9 เดือนต่อมา ที่คาเฟ่เจระวี “ ยินดีด้วยนะครีม เรียนจบสักทีแบบนี้ก็แต่งงานได้แล้วสิ “ จีนเน่เดินเข้ามาทักครีมหอมซึ่งนั่งรออยู่กับเสี่ยโอมในห้องนั่งเล่นประจำของพวกเขาก่อนที่คนอื่นๆ จะเดินตามเข้ามา “ ครีมไม่รีบหรอกค่ะพี่จีน ความจริงยังไม่คิดอยากจะแต่งด้วยซ้ำ “ เสี่ยโอมถึงกับจ้องหน้าเมียด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เขาอุตส่าห์รอเธอมาตั้ง 3 ปีเลยนะ ทำไมถึงพูดแบบนี้ “ แล้วนี้ยัยเจ้าของร้านไปไหนแล้วล่ะ “ ไนยะเข้ามานั่งตรงข้ามเสี่ยโอม แล้วถามหาอีกคนที่ควรจะอยู่แต่ไม่อยู่ คนที่นั่งหน้ายุ่งงอนแฟนสาวอยู่จึงได้ตอบ “ วันนี้มันเข้าไปดูงานที่บริษัท บอกว่าตอนนี้กำลังจะออกมา “ ไนยะพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เสี่ยโอมพูด “ สงสารพี่เจนนะคะ ต้องเลี้ยงทั้งลูกต้องไปบริษัทให้อาเจตแถมยังต้องมาดูแลคาเฟ่อีก พี่เจนเป็นผู้หญิงที่โคตรแกร่งเลย “ ณิหลาเป็นคนพูดขึ้น ทุกคนที่ได้ฟังก็คิดแบบเดียวกับที่ณิหลาคิด “ อืม ครีมว่าถ้าวันไหนว่างครีมมาช่วยงานที่ร้านนี้ให้พี่เจนดีไหม ยังไงทุกวันนี้ครีมก็ยังไม่ได้ทำงานยู่แล้ว “ นางแบบคนสวยของเสี่ยโอมหันหน้าไปถามเขา เสี่ยเองก็มองเมียด้วยแววตานิ่งๆ เมื่อไหร่เธอจะรู้ตัวว่าเขางอนในส
“ ว่าอย่างไร คุณประธานบริษัทคนสวย “ เมื่อเห็นคนที่กำลังรอก้าวขาเข้ามาในห้อง เพื่อนๆ ที่รออยู่ก็แซวใหญ่ “ จะให้ว่ายังไงล่ะ ก็เหนื่อยน่ะสิ “ พลอยเจนปลดกระเป๋าสะพายลงแล้วนั่งลงข้างๆ ครีมหอมพร้อมกับถอนหายใจโล่งอกที่วันนี้มันผ่านไปได้สักที มือของเธอก็พลันหยิบกล่องของขวัญออกมาจากกระเป๋า “ ของขวัญเรียนจบสำหรับน้องสาวคนสวยของพี่ค่ะ “ ครีมหอมตาโตแสดงท่าทีดีใจออกมา แล้วรีบรับเอาโดยไม่ลืมเข้าสวมกอดและหอมพลอยเจนเพื่อเป็นการขอบคุณ จนเสี่ยโอมเริ่มไม่พอใจรีบดึงเมียออก “ พอแล้วครีม มันบาดตาบาดใจพี่นะ โอ้ย “ เสี่ยเลยโดนแฟนสาวหันมาหยิกแขนให้ด้วยความหมั่นไส้ แล้วครีมหอมก็หันกลับไปยิ้มให้พลอยเจน มือเล็กยกขึ้นพนมไหว้แนบอกพี่สาว “ ขอบคุณมากๆ นะคะพี่เจน ขนาดงานยุ่งยังมีเวลาหาของขวัญมาให้น้องด้วย “ “ ครีม “ เสี่ยโอมรีบกอดเอวเมียให้ขยับออกมาหาเขา แม้ว่าพลอยเจนจะแต่งงานมีผัวเขาก็ไม่ไว้ใจ ดูสายตามันสิ หยุดแพรวพราวได้สักที่ไหน “ ไว้ครีมจะมาช่วยงานนะคะพี่เจน พรุ่งนี้เลยก็ได้ “ คนฟังขมวดคิ้ว “ แล้วเสี่ยโอมของน้องจะยอมเหรอ “ คนถูกโยงถอนหายใจแรง “ ถ้าครีมต้องการฉันจะขัดอะไรได้ล่ะ ที่สำคัญมึงก็ยังล
