LOGINหลังจากที่ดูจนแน่ใจแล้วว่าเกวลินหลับสนิทดี ภามก็ออกมาข้างนอกห้องนอนที่ให้หญิงสาวยึดครอง ส่วนตนเองนั้นกลับไปยังห้องทำงานหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่ในชุดอยู่บ้านแล้วเสร็จ ถึงวันนี้จะเป็นวันพักผ่อนของเขา ทว่าเอาเข้าจริงก็มีหลายเรื่องที่รองประธานกรรมการอย่างเขาต้องจัดการ
อีกไม่กี่ปีเขาจะต้องขึ้นเป็นผู้บริหารสูงสุด งานของเขาทุกวันนี้แทบจะไม่มีวันหยุด หลังจากส่งข้อความไปสั่งงานกับเลขาฯ ส่วนตัวแล้วเขาก็นั่งอยู่ในห้องทำงานนั้น พยายามทบทวนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป และข้อเสนออะไรที่เขาจะให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นการชดใช้ได้บ้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ถึงคีรีมาจะพยายามยืนยันว่าเกวลินเป็นคนดี เหมือนจะแย้มพรายกลายๆ ให้เขารับรู้ว่าเธอไม่เอาเปรียบใคร
แต่เขาไม่เชื่อหรอก
...ไม่เชื่อสักนิด
ผู้หญิงไว้ใจได้ที่ไหน ต่อให้ต่อหน้าดูซื่อแค่ไหน ทว่าสุดท้ายก็ไม่ต่างจากงูพิษที่แว้งกัดแล้วทำให้ชาวนาที่เก็บมาชุบเลี้ยงอย่างเขาต้องตาย
เขาเคยเกือบตาย และผ่านมาได้ ฉะนั้นไม่ว่ายังไงก็จะไม่ไว้วางใจอีกไม่ว่ากับใครหน้าไหนทั้งนั้น
สงสารเวทนาและรู้สึกผิดเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การแต่งงานนั้นเป็นอีกเรื่อง เขาโตเกินกว่าจะสนใจเรื่องรักใคร่ เขาได้บทเรียนและเรียนรู้แล้วว่าเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้นถึงจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนที่สุด
ในระหว่างนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมา มองหน้าจอจึงพบว่าผู้ที่ติดต่อมาคือชลวีนั่นเอง
“ว่าไง”
เขาทักปลายสาย ขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะกวนตีนเสียงแผ่วเบา ก่อนจะถามว่า
“คนไข้ของฉันเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ตื่น”
“นี่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแกจะทำแบบนั้นได้ เพิ่งรู้ว่าเมาแล้วหื่นมากนะเราน่ะ” คุณหมอหนุ่มจบประโยคนั้นด้วยเสียงหัวเราะ
“กวนตีน”
“แกรู้ไหมตอนแรกนี่ฉันเกือบไปแจ้งความแล้ว ดีที่รับสายของน้องสาวแกก่อนอะภาม”
“ก็รอให้เกวลินฟื้นแล้วรอดูสิว่าเด็กคนนี้จะแจ้งความไหม”
“พูดเหมือนอยากเข้าคุก”
“ฉันแค่จะรับผิดชอบ เขาจะเอายังไงก็ได้หมด ยกเว้นแต่งงาน”
“อย่างเหี้ย”
คุณหมอหนุ่มเอ่ยกึ่งเล่นกึ่งจริง แต่ภามรู้ดีว่าเพื่อนพูดจริงมากกว่าเล่น
เขากระตุกยิ้มมุมปาก ถ้าการไม่รับผิดชอบด้วยการแต่งงานคือเหี้ย โอเค งั้นก็เหี้ย ไม่เป็นไร
“แล้วจะโทรมาแค่นี้เหรอวะ”
ชายหนุ่มย้อนถามอย่างเบื่อหน่าย
ชลวีหัวเราะหึๆ “ฉันก็แค่เป็นห่วง”
“ห่วงอะไร”
“ห่วงคนไข้ฉันสิวะ ฉันเป็นหมอมีจรรยาบรรณนะเว้ย ไม่เหี้ยเหมือนใครบางคน”
“ไม่ต้องมาแซะ บอกแล้วว่าจะรับผิดชอบฉันก็จะทำ”
“ฉันรู้ว่าแกน่ะคิดแต่จะให้แค่เงินน่ะสิ” ปลายสายดักคออย่างรู้ทัน
“ถ้าเกวลินอยากได้เงินฉันก็ให้เงิน บอกแล้วไงว่าให้ทุกอย่าง”
“ฉันทีมน้องครีมไง ฉันจะคอยดูแก”
“...”
