แชร์

14.จะรักกันได้อย่างไร

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-05 15:22:41

 

เป็นเขาที่คิดน้อยมากเกินไป เพราะเราเดินเคียงข้างกันมานานในฐานะของเจ้านายและลูกน้อง เพราะอย่างนั้นสายตาของผู้คนเวลาที่มองมาที่เธอก็จะเกิดภาพจำว่าเธอคือเลขาของเขา..

ด้วยเหตุนั้นธีร์จึงเปลี่ยนไปทานมื้อเช้าในร้านอาหารที่เราไม่เคยมาด้วยกัน

“ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านใหม่ๆ กันบ้างดีกว่านะณิริน”

เธอมองหน้าเขา ก่อนจะมองอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ วันนี้ท่านประธานแตกต่างไปจากทุกวันจริงๆ นั่นแหละ หรือว่าเขามีเรื่องอะไรที่จะพูดคุยกับเธอรึเปล่า

“ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านประธานมีอะไรอยากจะพูดกับณิรินไหมคะ”

เธอมีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว มีเรื่องมากมายให้ต้องใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะอย่างนั้นเธอไม่มีเวลาที่จะมาคาดเดาความคิดของเขาอีกหรอก

ธีร์วางช้อนเอาไว้ในจาน เขาประสานนิ้วมือเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังเข้าโหมดจริงจัง

“แล้วณิรินไม่คิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันงั้นเหรอ?”

เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา

“ไม่นี่คะ หากเป็นเรื่องงานณิรินมั่นใจว่าณิรินทำงานได้อย่างดีและไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านจะต้องมาตำหนิณิรินหรอกค่ะ”

ธีร์พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ

“ไม่ใช่เรื่องงานสิ เราไม่ได้อยู่ที่บริษัทนะ..มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องพาคุณมาที่นี่เพื่อมาพูดคุยเรื่องงานอยู่แล้ว..ณิรินเรื่องในวันนั้นทำไมคุณถึงทำเหมือนกับว่ามันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกันล่ะ คุณทำเหมือนกับว่าคุณลืมมันไปหมด..”

“ก็เพราะมันสมควรอย่างยิ่งที่จะถูกลืมนี่คะ ท่านต้องการอะไรกันถึงได้เอาเรื่องในวันนั้นขึ้นมาพูดอีก ทั้งที่มันก็ผ่านมานานแล้ว..ณิรินคิดว่าเราไม่ควรหยิบยกเรื่องในอดีตขึ้นมาพูดคุยกันหรอกนะคะ”

น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือและณิรินตัดสินใจลุกขึ้นในทันที

“ณิรินพูดในสิ่งที่คิดไปหมดแล้วเพราะอย่างนั้นท่านช่วย..ลืมมันไปเถอะนะคะ”

เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและณิรินไม่แน่ใจว่าเพราะเธอลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเก้าอี้ในทันทีรึเปล่า เธอถึงได้มีอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมแบบนี้น่ะ

ธีร์รีบวิ่งเข้ามารับเธอเอาไว้ เธอใช้หลังมือเพื่อแตะวัดไข้ที่หน้าผากของเธอแต่ก็ไม่เห็นว่าตัวของณิรินจะร้อนอะไรเลย

“ณิริน..คุณเป็นอะไรรึเปล่า”

อา..ให้ตายสิ เธอไม่ควรจะมาหลับตอนนี้เลยจริงๆ แต่ว่าเธอทนต่อความรู้สึกวิงเวียนไม่ไหว..

