยักหน้า เธอยอมเดินตามพะพายไปที่ห้องพยาบาลของบริษัท“ดูเหมือนว่าเพื่อนหนูจะพักผ่อนน้อยค่ะ มันกินข้าวไม่ได้และก็อาเจียนออกมาด้วย..”หมอที่ประจำเป็นที่ห้องพยาบาลส่งยิ้มให้กับพะพาย มันคือรอยยิ้มที่มากเกินคนรู้จักทั่วไปอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ณิรินพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้บ้าง“เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะ หากแกไม่ไหวก็โทรไปหาเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่งแกกลับบ้านเอง”พะพายกล่าวออกมาพร้อมกับจับมือของณิรินเอาไว้“อืม ขอบใจแกมาก ไปทำงานเถอะ..”หมอประจำห้องพยาบาลยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อโบกมือลาพะพาย ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับมาหาณิรินที่กำลังนั่งอยู่“มีอาการอาเจียนมากี่วันแล้วครับ แล้วก็มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยอีกไหม..ยกตัวอย่างเช่นการเวียนศีรษะหรือว่ารู้สึกอย่างอื่น”ณิรินเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อยร่างกายก็เลยรวนไปหมด นั่นจ
“เท่าที่จำได้กูบอกว่าให้ณิรินไปส่ง แล้วมึงเสนอหน้ามาด้วยทำไมวะไอ้ธีร์”บรรยากาศในรถตอนนี้ดูเหมือนว่าจะร้อนระอุมากกว่าบรรยากาศในห้องทำงานเมื่อครู่อีก เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังพาคุณสิงหาไปที่รถ และเมื่อเธอกำลังจะเดินถึงรถ ท่านประธานก็ตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับเปิดประตูด้านหลังรถเพื่อยัดคุณสิงหาเข้าไปในนั้นแล้วเขาก็สั่งให้เธอขับรถ ส่วนตัวเองเดินเข้ามาเพื่อนั่งข้างคนขับ นี่มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่จนณิรินไม่รู้ว่าเธอจะรับมือกับความแปลกของท่านประธานอย่างไรดี“กูก็อยากไปหาหมอเหมือนกัน พอดีว่ากูไปต่อยหมามาก็เลยเจ็บมือ ทำไม..มีแต่มึงที่ไปหาหมอได้คนเดียวงั้นเหรอ”ตลอดทางทั้งสองคนก็จิกกัดกันไม่ยอมปล่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าทั้งสองคน ทั้งท่านประธานและคุณสิงหาจะไม่ถูกกันแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังเถียงกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเพื่อนกำลังทะเลาะกันมากกว่าแต่ณิรินไม่อยากจะพูดออกไปแบบนั้นหรอก เธอกลัวว่าท่านประธานจะไม่ชอบใจ ว่าแต่การที่เธอพยายามจะหนีท่านประธานออกมานั้นมันไม่ได้ผลอย่างนั้นสินะ เพราะต่อให้เธอพยายามหลบหนีเขามากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามตามติดเธอมากแค่นั้น..แต่ช่าง







