LOGINเฟิ่งถงหลินตกใจไปเล็กน้อยแต่กิริยาที่ล่อกแล่กของนางมิอาจรอดพ้นสายตาของอันลี่ซินไปได้ เดิมทีคิดอยากจะหลอกถามแต่กลับถูกลี่ซินตีกลับจนนางแทบจะคิดหาคำพูดอื่นมาตอบมิได้
“คือข้าแค่ใคร่รู้เท่านั้น เพราะว่าเจ้ากับท่านอ๋องไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เหตุใด…”
“เรื่องการแต่งงานพ่อแม่เป็นผู้จัดหา อีกอย่างเรื่องการหมั้นหมายในครั้งนี้ทั่วทั้งต้าซ่งก็ทราบว่าเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท หากว่าพี่หญิงมีข้อสงสัย คงจะต้อง…. กราบทูลถามฝ่าบาทดีกว่านะเจ้าคะ"
“มิใช่เช่นนั้นน้องหญิงอย่าเข้าใจข้าผิด ข้าก็แค่ถามเจ้าเพราะด้วยความเป็นห่วงเห็นว่าเจ้าเองก็เป็นสตรีและอยู่แต่ในเรือน อาจจะยังมิทราบเรื่องของเว่ยอ๋องดีมากพอ พ่อข้าอยู่ในกองทัพและร่วมสู้ศึกกับเขามานับครั้งไม่ถ้วนดังนั้นจึงรู้จักท่านอ๋องดีกว่าเจ้า ข้าก็แค่อยากเตือนเจ้าในฐานะ… สหายเท่านั้น”
ลี่ซินวางจอกชาลงก่อนจะหันไปมองมารดาที่กำลังเลือกสินค้าอยู่อีกด้านหนึ่งของร้าน เมื่อหันมายิ้มให้คู่สนทนาตรงหน้าซึ่งกำลังพยายามหยั่งเชิงนางอยู่
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณพี่หญิงแล้ว ตัวข้านั้นมิได้มีปัญหาในเรื่องการหมั้นหมายแต่อย่างใด เพราะหากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็คงจะขัดพระประสงค์ของฮ่องเต้แล้ว หรือว่าพี่หญิงคิดว่าไม่จริง”
“ข้า! เอ่อ น้องหญิงกล่าวเกินไปแล้วข้าหรือจะกล้า”
“นั่นสิพี่หญิงเช่นนั้นเราก็อย่าได้คุยเรื่องนี้อีกเลย ข้าใคร่อยากจะไปเลือกเครื่องประดับสักชุด ท่านแม่บอกว่าคงต้องจัดเตรียมเอาไว้เผื่อว่าวันข้างหน้าอาจจะได้ใช้บ่อย ๆ ขอตัวก่อนแล้วพบกันใหม่”
“แล้ว แล้วพบกันใหม่”
ลี่ซินยิ้มและโค้งให้เฟิ่งถงหลินอย่างนอบน้อมและเดินเลี่ยงออกมาทันทีพร้อมกับเดินไปหามารดาที่ยืนเลือกอยู่
“อ้าวซินเอ๋อร์เลือกไม่ได้หรอกหรือ ไม่ถูกใจชิ้นไหนเลยงั้นหรือ”
“ไม่เจ้าค่ะ เครื่องประดับร้านนี้ไม่ถูกใจข้า คิดว่าคงจะมีร้านที่ดีกว่านี้เราไปกันเถิดเจ้าค่ะท่านแม่"
“อ้อ เช่นนั้นเฟิ่งฮูหยินข้าคงต้องขอตัวก่อนเอาไว้พบกันใหม่นะ”
"แล้วพบกันใหม่เจ้าค่ะ”
ลี่ซินคำนับให้เฟิ่งฮูหยินก่อนจะเดินออกมาจากร้าน นางมิได้พูดถึงเฟิ่งถงหลินให้มารดาฟัง เพียงแค่อยากออกมาจากร้านนั้นเท่านั้นเพื่อลดความอึดอัด สวนเครื่องประดับมิได้จำเป็นเร่งด่วนเพราะปกติก่อน ที่จะออกงานสำคัญมารดาของนางก็มักจะเรียกให้เถ้าแก่จากหอการค้านำไปให้เลือกที่จวนอยู่แล้ว