“ณิริน! ณิริน!”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินและเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบเจอกับเพดานที่แสนคุ้นเคยเพราะว่าที่นี่คือโรงพยาบาลที่เธอใช้เวลาเดินทางเข้าออกกว่าสองเดือนเต็มที่ท่านประธานอยู่ที่นี่

ฉิบหายแล้วไง..ไม่มีคำอื่นใดนอกจากคำนี้และในห้องนี้ก็ไม่มีใครนั่งอยู่กับเธอแล้วนอกจากท่านประธานที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมกับจ้องเธอไม่วางตา

“ฟื้นแล้วงั้นเหรอ..ดื่มน้ำหน่อยไหม”

ณิรินเลือกที่จะเงียบ เพราะว่าเธอไม่กล้าถามเขาด้วยซ้ำว่ามีหมอมาตรวจดูอาการของเธอรึยัง แล้วหมอได้บอกออกไปไหมว่าเธอเป็นอะไร

เธอไม่กล้าจะถามเพราะหวาดกลัวในคำตอบนั้นต่างหาก..เธอกลัวว่าเขาจะรู้แล้วกลัวว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตขึ้นมา

ชีวิตที่แสนสงบสุขของเธอมีอันต้องพังทลายอย่างแน่นอนหากว่าเขารู้ว่าเธอท้องน่ะ

“มะ..ไม่เป็นไรค่ะ”

“ไม่เอาน่าณิริน ดื่มน้ำสักหน่อยสิ เท่าที่ผมจำได้วันนี้คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่..คุณจะอดก็ได้แต่จะให้ลูกอดไม่ได้นะครับ”

เธอหันขวับไปมองหน้าเขาราวกับไม่เชื่อหูตัวเองในสิ่งที่เธอกำลังได้ยิน..

เขายื่นมือมาจับปอยผมที่กำลังหลุดลุ่ยของเธอไปทัดเอาไว้ที่ข้างหู ก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาหาเธอมากขึ้น..ใกล้มากเสียจนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา

“คุณบอกกับผมว่า..ไม่ให้พูดถึงเรื่องในคืนนั้น แต่ผมจะทำแบบนั้นได้อย่างไรกันณิริน ในเมื่อเรื่องในคืนนั้นมันทำให้มีเด็กตัวน้อยๆ กำลังเติบโตในท้องของคุณน่ะ..”

“..มะ..ไม่ใช่นะคะ”

ปลายนิ้วของเขากำลังเกลี่ยลงไปเบาๆ บนกลีบปากสีซีดของเธอ

“ไม่ใช่อะไรกัน เอาล่ะผมจะลองฟังดูเช่นนั้นลองพูดปฏิเสธมาสิว่าที่คุณบอกว่าไม่ใช่ มันไม่ใช่เรื่องไหนกัน”

ดวงตาของเธอมันแดงช้ำและเห่อร้อนไปหมด ณิรินพยายามจะกะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาที่กำลังทำท่าจะรินไหลออกมา      ริมฝีปากของเธอกำลังสั่นระริก..เพราะไม่รู้ว่าเธอควรจะกล่าวคำพูดแบบไหนออกไปดี

“ใช่ไหมล่ะ..คุณเองก็พูดโกหกออกมาไม่ได้หรอก เพราะคุณรู้ดีว่าหากคุณโกหกผมจะรู้..ณิรินเราไม่ได้รู้จักกันมาแค่วันสองวันเท่านั้น..ผมรู้ดีว่าข้างกายของคุณไม่มีใครและรู้ดีมากไปกว่านั้นอีก ว่าเวลากว่าครึ่งในชีวิตของคุณทุ่มเทให้กับงาน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคุณทุ่มเทเวลาให้กับผม เพราะอย่างนั้น..เด็กคนนี้เป็นลูกของใครไม่ได้หรอกนอกจากจะเป็นลูกผมน่ะ”

เธออยากบอกว่าไม่ใช่ออกไปเหลือเกิน แต่ทว่า..เธอโกหกไม่เป็นและอย่างที่เขาบอก หากว่าเธอโกหกเขาจะรู้

“..เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องของณิรินค่ะ ไม่ว่าพ่อของเด็กคนนี้จะเป็นใครเรื่องนั้นไม่สำคัญเลยเพราะว่าแม่ของเขาคือณิริน และณิรินตั้งใจจะดูแลเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง..ท่านไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวหรือว่าแสดงท่าทีเหมือนจะรับผิดชอบณิรินหรอกนะคะ”

