เข้าสู่ระบบหากจะนับกันจริงๆ เขาไม่ได้รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมุมมองที่เขาเห็น นั้นมันเป็นมุมมองของเจ้านายที่มองดูลูกน้อง และเธอที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมยังไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาแบบไหนเธอก็ยังคงยิ้มราวกับว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทว่าที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะเธอคือเลขาของเขายังไงล่ะ และเขาคือเจ้านายของเธอ.. ณิรินไม่สามารถทำตัวเป็นเลขาผู้สมบูรณ์แบบของเขาไปได้ตลอดหรอก หากว่าเราอยู่ด้วยกันขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอแสดงนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะรับได้อย่างงั้นเหรอ? “แบบนั้นก็ลองดูสิ ผมเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าคุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพออย่างแน่นอน เราต่างมองกันและทำความรู้จักกันในนิสัยที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะอย่างนั้นก็มาลองดูสิ มาลองทำความรู้จักกันดู แล้วหากว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริง..เราค่อยมาคุยเรื่องลูกกันอีกทีก็ได้” เขากำลังร้องขอสิ่งที่เรียกว่าโอกาส และณิรินเกลียดตัวเองมากเหลือเกินที่ตัวเธอเป็นพวกคนใจอ่อนน่ะ หากจะมองในมุมของเขานั้น ตัวของท่านประธานเองก็ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขาแสดงตัวและมีท่าทีที่ชัดเจนในการพยายามอย่างยิ่งที่จะรับผิดชอบเธอ “ได้โปรดนะณิริน คุณจะไม่ให้โอกาสผมแสดงความรับผิดชอบเลยได้ยังไงกัน..” เธอปรายสายตาไปมองหน้าเขา และนี่คือครั้งแรกที่เธอมองเห็นแววตาแสนอ่อนโยนของท่านประธาน วันนี้เขาไม่ได้เซ็ตผมให้เป็นทรงเหมือนกับทุกวัน และนี่คงเป็นทรงผมของคนที่พึ่งจะออกจากโรงพยาบาลใหม่ๆ ทันทีที่เขาออกจากโรงพยาบาลที่แสนน่าเบื่อนี้ สิ่งแรกที่เขาทำคือการไปหาเธอ.. เพียงแค่คิดถึงตรงนั้นหัวใจของณิรินก็สั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก “เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ เพียงแค่ณิรินมีเรื่องจะขอร้อง ท่านช่วยปิดเรื่องของเราที่บริษัทก่อนได้ไหมคะ” มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก ที่จะป่าวประกาศออกไปว่าเธอกำลังท้องน่ะ แถมยังท้องกับท่านประธานที่เป็นเจ้านายอีกต่างหาก “ได้สิ..แต่ผมเองก็มีข้อแม้เหมือนกัน ในหนึ่งสัปดาห์คุณต้องไปลองใช้ชีวิตที่บ้านผม สัปดาห์ละสองวัน ผมหมายถึงณิรินต้องไปค้างที่บ้านของผมสัปดาห์ละสองวัน เราต้องลองอยู่ด้วยกันก่อนสิ ถึงจะรู้ว่าเราจะเข้ากันได้หรือว่าไม่ได้” ลองอยู่ด้วยกัน? นี่มันใช่การทำความรู้จักกันจริงๆ งั้นเรอะ “อยู่ด้วยกันเหรอคะ?” “ใช่แล้ว อยู่ด้วยกันในฐานะของคนที่คบหาดูใจกัน ไม่ใช่ในฐานะของเจ้านายและเลขา..ช่วยฟังคำขอร้องของผมหน่อยเถอะนะ” เขาอยากดูแลณิรินมากจริงๆ ในตอนที่ไอ้ฉลามบอกว่าเธอท้อง เขารู้สึกดีใจมากกว่าที่จะตกใจอีก เขาอยู่คนเดียวมานานมากๆแล้ว ครอบครัวของเขานั้นมันมีแค่เขาเพียงคนเดียวมาโดยตลอด และในตอนนี้หากว่ามันจะมีณิรินกับลูกของเราเพิ่มมา ต้องบอกว่าเขานั้นแสนจะยินดี ในชีวิตที่แสนเงียบเหงาของเขา มันคงดีมากๆ เลยหากจะมีณิรินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันมีความรู้สึกที่มากกว่านั้นปะปนอยู่ด้วย “..เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ” ในเมื่อเขาพยายามมากขนาดนั้นแล้วเธอจะไม่ให้ความร่วมมือเขาได้อย่างไรกัน . . “วันนี้ท่านประธานออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ แต่ว่าท่านไม่ได้เข้าไปที่บริษัทในทันที” หญิงวัยกลางคนพยักหน้าเบาๆ เธอสั่งคนให้ตามจับตาดูลูกชายเพียงคนเดียวเอาไว้ไม่ให้คาดสายตา.. นี่ไม่ใช่การทำร้ายหรือว่าไม่หวังดี แต่เพราะเจ้าลูกคนนั้นไม่ยอมพูดอะไรออกมาตรงๆ เพราะฉะนั้นเธอที่เป็นห่วงลูกชายมากเสียจนกินไม่ได้นอนไม่หลับก็คงไม่อาจเพิกเฉยต่อลูกชายเพียงคนเดียวได้หรอก “แล้วตอนนี้ธีร์อยู่ที่ไหนกัน..” ชายผู้นั้นยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “อยู่ที่โรงพยาบาลครับ..ดูเหมือนว่าหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลท่านประธานจะไปหาเลขาณิรินในทันที ทั้งสองคนไปทานมื้อเช้าด้วยกันที่ร้านอาหารหลังจากนั้นเลขาณิรินก็เป็นลมไป และในตอนนี้ท่านประธานกำลังอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะเลขาณิรินดูเหมือนจะไม่สบาย” หญิงวัยกลางคนใช้มือเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด “ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะมีอะไรที่มันพิเศษต่อกันจริงๆ ด้วยสินะ..” เลขาที่อายุอยู่ในช่วงวัยไล่เลี่ยกับท่านประธานใหญ่หัวเราะออกมาเบาๆ เขาเองก็ทำงานรับใช้ท่านประธานใหญ่มามากกว่าครึ่งชีวิตแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าท่านประธานใหญ่เอ็นดูเลขาณิรินมาแค่ไหน “เรื่องนั้นผมเองก็ให้คำตอบท่านไม่ได้หรอกนะครับ” “เหอะ! เรื่องนั้นต่อให้เอ่ยถามออกไป เจ้าเด็กคนนั้นก็ไม่มีทางยอมตอบหรอก ที่แท้สาเหตุที่ปฏิเสธเรื่องการดูตัวหลายครั้งก็เพราะมีคนที่ชอบอยู่แล้วนี่เอง แค่บอกความจริงออกมามันยากเย็นมากนักรึไง..ช่วยสืบให้หน่อยสิว่าเลขาณิรินไปหาหมอเพราะอะไร แล้วก็ช่วยนัดณิรินมาคุยกับฉันแบบเป็นการส่วนตัวด้วย” เลขาของท่านประธานใหญ่พยักหน้าพร้อมกับก้มหน้าลง “ครับท่าน ว่าแต่ท่านจะให้ผมเตรียมเช็คเงินสดหรือว่าเงินเอาไว้ให้ไหมครับ” ท่านประธานใหญ่ขมวดคิ้วในทันที “นี่ฉันดูเหมือนเป็นแม่ของพระเอกในละครรึไง ที่จะใช้เงินฟาดหัวว่าที่ลูกสะใภ้แล้วบอกให้เลิกยุ่งกับลูกชายตัวเองน่ะ..ฉันมีลูกคนเดียวเท่านั้นนะ ธีร์รักใครฉันเองก็จะรักคนนั้นเหมือนกัน ในตอนนี้สิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดก็คือความต้องการของเด็กคนนั้น..” เพราะที่ผ่านเธอไม่ได้ดูแลลูกได้เต็มที่เท่าไหร่นัก ตอนนี้ยังทันรึเปล่านะ หากว่าเธอจะทำตัวเป็นแม่ที่ดีน่ะ ยังทัน..ไหมนะ หรือว่ามันสายไปแล้ว ตั้งแต่วันที่พ่อของธีร์เสีย เธอก็เหมือนคนเสียสติ ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะยิ้มออกมาได้ไหมเพราะเขาคือความสุขเดียวของเธอ..เธอเศร้าโศกและเสียใจจนหลงลืมว่าตัวเองต้องทำหน้าที่ของแม่ และเธอไม่สามารถสลัดความเจ็บปวดจากการสูญเสียสามีไปได้เลย เธอล้มเลิกความตั้งใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วด้วยซ้ำ และคนที่ช่วยให้สติของเธอกลับมาอีกครั้งคือลินี ฐานะของลินีคือเมียเก็บของวิเชียร พ่อของสิงหา..