“ซินเอ๋อร์มีอะไรหรือ”
“เปล่าเจ้าค่ะข้าแค่กระหายน้ำ ท่านแม่พวกเราแวะดื่มชาสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน”
แต่เมื่อถึงโรงน้ำชา มารดาของนางก็ได้พบกับสหายที่พึ่งเดินทางกลับมาจากต่างเมืองดังนั้นจึงได้แวะไปสนทนาอีกห้องหนึ่ง เพราะมารดาของนางเองก็มิได้ออกมานอกจวนบ่อย ๆ เช่นกัน ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงนางและอาหรูที่นั่งจิบชามองดูผู้คนด้านนอกร้าน และไม่คิดว่าจะพบกับผู้ที่เหนือความคาดหมาย
“คุณหนูอัน ไม่คิดว่าจะพบเจ้าที่นี่”
“ถวายบังคมอวี้อ๋องเพคะ”
อวี้ตงหลานจะเอื้อมมือไปประคองแต่ลี่ซินนั้นถอยได้ทันการเขาถึงดึงมือกลับมาเช่นเดิม อวี้ตงหลานลืมนึกไปว่านางมิใช่สตรีทั่วไปแต่เป็นบุตรสาวขุนนางใหญ่ในราชสำนัก
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่งั้นหรืออันลี่ซิน”
“หม่อมฉันมาทำธุระกับท่านแม่ แวะดื่มชาเพียงจอกเดียวเท่านั้นบัดนี้ก็จวนบ่ายคล้อยแล้วคงไม่รบกวนช่วงเวลาสำคัญของท่านอ๋อง…”
“เดี๋ยวก่อนสิข้ายังมิทันได้เอ่ยอันใดเหตุใดเจ้าจะเดินหนีอีกแล้ว ไม่นั่งดื่มชากับข้าสักจอกก่อนแล้วค่อยไปหรือ พอเห็นข้าก็รีบเดินหนีเช่นนี้ข้ารู้สึกว่าเจ้ารังเกียจข้านะอันลี่ซิน”
“หม่อมฉันมิได้หมายความเช่นนั้น แต่ในตอนนี้ทั้งหม่อมฉันและท่านอ๋องไม่สมควรที่จะมานั่งดื่มชาตามลำพังมันไม่งามเท่าใดนัก หากมีผู้พบเห็นอาจจะนำไปนินทาลับหลังได้เพคะ”
“ไม่เห็นต้องสนใจสิ่งใด อ้อข้าลืมไปเพราะว่าเจ้าเป็นถึงว่าที่คู่หมั้นของน้องชายข้าสินะถึงได้กลัวนัก ไม่เอาน่าลี่ซินเจ้ายังมิได้หมั้นหมายกับเขาเลยนี่ เหตุใดจึงได้กลัวเว่ยซ่างเจวี๋ยขนาดนั้น”
“หม่อมฉันไม่สะดวกจริง ๆ เพคะ ขอทรงอภัย”
“แต่ข้า…”
“ลี่ซิน!”
เสียงหนึ่งที่เรียกชื่อนางจากด้านหลัง แม้ว่าอวี้ตงหลานจะไม่หันไปก็จดจำได้ดีว่าคือผู้ใด เขาค่อย ๆ หันมาและรับคำนับจากเว่ยซ่างเจวี๋ย
“พี่ใหญ่ ไม่คิดว่าจะพบท่านที่นี่บังเอิญจริง ท่านก็ชอบดื่มชาที่เหลาหรูอี้ด้วยงั้นหรือ”
“น้องรองเจ้าช่างมาได้จังหวะพอดีเลยนะ หรือว่าเจ้า…”
เมื่ออวี้อ๋องเอ่ยถาม เว่ยอ๋องก็ถือโอกาสเดินไปอยู่ข้าง ๆ อันลี่ซินและรู้สึกได้ทันทีว่าลี่ซินยืนตัวสั่นเพราะความกลัว เขาจึงค่อย ๆ ดึงตัวนางเข้ามาใกล้ นางตกใจจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ข้าไปหาลี่ซินที่จวนแต่สาวใช้บอกว่านางออกมาซื้อของกับท่านแม่ข้าก็เลยเร่งตามมา ตกลงว่าซื้อของครบแล้วหรือไม่”
“เอ่อ…”
