로그인อันลี่ซินมองภาพดอกเหมยที่พึ่งถูกชื่นชมจากเว่ยอ๋องเมื่อวานนี้มาที่ศาลาวาดภาพอีกครั้ง นางกางภาพออกมาเพื่อจะวาดต่อให้เสร็จ ไม่นานสาวใช้ก็เดินถือกล่องของขวัญมาหลายชิ้น
“คุณหนูเจ้าคะ เว่ยอ๋องส่งของขวัญมาให้เจ้าค่ะ”
“ของขวัญจากเว่ยอ๋องงั้นหรือ”
อันลี่ซินหันมาให้ความสนใจในทันที กล่องของขวัญหลายกล่องถูกวางเอาไว้พร้อมกับสาวใช้ที่จวนเว่ยอ๋อง
“ทั้งหมดนี้เป็นของขวัญที่ท่านอ๋องทรงมอบให้กับคุณหนูอันเจ้าค่ะ ท่านอ๋องทรงตรัสว่าเรื่องภาพวาดไม่ต้องรีบร้อน เพราะพระองค์อยากจะให้คุณหนูอันมีสมาธิ หวังว่าของขวัญที่มอบให้จะถูกใจคุณหนู ท่านอ๋องฝากจดหมายมากับข้าน้อยนำมามอบให้ท่านเจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามาก ลำบากแล้ว”
“เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวลาเจ้าค่ะ”
สาวใช้และคนที่ตำหนักท่านอ๋องเดินกลับออกไปแล้ว ลี่ซินจึงเริ่มเปิดกล่องของขวัญที่ท่านอ๋องทรงมอบให้ ทั้งหมดเป็นที่ฝนหมึกชั้นดี กระดาษและพู่กันอีกหลายขนาดซึ่งล้วนเป็นสิ่งของเลอค่าและหาได้ยาก
“คุณหนูเจ้าคะท่านอ๋องทรงใส่พระทัยท่านยิ่งนัก ถึงกับส่งพู่กันที่งดงามและเลอค่าชุดนี้มาให้ ท่านดูแท่นฝนหมึกอันนี้สิเจ้าคะ ยังมีแท่นอุ่นหมึกที่เข้าคู่กันด้วยยอดไปเลย”
ลี่ซินยิ้มให้กับของขวัญอันเลอค่านี้เมื่อนางค่อย ๆ ลูบนิ้ววาดผ่านปลายด้ามพู่กันที่ทำจากไม้หายากในกล่องหรูหรา กระดาษที่เลือกมาก็เป็นกระดาษชั้นดีแต่ที่ลี่ซินถือเอาไว้แน่นคือจดหมายที่สาวใช้พึ่งมอบให้
“เจ้ารีบนำไปเก็บเถอะ วันนี้ยังไม่วาดข้าจะไปพักผ่อนแล้ว”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
อาหรูรู้ใจคุณหนูของนางดีว่าคงจะรีบไปเปิดจดหมายของท่านอ๋องอ่านในห้อง ดังนั้นจึงไม่ไปรบกวนนางและจัดเก็บทุกอย่างให้ตามคำสั่ง
ห้องของลี่ซิน
“ข้าส่งมอบของที่เจ้าอาจจะได้ใช้มาให้ อยู่ที่ตำหนักข้ามิได้ใช้งานคงจะเป็นสิ่งที่น่าเสียดายหากว่าถูกวางทิ้งไว้เฉย ๆ หวังว่าเจ้าคงจะชอบและรับเอาไว้ ถือเป็นไมตรีจากข้า….”