เธอไปอยู่ที่บ้านนั้นเป็นการชั่วคราว อันที่จริงเธอจะพาลูกชายไปด้วยแต่ทว่าคุณย่าของธีร์ไม่ยินยอม ท่านจึงนำตัวธีร์ไปอยู่ด้วยเป็นการชั่วคราว ส่วนเธอ..เธอเลือกที่จะย้ายไปอยู่กับลินีในบ้านของวิเชียร และนั่นคือสาเหตุข่าวลือแปลกๆ ที่ไร้มูลความจริง เธอไม่ได้คิดกับพ่อของสิงหาในเรื่องเกินเลยอะไรทั้งนั้น เพราะในชีวิตนี้เธอคงรักชายหนุ่มได้เพียงคนเดียวนั่นก็คือพ่อของธีร์ เธอตั้งใจว่าจะกลับมาหาลูกและอธิบายให้ลูกได้ฟัง แต่ดูเหมือนว่ามันจะสายไปแล้ว..เพราะเมื่อเธอกลับมาหาธีร์อีกครั้ง แววตาของลูกชายก็มองเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หากจะนับกันจริงๆ เขาไม่ได้รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมุมมองที่เขาเห็น นั้นมันเป็นมุมมองของเจ้านายที่มองดูลูกน้อง และเธอที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมยังไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาแบบไหนเธอก็ยังคงยิ้มราวกับว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทว่าที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะเธอคือเลขาของเขายังไงล่ะ และเขาคือเจ้านายของเธอ..ณิรินไม่สามารถทำตัวเป็นเลขาผู้สมบูรณ์แบบของเขาไปได้ตลอดหรอก หากว่าเราอยู่ด้วยกันขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอแสดงนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะรับได้อย่างงั้นเหรอ?“แบบนั้นก็ลองดูสิ ผมเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าคุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพออย่างแน่นอน เราต่างมองกันและทำความรู้จักกันในนิสัยที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะอย่างนั้นก็มาลองดูสิ มาลองทำความรู้จักกันดู แล้วหากว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริง..เราค่อยมาคุยเรื่องลูกกันอีกทีก็ได้”เขากำลังร้องขอสิ่งที่เรียกว่าโอกาส และณิรินเกลียดตัวเองมากเหลือเกินที่ตัวเธอเป็นพวกคนใจอ่อนน่ะหากจะมองในมุมของเขานั้น ตัวของท่านประธานเองก็ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขาแสดงตัวและมีท่าทีที่ชัดเจนในการพยายามอย่างยิ่งที่จะรับผิดชอบเธอ“ได้โปรดนะณิริน คุณจะไม
เป็นเขาที่คิดน้อยมากเกินไป เพราะเราเดินเคียงข้างกันมานานในฐานะของเจ้านายและลูกน้อง เพราะอย่างนั้นสายตาของผู้คนเวลาที่มองมาที่เธอก็จะเกิดภาพจำว่าเธอคือเลขาของเขา..ด้วยเหตุนั้นธีร์จึงเปลี่ยนไปทานมื้อเช้าในร้านอาหารที่เราไม่เคยมาด้วยกัน“ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านใหม่ๆ กันบ้างดีกว่านะณิริน”เธอมองหน้าเขา ก่อนจะมองอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ วันนี้ท่านประธานแตกต่างไปจากทุกวันจริงๆ นั่นแหละ หรือว่าเขามีเรื่องอะไรที่จะพูดคุยกับเธอรึเปล่า“ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านประธานมีอะไรอยากจะพูดกับณิรินไหมคะ”เธอมีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว มีเรื่องมากมายให้ต้องใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะอย่างนั้นเธอไม่มีเวลาที่จะมาคาดเดาความคิดของเขาอีกหรอกธีร์วางช้อนเอาไว้ในจาน เขาประสานนิ้วมือเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังเข้าโหมดจริงจัง“แล้วณิรินไม่คิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันงั้นเหรอ?”เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา“ไม่นี่คะ หากเป็นเรื่องงานณิรินมั่นใจว่าณิรินทำงานได้อย่างดีและไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านจะต้องมาตำหนิณิรินหรอกค่ะ”ธีร์พ่นลมหายใจอ