“เด็กน่ารักมากด้วย ฉันจะคอยดูว่าแกจะกลืนน้ำลายตัวเองไหม”
“แกไปนอนฝันกลางวันเอาเถอะไอ้หมาวี”
“อย่ามาเรียกฉันแบบเหี้ยๆ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองหน่อยเลยภาม”
ประโยคกลั้วหัวเราะนั้นคล้ายกับจะรู้ทัน แต่กลับทำให้ภามรู้สึกเหยียดหยันขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
รอยยิ้มร้ายกาจผุดพรายบนเรียวปากของภาม ก่อนที่เขาจะเน้นย้ำกับเพื่อนสนิทอย่างหนักแน่นว่า
“งั้นฉันก็จะบอกให้นายรู้ว่าฉันคงไม่มีวันกลืนน้ำลายตัวเอง”
“...”
“นายก็รู้จักฉันดีนะวี”
“...”
“ฉันเป็นคนเจ็บแล้วจำ ฉันไม่มีทางโง่พลาดท่าให้ผู้หญิงที่ไหนอีก!”
--------
เกวลินลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้ามาก ถึงจะยังรู้สึกหนักหัวและมีไข้ แต่อาการของเธอก็ดีกว่าก่อนหน้านั้นที่สลบไปต่อหน้าคนไม่รู้จักโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
หญิงสาวฝืนลืมตาที่หนักอึ้งของตนเองได้ในที่สุด และเมื่อกวาดตามองไปรอบๆ จึงพบว่าเธออยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย พอขยับตัวอาการเมื่อยล้าและเจ็บไปทั่วสรรพางก์กายก็ทำให้ความพยายามที่จะลุกขึ้นของเธอนั้นล้มเหลวสิ้นดี
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น และนั่นทำให้เกวลินหันไปมองต้นเสียง แล้วพลันตัวแข็งทื่อ ตกใจจนแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้ชายคนนั้น...
ผู้ชายคนที่บุกเข้ามาในห้องที่เธอนอนเมื่อคืนนี้!
“คุณ!”
เกวลินปากคอสั่นขึ้นมาทันที เธอพยายามจะลุกหนีแต่ไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าเล็กเหยเก หัวใจสั่นไหว เนื้อตัวสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่
“อย่าเข้ามานะ!”
หญิงสาวร้องห้าม ได้แต่คู้ตัวกอดเข่าแน่น แต่คนตรงหน้าไม่หยุด เขาเข้ามาใกล้ มือใหญ่ยื่นมาแตะตัวเธอ เกวลินถึงกับสะดุ้งเฮือกกับสัมผัสนั้นที่แตะต้องตัวเธอ
ทว่านอกจากจะไม่ฟัง มือใหญ่นั่นยังบังคับให้เธอเงยหน้ามองเขา ก่อนจะทาบฝ่ามือกับหน้าผากเล็กของเธอ
“ตัวยังอุ่นอยู่ ได้เวลากินยาพอดี”
เขาพูดขึ้นแล้วผละมือออกไป ขณะที่เกวลินได้แต่นั่งกัดปากตัวเองแน่น คนตรงหน้าพอหายเมาแล้วดูแตกต่างจากเมื่อคืนอย่างชัดเจน
ทว่าสิ่งที่ยืนยันว่าเป็นตัวเขาก็ยังคงเป็นการไม่ฟังใครเลย เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด!
“ฉันไม่กิน!”