เขากระชับอ้อมกอดเข้ามาเพื่อเป็นสัญญาณลี่ซินจึงได้รีบตอบรับและพยายามตั้งสติเพื่อพูดออกมาให้ปกติที่สุด
“ของที่ต้องจัดซื้อได้ครบเรียบร้อยแล้วเพคะ เหลือแค่ดื่มชาจอกนี้เสร็จก็จะกลับจวนแล้ว”
“พี่ใหญ่เช่นนั้นแล้วข้าขอตัวรับลี่ซินกลับจวนเลยพ่ะย่ะค่ะ ไม่รบกวนเวลาสุนทรีย์ของท่านแล้ว”
“น่าเสียดายจริง ๆ ที่มิได้ดื่มชากับเจ้า อันลี่ซินเช่นนั้นเอาไว้โอกาสหน้าเราค่อยมาดื่มชาด้วยกัน ดีหรือไม่”
ลี่ซินตัวสั่นแต่ก็พยายามตั้งสติเพราะมีเว่ยอ๋องอยู่ข้าง ๆ นางมิได้กลัวแต่รังเกียจกิริยาเช่นนี้ของอวี้อ๋องจนไม่อยากจะสนทนาพาทีกับเขาแม้แต่ประโยคเดียว ซ่างเจวี๋ยเห็นท่าทางของนางจึงรีบหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย
“ได้สิพี่ใหญ่ เอาไว้โอกาสหน้าข้ากับลี่ซินจะเชิญท่านมาร่วมดื่มชากับ "พวกเรา" แต่วันนี้ลี่ซินคงเหนื่อยมากแล้วข้าคงต้องขอตัวพานางกลับไปส่งที่จวนก่อน"
“เจ้าเหนื่อยหรอกหรือ ข้านึกว่าเจ้ารังเกียจข้าเสียอีกอันลี่ซิน”
อันลี่ซินตัดสินใจในช่วงเวลาสุดท้ายนี้เองที่จะเงยหน้าและเผชิญหน้ากับอวี้อ๋องที่เสียมารยาทกับนางไม่เลิก ตอนนี้ข้างกายนางมีเว่ยอ๋องอยู่จึงรู้สึกลดความกลัวลง
“ขออภัยเพคะอวี้อ๋อง หม่อมฉันเพียงแค่ไม่อยากให้พระองค์เป็นที่ครหาว่าแอบมาพบปะสตรีที่มิใช่คู่หมั้นเท่านั้นมิได้มีเจตนาอื่น อีกทั้งยังต้องให้เกียรติเว่ยอ๋องคู่หมั้นของหม่อมฉันจึงมิอาจตอบรับคำเชิญ ต้องขอประทานอภัยอีกครั้งเพคะ ท่านอ๋องหม่อมฉันอยากกลับจวนแล้วเพคะ”
“ได้สิ เช่นนั้นข้าจะพาไปส่ง”
ทั้งคู่หันมามองหน้าอวี้อ๋องอีกครั้งก่อนที่จะขอตัวลาและรีบเดินออกมานอกร้านทันที
“ช่างมาได้จังหวะเสียจริงนะ นี่ขนาดยังมิได้หมั้นหมายยังตามติดไม่ห่างเช่นนี้ น้องรองเอาใจใส่คู่หมั้นดีจริง ๆ ดูแล้วช่างเป็นคู่ที่น่าอิจฉายิ่งนัก”
เว่ยซ่างเจวี๋ยที่ประคองลี่ซินออกมาก็หันมองอวี้อ๋องก่อนจะยิ้มกลับไปให้โดยมิได้แสดงอาการโกรธแต่อย่างใด
“เป็นตามที่ท่านว่าพ่ะย่ะค่ะ คู่หมั้นของข้าทั้งคนข้าก็ต้องเป็นหน้าที่ที่ข้าต้องเอาใจใส่นางอยู่แล้ว จริงสิพี่ใหญ่ข้าได้ยินว่าแม่นางเฟิ่งเองก็มาซื้อเครื่องประดับอยู่ที่ร้านทางตะวันออกเผื่อท่านอยากจะตามไป "ดูแล" นางสักหน่อยในฐานะคู่หมั้นที่ดี ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"