“เว่ยซ่างเจวี๋ย”
ลี่ซินอ่านถ้อยคำในจดหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้นว่าข้อความนั้นจะสั้นเพียงไม่กี่ประโยค แต่กลับทำให้นางยิ้มได้ถึงสามวันจนวันที่สี่ที่นางออกมาที่ตลาดตามคำสั่งของท่านแม่เพื่อจะมาซื้อผ้าผืนใหม่สำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึง
“นาน ๆ จะได้ออกมาครั้งหนึ่ง ซินเอ๋อร์แม่ว่าเจ้าเองก็ต้องตัดชุดใหม่เสียหน่อยนะ”
“ท่านแม่ จะมีงานหรือเจ้าคะ”
“เด็กคนนี้ แม้นจะมีหรือไม่มีก็ต้องตัดเตรียมเอาไว้มิใช่หรือ อีกหน่อยเจ้าก็จะต้องเตรียมตัวออกเรือนแล้ว เรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์หมอนผ้าห่มอีกทั้งเรื่องในจวนทั้งหมดเจ้าก็ต้องเรียนรู้เอาไว้ ที่แม่พาเจ้าออกมาก็เพื่อให้รู้ว่าควรจัดหาซื้อสิ่งของที่ใดบ้าง มาเถอะมาเลือกผ้าสักพับหนึ่งเอาไว้ตัดเย็บผ้าห่มในหน้าหนาว อ้อจริงสิยังมีถุงมือและ…”
ลี่ซินเชื่อฟังฮูหยินและเดินตามมารดาอย่างว่าง่าย นางจดจำทุกอย่างได้จนหมดสิ้น แม้ว่าอันลี่ซินจะเป็นสตรีที่อยู่แต่ในจวนก็มิใช่ว่านางจะไม่มีความรู้ อีกอย่างสิ่งที่นางชื่นชอบมากที่สุดนั่นคือการฝึกอาวุธลับอย่างเข็มและยาพิษต่าง ๆ ที่อาจารย์ผู้สอนวิชาศาสตร์แห่งสมุนไพรเคยสอนนางเอาไว้เมื่อครั้งยังวัยเยาว์
“ผ้านี้งามนัก ลูกอยากได้เอาไว้…ปักถุงหอมเจ้าค่ะ”
“อืมนับว่างดงามไม่เลว เอาพับนี้ด้วยเอาทั้งสองสี อ้อ แล้วยังมีผ้าสำหรับคาดอก อันนั้นด้วย”
วันนี้นับว่าอันฮูหยินซื้อของไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ทั้งคู่เดินออกจากร้านขายผ้าและแวะที่ร้านเครื่องประทินโฉมเพื่อเลือกเครื่องประดับ ก็พบกับเฟิ่งฮูหยินและเฟิ่งถงหลินเข้าพอดี
“คารวะอันฮูหยิน วันนี้ท่านก็มาเลือกซื้อเครื่องประดับหรือเจ้าคะ”
“เฟิ่งฮูหยินบังเอิญจริง ใช่แล้วล่ะวันนี้ข้ามาเลือกเครื่องประดับชุดใหม่ให้กับซินเอ๋อร์สักหน่อยน่ะ”
“ข้าได้ข่าวว่าวันนี้มีเครื่องประดับชุดใหม่ พี่หญิงเหตุใดท่านจึงไม่ลองไปเลือกกับข้าทางโน้นเล่าเจ้าคะ ปล่อยให้สาว ๆ ยืนชมเครื่องประดับตรงนี้เถิดเจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์เดี๋ยวแม่มานะ”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
“เดี๋ยวแม่มานะ เจ้าก็ค่อย ๆ เลือกหากว่าชอบชิ้นไหนก็บอกเถ้าแก่”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
มารดาของนางถูกเฟิ่งฮูหยินพาไปแล้ว ลี่ซินที่ทักทายกับถงหลินไปก็เริ่มเลือกเครื่องประดับ เมื่อนางเอื้อมไปหยิบกำไลหยกสีแดงเฟิ่งถงหลินเองก็เอื้อมไปหยิบเช่นเดียวกัน
“อุ้ย น้องหญิงอันดูเหมือนว่าพวกเราจะใจตรงกันนะ ข้าเองก็ชอบหยกแดงชิ้นนั้นเช่นกัน”
“เช่นนั้นก็เชิญพี่หญิงก่อนเถิด ข้ามิได้นึกชื่นชอบมันสักเท่าใดเพียงแค่เห็นว่ามันแปลกตาจึงใคร่อยากจะหยิบดูก็เพียงเท่านั้น”
“เช่นนั้นเองหรือ ข้าต้องขออภัยที่เข้าใจผิด”
ลี่ซินยิ้มให้ก่อนจะหันไปเดินเลือกเครื่องประดับที่อื่น นางไม่นึกอยากสนทนาด้วยบุตรีแม่ทัพใหญ่ผู้นี้เท่าใดนัก แต่ก็มิวายที่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยนางและเดินตามมา
“ข้ายินดีกับน้องหญิงด้วยเรื่องราชโองการหมั้นหมาย”
“เช่นกัน ข้าเองก็ยินดีด้วย”
“น้องหญิงเหตุใดจึงทำเมินเฉยกับข้าเช่นนี้ หรือว่าเจ้ามิยินดีที่จะร่วมสนทนากับข้าหรอกหรือ”
“เอ่อ มิใช่เช่นนั้นพี่หญิงท่านคิดมากไปแล้ว”
“เช่นนั้นมานั่งดื่มชาไปและสนทนากันไป แล้วให้พวกนางเลือกเครื่องประดับมาให้ดีหรือไม่”
“เอ่อ...”