เอาจริงดิ..ตั้งแต่ที่เรามีความสัมพันธ์ทางการที่ลึกซึ้งต่อกัน เธอก็ไม่เอ่ยปากเรียกร้องอะไรจากเขาในเรื่องนั้นเลย แล้วตอนนี้จนเรื่องราวมันเลยเถิดจนถึงขั้นที่เธอท้อง แต่ทว่าณิรินก็ยังจะปฏิเสธและกันเขาออกไปอีกงั้นเหรอ

“ทั้งๆ ที่เด็กคนนี้เป็นลูกของผมเนี่ยนะ..ณิรินคุณไม่อยากให้เด็กคนนี้เกิดในครอบครัวที่สมบูรณ์รึไง ครอบครัวมันต้องมีทั้งพ่อและแม่สิ อีกทั้ง..ผมยินดีที่จะรับผิดชอบคุณนะ”

รับผิดชอบอย่างงั้นเหรอ รับผิดชอบแบบไหนกัน แต่งงานกับเธออย่างนั้นหรือ? เขาคิดว่าเธอต้องการแต่งงานกับเขามากนักรึไง ใครจะไปอยากแต่งงานกับเขากัน..เธอไม่อยากเดินเข้าไปในงานแล้วถูกมองว่าเธอตั้งใจท้องเพื่อจับท่านประธานหรอกนะ จะมีสักกี่คนที่ยินดีกับการถือกำเนิดของลูกเธอจากใจจริงๆ น่ะ หากต้องอยู่ในสังคมจอมปลอมแบบนั้นสู้ให้เธอมีความสุขกับเด็กตัวน้อยที่ลืมตาขึ้นมาดูโลกเพียงคนเดียวซะยังดีกว่า

“ณิริน..ถึงแม้ว่าผมอาจจะบอกคุณช้าไป แต่ว่าผม..จะรักและดูแลคุณเองนะ”

“เราจะรักกันได้ยังไงกันคะ แม้แต่นิสัยจริงๆ ของฉัน..คุณยังไม่รู้จักเลย”

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พ่อของลูกฉัน ดันเป็นท่านประธานไปซะได้   15.ขอร้อง

    หากจะนับกันจริงๆ เขาไม่ได้รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมุมมองที่เขาเห็น นั้นมันเป็นมุมมองของเจ้านายที่มองดูลูกน้อง และเธอที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมยังไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาแบบไหนเธอก็ยังคงยิ้มราวกับว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทว่าที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะเธอคือเลขาของเขายังไงล่ะ และเขาคือเจ้านายของเธอ..ณิรินไม่สามารถทำตัวเป็นเลขาผู้สมบูรณ์แบบของเขาไปได้ตลอดหรอก หากว่าเราอยู่ด้วยกันขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอแสดงนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะรับได้อย่างงั้นเหรอ?“แบบนั้นก็ลองดูสิ ผมเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าคุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพออย่างแน่นอน เราต่างมองกันและทำความรู้จักกันในนิสัยที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะอย่างนั้นก็มาลองดูสิ มาลองทำความรู้จักกันดู แล้วหากว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริง..เราค่อยมาคุยเรื่องลูกกันอีกทีก็ได้”เขากำลังร้องขอสิ่งที่เรียกว่าโอกาส และณิรินเกลียดตัวเองมากเหลือเกินที่ตัวเธอเป็นพวกคนใจอ่อนน่ะหากจะมองในมุมของเขานั้น ตัวของท่านประธานเองก็ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขาแสดงตัวและมีท่าทีที่ชัดเจนในการพยายามอย่างยิ่งที่จะรับผิดชอบเธอ“ได้โปรดนะณิริน คุณจะไม