ม่านรอบเตียงถูกดึงลงมาพร้อม ๆ กับชุดนอนของทั้งคู่ที่ถูกทอดทิ้งลงพื้นที่เย็นจัด มีเพียงเตียงอุ่นเท่านั้นที่ทั้งคู่ต้องการ ลิ้นขององค์ชายค่อย ๆ ไต่เลียไปที่หน้าท้องแบนราบ ฝ่ามือกอบกุมยอดปทุมที่อวบเต็มมือพร้อมบดขยี้เม็ดไตตรงยอดเรียกเสียงครางรับของพระชายา“อ๊าา ท่านพี่ ได้โปรด อ๊าา…”ลิ้นร้ายค่อย ๆ กระดิกรัวถี่ตรงหน้าปากถ้ำสวรรค์ น้ำหวานที่เริ่มไหลออกมาเพราะแรงกระตุ้นทำให้องค์รัชทายาทได้ใจที่จะดันลิ้นเข้าไปจนสุด นิ้วค่อย ๆ บดเม็ดทับทิมสีสดเร่งให้พระชายาอ้อนวอนขอถวายชีวิต“อ๊าา… ท่านพี่ ทนไม่ไหวแล้ว อ๊าา…อีกนิดเพคะ อ๊าา!!”ที่สุดก็ยังเป็นเขาที่รู้ใจนางมากที่สุด ร่างบางเอนแอ่นเกร็งขึ้นมาพร้อมกับเสียงครางที่ทำให้หัวใจสั่นไหว เขาต้องการนางมากที่สุดและไม่ว่าจะกี่วัน กี่ปีก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเมื่อเริ่มครอบครองนาง เขาก็เริ่มปลดปล่อยอารมณ์และความตึงเครียดเมื่อช่วงบ่ายออกมาได้จนหมด“อาา…ซินเอ๋อร์ของข้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”สะโพกสอบหนาเริ่มบดกระแทกเป็นจังหวะ แข่งกับเสียงร้องครางรับของพระชายา เตียงไม้ที่สั่งทำพิเศษทั้งใหญ่ หรูหราสามารถรับน้ำหนักของทั้งคู่ได้ดีและไม่ลั่นเสียงดังเหมือนเตียงเล็กในห้องท
สองเดือนถัดมา “มานี่เร็วฮ่าวเอ๋อร์คนเก่งของป้า ดูสิว่าวันนี้ป้ามีสิ่งใดมามอบให้เจ้า”“พี่หญิงเพียงแค่มาเยี่ยมข้าก็ดีใจแล้ว เหตุใดยังนำของเล่นมากมายมาอีก ลำบากท่านหอบหิ้วมา อีกอย่างตอนนี้ก็กำลังท้องอ่อน ๆ อยู่ ไม่ควรจะ…”“พอได้แล้วอันลี่ซิน เจ้านี่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ ยังเคร่งครัดกับอะไรพวกนี้อยู่อีก ข้ามิได้ยกมาเองเสียหน่อยอีกอย่างตั้งแต่ฮ่าวเอ๋อร์คลอด ข้าเองก็พึ่งจะได้มีโอกาสได้มาเห็นหน้าเขาก็ตอนนี้เอง ของเล่นพวกนี้ท่านพี่กับข้าเป็นคนเตรียมเพื่อมามอบให้หลาน เจ้าก็แค่รับไว้เฉย ๆ ก็พออย่าบ่นเลยน่า”“ก็ได้เจ้าค่ะ”สาวใช้ค่อย ๆ พยุงเฟิ่งถงหลินเดินมานั่งที่ศาลา โดยมีอาหรูรินน้ำชาให้นาง“วันนี้ห้องเครื่องทราบว่าฮูหยินจะมาที่ตำหนัก เลยเตรียมผลไม้เชื่อมเอาไว้ เดี๋ยวข้าจะไปยกมาให้ท่านนะเจ้าคะ”“อาหรูเจ้านี่ยอดเยี่ยมไปเลย ขอบใจมากนะ”เพียงแค่คิดถึงผลไม้เชื่อม เฟิ่งถงหลินก็น้ำลายสอขึ้นมาในทันทีตามประสาคนที่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ“ว่าแต่เหตุใดข้าไม่เห็นพี่ลู่มากับท่านด้วยเล่าเจ้าคะ”“หึหึ”ถงหลินจิบชาและค่อย ๆ วางลงพลางหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะหันไปตอบนางอีกครั้ง“ศิษย์พี่ของเจ้าน่ะอยู่สำนักหมอหลวง กำลัง