“มาเถอะ ข้าเองก็ใคร่อยากจะคุยกับเจ้ามานาน แล้วเพียงแต่ไม่เคยพบปะเจ้าสักเท่าใดนัก”
ดูเหมือนอันลี่ซินจะหาทางเลี่ยงมิได้เสียแล้วเมื่อเฟิ่งถงหลินดึงนางมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับสั่งชาในร้านขายเครื่องประดับนั้นมาวางตรงหน้า เดิมทีโต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญก็มีอยู่ด้านในนี้อยู่แล้ว พวกนางจึงมานั่งระหว่างรอเลือกสินค้า
“จริงสิ ข้าเองก็ใคร่รู้ว่าเหตุใดวันนั้นเจ้าจึงอยู่กับเว่ยอ๋องที่สวนเล่า”
เมื่อนั่งลงและอยู่ในห้องที่ลับตาคน เฟิ่งถงหลินก็เริ่มถามถึงเว่ยอ๋องทันทีตามที่นางคิด
“วันนั้นดูเหมือนว่าท่านอ๋องเกรงว่าข้าจะตกใจ จึงได้ชวนออกมาเพื่อเดินเล่นเท่านั้นพี่หญิงคิดมากไปแล้ว”
“งั้นหรือ แล้วเรื่องราชโองการนั่นตกลงเจ้ารับปากไปหรือไม่ เว่ยอ๋องเป็นแม่ทัพบูรพาที่ยิ่งใหญ่ หลายคนเกรงว่าเขาอาจจะก่อเรื่องที่ไม่สมควรขึ้นได้และหากเป็นเช่นนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอาจจะเดือดร้อนได้เจ้าคิดว่าเช่นไร”
พูดแล้วถงหลินก็ยกชาขึ้นมาจิบ ลี่ซินมองและลอบคิดในใจ นางคิดเอามิผิดว่าสตรีตระกูลแม่ทัพเช่นถงหลินย่อมต้องใคร่รู้เป็นแน่ว่านางรู้สึกเช่นไรกับท่านอ๋อง อีกอย่างหากนางมิได้มีใจชอบพอในตัวเว่ยอ๋องคงมิได้บังเอิญพบนางและมารดาที่นี่เป็นแน่
“เรื่องนั้นข้าเองก็มิทราบ ตัวข้าเป็นเพียงบุตรีของราชครูไม่รู้เรื่องในราชสำนัก และไม่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องที่มิใช่ธุระของสตรี ก็อย่างที่พี่หญิงทราบข้าสนใจเพียงการวาดภาพบทกวีและชีวิตที่สงบสุข การแต่งงานเป็นเรื่องที่บิดามารดาจัดสรรให้ อีกอย่างเรื่องนี้ก็กะทันหันอย่างที่ท่านมาว่าก็จริง แต่เว่ยอ๋องก็ทรงตรัสว่าขออย่าให้ข้าตกใจมากเกินไป จากนี้ก็ทำตัวตามสบายกับพระองค์เหมือนเดิมก็พอ”
“แค่นั้นหรือ!”