ในมือของณิรินยังคงถือที่ตรวจครรภ์เอาไว้ เธอหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองข้อแรกวันนี้เธอหยุดและณิรินจัดการปิดโหมดการบินเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องการรับข่าวสารใดๆ ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือว่าเรื่องอะไรก็ตามทีและข้อสองเธอน่าจะต้องเตรียมตัวในเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเกิดมาณิรินล้มตัวนอนลงบนเตียง เธอหลับตาลงช้าๆ แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องที่หนักหนาแต่นี่ช่างน่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับความจริงเลยฝ่ามือเล็กๆ ของณิรินกำลังลูบลงไปเบาๆ บนหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง..หากเป็นเรื่องเงินเธอไม่ได้ติดขัดอะไรเลย ที่ผ่านมาเธอทำงานแบบไม่มีเวลาให้ได้ใช้เงิน ด้วยเหตุนั้นเงินเก็บในธนาคารที่ณิรินมีมันเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูเธอและลูกไปอีกนานหลายปี เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอต้องคิดในตอนนี้คือ..เธอควรวางแผนที่จะใช้ชีวิตระยะยาวของตัวเองและเธอคงไม่อาจทำงานในตำแหน่งที่กำลังยืนอยู่ได้อีกต่อไป..มันคงน่าอึดอัดพิลึก หากเขารู้ว่าเธอท้องและเธอจะทำยังไงดีล่ะในช่วงเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาว่าเด็กในท้องคือลูกใครณิรินไม่ได้คาดหวังให้ท่านประธานมารับผิดชอบเพราะในวันนั้นเธอเองก็
เมื่อเหลือเราสองคนที่อยู่ในห้องนี้ ณิรินหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อสั่งอาหารให้เขา“..สั่งของคุณมาด้วยสิ วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว”อันที่จริงไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเขาก็ชอบให้เธอสั่งอาหารมาเผื่อตัวเธอด้วย ความใส่ใจที่แสนเล็กน้อยนี่แหละที่ณิรินมองว่ามันช่างแสนอันตรายมากเหลือเกิน..ที่ผ่านมาต่อให้เธอจะทำงานหนักมากแค่ไหน นอกจากค่าตอบแทนที่สุดแสนจะคุ้มค่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับจากเขามันคือความเอาใจใส่ที่ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่เธอกลับได้มันมาอย่างสม่ำเสมอ“ค่ะ..หมอฉลามอนุญาตให้ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ”และนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองเดือนสำหรับธีรักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะมันหมายความว่าเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปทำงานและได้มองเห็นณิรินในสายตาตลอดเวลาแล้วแผลผ่าตัดที่เคยปริแตกของเขามันหายดีไปจนหมดแล้ว..หากแม่ไม่สั่งให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ เขาคงจะไปจากที่นี่ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว“นั่นเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ ในที่สุดผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที..”เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนสายตาของธีร์รักนั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าของณิรินเลยแม้แต่น้อยและสิ่งที่มาขั