หญิงสาวปฏิเสธ ไม่คิดจะยอมรับอะไรจากผู้ชายคนนี้ทั้งสิ้น เธอมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ อยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งแต่ต้องพยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้
ถ้าเธอยอมให้ตัวเองอ่อนแอ เธอก็ไม่รู้ว่าตอนไหนเธอจะลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ฉะนั้นเธอจะต้องไม่ร้องไห้
...อย่าร้องออกมาเด็ดขาดเลยเชียวนะ
“อย่าดื้อ”
เขาหันมามองเธอตาดุๆ
“...”
เกวลินเม้มปากแน่น ท่าทางดื้อดึงแสดงออกชัดเจนว่าจะไม่ฟังคำสั่งของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เธอ เขายื่นยาและแก้วน้ำส่งมาให้ เกวลินไม่มองและไม่รับ ทำเหมือนไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายพูด
“เธอจะกินด้วยมือตัวเอง หรือจะให้ฉันป้อนหือลิน”
การที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเธอถูกต้องทำให้เกวลินถึงกับตกใจ
ภามกระตุกยิ้มเมื่อหญิงสาวให้ความสนใจเขาหลังจากที่พยายามทำตัวแข็งขืนเฉยชา
“แล้วบอกไว้ก่อนว่าฉันจะป้อนด้วยปาก ไม่ใช่มือ”
เขาพูดยังไม่ทันจบดีด้วยซ้ำ มือเล็กขาวผ่องก็หยิบเอายาสองเม็ดในมือเขาและแก้วน้ำไปถือเองอย่างรวดเร็ว แล้วรีบตบยาเข้าปากทันทีพร้อมกับดื่มน้ำตามจนหมดแล้ว
ภามมองการกระทำของเด็กสาวแล้วส่ายหน้าไปมา
ไหนบอกว่าเป็นคนเรียบร้อยไม่ค่อยอะไรกับใครไง ยัยครีมท่าจะโดนหลอกแล้ว
นี่มันเด็กดื้อ...ดื้อตาใสชัดๆ เลย!
เขามองร่างเล็กผอมบาง ทว่าตนเองรู้ดีว่าเธอมีความเป็นผู้หญิงสูงมากแค่ไหน สิ่งที่ควรมีก็มีอย่างล้นเหลือเกินตัวนั่นแหละ
“ดีขึ้นไหม”
เขาตัดสินใจทรุดลงนั่งบนเตียง คนตัวเล็กกว่าขยับหนีแต่เขาไม่ยอมจึงยึดจับต้นแขนเล็กแน่น ทว่าไม่ได้ออกแรงบีบอะไรแต่ก็แน่นพอที่เธอจะหนีไม่ได้ เพราะยังเห็นชัดเจนอยู่ว่าตรงต้นแขนเธอที่เขาจับทับรอยเดิมนั้นมีรอยช้ำเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่
เธอสะดุ้ง ไม่ตอบอะไร ท่าทางทั้งไม่ไว้วางใจและพยศจัดนั้นทำให้ภามต้องขึงตาดุปราม
“ถามแล้วก็ตอบสิลิน ผู้ใหญ่พูดด้วยก็ต้องตอบเข้าใจไหม”
“ฉันอยากกลับบ้าน”
คนตัวเล็กกว่าเอ่ยปากพูดในที่สุด แต่ไม่ได้ตอบกลับสิ่งที่ภามถาม เธอทำท่าจะลุกหนีแต่ภามหงุดหงิดคนดื้อเสียจนผลักร่างเล็กจจนหงายหลังลงไปนอนบนเตียงกว้าง แล้วเขาก็ขยับขึ้นไปคร่อมเหนือร่างเล็ก กักเธอเอาไว้ด้วยตัวเขา
สองมือเล็กผลักอกเขาออย่างรวดเร็ว ภามรู้ฤทธิ์ของมือน้อยๆ คู่นี้ดีเพราะร่องรอยข่วนเป็นแผลเลือดไหลซิบบนแผงอกเขาตลอดจนแผ่นหลังของเขานั้นก็ฝีมือของมือน้อยคู่นี้ จึงจับยึดตรึงแน่นแนบลงบนฟูกใหญ่
คนดื้อดิ้นรน ดวงตากลมโตคู่หวานขึงดุใส่เขา แต่มันไม่ได้ดูน่ากลัว มันดูนน่ารักเหมือนแมวพยายามขู่
แล้วเขาเป็นคนแพ้แมว...
เขาเป็นทาสแมว เห็นแล้วอดไม่ได้ เห็นทีไรมันคันยุบยิบในหัวใจ
...อยากรังแก
“กลับบ้าน” เขาทวนคำคนดื้อเสียงสูงด้วยสีหน้าทั้งขบขันและเยาะหยัน “ลินยังอยากกลับไปให้โดนไอ้พ่อเลี้ยงนั่นมันข่มขืนเหรอ”
คำถามนั้นทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ แล้ววินาทีต่อมาดวงตาของเธอก็รื้นด้วยหยาดน้ำตาที่ห้ามไม่อยู่ ซึมชื้นเต็มสองหน่วยตา ภามเห็นชัดเจนทว่าไม่พูดอะไร
“ฉันจะอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความปลอดภัยหรอกค่ะ ในเมื่ออยู่ที่นี่ก็โดนไม่ต่างกัน!”
พูดจบน้ำตาเม็ดใสก็ร่วงรินจากดวงตาคู่งาม ใบหน้าเล็กแดงก่ำ และนั่นทำให้ภามได้แต่เม้มปากแน่นก่อนจะคลายมือออกทั้งสองข้าง เขาลุกจากตัวเด็กสาวแล้วดึงร่างเธอให้ตามขึ้นมาก่อนจะสวมกอดร่างเล็กเอาไว้แน่น
มือใหญ่ลูบแผ่นหลังเล็กแผ่วเบาเป็นการปลอบโยน ขณะที่คนตัวเล็กกว่าร้องไห้กับอกเขาเสียงดัง เธอพยายามดิ้นรนขัดขืน สองมือดึงรั้งเสื้อผ้าและจิกข่วนแผ่นหลังของเขาเพื่อให้เขาปล่อยเธอ แต่ภามกลับยิ่งกอดเธอแน่นมากขึ้นและยอมให้เธอทำร้ายเขาทั้งๆ ที่ไม่เคยยอมให้ใคร
“พี่ขอโทษ”
เขาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ยังกอดร่างเล็กแน่นและปลอบโยนเธอแม้ว่าเด็กสาวจะทำร้ายร่างกายของเขาก็ตาม แต่เขายอม ไม่ใช่เพราะเธอร้องไห้ แต่เพราะความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างเล็กจนเขาสัมผัสได้ต่างหากที่ทำให้ความโกรธเกรี้ยวที่โดนท้าทายก่อนหน้าจางลง ทั้งๆ ที่เขาไม่ชอบคนดื้อ ไม่ชอบคนขัดใจ
แต่เขายอมให้เธอดื้อและขัดใจเขา ยอมทุกอย่างเลย
“ไม่ต้องร้อง พี่จะรับผิดชอบทุกอย่าง”
“...”
“อะไรก็ได้ที่ลินต้องการ ทุกอย่างเลย จะจับพี่เข้าคุกก็ได้ ขอแค่บอกออกมาเท่านั้น”
“...”
“ยกเว้นแต่งงานที่พี่จะไม่ทำตามถ้าลินขอ”
ร่างเล็กไม่ตอบอะไร เธอร้องไห้เสียงดังเหมือนคนหัวใจสลาย ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดใดๆ ของเขาทั้งสิ้นและภามก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะเขาไม่ถนัดปลอบคนร้องไห้สักนิด
โดยเฉพาะคนที่ร้องไห้เพราะเขาเป็นสาเหตุ...