ลี่ซินยกชาขึ้นมาดื่มพร้อมกับลอบยิ้มเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกด้วยท่าทางอย่างชัดเจนว่าสนใจเรื่องของเว่ยอ๋องกับนาง ที่เรียกมานั่งดื่มชาที่นี่ก็เพียงอยากทราบว่าเว่ยอ๋องจะทรงเปลี่ยนพระทัยหรือไม่เท่านั้น
“เหตุใดพี่หญิงจึงตกใจเช่นนั้น คิดว่าเว่ยอ๋องจะปฏิเสธงานหมั้นกับข้า หรือท่านคิดว่าท่านอ๋องทรงมีสตรีในดวงใจแล้วจึงได้… ตกใจที่ท่านอ๋องมิได้ปฏิเสธและยกเลิกงานหมั้นหมาย”
ม่านรอบเตียงถูกดึงลงมาพร้อม ๆ กับชุดนอนของทั้งคู่ที่ถูกทอดทิ้งลงพื้นที่เย็นจัด มีเพียงเตียงอุ่นเท่านั้นที่ทั้งคู่ต้องการ ลิ้นขององค์ชายค่อย ๆ ไต่เลียไปที่หน้าท้องแบนราบ ฝ่ามือกอบกุมยอดปทุมที่อวบเต็มมือพร้อมบดขยี้เม็ดไตตรงยอดเรียกเสียงครางรับของพระชายา“อ๊าา ท่านพี่ ได้โปรด อ๊าา…”ลิ้นร้ายค่อย ๆ กระดิกรัวถี่ตรงหน้าปากถ้ำสวรรค์ น้ำหวานที่เริ่มไหลออกมาเพราะแรงกระตุ้นทำให้องค์รัชทายาทได้ใจที่จะดันลิ้นเข้าไปจนสุด นิ้วค่อย ๆ บดเม็ดทับทิมสีสดเร่งให้พระชายาอ้อนวอนขอถวายชีวิต“อ๊าา… ท่านพี่ ทนไม่ไหวแล้ว อ๊าา…อีกนิดเพคะ อ๊าา!!”ที่สุดก็ยังเป็นเขาที่รู้ใจนางมากที่สุด ร่างบางเอนแอ่นเกร็งขึ้นมาพร้อมกับเสียงครางที่ทำให้หัวใจสั่นไหว เขาต้องการนางมากที่สุดและไม่ว่าจะกี่วัน กี่ปีก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเมื่อเริ่มครอบครองนาง เขาก็เริ่มปลดปล่อยอารมณ์และความตึงเครียดเมื่อช่วงบ่ายออกมาได้จนหมด“อาา…ซินเอ๋อร์ของข้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”สะโพกสอบหนาเริ่มบดกระแทกเป็นจังหวะ แข่งกับเสียงร้องครางรับของพระชายา เตียงไม้ที่สั่งทำพิเศษทั้งใหญ่ หรูหราสามารถรับน้ำหนักของทั้งคู่ได้ดีและไม่ลั่นเสียงดังเหมือนเตียงเล็กในห้องท
สองเดือนถัดมา “มานี่เร็วฮ่าวเอ๋อร์คนเก่งของป้า ดูสิว่าวันนี้ป้ามีสิ่งใดมามอบให้เจ้า”“พี่หญิงเพียงแค่มาเยี่ยมข้าก็ดีใจแล้ว เหตุใดยังนำของเล่นมากมายมาอีก ลำบากท่านหอบหิ้วมา อีกอย่างตอนนี้ก็กำลังท้องอ่อน ๆ อยู่ ไม่ควรจะ…”“พอได้แล้วอันลี่ซิน เจ้านี่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ ยังเคร่งครัดกับอะไรพวกนี้อยู่อีก ข้ามิได้ยกมาเองเสียหน่อยอีกอย่างตั้งแต่ฮ่าวเอ๋อร์คลอด ข้าเองก็พึ่งจะได้มีโอกาสได้มาเห็นหน้าเขาก็ตอนนี้เอง ของเล่นพวกนี้ท่านพี่กับข้าเป็นคนเตรียมเพื่อมามอบให้หลาน เจ้าก็แค่รับไว้เฉย ๆ ก็พออย่าบ่นเลยน่า”“ก็ได้เจ้าค่ะ”สาวใช้ค่อย ๆ พยุงเฟิ่งถงหลินเดินมานั่งที่ศาลา โดยมีอาหรูรินน้ำชาให้นาง“วันนี้ห้องเครื่องทราบว่าฮูหยินจะมาที่ตำหนัก เลยเตรียมผลไม้เชื่อมเอาไว้ เดี๋ยวข้าจะไปยกมาให้ท่านนะเจ้าคะ”“อาหรูเจ้านี่ยอดเยี่ยมไปเลย ขอบใจมากนะ”เพียงแค่คิดถึงผลไม้เชื่อม เฟิ่งถงหลินก็น้ำลายสอขึ้นมาในทันทีตามประสาคนที่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ“ว่าแต่เหตุใดข้าไม่เห็นพี่ลู่มากับท่านด้วยเล่าเจ้าคะ”“หึหึ”ถงหลินจิบชาและค่อย ๆ วางลงพลางหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะหันไปตอบนางอีกครั้ง“ศิษย์พี่ของเจ้าน่ะอยู่สำนักหมอหลวง กำลัง