บ้านรุณรวี “ อ้าว นี่แม่ยังไม่นอนเหรอคะ “ พลอยเจนเดินเข้ามาในบ้านเห็นแม่นั่งชะเง้อคอรออยู่ จึงได้เดินเข้าไปนั่งด้วย “ แล้วน้องแจมหลับแล้วเหรอแม่ “ จ๊ะจ๋าพยักหน้าให้คำถามของลูก “ ใช่ หลับไปตั้งแต่หัวเย็นคุณตาเขานอนเฝ้าอยู่บนห้องนู้น แม่มีเรื่องจะคุยกับเจน ช่วงนี้เจนได้ไปหาเจตที่โรงพยาบาลบ้างมั้ย “ พลอยเจนได้ฟังแบบนั้นเธอก็ถอนหายใจแรง “ ที่ผ่านมาเจนก็แวะไปหาเขาทุกวัน ยังไม่เห็นว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเลย “ คนพูดมีท่าทีเคืองๆ นิดหน่อย เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ ที่ว่าจิรกิตติ์เห็นเธอเป็นตัวแทนของพราวฟ้าก็ยังไม่เคลียร์เลย แถมยังจะมามีเรื่องนี้อีก เขาไม่ยอมตื่นขึ้นมาจะได้ปีหนึ่งอยู่แล้ว ใจคอจะปล่อยเธอทำงานหนักแล้วก็เลี้ยงลูกคนเดียวไปจนถึงเมื่อไหร่ “ เจน ลูกคิดอะไรอยู่ หืม? “ หญิงสาวรีบหันไปจ้องหน้าแม่ “ เจนไม่อยากจะรอแล้วค่ะแม่ ไม่รู้ว่ามันจะต้องนานอีกแค่ไหน “ “ ..งั้นแม่จะเล่าอะไรให้ฟังนะ “ จ๊ะจ๋าได้สังเกตลูกสาวมาหลายเดือนแล้วเธอเป็นห่วง สุขภาพจิตใจของลูกวันนี้จึงอยากจะมาเล่าอะไรบ้างอย่างให้ลูกสาวฟัง เผื่อว่ามันจะทำให้พลอยเจนมีกำลังสู้ต่อไป ซึ่งพลอยเจนได้ยินแบบนั้นเธอก็นั่งเงียบจ
“ อือ “ เจระวีรู้สึกตัวขึ้นบนเตียง ไม่ทันที่เธอจะได้นึกคิดหรือสังเกตอะไรร่างของเธอก็ลุกจากเตียงไปอย่างกระฉับกระเฉง เหมือนกับว่าเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เจระวียืนมองภาพของตัวเองตอนนี้ในกระจก ก็เห็นว่าเธอใส่ชุดนักเรียนอยู่ พร้อมกับความรู้สึกที่ว่านี้คือตัวเธอแต่ก็ไม่ใช่เธอ ‘ นี่มันอะไร เรามาอยู่ในชุดนี้ได้ยังไง แล้วที่นี้มันที่ไหน ไม่ใช่บ้านเรานี่ ‘ เจระวีสงสัย แต่ร่างกายก็ไม่ได้ขยับตามท่าทีที่เธอต้องการ เหมือนกับว่าเธอควบคุมไม่มันได้ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น “ อีพราว! มึงลงมานี้เดี๋ยวนี้ “ เสียงตะโกนร้องขึ้นมาจากด้านล่างทำให้เจระวีตกใจ พราวเหรอ? หมายความว่าไง เจระวีได้แต่นึกคิดในระหว่างนั้นร่างกายนี้ของเธอก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง “ พ่อ มีอะไรจ๊ะ “ ร่างกายพูดคุยกับคนตรงหน้าโดยที่เจระวีไม่ได้ควบคุมอะไร เธอได้แต่จ้องมองชายแก่ที่ดูเหมือนว่าจะเมามาย มองมาทางนี้ด้วยความโกรธ เพียะ! ฝ่ามือใหญ่ตบมาที่หน้าของหญิงสาว เจระวีปวดแสบปวดร้อนรู้สึกเจ็บไปกับร่างนี้ด้วย แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงควบคุมร่างกายนี้ไม่ได้ ไม่งั้นตาแก่ตรงหน้าคงได้เจอกันสักตั้ง เจระวีได้แต่โมโหแล้วมองเห