สองเดือนถัดมา / ตำหนักบูรพา“เร็ว ๆ เข้ารีบไปเอาน้ำอุ่นมาเพิ่ม”“เจ้าค่ะ”องค์รัชทายาทเร่งเดินทางกลับจากตำหนักกลาง หลังจากเสร็จสิ้นประชุมราชสำนัก ครั้งนี้ราชครูอันขอติดตามมาที่ตำหนักบูรพาด้วย เนื่องจากจางกงกงได้รีบไปแจ้งว่าพระชายาปวดท้องและเตรียมคลอด เมื่อองค์ชายมาถึงก็จะพุ่งตัวเข้าไปยังห้องทำคลอด เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของพระชายาอยู่ในนั้น“กรี๊ด!!”“ซินเอ๋อร์!”“เดี๋ยวก่อนองค์ชาย อย่าพึ่งพระทัยร้อน นางไม่เป็นอะไรหรอก”“แต่ว่าอาจารย์ เสียงของซินเอ๋อร์… ข้าอยากเข้าไปช่วยนาง”“ไม่ได้ เรื่องการคลอดเป็นเรื่องของสตรี หากพระองค์เสด็จเข้าไปเกรงว่านอกจากจะไม่ช่วยแล้ว จะทำให้ลี่ซินไม่มีสมาธิในการเบ่งด้วย พวกท่านนั่งรออยู่กับข้าตรงนี้แหละ”“องค์ชาย…”“ท่านพ่อข้าเป็นห่วงซินเอ๋อร์ นางไม่เคยร้องเสียงดังเช่นนี้มาก่อน ฟังแล้วเหมือนจะทรมานมาก ปัดโธ่เอ๊ย!”อาจารย์หลินฟู่ได้แต่ลอบยิ้มออกมา และยกชาขึ้นมาดื่มอย่างใจเย็น เขาตรวจร่างกายของลี่ซินและจับยามดูแล้ว นางคงจะคลอดในวันนี้เป็นแน่ เพียงแต่ครั้งนี้เป็นครรภ์แรกจึงตื่นเต้นและยังทำตัวไม่ถูก แต่เขามั่นใจว่าจะคลอดได้อย่างปลอดภัย“กรี๊ด!! ท่านพี่!”“
ทั้งสองคำนับให้กันและหันไปคำนับให้ราชครูอันและฮูหยิน โบสีแดงมงคลถูกนำมาให้ทั้งคู่ถือเดินออกจากจวนสกุลอัน เพื่อรับตัวเจ้าสาวเข้าไปทำพิธีในวังหลวง“ส่งตัวเจ้าสาว" ขบวนเจ้าสาวค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากจวนสกุลอันมุ่งหน้าเข้าวังหลวง เพื่อทำพิธีคำนับฟ้าดินที่ท้องพระโรงใหญ่ในวังหลวง “คำนับที่หนึ่ง กราบไหว้ฟ้าดินผู้ถือกำเนิดทุกสรรพชีวิต”“คำนับที่สอง คำนับบิดามารดาผู้ให้กำเนิด”“คำนับที่สาม คำนับกันและกัน จากนี้สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป”เมื่อพิธีการทั้งหมดเสร็จสิ้น องค์รัชทายาทก็พาพระชายาไปยังตำหนักบูรพาในทันที เนื่องจากพระชายาตั้งครรภ์และพึ่งเสร็จศึกแดนประจิม งานเลี้ยงจึงจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายห้องส่งตัวเจ้าสาวลี่ซินค่อย ๆ ลูบปลอกหมอนที่นางบรรจงปักด้วยตัวเองเมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งผ้าม่าน รวมไปถึงผ้าห่มนางล้วนตัดเย็บและปักด้วยตัวเอง เดิมทีคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ใช้งานเสีย แล้วหลังจากเกิดเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้นำมาใช้ ตอนนี้อายุครรภ์นางก็เข้าเดือนที่หกแล้ว การที่จะเดินไปที่ใดมักจะมีสาวใช้ล้อมหน้าล้อมหลังเฝ้าระวังเป็นอย่างดีจนรู้สึกอึดอัด มีเพี