ปกติเขามักเดินหนี แต่คราวนี้เขาหนีไม่ได้ และเกวลินก็ไม่น่าไว้วางใจที่จะให้อยู่เพียงลำพังเพราะเขากลัวใจเธอ
คิดถึงเมื่อเช้าถ้าไม่ใช่ชลวีพากลับมา เธอจะหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ ดูท่าทางของเด็กสาวก็รู้ว่าการหนีปัญหาเป็นสิ่งที่เธอถนัดและทำมาตลอด
ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้เธอทำอย่างนั้น และเธอจะต้องยินยอมรับการชดใช้จากเขา ให้เขาหายรู้สึกผิดก่อนถึงจะไปได้
“พี่เอียน ทางนี้พร้อมหมดแล้วนะคะ”สริตาปรี่เข้ามาหาเขาในทันทีที่เห็นเขาโผล่ไปยังสวนหลังบ้านพัก ซึ่งติดกับชายหาดส่วนตัว ลมทะเลทำให้เส้นผมของน้องสะใภ้ที่เป็นหนึ่งในแม่งานปลิวไปมาจนหญิงสาวต้องใช้มือข้างหนึ่งจับรวบเอาไว้“ขอบใจมากนะซี”เอียนส่งยิ้มให้หญิงสาว ก่อนจะยกมือขยี้ผมของหญิงสาวอย่างเอ็นดู ทำให้สามีของสริตาโผล่แวบมาข้างกายเธอทันใด“อย่ารังแกเมียฉันสิเอียน”แอชตันแกล้งพูดเสียงต่ำ ขมวดคิ้วใส่พี่ชาย สริตาเลยได้แต่ส่ายหน้าให้สามีเป็นเชิงระอา แล้วเดินไปหาปาหนันกับเอเดรียนที่คอยดูแลเด็กๆ อยู่อีกทาง ปล่อยให้สองพี่น้องทางนี้ตบตีกันไปเอง“ใครจะไปรังแกเมียนายกันแอช รังแกนายไม่ดีกว่าหรือไง”ไม่พูดเปล่า คนเป็นพี่ชายก็ถองศอกใส่แอชตันซึ่งโก่งตัวหนีหลบทันแล้วหัวเราะดังลั่นจนกระทั่งเสียงหัวเราะซาลง ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นตบบ่าคนเป็นพี่ชาย พร้อมกับพูดกึ่งสัพยอกว่า“ถามจริงๆ ใครเป็นคนช่วยนายคิดทำเซอร์ไพรส์นี้หือเอียน บอกตามตรงว่าไม่อยากจะเชื่อว่านายคิดเอง”“ทำไม” เอียนย้อนถามเสียงต่ำ “นายอิจฉาที่คิดไม่ได้ล่ะสิ อย่างนี้แหละฉันถึงได้สงสารน้องซีว่ามีแกเป็นสามีเหมือนซวยไปสิบปี”“น้อยๆ หน่อยพี่ชาย ได้ทีเอา
‘ตื่นมาแล้วก็แต่งตัวด้วยชุดนี้รอนะ แล้วฉันจะมารับตอนเสร็จงานแล้ว จะรีบกลับมาจ้ะ - เอียน’ มธุรสามองข้อความที่สามีทิ้งไว้ให้ซึ่งติดอยู่ตรงหน้ากระจกตอนที่เขาลุกไปตั้งแต่เช้าเพื่อไปให้ทันนัดหมายเซ็นสัญญาซื้อขายโรงแรมที่ไหนสักแห่งซึ่งเธอก็จำไม่ได้ ช่วงเวลาที่เขาลุกไปนั้น จำได้แต่เลือนรางว่าอีกฝ่ายปลุกเธอขึ้นมาด้วยจูบแผ่วเบาแต่ช่างเรียกร้อง แต่เพราะเธอยังง่วงอยู่จึงได้แต่ตอบรับสัมผัสของเขาไปอย่างเรียบง่าย เสียงทุ้มนุ่มของเขาชิดอยู่ข้างหู เต็มไปด้วยความเสียดายและบังคับตนเองอย่างยิ่งยวดให้ลุกไปทำงาน สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้เธอซึ่งเหนื่อยและเพลียจากการเดินทางและการรบกับลูกชายวัยขวบกว่าๆ นอนต่อไปในที่สุด มธุรสาตื่นขึ้นมาตอนแปดโมงเช้า ซึ่งทำให้เธอตกใจค่อนข้างมาก เธอรีบล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว เมื่อออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่าลูกชายอยู่ในความดูแลของวาเนสซ่า คนของเอียนที่ดูแลเธอจนกะมาดูแลเอ็ดวินต่อ อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เธออย่างสดใสร่าเริง ขณะที่ลูกชายผู้ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับเด็กบนโต๊ะอาหารข้างๆ วาเนสซ่าและกำลังกินอาหารของแกอย่างร่าเริง ก็ยิ้มกว้างให้เธอเช่นกัน “มัม มัม!” เอ็ดวินเรียกเธอพร้อมกับ