“ เป็นยังไงบ้าง เจต พราว “ แสงรวี รุ่นพี่ของเจตและพราวซึ่งมีอายุห่างกัน 5 ปี ทั้งสามสนิทสนมกันมากเนื่องจากบ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก แถมแสงรวีก็คอยมาช่วยสอนหนังสือให้น้องทั้งสอง ทำให้ทั้งสามสนิทกันมากเป็นพิเศษ “ อ้าวพี่แสงมาได้ยังไงครับ “ เจตเดินเข้ามาทักพร้อมรับของฝากจากมือพี่ชาย “ พอดีพี่พาพี่จ๊ะจ๋าไปหาหมอมานะ เลยมาแวะดูเราสองคน “ “ พี่จ๊ะจ๋าเป็นอะไรคะ หรือว่าจะคลอดแล้วเหรอ “ พราวฟ้ารีบวิ่งออกมาช่วยประคองคนท้องมานั่งในบ้าน แววตาของพราวนั้นสดใสดีใจที่จะได้เห็นหน้าหลาน ในขณะที่เจระวีเองก็มองพ่อแม่วัยหนุ่มสาวด้วยความชอบใจ “ ยังหรอก เพิ่งจะแปดเดือนกว่าๆ เอง “ จ๊ะจ๋ายิ้มตอบน้องสาว พราวฟ้าก็มีท่าทีร่าเริงแล้วถามกับพี่สาวพี่ชายออกมา “ แล้วพวกพี่สองคนได้ตั้งชื่อหลานไว้หรือยังคะ “ จ๊ะจ๋าเงยหน้ามองแสงรวีแล้วหันมาส่ายหน้าให้คนถาม “ ยังเลยจ้ะ พอดีพวกพี่ยังไม่รู้เพศลูกกัน เลยยังไม่รู้ว่าควรจะตั้งชื่อว่าอะไรดี “ จ๊ะจ๋าบอกมือก็ลูบท้องของตัวเอง จนเจระวีที่มองอยู่ก็รู้สึกดีซาบซึ้งแปลกๆ และเหมือนว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่พราวเป็นในตอนนั้นด้วย “ หลานคงจะโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพวกพี่
ผับเคทีแคท “ อ้าว นั่นเจนหรือเปล่า เจน! เจนทางนี้! “ เจระวี หรือ พลอยเจน หญิงสาวสูงราว 165 ร่างกายอวบอิ่มไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป เจ้าของผิวขาวผ่อง นัยน์ตาเฉี่ยว สวมชุดสีแดงรัดรูปก้าวขาเข้ามาในผับยังไม่ทันได้เห็นบุคคลที่เป็นเป้าหมายของตัวเธอด้วยซ้ำ แต่กลับได้ยินเสียงของชายหนุ่มออกสาวเรียกชื่อของเธอเสียงดัง ซึ่งดังกว่าเสียงเพลงเสียอีก พลอยเจนจึงรีบหันไปจ้องมอง “ เป็ด! เอ้ย ดักกี้เหรอ? “ เมื่อหันซ้ายมองขวาไปเจอต้นเสียง เธอก็ร้องชื่อของเขาคนนั้นออกมาอย่างตื่นเต้น เพราะได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เห็นแบบนั้นหญิงสาวจึงรีบก้าวขาเดินไปหา “ กลับมาจากนิวซีแลนด์ตั้งแต่เมื่อไหร่ มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะเนี่ย “ เจนเดินมาทักแล้วนั่งลงข้างเพื่อน “ ถึงจะเปลี่ยนไปเยอะแต่มึงก็ยังจำกูได้นี่ แต่ไม่คิดเลยน่ะว่าจะได้มาเจอที่นี้ ทั้งที่ไม่ได้เจอกันเกือบจะ 8 ปีแล้ว เป็นยังไงบ้าง “ คำถามสุดท้ายดักกี้ถามออกมาอย่างตื่นเต้น จนพลอยเจนพอจะรู้ว่าคนตรงหน้านั้นหมายถึงใคร “ ที่ถามนี้ ถามกูเหรอ “ “ ไม่! 3 หนุ่มฮอตเดอะแก๊งมึงต่างหากละ แต่งงานมีหวานใจกันหมดหรือยัง “ พลอยเจนเบี่ยงหน้าหนีพร้อมส่ายไปมาเบาๆ
“ เอากับผู้ชายมันสนุกมากเลยเหรอวะ! “ “ ห๊ะ มึงว่าอะไรนะ! “ ดักกี้แทบจะขยี้หูฟังใหม่ “ ก็กูไม่เคยนี่ ตั้งแต่เกิดมากูก็คบแต่กับผู้หญิง ไม่เคยคบผู้ชาย กูก็เลยอยากรู้ว่าการเอากับผู้ชายมันเป็นยังไง ทำไมผู้หญิงทุกคน..อย่างน้อยก็มีหนึ่งในคนที่กูคบอยู่ ถึงตัดใจจากของ..