สองเดือนถัดมา / ตำหนักบูรพา“เร็ว ๆ เข้ารีบไปเอาน้ำอุ่นมาเพิ่ม”“เจ้าค่ะ”องค์รัชทายาทเร่งเดินทางกลับจากตำหนักกลาง หลังจากเสร็จสิ้นประชุมราชสำนัก ครั้งนี้ราชครูอันขอติดตามมาที่ตำหนักบูรพาด้วย เนื่องจากจางกงกงได้รีบไปแจ้งว่าพระชายาปวดท้องและเตรียมคลอด เมื่อองค์ชายมาถึงก็จะพุ่งตัวเข้าไปยังห้องทำคลอด เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของพระชายาอยู่ในนั้น“กรี๊ด!!”“ซินเอ๋อร์!”“เดี๋ยวก่อนองค์ชาย อย่าพึ่งพระทัยร้อน นางไม่เป็นอะไรหรอก”“แต่ว่าอาจารย์ เสียงของซินเอ๋อร์… ข้าอยากเข้าไปช่วยนาง”“ไม่ได้ เรื่องการคลอดเป็นเรื่องของสตรี หากพระองค์เสด็จเข้าไปเกรงว่านอกจากจะไม่ช่วยแล้ว จะทำให้ลี่ซินไม่มีสมาธิในการเบ่งด้วย พวกท่านนั่งรออยู่กับข้าตรงนี้แหละ”“องค์ชาย…”“ท่านพ่อข้าเป็นห่วงซินเอ๋อร์ นางไม่เคยร้องเสียงดังเช่นนี้มาก่อน ฟังแล้วเหมือนจะทรมานมาก ปัดโธ่เอ๊ย!”อาจารย์หลินฟู่ได้แต่ลอบยิ้มออกมา และยกชาขึ้นมาดื่มอย่างใจเย็น เขาตรวจร่างกายของลี่ซินและจับยามดูแล้ว นางคงจะคลอดในวันนี้เป็นแน่ เพียงแต่ครั้งนี้เป็นครรภ์แรกจึงตื่นเต้นและยังทำตัวไม่ถูก แต่เขามั่นใจว่าจะคลอดได้อย่างปลอดภัย“กรี๊ด!! ท่านพี่!”“
ทั้งสองคำนับให้กันและหันไปคำนับให้ราชครูอันและฮูหยิน โบสีแดงมงคลถูกนำมาให้ทั้งคู่ถือเดินออกจากจวนสกุลอัน เพื่อรับตัวเจ้าสาวเข้าไปทำพิธีในวังหลวง“ส่งตัวเจ้าสาว" ขบวนเจ้าสาวค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากจวนสกุลอันมุ่งหน้าเข้าวังหลวง เพื่อทำพิธีคำนับฟ้าดินที่ท้องพระโรงใหญ่ในวังหลวง “คำนับที่หนึ่ง กราบไหว้ฟ้าดินผู้ถือกำเนิดทุกสรรพชีวิต”“คำนับที่สอง คำนับบิดามารดาผู้ให้กำเนิด”“คำนับที่สาม คำนับกันและกัน จากนี้สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป”เมื่อพิธีการทั้งหมดเสร็จสิ้น องค์รัชทายาทก็พาพระชายาไปยังตำหนักบูรพาในทันที เนื่องจากพระชายาตั้งครรภ์และพึ่งเสร็จศึกแดนประจิม งานเลี้ยงจึงจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายห้องส่งตัวเจ้าสาวลี่ซินค่อย ๆ ลูบปลอกหมอนที่นางบรรจงปักด้วยตัวเองเมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งผ้าม่าน รวมไปถึงผ้าห่มนางล้วนตัดเย็บและปักด้วยตัวเอง เดิมทีคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ใช้งานเสีย แล้วหลังจากเกิดเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้นำมาใช้ ตอนนี้อายุครรภ์นางก็เข้าเดือนที่หกแล้ว การที่จะเดินไปที่ใดมักจะมีสาวใช้ล้อมหน้าล้อมหลังเฝ้าระวังเป็นอย่างดีจนรู้สึกอึดอัด มีเพี