  • พ่อของลูกฉัน ดันเป็นท่านประธานไปซะได้   14.จะรักกันได้อย่างไร

    เป็นเขาที่คิดน้อยมากเกินไป เพราะเราเดินเคียงข้างกันมานานในฐานะของเจ้านายและลูกน้อง เพราะอย่างนั้นสายตาของผู้คนเวลาที่มองมาที่เธอก็จะเกิดภาพจำว่าเธอคือเลขาของเขา..ด้วยเหตุนั้นธีร์จึงเปลี่ยนไปทานมื้อเช้าในร้านอาหารที่เราไม่เคยมาด้วยกัน“ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านใหม่ๆ กันบ้างดีกว่านะณิริน”เธอมองหน้าเขา ก่อนจะมองอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ วันนี้ท่านประธานแตกต่างไปจากทุกวันจริงๆ นั่นแหละ หรือว่าเขามีเรื่องอะไรที่จะพูดคุยกับเธอรึเปล่า“ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านประธานมีอะไรอยากจะพูดกับณิรินไหมคะ”เธอมีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว มีเรื่องมากมายให้ต้องใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะอย่างนั้นเธอไม่มีเวลาที่จะมาคาดเดาความคิดของเขาอีกหรอกธีร์วางช้อนเอาไว้ในจาน เขาประสานนิ้วมือเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังเข้าโหมดจริงจัง“แล้วณิรินไม่คิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันงั้นเหรอ?”เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา“ไม่นี่คะ หากเป็นเรื่องงานณิรินมั่นใจว่าณิรินทำงานได้อย่างดีและไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านจะต้องมาตำหนิณิรินหรอกค่ะ”ธีร์พ่นลมหายใจอ

  • พ่อของลูกฉัน ดันเป็นท่านประธานไปซะได้   13.อยากคุย

    ในมือของณิรินยังคงถือที่ตรวจครรภ์เอาไว้ เธอหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองข้อแรกวันนี้เธอหยุดและณิรินจัดการปิดโหมดการบินเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องการรับข่าวสารใดๆ ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือว่าเรื่องอะไรก็ตามทีและข้อสองเธอน่าจะต้องเตรียมตัวในเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเกิดมาณิรินล้มตัวนอนลงบนเตียง เธอหลับตาลงช้าๆ แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องที่หนักหนาแต่นี่ช่างน่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับความจริงเลยฝ่ามือเล็กๆ ของณิรินกำลังลูบลงไปเบาๆ บนหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง..หากเป็นเรื่องเงินเธอไม่ได้ติดขัดอะไรเลย ที่ผ่านมาเธอทำงานแบบไม่มีเวลาให้ได้ใช้เงิน ด้วยเหตุนั้นเงินเก็บในธนาคารที่ณิรินมีมันเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูเธอและลูกไปอีกนานหลายปี เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอต้องคิดในตอนนี้คือ..เธอควรวางแผนที่จะใช้ชีวิตระยะยาวของตัวเองและเธอคงไม่อาจทำงานในตำแหน่งที่กำลังยืนอยู่ได้อีกต่อไป..มันคงน่าอึดอัดพิลึก หากเขารู้ว่าเธอท้องและเธอจะทำยังไงดีล่ะในช่วงเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาว่าเด็กในท้องคือลูกใครณิรินไม่ได้คาดหวังให้ท่านประธานมารับผิดชอบเพราะในวันนั้นเธอเองก็

  • พ่อของลูกฉัน ดันเป็นท่านประธานไปซะได้   12.ได้ยินไหม

    เมื่อเหลือเราสองคนที่อยู่ในห้องนี้ ณิรินหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อสั่งอาหารให้เขา“..สั่งของคุณมาด้วยสิ วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว”อันที่จริงไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเขาก็ชอบให้เธอสั่งอาหารมาเผื่อตัวเธอด้วย ความใส่ใจที่แสนเล็กน้อยนี่แหละที่ณิรินมองว่ามันช่างแสนอันตรายมากเหลือเกิน..ที่ผ่านมาต่อให้เธอจะทำงานหนักมากแค่ไหน นอกจากค่าตอบแทนที่สุดแสนจะคุ้มค่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับจากเขามันคือความเอาใจใส่ที่ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่เธอกลับได้มันมาอย่างสม่ำเสมอ“ค่ะ..หมอฉลามอนุญาตให้ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ”และนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองเดือนสำหรับธีรักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะมันหมายความว่าเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปทำงานและได้มองเห็นณิรินในสายตาตลอดเวลาแล้วแผลผ่าตัดที่เคยปริแตกของเขามันหายดีไปจนหมดแล้ว..หากแม่ไม่สั่งให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ เขาคงจะไปจากที่นี่ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว“นั่นเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ ในที่สุดผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที..”เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนสายตาของธีร์รักนั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าของณิรินเลยแม้แต่น้อยและสิ่งที่มาขั