ของพวกผู้ชายไม่ได้ “ คนพูดรู้สึกเคืองมาก เพราะที่ผ่านมาเธอเคยคบผู้หญิงมา 4-5 คน แต่ทุกคนก็จะเข้ามาบอกกับเธอเสมอว่า ขาดผู้ชายไม่ได้ จนเธออยากจะรู้แล้ว ว่าไอ้นั่นของพวกผู้ชายมันมีดีอะไร! คิดแล้วมือสวยก็เอื้อมไปแย่งแก้วในมือเพื่อนขึ้นมากรอกปาก “ อ้าว แก้วกูอีเจน!” ดักกี้รีบร้องห้ามแล้วเอาแก้วใหม่มาแทนให้ “ วันนี้กูจะเมาให้สุด แล้วไปลองดู “ พลอยเจนตาเหลือกกว้างแหงนคอขึ้นไปมองห้องพักของเจ้าของผับอย่างเจ็บปวด “ มึงเอาจริงดิ! “ ดักกี้ก็ถามย้ำด้วยความเป็นห่วง “ ก็แน่น่ะสิ! “ พลอยเจนรีบตอบเสียงดัง มือของเธอวางแก้วลงโต๊ะเสียแรงจนก้อนน้ำแข็งกระเด็นออกมาจากแก้ว “ สวัสดีครับน้องสาว ทำไมดื่มหนักจัง ขอพี่ชนแก้วด้วยได้มั้ย “ หลังจากที่ดื่มไปได้สักพักพลอยเจนก็เริ่มเมา ซึ่งได้มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายเธอ หญิงสาวจึงทักทายเขากลั
“ ปล่อยนะ จะพาเจนไปไหน ปล่อย “ พลอยเจนที่โดนอาเจตของเธอลากออกมาเริ่มมีอาการต่อต้านเขา จิรกิตติ์ก็หันมาจ้องดุเธอ “ กลับบ้านไง เดี๋ยวนี้หัดเป็นเด็กใจแตกแล้วเหรอ “ คนเมาก็ไม่ยอมให้เขาตะคอกว่าเธอฝ่ายเดียว “ เด็กบ้าอะไร เจน 30 แล้วนะ ไม่ใช่เด็กแล้ว “ เธอตะคอกว่าเขากลับ ซึ่งตัวเธอตอนนี้ก็โดนเขาดึงออกมาจนถึงลานจอดรถ “ แต่สำหรับอา เจนก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่งนั้นแหละ! “ ร่างบางโดนผลักดันให้หันหลังชนกับรถสปอร์ต “ ถามจริงๆ นะเจน ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนั้น แล้วอีกอย่างมาที่นี้ทำไม ปกติไม่มาที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ “ คำถามของจิรกิตติ์ทำให้พลอยเจนที่กำลังเมา คิดเห็นร่างกายแฟนสาวตอนกอดรัดฟัดจูบกับชายอื่น เข้าห้องต่อหน้าต่อตาเธอ มือเล็กจึงได้ดึงคอเสื้อคนตรงหน้าให้โน้มมาหาแล้วจูบเพื่อไขข้อข้องใจ “ อืม “ ตอนแรกเจ้าของร่างใหญ่ก็พยายามต่อต้าน แต่เมื่อหญิงสาวไม่ยอมปล่อย เขาจึงช่วยสอนการจูบในแบบของเขาให้เธอ มือใหญ่ที่เคยจับตรงสองบ่าอันบอบบางเปลี่ยนไปทาบไว้ที่รถหรูแทน ใบหน้าของเขากดเข้าใกล้เธอมากขึ้น ดูดเม้มตรงมุมปากของคนตรงหน้าอย่างหิวกระหาย พลอยเจนที่ตอนแรกใจกล้ารุกจูบชายตรงหน้าก่อนเริ่มหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ เป็นยังไงบ้าง เจต พราว “ แสงรวี รุ่นพี่ของเจตและพราวซึ่งมีอายุห่างกัน 5 ปี ทั้งสามสนิทสนมกันมากเนื่องจากบ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก แถมแสงรวีก็คอยมาช่วยสอนหนังสือให้น้องทั้งสอง ทำให้ทั้งสามสนิทกันมากเป็นพิเศษ “ อ้าวพี่แสงมาได้ยังไงครับ “ เจตเดินเข้ามาทักพร้อมรับของฝากจากมือพี่ชาย “ พอดีพี่พาพี่จ๊ะจ๋าไปหาหมอมานะ เลยมาแวะดูเราสองคน “ “ พี่จ๊ะจ๋าเป็นอะไรคะ หรือว่าจะคลอดแล้วเหรอ “ พราวฟ้ารีบวิ่งออกมาช่วยประคองคนท้องมานั่งในบ้าน แววตาของพราวนั้นสดใสดีใจที่จะได้เห็นหน้าหลาน ในขณะที่เจระวีเองก็มองพ่อแม่วัยหนุ่มสาวด้วยความชอบใจ “ ยังหรอก เพิ่งจะแปดเดือนกว่าๆ เอง “ จ๊ะจ๋ายิ้มตอบน้องสาว พราวฟ้าก็มีท่าทีร่าเริงแล้วถามกับพี่สาวพี่ชายออกมา “ แล้วพวกพี่สองคนได้ตั้งชื่อหลานไว้หรือยังคะ “ จ๊ะจ๋าเงยหน้ามองแสงรวีแล้วหันมาส่ายหน้าให้คนถาม “ ยังเลยจ้ะ พอดีพวกพี่ยังไม่รู้เพศลูกกัน เลยยังไม่รู้ว่าควรจะตั้งชื่อว่าอะไรดี “ จ๊ะจ๋าบอกมือก็ลูบท้องของตัวเอง จนเจระวีที่มองอยู่ก็รู้สึกดีซาบซึ้งแปลกๆ และเหมือนว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่พราวเป็นในตอนนั้นด้วย “ หลานคงจะโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพวกพี่
“ อือ “ เจระวีรู้สึกตัวขึ้นบนเตียง ไม่ทันที่เธอจะได้นึกคิดหรือสังเกตอะไรร่างของเธอก็ลุกจากเตียงไปอย่างกระฉับกระเฉง เหมือนกับว่าเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เจระวียืนมองภาพของตัวเองตอนนี้ในกระจก ก็เห็นว่าเธอใส่ชุดนักเรียนอยู่ พร้อมกับความรู้สึกที่ว่านี้คือตัวเธอแต่ก็ไม่ใช่เธอ ‘ นี่มันอะไร เรามาอยู่ในชุดนี้ได้ยังไง แล้วที่นี้มันที่ไหน ไม่ใช่บ้านเรานี่ ‘ เจระวีสงสัย แต่ร่างกายก็ไม่ได้ขยับตามท่าทีที่เธอต้องการ เหมือนกับว่าเธอควบคุมไม่มันได้ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น “ อีพราว! มึงลงมานี้เดี๋ยวนี้ “ เสียงตะโกนร้องขึ้นมาจากด้านล่างทำให้เจระวีตกใจ พราวเหรอ? หมายความว่าไง เจระวีได้แต่นึกคิดในระหว่างนั้นร่างกายนี้ของเธอก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง “ พ่อ มีอะไรจ๊ะ “ ร่างกายพูดคุยกับคนตรงหน้าโดยที่เจระวีไม่ได้ควบคุมอะไร เธอได้แต่จ้องมองชายแก่ที่ดูเหมือนว่าจะเมามาย มองมาทางนี้ด้วยความโกรธ เพียะ! ฝ่ามือใหญ่ตบมาที่หน้าของหญิงสาว เจระวีปวดแสบปวดร้อนรู้สึกเจ็บไปกับร่างนี้ด้วย แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงควบคุมร่างกายนี้ไม่ได้ ไม่งั้นตาแก่ตรงหน้าคงได้เจอกันสักตั้ง เจระวีได้แต่โมโหแล้วมองเห
บ้านรุณรวี “ อ้าว นี่แม่ยังไม่นอนเหรอคะ “ พลอยเจนเดินเข้ามาในบ้านเห็นแม่นั่งชะเง้อคอรออยู่ จึงได้เดินเข้าไปนั่งด้วย “ แล้วน้องแจมหลับแล้วเหรอแม่ “ จ๊ะจ๋าพยักหน้าให้คำถามของลูก “ ใช่ หลับไปตั้งแต่หัวเย็นคุณตาเขานอนเฝ้าอยู่บนห้องนู้น แม่มีเรื่องจะคุยกับเจน ช่วงนี้เจนได้ไปหาเจตที่โรงพยาบาลบ้างมั้ย “ พลอยเจนได้ฟังแบบนั้นเธอก็ถอนหายใจแรง “ ที่ผ่านมาเจนก็แวะไปหาเขาทุกวัน ยังไม่เห็นว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเลย “ คนพูดมีท่าทีเคืองๆ นิดหน่อย เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ ที่ว่าจิรกิตติ์เห็นเธอเป็นตัวแทนของพราวฟ้าก็ยังไม่เคลียร์เลย แถมยังจะมามีเรื่องนี้อีก เขาไม่ยอมตื่นขึ้นมาจะได้ปีหนึ่งอยู่แล้ว ใจคอจะปล่อยเธอทำงานหนักแล้วก็เลี้ยงลูกคนเดียวไปจนถึงเมื่อไหร่ “ เจน ลูกคิดอะไรอยู่ หืม? “ หญิงสาวรีบหันไปจ้องหน้าแม่ “ เจนไม่อยากจะรอแล้วค่ะแม่ ไม่รู้ว่ามันจะต้องนานอีกแค่ไหน “ “ ..