เมื่อส่งเฟิ่งถงหลินแล้ว ลี่ซินจึงได้กลับเข้ามานั่งตรวจบัญชีต่อในห้องทรงงาน ไม่นานองค์รัชทายาทก็เสด็จกลับมาพร้อมกับบอกแผนการของกองทัพให้นางทราบ“เช่นนั้นก็หายห่วงได้เลย ข้าจะฝากเสบียงส่วนหนึ่งไปพร้อมกับสกุลเฟิ่งเพื่อให้พวกเขาอารักขา ครั้งนี้เสบียงจะได้ทันใช้งานและไม่ต้องรอเวลาส่งตามไป”“หมายความว่าอย่างไร นี่เจ้า…”“วันนี้พี่หญิงเฟิ่งมาพบข้าที่นี่ นางมาขอโทษเรื่องครั้งก่อนที่ใจร้อนมาเข้าเฝ้าทำให้พระองค์ต้องตัดสินใจออกศึกทั้ง ๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่ นางรู้สึกผิดหม่อมฉันจึงได้ให้สกุลเฟิ่งช่วยเหลือในการศึกครั้งนี้”“นี่พวกเจ้าไม่ได้ทะเลาะกันแล้วหรือ”“เหตุใดข้าจะต้องเสียเวลาไปทะเลาะกับว่าที่พี่สะใภ้ด้วยเล่าเพคะ”“พี่สะใภ้ เจ้าหมายถึงเฉินลู่งั้นหรือ”ลี่ซินรินน้ำชาและยกมาให้องค์รัชทายาทดื่มเพื่อดับกระหาย เมื่อเขายกชาขึ้นมาดื่มเสร็จ ก็ดึงตัวนางมานั่งตักและสูดกลิ่นหอมจากพวงแก้มเข้าไปสุดลมหายใจ“พระชายาของข้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่เจ้ากับเฟิ่งถงหลินร่วมใจกันทำการใหญ่เพื่อแผ่นดิน”“อย่าได้ดูถูกสตรีเช่นพวกหม่อมฉันสิเพคะ อีกอย่างกองทัพสกุลเฟิ่งของนางก็เป็นกำลังสำคัญของต้าซ่ง ใ
“เพราะสาเหตุนี้ พระองค์จึงตัดสินใจมอบหมายการศึกนี้ให้กับองค์ชายห้า ใช่หรือไม่เพคะ”“หลอกเจ้าไม่ได้จริง ๆ สินะ ข้ายอมรับว่าตอนนี้ทำใจให้สงบเพื่อนำทัพออกศึกไม่ได้ อีกอย่างน้องห้าก็ต้องรีบทำผลงานเพื่อให้ขุนนางและแม่ทัพนายกองของดินแดนประจิมเชื่อมั่น เพื่อจะได้ปกครองคนเหล่านั้นได้”“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ ครั้งนี้จะช่วยเหลือพวกพระองค์อย่างเต็มที่ มิให้ขาดตกบกพร่อง”“หากมีสิ่งใดที่จะให้ข้าช่วยเจ้าก็ต้องรีบบอก อย่าได้ทำเหมือนครั้งก่อนที่แอบนำทรัพย์สินส่วนตัวไปขาย ครั้งนี้เป็นศึกของดินแดนประจิม อย่าลืมว่าน้องห้ามีพระชายาเป็นบุตรีคหบดีที่มั่งคั่ง”“เพคะ”อันลี่ซินกลับมาอยู่ที่ตำหนักได้เกือบสิบวันแล้ว ตอนนี้นางเริ่มกลับมาทำหน้าที่ดูแลบัญชี และเริ่มจัดเก็บข้าวของบางอย่างเพื่อเตรียมตัวย้ายเข้าตำหนักบูรพา ซึ่งฝ่าบาทพึ่งประทานให้กับองค์รัชทายาท ช่วงบ่ายเฟิ่งถงหลินเดินมาพร้อมกับของหลายกล่องที่บ่าวไพร่ถือมาให้ เมื่อเห็นนางเดินเข้าประตูหน้าตำหนักมา เสิ่นหมัวมัวจึงรีบเดินมารับหน้าทันที“คุณหนูเฟิ่ง คือว่าวันนี้องค์รัชทายาทเข้าวังไปแล้วเจ้าค่ะ”“ข้ามิได้มาเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทของพวกเจ้าสักหน่อย”“เอ่อ