  • พ่อของลูกฉัน ดันเป็นท่านประธานไปซะได้   11.หนักหนา

    พะพายตามมาดูอาการของณิรินด้วยความเป็นห่วง“เราว่าแกไปหาหมอก่อนดีไหม หรือไม่ก็ไปที่ห้องพยาบาลก่อน..”เพราะพะพายรู้ว่างานของณิรินมันยุ่งมาก หากให้ณิรินไปหาหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นไปไมได้อย่างแน่นอน คนบ้างานอย่างณิรินไม่มีทางจะยอมทิ้งงานเพื่อพาตัวเองไปหาหมอแน่ๆณิรินพยักหน้า เธอยอมเดินตามพะพายไปที่ห้องพยาบาลของบริษัท“ดูเหมือนว่าเพื่อนหนูจะพักผ่อนน้อยค่ะ มันกินข้าวไม่ได้และก็อาเจียนออกมาด้วย..”หมอที่ประจำเป็นที่ห้องพยาบาลส่งยิ้มให้กับพะพาย มันคือรอยยิ้มที่มากเกินคนรู้จักทั่วไปอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ณิรินพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้บ้าง“เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะ หากแกไม่ไหวก็โทรไปหาเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่งแกกลับบ้านเอง”พะพายกล่าวออกมาพร้อมกับจับมือของณิรินเอาไว้“อืม ขอบใจแกมาก ไปทำงานเถอะ..”หมอประจำห้องพยาบาลยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อโบกมือลาพะพาย ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับมาหาณิรินที่กำลังนั่งอยู่“มีอาการอาเจียนมากี่วันแล้วครับ แล้วก็มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยอีกไหม..ยกตัวอย่างเช่นการเวียนศีรษะหรือว่ารู้สึกอย่างอื่น”ณิรินเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อยร่างกายก็เลยรวนไปหมด นั่นจ

  • พ่อของลูกฉัน ดันเป็นท่านประธานไปซะได้   10.เหลือจะเชื่อ

    “เท่าที่จำได้กูบอกว่าให้ณิรินไปส่ง แล้วมึงเสนอหน้ามาด้วยทำไมวะไอ้ธีร์”บรรยากาศในรถตอนนี้ดูเหมือนว่าจะร้อนระอุมากกว่าบรรยากาศในห้องทำงานเมื่อครู่อีก เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังพาคุณสิงหาไปที่รถ และเมื่อเธอกำลังจะเดินถึงรถ ท่านประธานก็ตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับเปิดประตูด้านหลังรถเพื่อยัดคุณสิงหาเข้าไปในนั้นแล้วเขาก็สั่งให้เธอขับรถ ส่วนตัวเองเดินเข้ามาเพื่อนั่งข้างคนขับ นี่มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่จนณิรินไม่รู้ว่าเธอจะรับมือกับความแปลกของท่านประธานอย่างไรดี“กูก็อยากไปหาหมอเหมือนกัน พอดีว่ากูไปต่อยหมามาก็เลยเจ็บมือ ทำไม..มีแต่มึงที่ไปหาหมอได้คนเดียวงั้นเหรอ”ตลอดทางทั้งสองคนก็จิกกัดกันไม่ยอมปล่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าทั้งสองคน ทั้งท่านประธานและคุณสิงหาจะไม่ถูกกันแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังเถียงกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเพื่อนกำลังทะเลาะกันมากกว่าแต่ณิรินไม่อยากจะพูดออกไปแบบนั้นหรอก เธอกลัวว่าท่านประธานจะไม่ชอบใจ ว่าแต่การที่เธอพยายามจะหนีท่านประธานออกมานั้นมันไม่ได้ผลอย่างนั้นสินะ เพราะต่อให้เธอพยายามหลบหนีเขามากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามตามติดเธอมากแค่นั้น..แต่ช่าง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status