งั้นแม่จะเล่าอะไรให้ฟังนะ “ จ๊ะจ๋าได้สังเกตลูกสาวมาหลายเดือนแล้วเธอเป็นห่วง สุขภาพจิตใจของลูกวันนี้จึงอยากจะมาเล่าอะไรบ้างอย่างให้ลูกสาวฟัง เผื่อว่ามันจะทำให้พลอยเจนมีกำลังสู้ต่อไป ซึ่งพลอยเจนได้ยินแบบนั้นเธอก็นั่งเงียบจ
“ ว่าอย่างไร คุณประธานบริษัทคนสวย “ เมื่อเห็นคนที่กำลังรอก้าวขาเข้ามาในห้อง เพื่อนๆ ที่รออยู่ก็แซวใหญ่ “ จะให้ว่ายังไงล่ะ ก็เหนื่อยน่ะสิ “ พลอยเจนปลดกระเป๋าสะพายลงแล้วนั่งลงข้างๆ ครีมหอมพร้อมกับถอนหายใจโล่งอกที่วันนี้มันผ่านไปได้สักที มือของเธอก็พลันหยิบกล่องของขวัญออกมาจากกระเป๋า “ ของขวัญเรียนจบสำหรับน้องสาวคนสวยของพี่ค่ะ “ ครีมหอมตาโตแสดงท่าทีดีใจออกมา แล้วรีบรับเอาโดยไม่ลืมเข้าสวมกอดและหอมพลอยเจนเพื่อเป็นการขอบคุณ จนเสี่ยโอมเริ่มไม่พอใจรีบดึงเมียออก “ พอแล้วครีม มันบาดตาบาดใจพี่นะ โอ้ย “ เสี่ยเลยโดนแฟนสาวหันมาหยิกแขนให้ด้วยความหมั่นไส้ แล้วครีมหอมก็หันกลับไปยิ้มให้พลอยเจน มือเล็กยกขึ้นพนมไหว้แนบอกพี่สาว “ ขอบคุณมากๆ นะคะพี่เจน ขนาดงานยุ่งยังมีเวลาหาของขวัญมาให้น้องด้วย “ “ ครีม “ เสี่ยโอมรีบกอดเอวเมียให้ขยับออกมาหาเขา แม้ว่าพลอยเจนจะแต่งงานมีผัวเขาก็ไม่ไว้ใจ ดูสายตามันสิ หยุดแพรวพราวได้สักที่ไหน “ ไว้ครีมจะมาช่วยงานนะคะพี่เจน พรุ่งนี้เลยก็ได้ “ คนฟังขมวดคิ้ว “ แล้วเสี่ยโอมของน้องจะยอมเหรอ “ คนถูกโยงถอนหายใจแรง “ ถ้าครีมต้องการฉันจะขัดอะไรได้ล่ะ ที่สำคัญมึงก็ยังล
9 เดือนต่อมา ที่คาเฟ่เจระวี “ ยินดีด้วยนะครีม เรียนจบสักทีแบบนี้ก็แต่งงานได้แล้วสิ “ จีนเน่เดินเข้ามาทักครีมหอมซึ่งนั่งรออยู่กับเสี่ยโอมในห้องนั่งเล่นประจำของพวกเขาก่อนที่คนอื่นๆ จะเดินตามเข้ามา “ ครีมไม่รีบหรอกค่ะพี่จีน ความจริงยังไม่คิดอยากจะแต่งด้วยซ้ำ “ เสี่ยโอมถึงกับจ้องหน้าเมียด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เขาอุตส่าห์รอเธอมาตั้ง 3 ปีเลยนะ ทำไมถึงพูดแบบนี้ “ แล้วนี้ยัยเจ้าของร้านไปไหนแล้วล่ะ “ ไนยะเข้ามานั่งตรงข้ามเสี่ยโอม แล้วถามหาอีกคนที่ควรจะอยู่แต่ไม่อยู่ คนที่นั่งหน้ายุ่งงอนแฟนสาวอยู่จึงได้ตอบ “ วันนี้มันเข้าไปดูงานที่บริษัท บอกว่าตอนนี้กำลังจะออกมา “ ไนยะพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เสี่ยโอมพูด “ สงสารพี่เจนนะคะ ต้องเลี้ยงทั้งลูกต้องไปบริษัทให้อาเจตแถมยังต้องมาดูแลคาเฟ่อีก พี่เจนเป็นผู้หญิงที่โคตรแกร่งเลย “ ณิหลาเป็นคนพูดขึ้น ทุกคนที่ได้ฟังก็คิดแบบเดียวกับที่ณิหลาคิด “ อืม ครีมว่าถ้าวันไหนว่างครีมมาช่วยงานที่ร้านนี้ให้พี่เจนดีไหม ยังไงทุกวันนี้ครีมก็ยังไม่ได้ทำงานยู่แล้ว “ นางแบบคนสวยของเสี่ยโอมหันหน้าไปถามเขา เสี่ยเองก็มองเมียด้วยแววตานิ่งๆ เมื่อไหร่เธอจะรู้ตัวว่าเขางอนในส