พะพายตามมาดูอาการของณิรินด้วยความเป็นห่วง“เราว่าแกไปหาหมอก่อนดีไหม หรือไม่ก็ไปที่ห้องพยาบาลก่อน..”เพราะพะพายรู้ว่างานของณิรินมันยุ่งมาก หากให้ณิรินไปหาหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นไปไมได้อย่างแน่นอน คนบ้างานอย่างณิรินไม่มีทางจะยอมทิ้งงานเพื่อพาตัวเองไปหาหมอแน่ๆณิรินพยักหน้า เธอยอมเดินตามพะพายไปที่ห้องพยาบาลของบริษัท“ดูเหมือนว่าเพื่อนหนูจะพักผ่อนน้อยค่ะ มันกินข้าวไม่ได้และก็อาเจียนออกมาด้วย..”หมอที่ประจำเป็นที่ห้องพยาบาลส่งยิ้มให้กับพะพาย มันคือรอยยิ้มที่มากเกินคนรู้จักทั่วไปอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ณิรินพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้บ้าง“เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะ หากแกไม่ไหวก็โทรไปหาเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่งแกกลับบ้านเอง”พะพายกล่าวออกมาพร้อมกับจับมือของณิรินเอาไว้“อืม ขอบใจแกมาก ไปทำงานเถอะ..”หมอประจำห้องพยาบาลยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อโบกมือลาพะพาย ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับมาหาณิรินที่กำลังนั่งอยู่“มีอาการอาเจียนมากี่วันแล้วครับ แล้วก็มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยอีกไหม..ยกตัวอย่างเช่นการเวียนศีรษะหรือว่ารู้สึกอย่างอื่น”ณิรินเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อยร่างกายก็เลยรวนไปหมด นั่นจ
“เท่าที่จำได้กูบอกว่าให้ณิรินไปส่ง แล้วมึงเสนอหน้ามาด้วยทำไมวะไอ้ธีร์”บรรยากาศในรถตอนนี้ดูเหมือนว่าจะร้อนระอุมากกว่าบรรยากาศในห้องทำงานเมื่อครู่อีก เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังพาคุณสิงหาไปที่รถ และเมื่อเธอกำลังจะเดินถึงรถ ท่านประธานก็ตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับเปิดประตูด้านหลังรถเพื่อยัดคุณสิงหาเข้าไปในนั้นแล้วเขาก็สั่งให้เธอขับรถ ส่วนตัวเองเดินเข้ามาเพื่อนั่งข้างคนขับ นี่มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่จนณิรินไม่รู้ว่าเธอจะรับมือกับความแปลกของท่านประธานอย่างไรดี“กูก็อยากไปหาหมอเหมือนกัน พอดีว่ากูไปต่อยหมามาก็เลยเจ็บมือ ทำไม..มีแต่มึงที่ไปหาหมอได้คนเดียวงั้นเหรอ”ตลอดทางทั้งสองคนก็จิกกัดกันไม่ยอมปล่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าทั้งสองคน ทั้งท่านประธานและคุณสิงหาจะไม่ถูกกันแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังเถียงกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเพื่อนกำลังทะเลาะกันมากกว่าแต่ณิรินไม่อยากจะพูดออกไปแบบนั้นหรอก เธอกลัวว่าท่านประธานจะไม่ชอบใจ ว่าแต่การที่เธอพยายามจะหนีท่านประธานออกมานั้นมันไม่ได้ผลอย่างนั้นสินะ เพราะต่อให้เธอพยายามหลบหนีเขามากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามตามติดเธอมากแค่นั้น..แต่ช่าง