“คุณเอียนอย่าแกล้งลูกอย่างนั้นสิคะ!”มธุรสาร้องห้ามคนเป็นสามีที่อุ้มลูกแล้วชูขึ้นเหนือศีรษะในสระว่ายใน ภายในบ้านพักตากอากาศของครอบครัวแอดดิสันที่ไมอามี่เธอเองเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก และเพิ่งรู้เกี่ยวกับธรรมเนียมปฏิบัติของสามหนุ่มแอดดิสันที่มักจะรวมตัวกันเสมอในวันเกิดของใครสักคน พวกเขายึดถือวันเหล่านั้นเป็นวันครอบครัว ตัดขาดจากทุกอย่างและอยู่ด้วยกันเฉพาะครอบครัวเท่านั้นแต่เดิมมีสมาชิกเพียงสามคน ทว่าตอนนี้สมาชิกเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เฉพาะครอบครัวของเอเดรียน แอดดิสันก็มีด้วยกันถึงห้าคนแล้ว ครอบครัวของแอชตันเองก็มีสมาชิกที่อายุไล่เลี่ยกับเอ็ดวินเพิ่มมาหนึ่งคน เป็นสาวน้อยแองเจล่าสุดน่ารัก และตัวเธอกับลูกชายที่เป็นสมาชิกใหม่ในปีนี้พร้อมกับวันเกิดของเอียน...“ลูกชอบออก ดูสิ แกหัวเราะสนุกสนานใหญ่เลย”เอียนพูดพร้อมกับยังคงหยอกล้อลูกชายอย่างสนุกสนาน หนุ่มๆ และเด็กชายแอรอนกับเด็กหญิงเอมิลี่ตอนนี้ต่างก็อยู่ในสระกันถ้วนหน้า มีเธอกับน้องซีอุ้มลูกเฝ้าริมสระ ส่วนพี่ปาหนันก็กำลังง่วนอยู่กับการปิ้งย่างทำอาหารเพียงลำพัง เธอจะเข้าไปช่วยแต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่ต้อง มธุรสาที่ถนัดสายของหวานมากกว่าขอ
“พวกนั้นมันข่าวขยะ!” เขาตอบโต้เสียงขุ่น “น้องซีก็บอกเธอแล้วนี่ว่าไม่ให้เธอสนใจข่าวพวกนั้นมากนัก แล้วเธอก็ควรจะรู้ว่าบ้านของแอชลีย์น่ะยังไงก็มีสื่อในกำมือเยอะมากอยู่แล้ว เธอสามารถใช้อิทธิพลของเธอปั้นข่าวขึ้นมาอยู่แล้ว และบอกเธอตรงนี้เลยว่าฉันไม่เคยมีอะไรกับแอชลีย์อีกเลยเลยตั้งแต่ฉันมีเธอ! อันที่จริงไม่เคยมีอะไรกับใครเลยด้วยซ้ำนอกจากเธอน่ะ! แค่เธอคนเดียวฉันก็คลั่งจะตายอยู่แล้ว ทำงานวันละสิบแปดชั่วโมงอย่างฉันจะไปมีเวลาที่ไหนไปหาผู้หญิงคนอื่นอีกล่ะ หัดคิดซะบ้างสิ!”มธุรสาหน้าจ๋อยในตอนแรกเพราะที่เอียนพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าแดงในตอนท้ายเพราะประโยคสุดห่ามของเจ้าชายจอมโหด เขามันหื่นน่ะเธอรู้ แต่ทำไมต้องพูดเน้นย้ำแล้วย้ำอีกด้วยนะ!“และเพราะข้อนี้ ฉันจึงไม่มีวันเป็นพ่อของเด็กในท้องแอชลีย์อย่างที่เธอเข้าใจเด็ดขาด! และเชื่อฉันเถอะ แอชลีย์น่ะไม่มีทางท้องในตอนนี้หรอก เพราะถึงท้องคนอย่างเธอที่เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวขนาดนั้นก็คงเอาเด็กออกอยู่ดี! ไม่ต้องมาค้านนะ!” เขาห้ามเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะโต้แย้ง “ทุกคนไม่ได้เหมือนกันหมด อย่าเอาการที่เธอรักลูกและยอมอุ้มท้องแกและคิดจะเลี้