โรงพยาบาล ร่างของพลอยเจนนั่งร้องไห้อยู่กับจีนเน่ ไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็รีบวิ่งเข้ามาหา “ เจน เจนลูก “ จ๊ะจ๋ารีบมานั่งข้างลูกสาวแล้วสวมกอดลูกของเธอเอาไว้ “ แม่ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ เจนยังไม่ทันได้คืนดีกับเขาเลยนะ ทำไมเขาถึงได้ทำแบบนี้ “ “ ไม่เอาสิเจน ไม่ร้องไห้นะลูก เจตต้องปลอดภัยสิเชื่อแม่ “ จ๊ะจ๋าพยายามจะปลอบใจลูกที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไม่มีแม้เสียง จีนเน่เองก็รีบยื่นมือมากุมมือเพื่อนไว้ “ ใช่เจน มึงตั้งสติก่อนนะ ไนมันเก่งมันต้องช่วยให้อาเจตคืนกลับมาหามึงกับลูกได้แน่ “ สักพักเสี่ยโอมกับหนึ่งเดียวก็วิ่งเข้ามาสมทบหลังจากไปจัดการจับนกน้อยส่งตำรวจ ในอ้อมแขนของเสี่ยโอมก็อุ้มหลานสาวตัวน้อยที่พลอยเจนฝากกับมุกดาไว้ที่ร้านมาด้วย ทารกน้อยก็กำลังร้องไห้เหมือนรับรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “ เอาน้องแจมมาให้พ่อนะลูก “ แสงรวีเดินเข้าไปอุ้มเอาหลานจากเสี่ยโอม เสี่ยจึงได้เดินมาหาเพื่อนรักของเขา “ ไม่เป็นอะไรนะเจน มึงอย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลเลย อาเจตต้องรอดกลับมา “ “ ใช่ มึงดูจากพวกกูสิทั้งโดนซ้อมโดนแทงโดนปืนเข้าโรงพยาบาลปางตายกันก็ยังกลับมาได้เลย กูเชื่อว่าอาเจตเองก็ต้องเข้มแข็งกลับมาอย
“ แง แอ “ พลอยเจนหาวนอนพยายามโอ๋ลูกนานแล้วแต่ทารกน้อยก็ไม่ยอมเงียบสักที เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว จนแม่แบบเธอที่เห็นก็สงสาร หญิงสาวหันไปมองจิรกิตติ์ซึ่งยื่นมือมาจับที่แขนของลูก ตัวเล็กกลับนิ่งแล้วค่อยๆ หยุดร้องไห้ “ ส่งลูกให้อาเถอะ แล้วเจนก็ไปนอนได้แล้ว “ พลอยเจนที่เห็นว่าลูกคงอยากจะให้พ่ออุ้มมากกว่าเธอ จึงยอมส่งลูกให้เขาเพราะคงไม่มีแม่คนไหมทนเห็นลูกร้องไห้ไม่หยุดแบบนี้ได้หรอก “ ลูกพ่อ ร้องไห้ทำไมครับ ทำแบบนี้ไม่ดีเลย คุณแม่เขาตกใจนะ “ เมื่อลงไปอยู่ในอ้อมแขนของพ่อ ลูกสาวก็เงียบไปนอกจากจะไม่ร้องไห้ยังยิ้มมีความสุขอีก ทำเอาพลอยเจนที่นั่งมองอยู่หมั่นไส้ เขาทำแบบนี้กะจะไม่ให้เธอพาลูกไปจากเขาได้ใช่มั้ย แล้วถ้าวันหนึ่งไม่มีเขาเธอจะต้องทำอย่างไรล่ะ เช้าของวันต่อมา เวลา 05:13น. พลอยเจนตื่นงัวเงียลุกขึ้น เธอมองซ้ายมองขวาก็เห็นว่าลูกสาวกำลังนอนอยู่ในเปลแต่พ่อของลูกเธอไม่รู้ว่าหายไปไหน “ ทำไม เจตต้องกลับไปหานกนะ! “ “ เสียงใคร “ พลอยเจนรู้สึกว่ามีเสียงโวยวายดังอยู่หน้าร้าน เธอจึงลุกแล้วเดินออกไปดู “ คุณกลับไปซะ เราจบกันไปตั้งนานแล้วนี่คุณยังจะกลับมาวุ่นวายอะไรอีก “ “ ไม่!นกไม่กลับ