เมื่อส่งเฟิ่งถงหลินแล้ว ลี่ซินจึงได้กลับเข้ามานั่งตรวจบัญชีต่อในห้องทรงงาน ไม่นานองค์รัชทายาทก็เสด็จกลับมาพร้อมกับบอกแผนการของกองทัพให้นางทราบ“เช่นนั้นก็หายห่วงได้เลย ข้าจะฝากเสบียงส่วนหนึ่งไปพร้อมกับสกุลเฟิ่งเพื่อให้พวกเขาอารักขา ครั้งนี้เสบียงจะได้ทันใช้งานและไม่ต้องรอเวลาส่งตามไป”“หมายความว่าอย่างไร นี่เจ้า…”“วันนี้พี่หญิงเฟิ่งมาพบข้าที่นี่ นางมาขอโทษเรื่องครั้งก่อนที่ใจร้อนมาเข้าเฝ้าทำให้พระองค์ต้องตัดสินใจออกศึกทั้ง ๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่ นางรู้สึกผิดหม่อมฉันจึงได้ให้สกุลเฟิ่งช่วยเหลือในการศึกครั้งนี้”“นี่พวกเจ้าไม่ได้ทะเลาะกันแล้วหรือ”“เหตุใดข้าจะต้องเสียเวลาไปทะเลาะกับว่าที่พี่สะใภ้ด้วยเล่าเพคะ”“พี่สะใภ้ เจ้าหมายถึงเฉินลู่งั้นหรือ”ลี่ซินรินน้ำชาและยกมาให้องค์รัชทายาทดื่มเพื่อดับกระหาย เมื่อเขายกชาขึ้นมาดื่มเสร็จ ก็ดึงตัวนางมานั่งตักและสูดกลิ่นหอมจากพวงแก้มเข้าไปสุดลมหายใจ“พระชายาของข้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่เจ้ากับเฟิ่งถงหลินร่วมใจกันทำการใหญ่เพื่อแผ่นดิน”“อย่าได้ดูถูกสตรีเช่นพวกหม่อมฉันสิเพคะ อีกอย่างกองทัพสกุลเฟิ่งของนางก็เป็นกำลังสำคัญของต้าซ่ง ใ
“เพราะสาเหตุนี้ พระองค์จึงตัดสินใจมอบหมายการศึกนี้ให้กับองค์ชายห้า ใช่หรือไม่เพคะ”“หลอกเจ้าไม่ได้จริง ๆ สินะ ข้ายอมรับว่าตอนนี้ทำใจให้สงบเพื่อนำทัพออกศึกไม่ได้ อีกอย่างน้องห้าก็ต้องรีบทำผลงานเพื่อให้ขุนนางและแม่ทัพนายกองของดินแดนประจิมเชื่อมั่น เพื่อจะได้ปกครองคนเหล่านั้นได้”“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ ครั้งนี้จะช่วยเหลือพวกพระองค์อย่างเต็มที่ มิให้ขาดตกบกพร่อง”“หากมีสิ่งใดที่จะให้ข้าช่วยเจ้าก็ต้องรีบบอก อย่าได้ทำเหมือนครั้งก่อนที่แอบนำทรัพย์สินส่วนตัวไปขาย ครั้งนี้เป็นศึกของดินแดนประจิม อย่าลืมว่าน้องห้ามีพระชายาเป็นบุตรีคหบดีที่มั่งคั่ง”“เพคะ”อันลี่ซินกลับมาอยู่ที่ตำหนักได้เกือบสิบวันแล้ว ตอนนี้นางเริ่มกลับมาทำหน้าที่ดูแลบัญชี และเริ่มจัดเก็บข้าวของบางอย่างเพื่อเตรียมตัวย้ายเข้าตำหนักบูรพา ซึ่งฝ่าบาทพึ่งประทานให้กับองค์รัชทายาท ช่วงบ่ายเฟิ่งถงหลินเดินมาพร้อมกับของหลายกล่องที่บ่าวไพร่ถือมาให้ เมื่อเห็นนางเดินเข้าประตูหน้าตำหนักมา เสิ่นหมัวมัวจึงรีบเดินมารับหน้าทันที“คุณหนูเฟิ่ง คือว่าวันนี้องค์รัชทายาทเข้าวังไปแล้วเจ้าค่ะ”“ข้ามิได้มาเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทของพวกเจ้าสักหน่อย”“เอ่อ