“เธอคิดว่าฉันจะโง่ตอบตกลงเหรอรสา!”ทว่าหลังจากที่เงียบไปชั่วอึดใจ เอียนก็โพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าและแววตาเข้มจัด ความดุดันนั้นทำให้ความกล้าของมธุรสาแทบละลายหายไปในพริบตา หญิงสาวถึงกับถอยห่างจากชายหนุ่มสองสามก้าว ขณะที่เขาก็ประกาศต่อไปว่า“ฉันไม่คิดจะหย่าและยิ่งไม่มีความคิดที่จะยกลูกให้เธอไปด้วย!”“…”“ต่อให้เธออยากหย่ามากแค่ไหน สิ่งที่ทำได้ก็มีแต่ความอยากเท่านั้นแหละ รสา...มาถึงขั้นนี้แล้วยังคิดว่าฉันจะยอมปล่อยเธอไปอีกหรือไง”น้ำเสียงของเขาทั้งดุดันและข่มขู่ ทว่าน่าแปลก มธุรสาคิดว่าตัวเองอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ แต่เธอรับรู้ได้ว่ามีความเจ็บปวดเจืออยู่ในน้ำเสียงและแววตาของเขามันจะเป็นไปได้ยังไงกัน คนอย่างเอียน แอดดิสันนี่หรือจะเจ็บปวดเพราะเธอ!“คุณจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรคะ”หญิงสาวถามอย่างห้ามใจไม่อยู่ เอียนเลิกคิ้วขึ้นสูงทรมานตัวเอง?... ทรมานเรื่องอะไรกัน?!เรื่องเดียวที่เขาทรมานก็คือเรื่องที่เธอยังไม่เข้าใจเขาอีกนั่นแหละ จะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ!มธุรสามองสีหน้าสับสนและไม่เข้าใจอันสมจริงของเอียน แล้วก็ถอนหายใจออกมาราวกับว่ามันจะช่วยระบายความเจ็บปวดในอก แม้ว่าความเป็นจริงแล้วเธอกลับไม่รู้สึกอย
หลังจากที่ทะเลาะกับมธุรสา ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะเข้าหน้ากันไม่ติดเอาเสียเลย เอียนพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกำชับคนของเขาว่าห้ามไม่ให้เกวิน แมนนิ่งเข้ามาหามธุรสาได้อีก แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเขากับเธอก็ไม่ได้ดีขึ้นไปด้วยเลย มธุรสายังเย็นชากับเขาจนถึงสัปดาห์ต่อมา และเอียนก็ต้องกลับไปทำงานเนื่องจากไม่สามารถทิ้งงานไปได้มากกว่านี้แล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าเขาจะรอจนลูกอายุสามเดือนถึงจะเริ่มกลับไปทำงานอีกครั้ง แต่ความฝันก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้นแหละทว่านอกจากการกลับไปทำงานอย่างไม่สบายใจแล้ว มธุรสาก็มีท่าทีเฉยชากับเขามากยิ่งขึ้น เอียนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นเดียวกันว่าช่วงนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา ถึงได้ขยันเป็นข่าวซุบซิบบ่อยนัก จนสริตาน้องสะใภ้ถึงกับโทรศัพท์มาถามเขาด้วยตัวเอง แล้วสะกิดเตือนเขาว่าบางทีที่มธุรสากำลังเครียดอาจจะเป็นเพราะข่าวขยะพวกนี้ก็ได้ และเธอยังเตือนเขาว่าอย่าทำให้มธุรสาซึมเศร้าหลังคลอดเด็ดขาด การดูแลสุขภาพจิตของแม่หลังจากการคลอดนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกันเอียนเองก็อยากจะทำอย่างนั้น แต่งานที่รัดตัวไม่ได้เอื้ออำนวยให้เขาได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับมธุรสาเลย ช่ว