“ เจน! เดี๋ยว!เจน “ จิรกิตติ์มาถึงร้านในตอนที่พลอยเจนกำลังจะปิดประตูพอดี เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาเอามือจับประตูไว้ “ มาทำไม “ เธอถามเขาเสียงแข็ง “ อาเป็นห่วง กลับไปนอนที่บ้านเราเถอะนะเจน นี่เจนเกลียดอาขนาดถึงขั้นพาลูกออกมานอนข้างนอกแบบนี้เลยเหรอ “ “ เจนไม่อยากเห็นหน้าคุณ เพราะเจนรู้สึกว่าสายตาของคุณไม่ได้มองเจนเป็นพลอยเจนอีกแล้ว แต่คุณมองเจนเป็นคนอื่น “ เจระวีตะคอกเสียงดังใส่หน้าเขา จนจิรกิตติ์ก็ได้แต่หงอยเหงา ที่โดนดุ “ เจน อารักเจนในแบบที่เจนเป็นนะ แล้วก็เป็นห่วงมากด้วย ฟังกันก่อนได้มั้ย “ “ ไม่ฟัง ถ้าเจนไม่บังเอิญไปหน้าเหมือนคนที่ชื่อพราว คุณก็จะรักเจนอย่างนั้นสิ “ คำถามนี้ทำเอาเขายืนเงียบอีกรอบ “ คุณก็ตอบเจนไม่ได้! “ มือเล็กดึงประตูสุดแรงเพื่อจะปิดมัน แต่เขาก็ยังดันไว้ “ แต่เจนก็คือเจนนะ ถ้าเจนไม่หน้าเหมือนพราวอาก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง แต่อาก็รักเด็กหัวดื้อคนนี้จนมาถึงตอนนี้แล้วไง เรามีลูกด้วยกันแล้วนะพลอยเจน “ หญิงสาวจ้องตาเขาแล้วแสยะยิ้ม “ หือ ปล่อย! “ มือของเธอออกแรงดึงประตูอีกรอบพลันยกขาขึ้นตีนถีบยอดอกของสามีจนเขาล้มหงายหลัง แล้วเธอจึงปิดประตูได้ “ เจน!
“ พี่เจน มุกกับพี่ชัยกลับก่อนนะคะ “ เมื่อถึงเวลาเลิกงานมุกดาก็เดินเข้ามาลาพลอยเจนในห้องพัก “ จ้ะ “ พลอยเจนที่กำลังนั่งจ้องลูกสาวหลับอยู่จึงได้เงยหน้าขึ้นหันไปพยักหน้าให้คนข้างนอก “ ว่าแต่พี่เจนจะกลับกี่โมงคะ มันจะดึกแล้วนะ “ มุกดาถามเธอมาด้วยความเป็นห่วง แต่พลอยเจนก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเธอยังไม่ทันได้คิดไว้ “ อีกสักแป๊บเนี้ยแหละ “ ถึงอย่างนั้นเธอก็ตอบส่งๆ ออกมาเพื่อไม่ให้มุกดาต้องห่วง มุกดาจึงส่งยิ้มตอบแล้วหันหลังไปเจอเข้ากับคุณจ๊ะจ๋า ที่กำลังเดินมาทางนี้ “ สวัสดีค่ะ “ มุกพนมมือไหว้ตามมารยาทจากนั้นจึงก้มหน้าแล้วเดินออกไป ส่วนจ๊ะจ๋าก็มุ่งหน้าเดินเข้ามาในห้องที่ลูกกับหลานสาวอยู่ “ แม่ “ พลอยเจนที่เห็นแม่เดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับเธอ ก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย ส่วนคนเป็นมารดาก็มองไปที่คนตัวน้อยที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับที่ลูกสาวนั่งอยู่ “ อาเจตบอกให้แม่มานี่เหรอคะ “ จ๊ะจ๋ารีบละสายตาจากหลานแล้วเงยหน้าขึ้นมองพลอยเจน “ แล้วเจนเป็นอะไรถึงได้หอบลูกหนีมาแบบนี้ล่ะ “ “ เจนว่าแม่คงจะรู้จากอาเจตแล้วนะคะ “ สองแม่ลูกจ้องตากัน พลอยเจนน้ำตาซึมเพราะเกิดอาการน้อยใจ ทั้งที่พ่อแม่ก็น